บทที่ 68 อุทกภัยครั้งใหญ่ ep 1"ดูเหมือนว่าหมู่บ้านของท่านและพื้นที่บริเวณข้างเคียงจะประสบกับอุทกภัยครั้งใหญ่ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า"เสียงของไป่หลิงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ราวกับรับรู้ถึงพลังลึกลับบางอย่างส่งสัญญาณเตือนมาถึงมัน"อะไรนะ!" หยางซีซีรีบหันมามองไป่หลิง ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ"น้ำท่วมใหญ่หรือ!?"ไป่หลิงพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะกล่าวต่อ"ใช่… ข้าเห็นภาพน้ำที่ไหลบ่ามาจากภูเขา น้ำป่าเหล่านั้นจะท่วมเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ราวกับพญามัจจุราชที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างในเส้นทางของมัน กระแสน้ำมืดดำและเชี่ยวกรากพัดพาเอาทั้งดินหินและต้นไม้ใหญ่เข้ามาด้วย หมู่บ้านของท่านรวมถึงหมู่บ้านใกล้เคียงอาจจะถูกกลืนหายไปในกระแสน้ำ ชีวิต ทรัพย์ทั้งหมด สูญสลายไปกับสายน้ำ"หยางซีซีเงียบไปชั่วครู่ ความคิดต่างๆ เริ่มผุดขึ้นในหัวของเธอ ภัยพิบัติที่จะมาถึงนี้เป็นเรื่องใหญ่ และหากไม่รีบทำอะไร ทุกคนในหมู่บ้านจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล "ข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่ยอมเชื่อข้า หากว่าบอกว่าจะมีฝนตกหนักจนน้ำท่วม เพราะว่าตอนนี้อากาศมันก็แห้งแล้งมากฝนไม่ตกมานานแล้วนะ?"เพร
บทที่ 69 อุทกภัยครั้งใหญ่ ep 2ขณะเดียวกันที่หมู่บ้านชุนหลิง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าของคุณแม่หยาง ชาวบ้านไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับอุทกภัยเพราะหัวหน้าหมู่บ้านไม่ยอมเชื่อคำเตือนของหัวหน้าหมู่บ้านหลีฮวา เมื่อสายน้ำป่าไหลทะลักลงมาด้วยความรุนแรง ชาวบ้านชุนหลิงต่างก็ตื่นตะหนกสุดขีด"น้ำมาแล้ว! น้ำมาแล้ว!"“กรีด!!! ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”“ดึงฉันไว้ที ช่วยด้วย กรีด!!” เสียงกรีดร้องตะโกนขอความช่วยเหลือของชาวบ้านดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน เสียงนั้นทำให้ผู้คนในหมู่บ้านต่างวิ่งออกมาดูด้วยความตกใจ หลายคนยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นสายน้ำที่ไหลมาอย่างไม่หยุดยั้งและรุนแรงราวกับมังกรตัวใหญ่ที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า"เราจะทำยังไงดี! ต้องพาครอบครัวหนี! หนีเร็วพวกเรา หนีออกมาจากบ้านเร็วเข้า" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนด้วยความร้อนรน ขณะที่บางคนพยายามหอบเอาทรัพย์สินส่วนตัวติดตัวมาด้วย"แม่! แม่! ช่วยฉันด้วย!" เด็กสาวคนหนึ่งร้องไห้ด้วยความกลัว ขณะที่แม่ของเธอพยายามจับมือเธอและลากไปยังที่สูง"อย่าทิ้งฉัน! ฉันไม่อยากตาย!" หญิงชราคนหนึ่งร้องออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ ขณะที่เพื่อนบ้านบางคนพยายามดึงตัวเ
บทที่ 70 ความเสียหายที่ถูกทิ้งเอาไว้แสงแดดยามเช้าทอแสงลงมายังหมู่บ้านหลี่ฮวา เมื่อหมอกจางลงและน้ำลดลงไปทีละน้อย ความเสียหายที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังกลายเป็นภาพที่ปวดใจ บ้านเรือนที่เคยตั้งอยู่เรียงรายกันอย่างสงบเงียบตอนนี้กลายเป็นเศษซากที่พังทลาย ไม่มีใครคาดคิดว่าน้ำป่าที่โหมกระหน่ำจะทำให้หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของชาวบ้านกลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังในเวลาเพียงข้ามคืน