พิงค์ Talk
เรียนจบได้สักทีนะเรา กว่าจะจบได้เหนื่อยใช่ย่อยเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันต้องย้ายออกและหาห้องเช่าใหม่อยู่ประจำ ฉันเปลี่ยนห้องเช่าอยู่ประมาณเดือนละ 4 ครั้ง เพราะไม่อยากให้ใครตามมาเจอ และป้องกันพวกโรคจิตที่คอยแอบตามฉันอยู่ด้วย
ถึงตอนนี้ฉันจะเรียนจบแล้วแต่ฉันก็ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองนับต่อจากนี้เลย ฉันไม่อยากกลับบ้านเพราะรู้ว่าถ้ากลับไปแล้วฉันจะต้องถูกจับคลุมถุงชนแน่นอน ทางที่ดีฉันควรหางานทำที่นี่เลยโดยไม่ต้องกลับไปเมืองไทย
เวลาผ่านไป
"บ้าจริง!!" ฉันสบถอย่างหัวเสียก่อนจะนั่งยองลงตรงหน้าบริษัทแห่งหนึ่ง
ฉันไปสมัครงานมาหลายบริษัทมากแต่ไม่มีที่ไหนรับฉันเข้าทำงานเลย บางบริษัทก็ให้เหตุผลว่าฉันเป็นนักศึกษาจบใหม่ไม่สามารถรับเข้าทำงานได้เพราะไม่มีประสบการณ์ บางบริษัทก็ว่าพนักงานเต็มยังไม่เปิดรับพนักงาน
วันนี้เป็นวันที่วุ่นวายมากๆอีกวันนึง เหมือนทุกบริษัทพร้อมใจกันไม่รับฉันเข้าทำงาน
"แล้วจะไปหางานทำที่ไหนได้อีกวะเนี่ย"
ครืด ครืด
"จิ๊! ใครโทรมาอีกวะ!" ฉันหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู ก็พบว่าปลายสายเป็นเบอร์ของแม่โทรเข้ามา ฉันถอนหายใจก่อนจะกดรับสายนั้น "ค่ะแม่"
( เรียนจบแล้วเมื่อไหร่จะกลับ? ) นี่หรือประโยคแรกที่คุยกับฉัน คิดถึงหรือว่าต้องการอย่างอื่นกันเเน่
"ไม่กลับค่ะ ให้ตายยังไงพิงค์ก็ไม่กลับแน่นอน และพิงค์จะกลับก็ต่อเมื่อแม่กับพ่อยกเลิกงานหมั้นบ้าบออะไรนั่น"
( ก็ดี! ถ้าแกไม่กลับก็อยู่ที่นั่นไปเลย เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ฉันส่งให้แกทุกเดือนจะตัดทิ้งให้หมดเลยบัตรเครดิตทุกใบที่แกใช้อยู่ฉันก็จะตัด ดูซิว่ามันจะหยิ่งยโสอยู่ที่นั่นได้อีกนานแค่ไหน )
"....." ฉันนั่งฟังพ่อพูดผ่านปลายสายมา บังคับกันแบบนี้เลยหรอเห็นฉันเป็นตัวอะไร ที่จะจับไปประเคนให้ใครก็ได้ "ถ้าพ่อสบายใจที่จะทำแบบนั้นก็ตามสบายค่ะ พิงค์จะอยู่ด้วยตัวเองให้ได้"
ฉันกดวางสายแล้วปิดเครื่องหนีทันที ก็รีบไปที่ตู้กดเงินสดออกมาเท่าที่จะกดได้ พอที่จะทำให้ฉันอยู่ได้อย่างสบายจนกว่าจะหางานทำได้
จากนั้นฉันก็หักบัตรทิ้งกับถังขยะทันทีเพราะรู้ว่าพ่อทำจริงแน่นอน แต่ยังช้ากว่าฉัน
ฉันกลับมาที่ห้องพักตามปกติแต่ที่ผิดปกติคือข้าวของเครื่องใช้ของฉันทุกอย่างถูกเก็บมาวางไว้อยู่หน้าโรงแรมหมดแล้ว
"นะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมของใช้ของฉันถึงมาอยู่นอกห้องแบบนี้ได้?" ฉันเดินเข้าไปถามพนักงานที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์
"ทางเราไม่สามารถให้คุณพักต่อได้จริงๆค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ"
"เพราะอะไร?"
