พิงค์ Talk
“อืออ….” ฉันเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นหันมองไปรอบๆตัว จนได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของฉัน ทันใดนั้นภาพเมื่อคืนมันก็ลอยเข้ามาในหัวของฉัน “บ้าชิบ!!” ฉันสบถอย่างหัวเสียก่อนจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นออกมาจากห้องนั้นด้วยวามทุลักทุเล มีแต่เรื่องบ้าบอจริงๆยัยพิงค์ โดนแฟนบอกเลิกไม่พอ ยังจะมาถูกใครก็ไม่รู้เปิดซิงอีก ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ สงสัยต้องไปอาบน้ำมนต์เก้าวัดเก้าวาซะแล้วมั้ง “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยถามดังขึ้น ขณะที่ฉันกำลังมองไปรอบๆเพื่อหาทางออก “พาฉันมาที่นี่ทำไม?” ฉันหันกลับไปถามเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องหน้าเขาตาเขม็ง หล่อดีนะ มาดเข้ม สูง ยาว ใหญ่ แต่เสียดายทำให้ฉันไม่ถูกชะตาตั้งแต่วันแรกที่เจอ อย่าหวังว่าฉันจะคุยดีด้วยอีกเลย “แล้วจะให้ฉันพาเธอไปที่ไหน ทิ้งไว้ข้างถนนเหรอ?” “ปากหมา!” “ขอบคุณที่ชม” เขายกยิ้มใส่ฉัน นี่กำลังด่าอยู่นะ หน้าหนาจนไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง “ฉัน จะ กลับ บ้าน” ฉันเน้นทุกคำพูดใส่ผู้ชายตรงหน้า “ก็กลับสิ ใครมัดเธอไว้ล่ะ เท่าที่ดูก็ไม่นะ หรือว่าเธออยากอยู่กับฉันล่ะ ติดใจ…เมื่อคืนเหรอ” เขาไล่สายตามองฉันอย่างหื่นกาม แถมยังแลบเลียมุมปากตัวเองอีก ทุเรศชะมัด เพี๊ยะ! “สารเลว ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย” ฉันเดินออกมาด้วยความโมโห เขาคือผู้ชายคนแรกที่ทำให้ฉันไม่ถูกชะตาได้ตั้งแต่แรกเจอ แถมยังทำให้ฉันเกลียดได้ภายในข้ามคืนอีกต่างหาก ใช่เขาคือคนแรก ที่ฉันทำแบบนี้ เพราะปกติฉันเป็นคนเฟรนลี่กับทุกคนอยู่แล้ว ฉันเดินออกมาเรียกรถแท็กซี่กลับคอนโดเพราะไม่ค่อยอยากลับบ้านเท่าไร กลับไปก็เจอแต่อะไรไม่รู้ น่าเบื่อเหมือนกันนะชีวิตที่ถูกบังคับอยู่ตลอดแบบนี้ ฉันต้องเรียนวิชานี้สายนี้เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัว ต้องวางดีตัววางมาดผู้ดีเข้าไว้จะเป็นเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม ซึ่งนั่นไม่ใช่ฉัน นี่แหละสาเหตุที่ฉันย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว มันน่าเบื่อไปหมด ครืด ครืด ครืด ฉันชำเลืองตามองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ปลายสายที่โทรมาเป็นเบอร์ของคุณแม่แต่ฉันเลือกที่จะไม่รับสาย เพราะฉันเบื่อ หลายอาทิตย์มานี้ฉันไม่ได้กลับบ้านเลย วันหยุดฉันก็เที่ยวดื่มกับเพื่อนฝูงตามปกติของฉัน เพิ่งฉันจะเที่ยวเก่งเที่ยวบ่อยแต่การเรียนของฉันมันก็ไม่ได้ด้อยลงไปเลย ฉันก็แค่อยากเที่ยวอยากปลดปล่อยตัวเองบ้าง "อืมม....สบายจัง" ฉันนอนแช่น้ำอุ่นอยู่ในอ่างใหญ่ คิดถึงเรื่องเมื่อคืนทีไรก็โมโหผู้ชายคนนั้นไม่หาย คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนกันถึงจะทำอะไรใครก็ได้แบบไม่รู้สึกผิดอย่างนี้ เขาคงจะเคยชินกับการใช้ร่างกายของผู้หญิงเป็นที่ปลดปล่อย แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้น ฉันไม่ได้ขายตัว และฉันก็ไม่ใช่ของที่ไว้ให้ผู้ชายได้ปลดปล่อยด้วย "เกลียด! เกลียด! เกลียด! ฉันเกลียดผู้ชายอย่างคุณที่สุดเลย ขออย่าได้เจอกันอีกเลยทั้งชาตินี้และชาติไหนๆ กรี๊ดดดอร๊าย!!" ฉันกรีดร้องสุดเสียง แต่ก็ไม่มีใครได้ยินหรอกเพราะคอนโดหลังนี้ถูกทำขึ้นเป็นอย่างดีไม่มีเสียงเล็ดลอดออกไปแน่นอน ผ่านไปสักพัก ฉันลุกขึ้นจากอ่างน้ำใหญ่นุ่งผ้าขนหนูแล้วเดินออกไปด้านนอกแต่แล้วฉันก็ต้องผงะเมื่อมีผู้ชายคนนึงนั่งหันหลังอยู่บนโซฟาในห้องของฉัน