อาฉิงยืนมองบ้านของตัวเองที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่เสาคานที่ถูกน้ำพัดจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ดวงตาของเธอเริ่มพร่ามัวด้วยน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างไม่อาจหยุดได้ เสียงของเด็กเล็กๆ ที่ร้องไห้ตามหาพ่อแม่ดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ เสียงนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ทุกคนในหมู่บ้านกำลังเผชิญ"ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเรา" เสียงของอาเฉิน ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอเอ่ยขึ้นเบาๆ เขามองไปรอบๆ ด้วยแววตาเศร้าเหมือนกับที่อาฉิงรู้สึก อาเฉินเป็นเพื่อนบ้านของเธอที่บ้านถูกน้ำพัดพังไปไม่ต่างกัน พวกเรามีความรู้สึกร่วมกัน นั่นคือความสูญเสียที่ยากจะหาคำมาอธิบายได้"เราต้องทำยังไงต่อไป" อาฉิงถามเบาๆ แม้จะรู้ว่าคำตอบมันย
บทที่ 71 ความขัดแย้งในยามเช้าที่แสงแดดอ่อนๆ ทอแสงลงมายังหมู่บ้านหลี่ฮวา หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเศษซากของบ้านเรือนที่เคยตั้งอยู่ บรรยากาศที่เคยอบอุ่นกลับกลายเป็นภาพแห่งความสิ้นหวังและความเจ็บปวด การฟื้นฟูเริ่มต้นขึ้นทีละเล็กทีละน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความยากลำบาก ชาวบ้านที่เหลืออยู่เริ่มแยกย้ายกันกลับไปยังบ้านที่พังทลาย เพื่อสำรวจความเสียหายและค้นหาสิ่งของที่ยังพอเหลืออยู่บ้างแต่ท่ามกลางความร่วมมือที่ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี ความขัดแย้งก็เริ่มเกิดขึ้น ชาวบ้านบางคนยังคงโกรธเคืองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนโทษว่าคำเตือนจากหัวหน้าหมู่บ้านมาช้าเกินไป ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาเตรียมตัว และสูญเสียบ้านเรือนและทรัพย์สินไปมากมาย บางคนยืนกรานว่าหากได้รับการแจ้งเตือนที่เร็วกว่านี้ พวกเขาคงไม่ต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ขนาดนี้"ถ้าเราได้รับการเตือนเร็วกว่านี้ ฉันคงจะเก็บข้าวของทัน และบ้านฉันคงไม่ต้องพังทลายแบบนี้!" ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ น้ำเสียงของเขาก้องกังวานในที่ประชุมชาวบ้านที่กำลังวางแผนการฟื้นฟู"ฉันก็คิดเช่นนั้น" หญิงวัยกลางคนอีกคนเสริม "พวกเราสูญเสียมากเกินไป และมันเ
บทที่ 72 สอบเกาเข่าวันเวลาผ่านไปไวราวกับสายลมพัด ในที่สุดมหาวิทยาลัยก็ประกาศวันที่จะสอบเกาเข่าออกมา นักศึกษาที่ถูกส่งไปใช้แรงงานในชนบทต่างก็ตื่นเต้นเมื่อได้ทราบข่าวนี้ พวกเขามีโอกาสที่จะกลับบ้านและได้ทบทวนบทเรียนเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบครั้งสำคัญ ทุกคนต่างตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือเท่าที่จะหามาได้ แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากก็ตาม การสอบครั้งนี้ไม่ได้เข้มงวดมากเพราะทางมหาวิทยาลัยต้องการให้นักศึกษากลับไปเรียนให้มากที่สุดเพื่อจะฟื้นฟูด้านการศึกษาก่อน ดังนั้นแม้แต่คนที่แต่งงานแล้วหรือมีลูกก็สามารถเข้าร่วมสอบได้หากต้องการ การได้รับโอกาสนี้ทำให้หลายคนรู้สึกว่าพวกเขายังมีโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิตและอนาคตของตนเองสำหรับครอบครัวหยางคนที่เข้าสอบในครั้งนี้มี หยางซีซีที่อยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์เซี้ยงไฮ้ หานหรูอี้ที่อยากจะเรียนด้านการบริหาร และหยางไป่หลงที่อยากจะเข้ามหาวิทยาลัยชิงหัว หยางซีซีรู้ดีว่าการสอบเกาเข่าเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมากสำหรับพวกเขา มันเป็นสิ่งที่จะกำหนดอนาคตของเด็กๆ เหล่านี้ หากพวกเขาทำได้ดี พวกเขาจะมีโอกาสเข้าสู่มหาวิทยาลัยดีๆ และมีอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นที่หน้าลานกว้าง