"คือทางผู้จัดการแจ้งมาทางเราก็ทำตามคำสั่ง ดิฉันไม่รู้จริงๆค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นขอโทษด้วยนะคะ"
"...." ฉันยิ่งโมโหไปมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเรื่องนี้มีตัวการใหญ่สั่งมา อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือของพ่อที่กำลังบีบบังคับให้ฉันกลับไปเมืองไทยให้ได้ ใช้วิธีสกปรกเล่นกันแบบนี้เลยหรอ นี่ฉันเป็นลูกนะ
ก็ดีฉันก็จะได้แสดงความสามารถของตัวเองให้เห็นว่าฉันมีความสามารถมากพอที่จะอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องใช้เงินของพวกเขาเลย ( แต่ตอนนี้ขอใช้ก่อนเพราะยังไม่มี แหะ ๆ )
ฉันรีบเดินไปเก็บข้าวของที่ถูกขนออกมาวางไว้แล้วเดินออกจากโรงแรมมาทันที ฉันจะจำโรงแรมนี้เอาไว้ให้แม่นเลย แล้วจะไม่กลับเข้ามาใช้งานอีกเป็นเด็ดขาด
ครืด ครืด ครืด“ฮัลโหล” ฉันกดรับสายด้วยความหงุดหงิด เปิดเครื่องมาก็มีคนโทรเข้ามาเลย อะไรกันนักหนาวะเนี่ย( รถเก๋งจอดอยู่ตรงข้าม รีบมา )“นายเป็นใครแล้วทำไมฉันต้องทำตามด้วย”( เป็นผัวเธอไง )“อย่ามาพูดพล่อยๆนะฉันไม่เคยมีผัว” สงสัยจะเป็นไอ้พวกโรคจิตแน่เลย( ฉันว่าเธอคงไม่ลืมเรื่องราวบนรถเมื่อสองปีก่อนหรอกนะ ผู้ชายที่เป็นคนแรกของเธอไง )“นะ….นาย”( ได้ข่าวว่ากำลังจะถูกจับแต่งงาน ถ้าเธอไม่อยากแต่งฉันช่วยเธอได้นะ )“ไม่จำเป็น”( ก็แล้วแต่นะ ฉันได้ข่าวมาว่าพ่อของเธอส่งคนมาตามหาเธอเพื่อที่จะรับเธอกลับเมืองไทยแล้ว )“วะ ว่าไงนะ นายรู้ได้ยังไง”( ฉันก็มีเส้นสายอยู่เหมือนกันนะ เอายังไงถ้าเธอไม่ให้ฉันช่วยฉันก็ไม่ช่วยหรอกนะ )“ดะ เดี๋ยว ก็ได้”ฉันกดวางสายแล้วหันไปมองรถเก๋งคันสีดำที่จอดอยู่ตรงข้ามฟากถนน จากนั้นก็รีบหิ้วกระเป๋าแล้วเดินไปที่รถเก๋งคันนั้นทันที“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ เมียสุดที่รัก”“ปล่อย!!” ฉันสะบัดหัวไหล่อย่างแรงจนมือของเขาหลุดออกไป“เย็นชากับผัวจริงเลยนะ”“เลิกพูดได้ละ จะไปก็รีบไปสิ”“ออกรถ” เขาหันไปบอกลูกน้องที่นั่งอยู่ด้านหน้า“ครับนาย”ระหว่างทางก็ไม่มีใครพูดอะไรเลย ฉันไม่
“มะ….ไม่นะอื้อ” คำพูดของพิงค์ถูกกลืนลงคอไปเมื่อมาเฟียหนุ่มกดจูบแสนเร่าร้อนลงมา สองมือรวบแขนของเธอขึ้นไว้เหนือศรีษะ ก่อนจะพันธนาการเธอด้วยกุญแจมือสีแดงที่ซุกซ่อนอยู่ใต้หมอนแกร๊ก~“อืมมม….