โจรเหรอ? หรือว่าโรคจิต ว่าแต่เขาเข้ามาได้ยังไง ฉันจำได้ว่าฉันล็อกประตูไปแล้วนี่นา และห้องนี้ก็มีแค่ฉันคนเดียวที่มีคีย์การ์ด "เข้าไปนานเลย ฉันว่าจะเข้าไปตามละ แต่เธอเดินออกมาพอดี" เจ้าของร่างนั้นพูดเสียงเรียบ ว่าแต่น้ำเสียงของเขาดูคุ้นๆนะ "คุณ!!" "นึกว่าจะจำผัวคนแรกไม่ได้ซะแล้ว" ผู้ชายคนนั้นหันหน้ามามองฉัน "คุณเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ" "....." เขานั่งเฉยไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของฉันเลย "ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความให้ตำรวจมาจับคุณ!" "เอาซี้แจ้งเลย" เขาพูดท้าทายด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง "คนทั้งตึกนี้จะได้รู้ว่าเธอมีผู้ชายมาหาถึงห้อง และคราวนี้มันก็จะเป็นข่าวใหญ่โตและในที่สุดมันก็จะไปถึงหูของพ่อแม่เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหลังจากนั้นอะไรมันจะเกิดขึ้น" "นี่คุณ!!" "...." "คุณต้องการอะไรจากฉันอีก ฉันบอกไปแล้วไงว่าเราไม่ต้องมาเจอกันอีก เรื่องเมื่อคืนก็ลืมๆมันไปซะ ฉันจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น" "ฉันทำแบบนั้นไม่ได้สิ" "แล้วคุณต้องการอะไรจากฉัน?" "แต่งงานกับฉัน" "ห๊ะ!?" ฉันร้องอุทานเสียงดัง เมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เขาบอกให้ฉันแต่งงานกับเขา "ฉันไม่แต่ง!" ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง เขาเป็นใครมาจากไหนฉันยังไม่รู้จักเลย จะให้แต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักได้ยังไง ฉันไม่เอาด้วยหรอก "เธอไม่แต่งก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมเธอเป็นของฉัน และฉันก็จะทำทุกวิถีทางจนกว่าเธอจะยอมแต่งงานกับฉัน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรไม่ว่าจะต้องสูญเสียกี่ชีวิตฉันก็จะทำ" "...." น้ำเสียงของเขามันดูเย็นยะเยือกแปลกๆ เขาจ้องมองนัยน์ตาของฉันก่อนจะเดินหันหลังออกจากห้องไป ทิ้งเพียงความงุนงงเอาไว้ให้กับฉันพิงค์ Talk สองปีต่อมา ตอนนี้ฉันได้โกอินเตอร์มาอยู่ที่เมืองนอกแล้วนะ ไม่ใช่อะไรหรอกฉันมาเรียนต่อต่างหากล่ะ ฉันตัดสินใจทำเรื่องยื่นกับมหาวิทยาลัยเพื่อจะมาเรียนต่อที่ต่างประเทศกับญาติที่รู้จัก ฉันเบื่อที่จะต้องอยู่บ้านแล้วโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่ฉันไม่อยากทำ โดยเฉพาะการถูกจับคลุมถุงชนฉันถูกคุณพ่อกับคุณแม่บังคับให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ซึ่งฉันไม่เคยเห็นหน้าเห็นตามาก่อนเลย ฉันเคยเจอแต่ในละครไอ้เรื่องจับคลุมถุงชนเนี่ย ไม่คิดว่าชีวิตจริงจะยังมีคนทำแบบนี้อยู่ คิดเหรอว่าคนอย่างพิงค์จะยอม ฉันทำเรื่องยื่นกับมหาวิทยาลัยสำเร็จแล้วฉันก็รีบบินไปต่างประเทศทันที ฉันถึงจะโทรกลับมาบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าฉันมาเรียนต่อที่เมืองนอก นี่แหละวิธีเอาตัวรอดของฉัน แต่ไม่รู้ว่ากลับไปจะเจออะไรอีกบ้าง "เฮ้พิงค์! ยูนั่งเหม่ออาราย นานแล้วนะ" "....." ฉันสะดุ้งอย่างแรงเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนด้านข้าง ฉันกรอกสายตาไปมองก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง "เปล่า ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย"นางชื่อว่า ฮาร์ท เป็นเพื่อนใหม่ของฉันเองแหละ ช่วงนี้ฉันคบกับใครไม่ค่อยได้นาน จู่ๆพวกเพื่อนๆก็ตีตัวออกห่างฉันไปเลยไม่ว่าใคร แม้กระทั่งเพื่