บทที่ 73 ลอบสังหารหยางเฟยหลงกลับเข้ากรมทหารหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่หมู่บ้านหลี่ฮวา เขาเริ่มทำงานประจำของเขาเช่นเดิม หน้าที่ของเขาคือการดูแลความปลอดภัยและการฝึกฝนทหารในกรม รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่พิเศษตามคำสั่งที่ได้รับจากผู้บังคับบัญชา หยางเฟยหลงรู้สึกว่าชีวิตทหารกลับมาสู่สภาพปกติ และเขายินดีที่ได้ทำงานที่เขารักอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบนี้ไม่นานก็ถูกทดสอบด้วยสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเช้าวันหนึ่ง ขณะที่หยางเฟยหลงกำลังฝึกทหารหน่วยหนึ่งในสนามฝึก เขาได้รับข่าวด่วนจากหัวหน้ากรม นายพลเซี่ยจง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพ กำลังเผชิญกับการถูกลอบสังหาร ขณะกำลังจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสำคัญกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ข่าวนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคนในกรมทหาร เพราะนายพลเซี่ยจงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในด้านการวางแผนและยุทธศาสตร์ของกองทัพ การสูญเสียเขาจะเป็นความสูญเสียที่ใหญ่หลวงต่อประเทศเมื่อข่าวถูกส่งต่อไปยังหัวหน้าหน่วยเฉินซึ่งเป็นหัวหน้าของหยางเฟยหลง เขานั้นเรียกหาหยางเฟยหลงทันทีเพราะทราบถึงฝืมือที่ฉกาจของเขา"พลทหารหยางเฟยหลง งานครั้งนี้อันตรายมากคนที่กำลังล้อมนายพลเซี
บทที่ 74 สืบหาความจริงหลังการที่ได้เลือนตำแหน่งหยางเฟยหลงและถูกย้ายไปยังหน่วยของนายพลเซี่ยจง นายพลอันดับที่หนึ่งของประเทศที่ดูแลด้านกลาโหม ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญในการรักษาความมั่นคงของชาติ การเลื่อนตำแหน่งและการย้ายหน่วยครั้งนี้ทำให้หยางเฟยหลงต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ไม่เพียงแต่ภาระหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่เขายังต้องพิสูจน์ตัวเองให้เหล่านายทหารรุ่นเก่า รุ่นเก๋า ที่ไม่พอใจที่เขาข้ามหน้าข้ามตาได้เห็นถึงความสามารถของเขาทุกวัน หยางเฟยหลงแทบจะต้องลงแรงโชว์ฝีมือจัดการเหล่าลูกน้องคนสนิทของนายทหารรุ่นเก๋าที่ถูกส่งมาทดสอบฝีมือเขา และเมื่อเวลาผ่านไป บรรดานายทหารที่เคยเป็นคู่ท้าทายต่างก็เริ่มยอมรับในฝีมือของเขา จนตอนนี้หยางเฟยหลงได้กลายเป็น 'ลูกพี่' ของพวกเขาไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะพยายามสู้ยังไง หรือแม้กระทั่งรวมพลังกัน ก็ไม่สามารถล้มพี่ใหญ่หยางลงได้เลยสักครั้ง พวกเขาจึงได้ยอมรับในความแข็งแกร่งของพี่ใหญ่หยางแห่งกองทัพปักกิ่งกันทุกคน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นายพลเซี่ยจงที่ไปคว้าของดีมาได้นั้นดีอกดีใจมาก เขานั้นมักจะทำหน้าบานและคุยโม้ไปแปดตลบไม่ซ้ำ เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าเพื่อนนายพลด้วยกันเพราะลูกน้อง