จะเอากับผัวไม่ต้องขัดขืนหรอกที่รัก” มาเฟียหนุ่มพูดน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะรูดเนคไทออกแล้วปลดกระดุมเสื้อที่สวมใส่อยู่ออกไปอย่างรวดเร็วด้วยมือเพียงข้างเดียว“อย่าทำแบบนี้ ไอ้บ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” ดูเหมือนว่าการขัดขืนของเธอ จะทำให้มาเฟียหนุ่มชื่นชอบมากเป็นพิเศษมือหนาลูบไล้ต้นขาขาวเนียนไปมาก่อนจะสอดเข้าไปด้านใน แล้วรูดจีสตริงสีดำที่เธอสวมใส่อยู่ออกมาเหวี่ยงทิ้งลงไปข้างเตียง“ไอ้บ้า! ไอ้ทุเรศ! ไอ้คนไม่รักษาสัจจะ!” เธอตะโกนด่าทอสารพัดคำพูดที่คิดออกมาได้ในตอนนั้น เพื่อหวังว่าจะให้ชายหนุ่มเสียอารมณ์และเลิกทำแบบนี้กับเธอ“ไม่มีสัจจะในหมู่โจร” มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีทางขัดขืนได้เขาจึงผละตัวออกไปถอดเสื้อผ้าของตนเองออก ก่อนจะคลานขึ้นมาหาเธออีกครั้งผลั่ก!“ซี๊ดด ยัยตัวแสบ” ร่างใหญ่ร้องอุทานเมื่อจู่ ๆ พิงค์ก็เหยียดขาถีบเขาอย่างแรง แต่ยังดีที่หลบทันเลยเฉียดแค่ด้านข้าง ถ้าเข้า
ประเทศไทยแลนด์“ไม่คิดว่าจะต้องกลับมาอีก เฮ้อ” พิงค์ถอนหายใจยาวเมื่อเครื่องบินลงจอดบนรันเวย์“เธอน่าจะดีใจซะมากกว่านะ ที่กลับมาจัดการเรื่องพวกนี้ให้มันจบ พ่อแม่ของเธอจะได้เลิกยุ่งกับเธอ”“…” ใบหน้าสวยเหลือบไปมองคนข้าง ๆ เล็กน้อยก่อนจะเดินนำออกมาจากตรงนั้น“รู้เหรอว่ารถจอดอยู่ไหน?” มาเฟียหนุ่มเดินตามมาติด ๆ“ไม่” เธอตอบคำเดียวสั้น ๆ พร้อมกับสีหน้าที่รู้สึกเบื่อหน่าย“แล้วเดินออกมาก่อนทำไม?”“แล้วจะให้ฉันยืนอยู่เพื่อ!?” เธอหันไปมองหน้ามาเฟียหนุ่ม“รถจอดอยู่ทางนี้ครับนาย”“อืม…” เขาหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้อง “ตามมาสิ” ครามเอ่ยบอกคนข้าง ๆ แต่ด้วยท่าทีที่เชื่องช้าของเธอทำให้เขาต้องอุ้มร่างของเธอลอยขึ้นเหนือพื้นแล้วเดินไปที่รถที่จอดรออยู่“นี่นาย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” พิงค์ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาบนอ้อมกอดของมาเฟียหนุ่ม“อยู่นิ่ง ๆ” เขาพูดน้ำเสียงดุดันพร้อมกับถลึงตาใส่เธอ จนหญิงสาวต้องหยุดการกระทำของตัวเอง“เปิดประตู!” มาเฟียหนุ่มเอ่ยบอกลูกน้องที่ยืนรออยู่ที่รถก่อนที่เขาจะอุ้มร่างเล็กเข้าไปด้านใน พร้อมกับวางเธอลงบนตักของเขาเอง“ปล่อยฉัน ฉันจะนั่งเอง!” พิงค์เผยอตัวขึ้นเล็กน้อยแต่กลับถูกมือหนารั้งเอ
วันต่อมา“เป็นไง?” ครามเดินเข้ามาถามหลังจากที่พิงค์วางสายจากผู้เป็นแม่ไป“….” ร่างบางหันไปมองพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นคำตอบให้กับเขา “นายก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วนะ”“อย่าคิดมากสิ ไม่แน่พ่อกับแม่ของเธออาจจะชอบฉันก็ได้ใครจะไปรู้” มาเฟียหนุ่มยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับวางมาดเข้มใส่เธอ“นายอย่าสำคัญตัวเองมากเกินไปเลย ฉันรู้ว่าพ่อแม่ของฉันเป็นคนยังไง ท่านไม่ได้เข้ากับใครง่าย ๆ หรอก”“ฉันไม่ได้สำคัญตัวเอง ฉันแค่บอกว่าบางทีพ่อกับแม่ของเธออาจจะชอบฉันก็ได้”“….” เธอถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง“คืนนี้จะไปคลับ เธออยากไปด้วยมั้ย” มาเฟียหนุ่มเอ่ย“ได้เหรอ?” เธอหันไปเลิกคิ้วถาม“อืม…”“งั้นก็ดะ…”“แต่มีข้อห้าม! หนึ่งคือเธอต้องอยู่กับฉันตลอดเวลา เธอต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอด สองห้ามดื่มจนเมาไม่ได้สติ สามห้ามลงไปด้านล่างเด็ดขาด สี่ห้ามดื้อห้ามขัดคำสั่งฉันด้วย”“โห…ถ้าจะห้ามขนาดนี้ไม่ต้องให้ฉันไปจะดีกว่า ให้ฉันนอนอยู่บ้านก็ได้หรอก” พิงค์เบี่ยงหน้าหนีเขาอย่างเบื่อหน่าย แค่อยู่บ้านด้วยกันเขาก็ออกคำสั่งกับเธอจนขยับตัวแทบจะไม่ได้ละ“ตกลงไม่ไป?”“เออ! ห้ามกันซะขนาดนี้คงจะอยากไปอยู่หรอก
“นะ…นายมาทำอะไรที่นี่อะ ไหนบอกไปทำงานไง” พิงค์พูดน้ำเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับมองหน้าของครามด้วยแววตาที่หวาดระแวง“ก็นี่ไงมาทำงาน นี่มันที่ทำงานของผัวนะจ๊ะเมีย”“วะ ว่าไงนะ ที่นี่นายเป็นเจ้าของเหรอ?”“ถูกต้องครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มร้ายบนใบหน้า ก่อนจะย่างกรายเข้าหาคนตรงหน้าราวกับกำลังคุกคาม“หนีมาเที่ยวแบบนี้ได้ยังไงหืม..”“ฉะ ฉันแค่ออกมาเจอเพื่อนน่ะ”“แล้วเธอออกมาแบบนี้ ไอ้คนที่ฉันสั่งให้เฝ้าเธอมันรู้เรื่องหรือเปล่า รู้ไหมว่าถ้าพวกมันดูแลเธอไม่ดีมันจะเจอกับอะไร”“อะไร…”“พวกมันจะต้องถูกลงโทษ ข้อหาที่ดูแลเธอไม่ดีปล่อยให้เธอหนีออกมาข้างนอกได้”“ฉะ ฉันขอโทษ อย่าทำอะไรพวกพี่เค้าเลยนะพวกเค้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย” เธอก้มหน้าต่ำลงอย่างรู้สึกผิด“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องถูกลงโทษคนเดียวน่ะสิ”“….” พิงค์ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะหันไปสบตากับมาเฟียหนุ่มแล้วฝืนยิ้มให้กับเขา “ก็ได้ ฉันยอมโดนลงโทษก็ได้ แต่นายห้ามตีฉันเจ็บนะ”“ฉันไม่ใช่ครู ฉันไม่ตีเธอหรอก แต่ฉันจะเป็นหมอฉีดยาให้คนไข้อย่างเธอต่างหากล่ะ” เขาก้มลงกระซิบข้างหูเธอ“….” หญิงสาวถึงกับยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับตัวไปไหน ไม่ได้ถูกลงโทษเธอ