"เฮือก!!" ร่างเล็กผวาอย่างแรงพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันมองไปรอบๆ "นี่มันห้องเรานี่นา แล้วมะ...เมื่อคืน..." เธอนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอกำลังจะถูกกลุ่มวัยรุ่นกระทำอนาจารเธอ แต่แล้วเธอก็เป็นลมหมดสติไป พอตื่นมาเธอก็มาโผล่อยู่ที่คอนโดของตัวเอง "เกิดอะไรขึ้น!!" เธอรีบสำรวจดูตามร่างกายของตัวเองทันที ก็พบว่าร่างกายของเธอมีเพียงรอยฟกช้ำตามแขนและคอ ส่วนล่างของเธอก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไร หญิงสาวงงหนักมากกว่าเดิมเพราะไม่รู้ว่าเธอกลับมาอยู่ที่คอนโดได้ยังไง ใครเป็นคนไปช่วยเธอไว้ ณวินาทีนั้นเหมือนเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันไป แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ฝันทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง เพราะหลักฐานที่อยู่บนตัวของเธอก็เป็นคำตอบได้อย่างดีอยู่แล้ว ด้วยความร้อนใจเธอจึงรีบก้าวขาลงจากเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้องทันที ด้านนอกเธอไม่พบใครเลยนอกจากกระดาษโน๊ตใบเล็กๆใบนึงที่แปะอยู่หน้าตู้เย็น ( ยังไม่ต้องไปเรียนจนกว่าจะหายดี นี่เป็นคำสั่ง )เธอวางกระดาษโน๊ตในมือลงก่อนจะหันมองไปรอบๆตัว ทุกอย่างมันก็ดูปกติดีแต่ทำไมเธอรู้สึกเหมือนว่ากำลังมีคนจับจ้องการกระทำของเธอทุกฝีก้าว เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าใครที่กำลังจับจ้อ
เวลาต่อมาพิงค์ Talk เรียนจบได้สักทีนะเรา กว่าจะจบได้เหนื่อยใช่ย่อยเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันต้องย้ายออกและหาห้องเช่าใหม่อยู่ประจำ ฉันเปลี่ยนห้องเช่าอยู่ประมาณเดือนละ 4 ครั้ง เพราะไม่อยากให้ใครตามมาเจอ และป้องกันพวกโรคจิตที่คอยแอบตามฉันอยู่ด้วยถึงตอนนี้ฉันจะเรียนจบแล้วแต่ฉันก็ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองนับต่อจากนี้เลย ฉันไม่อยากกลับบ้านเพราะรู้ว่าถ้ากลับไปแล้วฉันจะต้องถูกจับคลุมถุงชนแน่นอน ทางที่ดีฉันควรหางานทำที่นี่เลยโดยไม่ต้องกลับไปเมืองไทยเวลาผ่านไป"บ้าจริง!!" ฉันสบถอย่างหัวเสียก่อนจะนั่งยองลงตรงหน้าบริษัทแห่งหนึ่งฉันไปสมัครงานมาหลายบริษัทมากแต่ไม่มีที่ไหนรับฉันเข้าทำงานเลย บางบริษัทก็ให้เหตุผลว่าฉันเป็นนักศึกษาจบใหม่ไม่สามารถรับเข้าทำงานได้เพราะไม่มีประสบการณ์ บางบริษัทก็ว่าพนักงานเต็มยังไม่เปิดรับพนักงานวันนี้เป็นวันที่วุ่นวายมากๆอีกวันนึง เหมือนทุกบริษัทพร้อมใจกันไม่รับฉันเข้าทำงาน"แล้วจะไปหางานทำที่ไหนได้อีกวะเนี่ย"ครืด ครืด"จิ๊! ใครโทรมาอีกวะ!" ฉันหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู ก็พบว่าปลายสายเป็นเบอร์ของแม่โทรเข้ามา ฉันถอนหายใจก่อนจะกดรับสายนั้น "ค่ะแม่"( เรียนจบแล
ครืด ครืด ครืด“ฮัลโหล” ฉันกดรับสายด้วยความหงุดหงิด เปิดเครื่องมาก็มีคนโทรเข้ามาเลย อะไรกันนักหนาวะเนี่ย( รถเก๋งจอดอยู่ตรงข้าม รีบมา )“นายเป็นใครแล้วทำไมฉันต้องทำตามด้วย”( เป็นผัวเธอไง )“อย่ามาพูดพล่อยๆนะฉันไม่เคยมีผัว” สงสัยจะเป็นไอ้พวกโรคจิตแน่เลย( ฉันว่าเธอคงไม่ลืมเรื่องราวบนรถเมื่อสองปีก่อนหรอกนะ ผู้ชายที่เป็นคนแรกของเธอไง )“นะ….นาย”( ได้ข่าวว่ากำลังจะถูกจับแต่งงาน ถ้าเธอไม่อยากแต่งฉันช่วยเธอได้นะ )“ไม่จำเป็น”( ก็แล้วแต่นะ ฉันได้ข่าวมาว่าพ่อของเธอส่งคนมาตามหาเธอเพื่อที่จะรับเธอกลับเมืองไทยแล้ว )“วะ ว่าไงนะ นายรู้ได้ยังไง”( ฉันก็มีเส้นสายอยู่เหมือนกันนะ เอายังไงถ้าเธอไม่ให้ฉันช่วยฉันก็ไม่ช่วยหรอกนะ )“ดะ เดี๋ยว ก็ได้”ฉันกดวางสายแล้วหันไปมองรถเก๋งคันสีดำที่จอดอยู่ตรงข้ามฟากถนน จากนั้นก็รีบหิ้วกระเป๋าแล้วเดินไปที่รถเก๋งคันนั้นทันที“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ เมียสุดที่รัก”“ปล่อย!!” ฉันสะบัดหัวไหล่อย่างแรงจนมือของเขาหลุดออกไป“เย็นชากับผัวจริงเลยนะ”“เลิกพูดได้ละ จะไปก็รีบไปสิ”“ออกรถ” เขาหันไปบอกลูกน้องที่นั่งอยู่ด้านหน้า“ครับนาย”ระหว่างทางก็ไม่มีใครพูดอะไรเลย ฉันไม่