บทที่ 75 มหาวิทยาลัยแพทย์เซี่ยงไฮ้ในขณะที่หยางเฟยหลงกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาความจริงว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังการก่ออาชญากรรมมากมายที่เมืองหลวงหยางซีซีได้รับการตอบรับเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอเลือกเรียนเพราะว่าใกล้บ้าน ในตอนแรกนั้นทางมหาวิทยาลัยชิงหัวได้ส่งอาจารย์มาเพื่อเชิญให้เธอเข้าเรียนที่นั่น แต่หยางซีซีและหานหรูอี้ปฏิเสธไป ทำให้พวกเขาเสียดายมาก ต่างจากอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแพทย์เซี่ยงไฮ้ที่ดีใจมากเมื่อทราบว่าอันดับที่สองและห้าจากการสอบเลือกเรียนกับพวกเขา อาจารย์เหล่านั้นถึงกับรอรับในวันที่เปิดเรียน หยางซีซีก็ได้เตรียมตัวที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์เซี่ยงไฮ้ โดยที่เธอและหานหรูอี้นั้นได้หาซื้อบ้านพักที่อยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยแพทย์เซี่ยงไฮ้ โดยได้ขอไม่เข้าไปพักที่ห้องพักที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้วันแรกที่ก้าวเท้าเข้าสู่มหาวิทยาลัย หยางซีซีรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของสถานที่ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องหยุดหันมามองกลับไม่ใช่เพียงแค่ตัวมหาวิทยาลัยที่โดดเด่น แต่เป็นตัวเธอเอง หยางซีซีก้าวเท้าเข้ามาด้วยความสง่างาม ดวงตาคมกริบของเธอจับจ้องไปข้างหน้า ราวกับ
บทสุดท้าย : ฝาแฝดหงส์มังกร / การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายวันเวลาผ่านไปหลายเดือนจนกระทั่งครรภ์ของหยางซีซีนั้นตั้งครรภ์ครบเก้าเดือน ครอบครัวหยางก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์สำคัญของตระกูล พวกเขาจองห้องพิเศษที่โรงพยาบาลเอาไว้และหยางซีซีก็เข้าพักทันทีในวันคลอด หยางซีซีต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างหนักในห้องคลอด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเธอทำให้หยางเฟยหลงที่ยืนรออยู่หน้าห้องคลอดเป็นกังวลจนเดินไปมาไม่หยุด เขามองไปยังประตูห้องคลอดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความกดดัน จนคุณพ่อหยางที่มีประสบการณ์มาหลายครั้งต้องตบบ่าเขาเบา ๆ และพูดขึ้นว่า"หยุดเดินไปมาได้แล้วเจ้าสาม พ่อเริ่มเวียนหัวเพราะตามดูเรานี่ล่ะ"หยางเฟยหลงถอนหายใจยาว พยายามสงบสติอารมณ์ แต่ความกังวลในใจยังคงไม่ลดลง เขาภาวนาให้ภรรยาและลูกน้อยปลอดภัย ในขณะที่เสียงร้องของหยางซีซีดังลอดออกมา เขายิ่งรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปช้าเหลือเกินและแล้วเมื่อเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง เสียงร้องของทารกดังขึ้นมาจากภายในห้องคลอด"อุแว้ อุแว้ อุแว้!!"เสียงดังลั่นห้องไปหมดเหมือนกับว่าพวกเขาไม่พอใจที่ถูกแม่เบ่งออกมาให้พบเจอกับโลกใหม่ หยางเฟยหลงรู้สึกเห
ตอนพิเศษ 2 ดร.หยางไป่หลงในวันที่อากาศสดใสวันหนึ่ง ดร.หยางไป่หลงกำลังยืนอยู่หน้าชั้นเรียน สอนนักศึกษาเกี่ยวกับแนวคิดการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ เขามีท่าทีที่เป็นมิตรและเป็นกันเอง แต่ว่าขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความตั้งใจในการสอน หลังจบชั้นเรียน เขาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ เมื่อหันไปมองก็พบหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตู เธอมีใบหน้าสวยงามคิ้วโค้งเรียว ดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความมั่นใจ ตามประสาลูกสาวคนเล็กของคนรวยและมีอำนาจ เธอคือเซี่ยจื่อหานลูกสาวของนายพลเซี่ยและเป็นอาจารย์ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งในมหาวิทยาลัยชิงหัวเช่นกัน“ดร. หยางใช่ไหมคะ? ฉันเซี่ยจื่อหานเพิ่งมาร่วมงานที่นี่ เห็นได้ยินมาว่าคุณกำลังพัฒนาโครงการทดลองด้านปัญญาประดิษฐ์ ฉันเองก็สนใจงานวิจัยนี้เหมือนกัน”เซี่ยจื่อหานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอมองไปที่ชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่ความหล่อของเขานั้นเหมือนจะไม่ใช่ของจริงที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเธอ พลางถอนหายใจและคิดว่า …ไม่รู้ว่าจะหล่อไปทำไมหนักหนามาสอนเด็กสาวพวกนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไรกันหยางไป่หลงหันมองเธอพร้อมกับยิ้มเล็กๆ“ใช่ครับ ผมก
ตอนพิเศษ 1 หยางไป่หลง อัจฉริยะในรอบ 100 ปี หลังจากที่หยางไป่หลงได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน เขาได้สร้างชื่อเสียงในวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ไม่เพียงแค่มีผลการเรียนที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถเฉพาะตัวที่หายาก นั่นก็คือความจำแบบภาพถ่าย ทุกสิ่งที่เขาได้เห็นผ่านตา ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนทางวิชาการหรือภาพที่ซับซ้อน เขาก็สามารถจดจำได้ทั้งหมด นี่ทำให้หยางไป่หลงมีความได้เปรียบในการศึกษาและการทำงานวิจัยอย่างมากความสามารถในการจดจำของหยางไป่หลงทำให้เขาได้รับความสนใจจากอาจารย์และนักวิจัยหลายคน พวกเขาต่างเห็นศักยภาพในตัวของหยางไป่หลงว่ามีความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ และด้วยความสนใจเป็นพิเศษในด้านเทคโนโลยี เขามักจะใช้เวลาว่างทำการทดลองใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือการศึกษาปัญญาประดิษฐ์ เขาใช้เวลาหลายคืนในการคิดค้นโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในอนาคต***ระบบ AI เริ่มพัฒนาและนำมาใช้ในทศวรรษที่ 1950 โดยนักวิทยาศาสตร์ด้านคอม
บทที่ 94 จุดจบ (จบ ) หลังจากงานเลี้ยงผ่านไปหลายวัน และในที่สุดประกาศเรื่องการปลดรัฐมนตรีเผยเฉินฟงก็ออกมา ตอนนี้เฟิงอวี้ชิงนั้นรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างแต่เมื่อคิดถึงก้าวต่อไปของเธอ ก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้คงจะถึงเวลาที่เธอจะต้องกำจัดหมากที่หมดประโยชน์อย่างรัฐมนตรีเผยออกจากชีวิตแล้ว และเป้าหมายต่อไปของเธอก็คือ ท่านผู้นำประเทศ ดังนั้นเธอจึงได้คิดว่ารีบจัดการเคลียร์ปัญหาเล็กๆ อย่างรัฐมนตรีเผยยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะว่าในตอนนี้นั้นเธอได้ทราบแล้วว่า หยางฮองเฮานั้นคือภรรยาของรองรัฐมนตรีหยางเฟยหลง นั้นก็แปลได้ว่าพวกเขาย่อมมีอำนาจพอสมควร และหากว่าเธอต้องการที่จะอยู่เหนือพวกเขา เธอจำเป็นต้องได้ท่านผู้นำประเทศหนุนหลัง และการจะได้เขามานั้นก็ไม่ยากสำหรับเธอ เพราะว่าเรื่องเหล่านี้เธอทำมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เคยพลาดสักครั้งเลย เฟิงอวี้ชิงคิดอย่างมั่นใจในตัวเองเฟิงอวี้ชิงเดินเข้าไปในห้องของอดีตรัฐมนตรีเผยในยามดึก ห้องทั้งห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่ดังจากเตียง ร่างของรัฐมนตรีเผยนอนเหยียดยาวบนเตียง ดวงตาปิดสนิท แต่ใบหน้าแสดงถึงความเหนื่อยล้าและความแก่ชรา เฟิงอวี้ช