หลายวันต่อมา “พร้อมมั้ยนาย?” พิงค์เหลียวตามองคนข้าง ๆ เล็กน้อย เมื่อหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านของพ่อแม่เธอตอนแรกก็มาแบบมั่นใจมากแต่พอมาถึงบ้านของพ่อแม่เธอ พิงค์กลับรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก“อืมเข้าไปสิ กลัวอะไร” ชายหนุ่มหันมอง“ไม่รู้ดิ ไม่อยากเข้าไปเลย”“ไปเถอะ”“อื้ม…” พิงค์พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะคว้าแขนของครามเดินเข้าบ้านไปด้านใน“พ่อคะ แม่คะ”“ยัยพิงค์!”“สวัสดีค่ะ พิงค์พาแฟนมาแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักค่ะ” เธอแนะนำคนข้าง ๆ ให้กับพ่อแม่ได้รู้จัก“แฟน?” พ่อกับแม่ของเธอทำหน้างงแล้วหันหน้ามองกัน“ใช่ค่ะแฟน ตอนนี้พิงค์มีแฟนแล้ว พ่อกับแม่เลิกจับพิงค์แต่งงานกับคนอื่นเถอะนะคะ”“….” พ่อกับแม่ฉีกยิ้มก้างออกมาทำให้พิงค์ที่ยืนอยู่ถึงกับงงทันที“พ่อกับแม่ยิ้มอะไรคะ?”“ก็คนนี้ไงลูก คู่หมั้นของหนู” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นมา ทำเอาพิงค์ถึงกับยืนอึ้งไปเลย“วะ ว่าไงนะคะ” พิงค์เอ่ยถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก “ผู้ชายคนนี้ เป็นคู่หมั้นของพิงค์เหรอคะ?”“ใช่แล้วลูก เป็นแฟนกันก็ไม่บอกปล่อยให้แม่กับพ่อคิดมากอยู่ตั้งนาน”“….” พิงค์หันไปมองหน้าของมาเฟียหนุ่มด้วยสายตาที่ผิดหวัง เธอเสียความรู้สึกกับครั้งนี้มาก “นายหลอกฉันทำ
สามวันต่อมา “คุณพิงค์ครับ”“….” พิงค์หันหลังไปตามเสียง แต่แล้วเธอก็ถูกชายร่างใหญ่ใช้ผ้าสีขาวปิดเข้าที่จมูกของเธอ ก่อนที่สติของเธอจะเริ่มเลือนลางและไม่รับรู้อะไรอีกเลย“ผมขอโทษนะครับคุณพิงค์อย่าโกรธกันเลยนะครับ ผมทำตามคำสั่งของนาย ถ้าผมไม่ทำแบบนี้คุณพิงค์ก็คงจะขัดขืนไม่ยอมไปกับผมง่าย ๆ แน่” พูดจบเขาก็อุ้มร่างของหญิงสาวขึ้นแล้วพาลงมาด้านล่างที่รถตู้จอดรออยู่“ออกรถเลย”“ครับพี่”บ้านคราม ไม่นานรถตู้ก็ขับเข้าไปจอดยังบ้านของคราม ลูกน้องของเขารีบอุ้มร่างของพิงค์เข้าไปด้านในทันที“เธอเป็นอะไร?”“เปล่าครับ ผมใช้ยาสลบกับคุณพิงค์เธอแค่สลบเพราะฤทธิ์ยาครับนาย”“…” มาเฟียหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เขาเดินไปคว้าร่างของพิงค์มาอยู่ในอกของตัวเอง “บอกแม่บ้านทำอาหารไว้ให้เธอด้วย ห้ามมีกุ้งเด็ดขาด”“ครับนาย”จากนั้นมาเฟียหนุ่มก็รีบอุ้มร่างของหญิงสาวที่รักขึ้นไปด้านบนทันทีร่างบางถูกวางลงบนเตียงหนานุ่มอย่างอ่อนโยน มือหนาเกลี่ยไรผมออกจากใบหน้าสวยก่อนจะก้มลงสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของเธอ“เธอยังตัวหอมไม่เปลี่ยนเลยนะพิงค์ อืม…หอม”“….”“หนีฉันไปตั้งหลายวันคิดถึงจะแย่แล้วนะพิงค์ สองปีก่อนที่เธอหนีไปก็ทำฉันแทบคลั