“มะ….ไม่นะอื้อ” คำพูดของพิงค์ถูกกลืนลงคอไปเมื่อมาเฟียหนุ่มกดจูบแสนเร่าร้อนลงมา สองมือรวบแขนของเธอขึ้นไว้เหนือศรีษะ ก่อนจะพันธนาการเธอด้วยกุญแจมือสีแดงที่ซุกซ่อนอยู่ใต้หมอนแกร๊ก~“อืมมม….จะเอากับผัวไม่ต้องขัดขืนหรอกที่รัก” มาเฟียหนุ่มพูดน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะรูดเนคไทออกแล้วปลดกระดุมเสื้อที่สวมใส่อยู่ออกไปอย่างรวดเร็วด้วยมือเพียงข้างเดียว“อย่าทำแบบนี้ ไอ้บ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” ดูเหมือนว่าการขัดขืนของเธอ จะทำให้มาเฟียหนุ่มชื่นชอบมากเป็นพิเศษมือหนาลูบไล้ต้นขาขาวเนียนไปมาก่อนจะสอดเข้าไปด้านใน แล้วรูดจีสตริงสีดำที่เธอสวมใส่อยู่ออกมาเหวี่ยงทิ้งลงไปข้างเตียง“ไอ้บ้า! ไอ้ทุเรศ! ไอ้คนไม่รักษาสัจจะ!” เธอตะโกนด่าทอสารพัดคำพูดที่คิดออกมาได้ในตอนนั้น เพื่อหวังว่าจะให้ชายหนุ่มเสียอารมณ์และเลิกทำแบบนี้กับเธอ“ไม่มีสัจจะในหมู่โจร” มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีทางขัดขืนได้เขาจึงผละตัวออกไปถอดเสื้อผ้าของตนเองออก ก่อนจะคลานขึ้นมาหาเธออีกครั้งผลั่ก!“ซี๊ดด ยัยตัวแสบ” ร่างใหญ่ร้องอุทานเมื่อจู่ ๆ พิงค์ก็เหยียดขาถีบเขาอย่างแรง แต่ยังดีที่หลบทันเลยเฉียดแค่ด้านข้าง ถ้าเข้า
ประเทศไทยแลนด์“ไม่คิดว่าจะต้องกลับมาอีก เฮ้อ” พิงค์ถอนหายใจยาวเมื่อเครื่องบินลงจอดบนรันเวย์“เธอน่าจะดีใจซะมากกว่านะ ที่กลับมาจัดการเรื่องพวกนี้ให้มันจบ พ่อแม่ของเธอจะได้เลิกยุ่งกับเธอ”“…” ใบหน้าสวยเหลือบไปมองคนข้าง ๆ เล็กน้อยก่อนจะเดินนำออกมาจากตรงนั้น“รู้เหรอว่ารถจอดอยู่ไหน?” มาเฟียหนุ่มเดินตามมาติด ๆ“ไม่” เธอตอบคำเดียวสั้น ๆ พร้อมกับสีหน้าที่รู้สึกเบื่อหน่าย“แล้วเดินออกมาก่อนทำไม?”“แล้วจะให้ฉันยืนอยู่เพื่อ!?” เธอหันไปมองหน้ามาเฟียหนุ่ม“รถจอดอยู่ทางนี้ครับนาย”“อืม…” เขาหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้อง “ตามมาสิ” ครามเอ่ยบอกคนข้าง ๆ แต่ด้วยท่าทีที่เชื่องช้าของเธอทำให้เขาต้องอุ้มร่างของเธอลอยขึ้นเหนือพื้นแล้วเดินไปที่รถที่จอดรออยู่“นี่นาย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” พิงค์ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาบนอ้อมกอดของมาเฟียหนุ่ม“อยู่นิ่ง ๆ” เขาพูดน้ำเสียงดุดันพร้อมกับถลึงตาใส่เธอ จนหญิงสาวต้องหยุดการกระทำของตัวเอง“เปิดประตู!” มาเฟียหนุ่มเอ่ยบอกลูกน้องที่ยืนรออยู่ที่รถก่อนที่เขาจะอุ้มร่างเล็กเข้าไปด้านใน พร้อมกับวางเธอลงบนตักของเขาเอง“ปล่อยฉัน ฉันจะนั่งเอง!” พิงค์เผยอตัวขึ้นเล็กน้อยแต่กลับถูกมือหนารั้งเอ
วันต่อมา“เป็นไง?” ครามเดินเข้ามาถามหลังจากที่พิงค์วางสายจากผู้เป็นแม่ไป“….” ร่างบางหันไปมองพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นคำตอบให้กับเขา “นายก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วนะ”“อย่าคิดมากสิ ไม่แน่พ่อกับแม่ของเธออาจจะชอบฉันก็ได้ใครจะไปรู้” มาเฟียหนุ่มยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับวางมาดเข้มใส่เธอ“นายอย่าสำคัญตัวเองมากเกินไปเลย ฉันรู้ว่าพ่อแม่ของฉันเป็นคนยังไง ท่านไม่ได้เข้ากับใครง่าย ๆ หรอก”“ฉันไม่ได้สำคัญตัวเอง