บทที่93 ตาต่อตาฟันต่อฟัน บรรยากาศรอบตัวทั้งสองคนกลายเป็นตึงเครียด ผู้คนรอบข้างที่สังเกตเห็นสายตาที่ทั้งสองส่งให้กันต่างก็รู้สึกถึงความอึดอัดและพลังที่ปะทะกันอย่างเงียบๆ ราวกับว่าโลกทั้งใบหายไป เหลือเพียงพวกเขาทั้งสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน ความเกลียดชังที่ไม่มีทางจบสิ้น ความโกรธเคียดแค้นที่ฝังรากลึก ไม่ว่าจะเป็นหยางซีซีหรือเฟิงอวี้ชิง ต่างก็รู้ดีว่าการพบกันครั้งนี้อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรงในอนาคตเฟิงอวี้ชิงก้าวเข้ามาใกล้เล็กน้อย ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังหยางซีซีอย่างไม่ละสายตา"คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาอยู่ที่นี่ได้...หยางฮองเฮา" เสียงของเธอเต็มไปด้วยการยั่วยุและการท้าทาย ทันใดนั้นภาพอดีตที่เจียงกุ้ยเฟยเคยวางยาพิษทำร้ายหยางซีซีจนถึงแก่ความตายก็ผุดขึ้นมาในความคิดของทั้งสองฝ่ายหยางซีซีจำได้อย่างชัดเจนถึงวันที่เธอถูกไล่ล่าและเจ็บปวดจากความแค้นของเจียงกุ้ยเฟย ความโกรธที่เคยสงบลงกลับปะทุขึ้นมาในใจ ความรู้สึกเคียดแค้นที่เก็บซ่อนไว้เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มเย็นชาและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น"เจ้าก็เหมือนกัน เจียงกุ้ยเฟย โลกกลมจริงๆ ข้าคิดว่าคงไม่ได้พบเจ้าที่นี่อ
บทที่ 92 การเผชิญหน้าครั้งที่หนึ่งเรื่องราวของหานหรูอี้และหวังเทียนซานยังคงดำเนินต่อไป โดยที่หานหรูอี้ยังคงให้เขาง้องอนอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ซึ่งอาการนั้นคล้ายกับที่หยางซีซีเคยเป็นมาก่อน ทำให้เธอรู้ว่าหมดเวลาที่จะเล่นตัวแล้วในเย็นวันหนึ่งเมื่อหวังเทียนซานพูดถึงเรื่องการแต่งงานของพวกเขา หานหรูอี้จึงตอบตกลงทันทีคำตอบนั้นทำให้หวังเทียนซานถึงกับงุนงงเล็กน้อยเนื่องจากไม่คิดว่าเธอจะยอมง่ายๆ หลังจากที่เขานั้นเคยของเธอแต่งงานอยู่หลายครั้ง"หรูอี้... คุณตอบตกลงจริงหรือ?" หวังเทียนซานถามด้วยความแปลกใจในน้ำเสียง เขายังคงมองหน้าหานหรูอี้ด้วยความไม่เชื่อหานหรูอี้ยิ้มบาง ๆ ให้เขา "ฉันตกลงแล้ว คุณคงไม่คิดจะเปลี่ยนใจหรอกนะ?""ไม่... ไม่แน่นอน! ผมแค่... ผมแค่ไม่คิดว่าคุณจะยอมง่าย ๆ แบบนี้" หวังเทียนซานพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ แต่ในแววตาของเขามีความสุขที่ไม่อาจซ่อนได้หานหรูอี้มองเขาอย่างอ่อนโยน "ฉันเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน คุณรู้ไหมว่าฉันไม่ได้ต้องการให้คุณทรมานหรอก เพียงแต่อยากให้คุณเข้าใจว่าฉันต้องการความจริงใจจากคุณ"หวังเทียนซานยื่นมือมากุมมือขอ
บทที่ 91 สืบหาความจริง / ลักพาตัว“ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรือคะ” คนที่ถามเป็นหยางซีซีนั้นเอง เพราะว่าตอนนี้หานหรูอี้นั้นไม่กำลังถูกปฐมพยาบาลอยู่ โชคดีที่แขนไม่หักเพียงแค่ร้าวเท่านั้น ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจชายหนุ่มคนนั้นอีกต่อไปแล้ว“ใช่ผมพบเขาเมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นรู้สึกว่าเขานั่งอยู่ข้างถนนเนื้อตัวมอมแมมมาก ในตอนนั้นมีคนกำลังจะลอบทำร้ายผมด้วย และเขาเป็นคนที่เข้ามาช่วยและจัดการคนเหล่านั้น ผมเห็นว่าเขามีฝีมือดีจึงได้รับเอาไว้ และให้เขาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่นาน แต่เพราะว่าฝีมือของเขานั้นเก่งกาจมากจนผมเลื่อนให้เขามาเป็นคนสนิทนี่แหละ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีบาดแผลขาดใหญ่ที่ด้านหลังศีรษะนั้น