เช้าวันต่อมา “อื้อซูซูอย่ากวนสิ” มือเล็กปัดป่ายแมวตัวน้อยให้ออกห่างจากตัว เมื่อมันกำลังรบกวนเวลานอนของเธอ แต่มันกลับไม่เชื่อฟังมาคลอเคลียตามซอกคอของเธอราวกับว่าไม่ได้เจอกันมานาน“อื้ออซูซู”“ฉันเอง” เสียงเข้มดังขึ้นมา ทำให้พิงค์ต้องปรือตามอง สิ่งที่กำลังคลอเคลียซอกคอของเธออยู่ไม่ใช่ซูซู แต่เป็นครามต่างหากล่ะ“นายมากวนฉันทำไมเนี่ย!” เธอพูดอย่างหงุดหงิด“ฉันไม่ได้มากวนสักหน่อย แค่จะมาปลุกให้เธอตื่นแค่นั้นเอง”“ฉันยังง่วงอยู่เลยอะ นอนต่อได้ป่ะ” เธอพลิกตัวหนีไป“ไม่ได้ ลุกได้แล้วนะสายแล้ว ไหนบอกว่าวันนี้จะลงโทษฉันไง” ครามโน้มตัวไปหาเธอ พร้อมกับพรมจูบตามแขนเล็กอย่างหลงใหล“อือ แต่ง่วงมากกว่าอะ”“ถ้าเธอไม่ลุก ฉันจะถือว่าสิ่งที่เราพูดกันเมื่อวานเป็นโมฆะนะ”พรึบ!ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น“ไม่ได้! ยกเลิกไม่ได้” เธอพูดอย่างจริงจัง“งั้นก็ลุก จะได้ไปกินข้าวกัน”“อื้อ….ขี้เกียจจังโลยยย….”“พิงค์!” มาเฟียหนุ่มข่มเสียงเข้มใส่เธอ เมื่อพิงค์เอนตัวนอนลงอีกรอบนึง“อารายแค่จะบิดขี้เกียจเฉย ๆ หรอกน่า ทำมาเป็นขึ้นเสียงใส่ เก่งอ่อ?”“เปล่าครับ ไม่กล้าเก่งกับเมียหรอก” สีหน้าที่ตึงเครียดเ
4ปีต่อมา สองพี่น้องกระทิงและน้องฟ้าครามเติบโตกันมาอย่างมีคุณภาพ เพราะได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดีจากผู้เป็นแม่และพ่อ กระทิงทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมากคอยปกป้องและดูแลน้องทุกครั้งที่น้องถูกแกล้งหรือรังแก ทั้งสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน กระทิงเข้าชั้นประถมแล้วแต่ฟ้าครามยังเรียนอยู่อนุบาลอยู่เลย“ผมไปเรียนก่อนะครับคุณแม่” กระทิงเดินมาหาผู้เป็นแม่ก่อนจะยกมือไหว้โค้งก้มสวัสดีอย่างนอบน้อม น้องสาวเมื่อเห็นพี่ชายทำแบบนั้นก็รีบทำตามทันที“สวัสดีค่ะคุณแม่”“สวัสดีจ้า ตั้งใจเรียนกันนะลูก”“ครับคุณแม่” กระทิงจูงมือน้องสาวไปขึ้นรถที่ผู้เป็นพ่อสตาร์ตจอดรออยู่หน้าบ้าน “ไปกันเถอะครับคุณพ่อ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย”“ขึ้นรถเลยครับเด็กๆ เดี๋ยวพ่อจะรีบซิ่งรถพาไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้เลย”“ครับ//ค่ะ”ครามขับรถพาลูกๆ ไปส่งโรงเรียนตามปกติ จากนั้นก็ขับรถไปทำงานที่บริษัทของตัวเอง ตกเย็นก็ขับรถไปรับลูกๆ กลับมาที่บ้านตามปกติ เขาทำแบบนี้เป็นประจำตั้งแต่น้องกระทิงเริ่มเข้าโรงเรียน ไม่ได้ให้ลูกๆ ขึ้นรถรับส่งไป เพราะเขาอยากมั่นใจว่าทุกวันเขาไปส่งลูกๆ ถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยแล้ว อีกอย่างโรงเรียนของทั้งสองก็เป็นทางผ่านบริษัท
6 เดือนต่อมา อุแว้ อุแว้ อุแว้“คุณแม่ครับน้องฟ้าครามร้องอีกแล้วครับ” กระทิงน้อยวิ่งมาบอกผู้เป็นแม่เมื่อน้องสาวตื่นร้องเสียงดัง“พ่อล่ะลูก อยู่ตรงนั้นหรือเปล่า” เธอหันไปพูดกับลูกชาย“ไม่ครับ คุณพ่อไปเข้าห้องน้ำ”“อ๋อ งั้นหนูไปดูน้องก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่ตามไป” พิงค์วางมือจากงานตรงหน้า รีบล้างมือจนสะอาดจากนั้นก็สาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปด้านในแง้ แง้ แง้“โอ๋ ๆ ๆ ไม่ร้องนะคะคนดีของแม่” พิงค์อุ้มลูกน้อยขึ้นมาพาดอกแล้วลูบหลังปลอบเบาๆ“ลูกตื่นเหรอพิงค์” ครามรีบเดินออกมาอย่างรีบร้อน“อืม…”“ขอโทษนะพอดีว่าฉันปวดท้องหนักอะ เลยรีบไปห้องน้ำ”“ไม่เป็นไรหรอก”ครามหยุดงานมาคอยช่วยพิงค์ดูแลลูกเพราะเธอไม่ได้จ้างพี่เลี้ยง ส่วนป้าศรีก็ต้องทำงานบ้านของตัวเองเหมือนกัน รอจนกว่าน้องฟ้าครามจะโตกว่านี้อีกนิดเขาถึงจะกลับไปทำงานเหมือนเดิม เพราะตอนนี้พิงค์ต้องคอยดูแลลูกสองคนพร้อมกันน้องกระทิงก็ต้องไปโรงเรียนทุกวัน“แล้วนี่น้องฟ้าครามเป็นอะไรตื่นหรอ”“ฉี่แตกน่ะ นายเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ใหม่หน่อยสิ”“ได้ๆ แป๊บนึงนะ” ครามรีบจัดแจงปูผ้าที่นอนให้กับลูกน้อยใหม่อีกครั้ง จากนั้นพิงค์ก็พาลูกสาวตัวน้อยลงไปนอนบนเบาะเหมือนเดิ
พิงค์ Talk ฉันมาอยู่ที่บ้านของคีร่าหลายวันแล้ว แต่ละวันลูกชายแทบจะไม่อยู่บ้านเลยเพราะลุงกับป้าพาออกเที่ยวทุกวัน ความจริงครามก็ชวนฉันออกเที่ยวเหมือนกันแต่ฉันขี้เกียจไปเพราะมันต้องเดิน ฉันรู้สึกหนักตัวเองจนไม่อยากจะเดินออกไปไหนเลย ถึงจะท้องได้แค่ห้าเดือนแต่ท้องของฉันมันขยายออกมาพอควรเลยแถมมีรอยแตกที่สีข้างอีก เดาได้เลยว่าหน้าท้องของฉันจะต้องแตกลายแน่นอนตอนท้องน้องกระทิงช่วงนี้ฉันยังท้องไม่โตเท่าไหร่ แต่อาจจะเป็นเพราะท้องแรกด้วยท้องเลยไม่ค่อยขยายใหญ่เท่าไหร่ แต่พอมาท้องคนนี้เป็นท้องคนที่สองหน้าท้องที่เคยขยายใหญ่อยู่แล้วมันก็ขยายออกมาอีก“พิงค์”“หือว่าไง” ฉันขานรับครามพลางเหลียวหลังไปมองยังต้นเสียงที่เรียกฉัน “เรียกทำไม?”