ฉันแค่บอกว่าบางทีพ่อกับแม่ของเธออาจจะชอบฉันก็ได้”“….” เธอถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง“คืนนี้จะไปคลับ เธออยากไปด้วยมั้ย” มาเฟียหนุ่มเอ่ย“ได้เหรอ?” เธอหันไปเลิกคิ้วถาม“อืม…”“งั้นก็ดะ…”“แต่มีข้อห้าม! หนึ่งคือเธอต้องอยู่กับฉันตลอดเวลา เธอต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอด สองห้ามดื่มจนเมาไม่ได้สติ สามห้ามลงไปด้านล่างเด็ดขาด สี่ห้ามดื้อห้ามขัดคำสั่งฉันด้วย”“โห…ถ้าจะห้ามขนาดนี้ไม่ต้องให้ฉันไปจะดีกว่า ให้ฉันนอนอยู่บ้านก็ได้หรอก” พิงค์เบี่ยงหน้าหนีเขาอย่างเบื่อหน่าย แค่อยู่บ้านด้วยกันเขาก็ออกคำสั่งกับเธอจนขยับตัวแทบจะไม่ได้ละ“ตกลงไม่ไป?”“เออ! ห้ามกันซะขนาดนี้คงจะอยากไปอยู่หรอก
“นะ…นายมาทำอะไรที่นี่อะ ไหนบอกไปทำงานไง” พิงค์พูดน้ำเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับมองหน้าของครามด้วยแววตาที่หวาดระแวง“ก็นี่ไงมาทำงาน นี่มันที่ทำงานของผัวนะจ๊ะเมีย”“วะ ว่าไงนะ ที่นี่นายเป็นเจ้าของเหรอ?”“ถูกต้องครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มร้ายบนใบหน้า ก่อนจะย่างกรายเข้าหาคนตรงหน้าราวกับกำลังคุกคาม“หนีมาเที่ยวแบบนี้ได้ยังไงหืม..”“ฉะ ฉันแค่ออกมาเจอเพื่อนน่ะ”“แล้วเธอออกมาแบบนี้ ไอ้คนที่ฉันสั่งให้เฝ้าเธอมันรู้เรื่องหรือเปล่า รู้ไหมว่าถ้าพวกมันดูแลเธอไม่ดีมันจะเจอกับอะไร”“อะไร…”“พวกมันจะต้องถูกลงโทษ ข้อหาที่ดูแลเธอไม่ดีปล่อยให้เธอหนีออกมาข้างนอกได้”“ฉะ ฉันขอโทษ อย่าทำอะไรพวกพี่เค้าเลยนะพวกเค้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย” เธอก้มหน้าต่ำลงอย่างรู้สึกผิด“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องถูกลงโทษคนเดียวน่ะสิ”“….” พิงค์ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะหันไปสบตากับมาเฟียหนุ่มแล้วฝืนยิ้มให้กับเขา “ก็ได้ ฉันยอมโดนลงโทษก็ได้ แต่นายห้ามตีฉันเจ็บนะ”“ฉันไม่ใช่ครู ฉันไม่ตีเธอหรอก แต่ฉันจะเป็นหมอฉีดยาให้คนไข้อย่างเธอต่างหากล่ะ” เขาก้มลงกระซิบข้างหูเธอ“….” หญิงสาวถึงกับยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับตัวไปไหน ไม่ได้ถูกลงโทษเธอ
4ปีต่อมา สองพี่น้องกระทิงและน้องฟ้าครามเติบโตกันมาอย่างมีคุณภาพ เพราะได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดีจากผู้เป็นแม่และพ่อ กระทิงทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมากคอยปกป้องและดูแลน้องทุกครั้งที่น้องถูกแกล้งหรือรังแก ทั้งสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน กระทิงเข้าชั้นประถมแล้วแต่ฟ้าครามยังเรียนอยู่อนุบาลอยู่เลย“ผมไปเรียนก่อนะครับคุณแม่” กระทิงเดินมาหาผู้เป็นแม่ก่อนจะยกมือไหว้โค้งก้มสวัสดีอย่างนอบน้อม น้องสาวเมื่อเห็นพี่ชายทำแบบนั้นก็รีบทำตามทันที“สวัสดีค่ะคุณแม่”“สวัสดีจ้า ตั้งใจเรียนกันนะลูก”“ครับคุณแม่” กระทิงจูงมือน้องสาวไปขึ้นรถที่ผู้เป็นพ่อสตาร์ตจอดรออยู่หน้าบ้าน “ไปกันเถอะครับคุณพ่อ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย”“ขึ้นรถเลยครับเด็กๆ เดี๋ยวพ่อจะรีบซิ่งรถพาไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้เลย”“ครับ//ค่ะ”ครามขับรถพาลูกๆ ไปส่งโรงเรียนตามปกติ จากนั้นก็ขับรถไปทำงานที่บริษัทของตัวเอง ตกเย็นก็ขับรถไปรับลูกๆ กลับมาที่บ้านตามปกติ เขาทำแบบนี้เป็นประจำตั้งแต่น้องกระทิงเริ่มเข้าโรงเรียน ไม่ได้ให้ลูกๆ ขึ้นรถรับส่งไป เพราะเขาอยากมั่นใจว่าทุกวันเขาไปส่งลูกๆ ถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยแล้ว อีกอย่างโรงเรียนของทั้งสองก็เป็นทางผ่านบริษัท