นั้นอาจจะทำให้เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร” ท่านผู้นำนั้นเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของคนสนิทของเขา ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องผัวเมียแต่หากว่าคนสนิทเขาทำคนท้องแล้วไม่ยอมรับเขาก็จะจัดการมันให้เอง“ท่านไม่ต้องสืบหาแล้วหล่ะค่ะ ฉันกับเขาหย่าขาดกันแล้วและฉันก็ออกจากบ้านเขามาแล้วด้วยค่ะ” หานหรูอี้ที่ฟังอยู่เอ่ยขึ้นมา“หย่า…หย่าตอนไหนผมยังไม่ได้เซ้นต์เอกสารอะไรเลยนะ” หวังเทียนซานที่มองดูหญิงสาวด้วยความไม่ชอ
บทที่ 90 ตั้งครรภ์ / ฉันเป็นเมียแกไงล่ะ..ไอ้บ้า!!!ครอบครัวหยางย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่งได้หลายเดือนแล้ว ตอนนี้ทุกคนในบ้านต่างก็ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง พี่รองและสะใภ้รองหยางจิ้งและหยางฟู่เหยาไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทั้งสองมักจะลงไปที่เซินเจิ้นหรือจงไห่เพื่อดูที่ดินที่พวกเขาได้กว้านซื้อเอาไว้ โดยมีคนของนายพลเซี่ยจงติดตามไปด้วยและจัดการเรื่องการซื้อขายที่ดิน ซึ่งเมื่อนายพลเซี่ยลงมือแล้ว อะไรที่คิดว่าเป็นอุปสรรคต่างก็แหวกทางออกให้พวกเขาอย่างไม่ยากเย็นนักหยางเฟยหลงมีอาการแปลก ๆ ตั้งแต่เวียนหัว คลื่นไส้ อยากทานของเปรี้ยว ไปจนถึงการรู้สึกอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ทุกเช้าเขาตื่นขึ้นมาแล้วถามหาน้ำมะนาวหรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้มเขียวหวาน หยางซีซีมองสามีด้วยสายตาขำขันในขณะที่เขานั่งทานมะม่วงดิบด้วยท่าทางพยายามกลบเกลื่อนอาการแพ้ท้องนั้นวันหนึ่งหยางเฟยหลงตื่นขึ้นแต่เช้าพร้อมกับอาการคลื่นไส้อย่างหนัก เขารีบลุกจากเตียงและวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่ออาเจียน เสียงอาเจียนดังออกมาจากห้องน้ำทำให้ทุกคนในบ้านต่างตกอกตกใจ หยางซีซีรีบเดินไปดูพร้อมกับความเป็นห่วง เมื่อเธอเปิดประตูห้องน้ำ เห็นหยางเฟยหลงนั่งทรุดอยู่กับพ
บทที่ 89 รับจางอี้เฉิงเข้าทำงาน / เงาในความทรงจำวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดครอบครัวตระกูลหยางก็ได้ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง โดยมีเพียงพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ที่ยังอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพราะต้องดูแลโรงงานผลิตสบู่ร่วมกับจางอี้เฉิงที่มาเป็นผู้จัดการโรงงานให้ซึ่งเรื่องการได้จางอี้เฉิงพี่ใหญ่ของหยางฟู่เหยามาทำงานด้วยนั้น จำเป็นต้องเล่าย้อนหลังไปหลายเดือนก่อน วันนั้นหยางจิ้งขับรถผ่านไปและเห็นจางอี้เฉิงกำลังเดินเตะฝุ่นเพื่อหางานทำอยู่ เขาจึงได้จอดรถรับและพาไปร้านอาหารและหาที่คุยกันจางอี้เฉิงที่เคยเป็นหนุ่มหล่อและดูสง่างาม ตอนนี้กลับดูหมดสง่าราศีเพราะความลำบาก สภาพของเขาดูโทรมจนแทบจำไม่ได้ ผิวที่เคยขาวตอนนี้กลับคล้ำหมองและแห้งกร้าน ราวกับไม่ได้สัมผัสน้ำมาหลายวัน เสื้อผ้าที่เขาสวมนั้นเก่าและไม่สะอาดนัก มีกลิ่นอับและรอยขาดหลายแห่ง ใบหน้าที่เคยสดใสนนั้นเริ่มปรากฎรอยยับย่นขึ้นมา อาจเพราะความเครียดในชีวิตและการอดนอนอย่างต่อเนื่อง แววตาที่เคยมีประกายกลับดูหม่นหมองและอ่อนล้า สะท้อนถึงคืนวันที่ยากเข็ญและความกดดันที่แบกอยู่บนบ่า แววตาที่บ่งบอกถึงการผ่านความผิดหวังและความเหนื่อยล้ามาก ราวกับคนที่ต้องเผช