6 เดือนต่อมา อุแว้ อุแว้ อุแว้“คุณแม่ครับน้องฟ้าครามร้องอีกแล้วครับ” กระทิงน้อยวิ่งมาบอกผู้เป็นแม่เมื่อน้องสาวตื่นร้องเสียงดัง“พ่อล่ะลูก อยู่ตรงนั้นหรือเปล่า” เธอหันไปพูดกับลูกชาย“ไม่ครับ คุณพ่อไปเข้าห้องน้ำ”“อ๋อ งั้นหนูไปดูน้องก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่ตามไป” พิงค์วางมือจากงานตรงหน้า รีบล้างมือจนสะอาดจากนั้นก็สาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปด้านในแง้ แง้ แง้“โอ๋ ๆ ๆ ไม่ร้องนะคะคนดีของแม่” พิงค์อุ้มลูกน้อยขึ้นมาพาดอกแล้วลูบหลังปลอบเบาๆ“ลูกตื่นเหรอพิงค์” ครามรีบเดินออกมาอย่างรีบร้อน“อืม…”“ขอโทษนะพอดีว่าฉันปวดท้องหนักอะ เลยรีบไปห้องน้ำ”“ไม่เป็นไรหรอก”ครามหยุดงานมาคอยช่วยพิงค์ดูแลลูกเพราะเธอไม่ได้จ้างพี่เลี้ยง ส่วนป้าศรีก็ต้องทำงานบ้านของตัวเองเหมือนกัน รอจนกว่าน้องฟ้าครามจะโตกว่านี้อีกนิดเขาถึงจะกลับไปทำงานเหมือนเดิม เพราะตอนนี้พิงค์ต้องคอยดูแลลูกสองคนพร้อมกันน้องกระทิงก็ต้องไปโรงเรียนทุกวัน“แล้วนี่น้องฟ้าครามเป็นอะไรตื่นหรอ”“ฉี่แตกน่ะ นายเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ใหม่หน่อยสิ”“ได้ๆ แป๊บนึงนะ” ครามรีบจัดแจงปูผ้าที่นอนให้กับลูกน้อยใหม่อีกครั้ง จากนั้นพิงค์ก็พาลูกสาวตัวน้อยลงไปนอนบนเบาะเหมือนเดิ
พิงค์ Talk ฉันมาอยู่ที่บ้านของคีร่าหลายวันแล้ว แต่ละวันลูกชายแทบจะไม่อยู่บ้านเลยเพราะลุงกับป้าพาออกเที่ยวทุกวัน ความจริงครามก็ชวนฉันออกเที่ยวเหมือนกันแต่ฉันขี้เกียจไปเพราะมันต้องเดิน ฉันรู้สึกหนักตัวเองจนไม่อยากจะเดินออกไปไหนเลย ถึงจะท้องได้แค่ห้าเดือนแต่ท้องของฉันมันขยายออกมาพอควรเลยแถมมีรอยแตกที่สีข้างอีก เดาได้เลยว่าหน้าท้องของฉันจะต้องแตกลายแน่นอนตอนท้องน้องกระทิงช่วงนี้ฉันยังท้องไม่โตเท่าไหร่ แต่อาจจะเป็นเพราะท้องแรกด้วยท้องเลยไม่ค่อยขยายใหญ่เท่าไหร่ แต่พอมาท้องคนนี้เป็นท้องคนที่สองหน้าท้องที่เคยขยายใหญ่อยู่แล้วมันก็ขยายออกมาอีก“พิงค์”“หือว่าไง” ฉันขานรับครามพลางเหลียวหลังไปมองยังต้นเสียงที่เรียกฉัน “เรียกทำไม?”“เปล่า นึกว่าหายไปไหน” ครามเดินมานั่งลงตรงข้างๆ ฉัน“อยู่ในบ้านมันอุดอู้น่ะ ฉันก็เลยออกมานั่งเล่นอยู่ในสวน บรรยากาศดีเนอะ”“อยากออกไปไหนไหมล่ะ เดี๋ยวฉันพาไป”“ไม่ล่ะ ฉันขี้เกียจเดินอ่ะไม่อยากไปไหนเลย”“อยู่ในบ้านเบื่อจะแย่”“….” ฉันไม่ได้ตอบอะไรครามไป มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละอยู่ในบ้านก็เบื่อจะแย่แต่จะให้ออกไปไหนฉันก็ขี้เกียจ มันคงเป็นอารมณ์ของฉันที่รู้สึกเบื่อ
เวลาผ่านไป เมืองนอกสองสามีภรรยากับลูกชายอีกหนึ่งคนพากันเดินลงเครื่องทันทีที่เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์เรียบร้อยแล้ว การมาในครั้งนี้ทั้งสองไม่ได้บอกใครเลยเพราะต้องการที่จะมาเซอร์ไพรส์สองลุงป้าพี่มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาพักผ่อนถ้าได้เห็นหน้าหลานคงจะรู้สึกดีมีความสุขน่าดูเลยทั้งสองมีลูกไม่ได้เพราะโรคประจำตัวบางอย่าง ร่างกายของคีร่าไม่แข็งแรงมากพอที่จะอุ้มท้องได้ และภูริก็มีโรคบางอย่างที่ทำให้น้ำเชื้อของเขาไม่แข็งแรง ถึงจะอยากมีลูกแค่ไหนแต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงทั้งสองก็ไม่อยากเสี่ยง เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งด้วย“ฮายคุณป้าคีร่า” กระทิงน้อยวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความดีใจ ทันทีที่รถจอดดับสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน ก่อนที่พิงค์และครามจะเดินตามเข้าไปทีหลัง“ว๊ายกระทิงน้อยหลานป้า มาได้ยังไงครับเนี่ย” คีร่าหันมามองด้วยความตกใจเมื่อเห็นหลานชายกำลังวิ่งเข้าไปหาตน ในใจนึงก็คิดว่าตนเองพักผ่อนน้อยจนละเมอไปหรือเปล่า แต่พอกระทิงสวมกอดเท่านั้นแหละรู้เลยว่ามันเป็นความจริงไม่ใช่ละเมอ“มาเซอร์ไพรส์ป้าคีร่าได้ยังไงล่ะครับ โรงเรียนของกระทิงปิดเทอมแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็เลยจะพามาเที่ยวที่บ้านของป้าคีร่านานๆ เลยคร
4 เดือนต่อมา โรงพยาบาล “ยินดีด้วยนะครับ คุณได้ผู้หญิงนะครับ ต้องสวยเหมือนคุณแม่แน่ๆ เลย” คุณหมอเอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พลางเลื่อนอุปกรณ์อัลตร้าซาวด์ไปรอบๆ ท้องใหญ่เพื่อตรวจดูร่างกายของเด็กทารกในครรภ์ “น้องแข็งแรงปกติดีนะครับไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ต่อไปก็มาพบหมอตามนัดเหมือนเดิมนะครับ ช่วงนี้หมอจะนัดบ่อยหน่อยเพราะใกล้คลอดแล้ว อีกอย่างหมอจะได้อัลตร้าซาวด์ดูน้องด้วยว่าพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว” หมออธิบาย“ค่ะคุณหมอ”หลังจากเสร็จสิ้นการมาพบหมอในครั้งนี้ ครามก็พาพิงค์แวะไปที่โรงเรียนของลูกชายเพราะถึงเวลาเลิกเรียนพอดีจะได้รับแกกลับมาพร้อมกันเลยโรงเรียนอนุบาลคอนแวนต์ “นั่งรออยู่ที่รถนี่แหละ เดี๋ยวฉันลงไปรับลูกเอง” พูดจบครามก็เปิดประตูลงจากรถไปทันที ปล่อยให้พิงค์นั่งรออยู่ในรถคนเดียวในโรงเรียนมีเด็กเล็กเยอะแยะมากมาย เขากลัวว่าจะมีเด็กวิ่งซนมาชนพิงค์เข้าเลยให้เธอนั่งรออยู่ในรถดีกว่า“คุณพ่อคร้าบ” ทันทีที่กระทิงน้อยเห็นพ่อของตัวเองก็รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกระโดดกอดคอพ่อของตนเองด้วยความดีใจ “คุณแม่ไม่ได้มาด้วยหรอกครับ”“มาครับผมคุณแม่นั่งรออยู่ในรถ พ่อไม่ได้ให้คุณแม่ลงมาด้วยกลัวว่าจะมีคนเดินมา
ร่างบางกระตุกยิ้มก่อนจะก้มลงดูดเลียที่ปลายหัวบานฉ่ำ ลิ้นเรียวเล็กตวัดเลียไปมาอย่างมูมมาม ทำเอาร่างหนาที่นอนอยู่เกร็งไปทั้งตัวเพราะความเสียว สองมือกอบกุมดุ้นใหญ่ส่วนล่างชักรูดเป็นจังหวะพร้อมๆ กับลิ้นที่กำลังตวัดเลียไปมา“อื้ม พิงค์อ่าส์ เธอแม่ง ซี๊ด!” ครามได้แต่นอนร้องครวญคราง เพราะทุกช่วงจังหวะที่ลิ้นตวัดเลียโดนส่วนหัวมันทำเอาเขาแทบขาดใจ“อื้ม…” พิงค์ครางออกมาเบาๆ พลางไล่ดูดเลียตามลำท่อนใหญ่ไปเรื่อยๆ“พะ พอก่อนอ่าส์ มันจะแตกอื้ม ฉันอยากแตกในตัวเธอมากกว่า” ครามหยุดทุกอย่างด้วยมือของเขา ก่อนที่ร่างหนาจะดันตัวให้ลุกขึ้นผลักตัวของพิงค์ให้นอนราบกับเตียงแทน แล้วขึ้นไปคร่อมตัวของเธอโดยที่ตัวเขาเองทิ้งน้ำหนักตัวลงไปหาเธอเพียงเล็กน้อย “ยั่วเก่งนักนะ รู้ว่าทำแรงไม่ได้แต่ก็ยังจะยั่ว มันน่านัก!” ครามเม้มปากแน่นเพราะรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากจะจับพิงค์กระแทกให้หนักๆ ไปซะเดี๋ยวนี้เลย แต่ติดตรงที่ว่าเธอกำลังท้องอยู่“ฉันเปล่าสักหน่อย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” พิงค์ทำท่าทางเล่นหูเล่นตา ทำให้ครามที่รู้สึกมันเขี้ยวอยู่แล้วอยากจะขยี้เธอมากขึ้นไปอีก“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ครามพูดข่มเสียง ก่อนจะไล่ซุกไซร้ตามซอกค
งานแต่ง ครามxพิงค์ หญิงสาวที่อยู่ในชุดสีขาวสะอาดกำลังเดินมาพร้อมกับช่อดอกไม้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขสีหน้ายิ้มแย้ม สายตามองทอดยาวออกไปตรงที่ผู้เป็นสามีกำลังยืนรออยู่ด้วยสีหน้าที่สดใส พร้อมกับลูกชายที่แต่งตัวใส่ชุดสูทสีขาวราวกับเทพบุตรตัวน้อยเสียงปรบมือดังขึ้นรัว ๆ เมื่อเจ้าสาวเดินมาถึงเจ้าสาว สองมือประสานกันแล้วพากันขึ้นไปบนเวทีเล็ก ๆ“วันนี้เธอสวยมากเลยนะพิงค์”“นายก็หล่อมากเลยนะคราม” หญิงสาวมองคนตรงหน้าแล้วยิ้มให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีไม่มีอะไรผิดพลาด งานแต่งของทั้งสองถึงมันจะไม่ได้ใหญ่โตมากมายแต่มันก็หรูหราไม่เบา มีคนรู้จักมากหน้าหลายตาญาติพี่น้องที่เคยรู้จักกันก็มาร่วมพิธีงานแต่งนี้ด้วย“เจ้าบ่าวกล่าวอะไรหน่อยไหมครับ” ตี๋ลูกน้องคนสนิทของพิงค์เป็นพิธีกรในงานนี้ โดยมีไม้ยืนอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน “สักนิดนึงก็ยังดีครับ เล่าถึงเรื่องความรักของทั้งสองว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เจอกันเมื่อไหร่ที่ไหน”ครามรับไมค์จากมือของลูกน้องมา ก่อนจะหันมองไปที่ด้านหน้าที่ทุกคนกำลังยืนรอฟังคำตอบจากปากของครามอยู่“เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ ผมย้ายโรงเรียนบ่อยไม่มีที่เรียนเป็นหลักเป็นแหล่
พิงค์ Talk เย็นวันนั้น“นายแอบถ่ายรูปฉันไปลงไอจีเหรอคราม”“เธอเห็นเหรอ”“เออดิ ทำไมชอบแอบถ่ายอะ ดูแต่ละภาพดิ๊ไม่เห็นจะสวยเลย นายแกล้งฉันเหรอคราม?” ไม่รู้ว่าถ่ายลงไปได้ยังไงฉันเหมือนตัวตลกเลยแหละ แถมยังมีคนมากดไลท์คอมเมนต์กันเยอะด้วยนะ บ้าจริง ๆ เลยคราม“น่ารักจะตายตอนที่เธอเผลอ มองยังไงให้น่าเกลียด ลองให้ใครมันมาว่าเธอดูสิฉันจะจับมันตัดลิ้นเลย”“ยึ๋ยคราม อย่าพูดแบบนั้นสิฉันสยอง” ไม่ใช่แค่คำพูดอย่างเดียวนะแถมครามยังทำหน้าตาเหมือนกับคนโรคจิตฆ่าตัดตอนอีกด้วย ชอบแกล้งกันดีนักนะ“แหะ ๆ พูดเล่นครับไม่ทำจริงหรอก”“ก็ลองให้ทำจริงดูสิ ฉันจะยิงเป้านายให้ดู” ฉันชี้หน้าครามพร้อมกับจ้องหน้าอย่าเอาเรื่อง ฉันไม่ได้พูดเล่นนะฉันพูดจริง และถึงแม้ตอนนี้ฉันจะไม่ได้ซ้อมแต่ฝีมือการยิงปืนของฉันก็ยังเหมือนเดิม ยังแม่นตรงเป้าเหมือนเดิม“คร้าบ ไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกครับ”“ดีมากค่ะ”หลังจากที่เรากินข้าวกันอิ่มเรียบร้อยแล้วก็พากันขึ้นไปนอนด้านบน ซึ่งน้องกระทิงก็หลับไปเรียบร้อยแล้วคงจะเหนื่อยมากเลยน่ะสิ วิ่งเล่นทั้งวันเลยวันนี้ ส่วนฉันก็ยังไม่ค่อยรู้สึกง่วงเท่าไหร่เลยมานั่งเล่นอยู่ที่หน้าระเบียง รับลมทะเลตอนกลางคื
เช้าวันต่อมา “ตื่นเช้าจังเลยครับ” ร่างใหญ่สวมกอดเมียสุดที่รักจากทางด้านหลัง พร้อมกับพรมจูบสูดดมกลิ่นหอมตามลำคอของเธอ มือหนาจับที่หน้าท้องเล็กลูบไล้ไปมา เพราะรู้ว่ากำลังมีอีกหนึ่งชีวิตเติบโตอยู่ในนั้น“อือ ฉันนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่น่ะ เมื่อเช้ารู้สึกพะอืดพะอมก็เลยรีบลุกออกมาก่อน”“แพ้มากหรือเปล่าคนนี้”“ก็ปกตินะ ช่วงแรก ๆ ที่รู้ว่ากำลังมีกระทิงฉันก็แพ้ท้องแบบนี้แหละ เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะรู้สึกอยากกินของเปรี้ยว ๆ กินเยอะอยากนอน”“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันอยากเป็นแทนเธอจริง ๆ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นว่าภรรยาสาวกินอะไรไม่ได้เลยเพราะแพ้ท้องหนักเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นเองซะมากกว่า“ไม่ต้องคิดมากหรอก เป็นปกติของผู้หญิงอยู่แล้ว บางคนไม่แพ้ท้องเลยก็ดี แต่บางคนก็แพ้หนักกว่าฉันอีกนะนี่ถือว่ายังเบา” เท่าที่เคยเห็นมามีคนที่มีอาการแพ้ท้องหนักกว่าเธออีก กินอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งน้ำที่มันมีรสชาติ วันนึงกินได้แต่น้ำเปล่าเพราะกินอะไรไม่ได้เลย ร่างกายอ่อนเพลียมากกว่าจะหายแพ้ท้องก็ตั้งสี่ห้าเดือน แต่สำหรับเธอยังถือว่าเบาไม่ได้แพ้ท้องหนัก เพราะเธอจะเป็นแบบนี้อยู่ประมาณสองถึงสามเดือนแล้ว