“เปล่า นึกว่าหายไปไหน” ครามเดินมานั่งลงตรงข้างๆ ฉัน“อยู่ในบ้านมันอุดอู้น่ะ ฉันก็เลยออกมานั่งเล่นอยู่ในสวน บรรยากาศดีเนอะ”“อยากออกไปไหนไหมล่ะ เดี๋ยวฉันพาไป”“ไม่ล่ะ ฉันขี้เกียจเดินอ่ะไม่อยากไปไหนเลย”“อยู่ในบ้านเบื่อจะแย่”“….” ฉันไม่ได้ตอบอะไรครามไป มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละอยู่ในบ้านก็เบื่อจะแย่แต่จะให้ออกไปไหนฉันก็ขี้เกียจ มันคงเป็นอารมณ์ของฉันที่รู้สึกเบื่อ
เวลาผ่านไป เมืองนอกสองสามีภรรยากับลูกชายอีกหนึ่งคนพากันเดินลงเครื่องทันทีที่เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์เรียบร้อยแล้ว การมาในครั้งนี้ทั้งสองไม่ได้บอกใครเลยเพราะต้องการที่จะมาเซอร์ไพรส์สองลุงป้าพี่มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาพักผ่อนถ้าได้เห็นหน้าหลานคงจะรู้สึกดีมีความสุขน่าดูเลยทั้งสองมีลูกไม่ได้เพราะโรคประจำตัวบางอย่าง ร่างกายของคีร่าไม่แข็งแรงมากพอที่จะอุ้มท้องได้ และภูริก็มีโรคบางอย่างที่ทำให้น้ำเชื้อของเขาไม่แข็งแรง ถึงจะอยากมีลูกแค่ไหนแต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงทั้งสองก็ไม่อยากเสี่ยง เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งด้วย“ฮายคุณป้าคีร่า” กระทิงน้อยวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความดีใจ ทันทีที่รถจอดดับสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน ก่อนที่พิงค์และครามจะเดินตามเข้าไปทีหลัง“ว๊ายกระทิงน้อยหลานป้า มาได้ยังไงครับเนี่ย” คีร่าหันมามองด้วยความตกใจเมื่อเห็นหลานชายกำลังวิ่งเข้าไปหาตน ในใจนึงก็คิดว่าตนเองพักผ่อนน้อยจนละเมอไปหรือเปล่า แต่พอกระทิงสวมกอดเท่านั้นแหละรู้เลยว่ามันเป็นความจริงไม่ใช่ละเมอ“มาเซอร์ไพรส์ป้าคีร่าได้ยังไงล่ะครับ โรงเรียนของกระทิงปิดเทอมแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็เลยจะพามาเที่ยวที่บ้านของป้าคีร่านานๆ เลยคร
4 เดือนต่อมา โรงพยาบาล “ยินดีด้วยนะครับ คุณได้ผู้หญิงนะครับ ต้องสวยเหมือนคุณแม่แน่ๆ เลย” คุณหมอเอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พลางเลื่อนอุปกรณ์อัลตร้าซาวด์ไปรอบๆ ท้องใหญ่เพื่อตรวจดูร่างกายของเด็กทารกในครรภ์ “น้องแข็งแรงปกติดีนะครับไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ต่อไปก็มาพบหมอตามนัดเหมือนเดิมนะครับ ช่วงนี้หมอจะนัดบ่อยหน่อยเพราะใกล้คลอดแล้ว อีกอย่างหมอจะได้อัลตร้าซาวด์ดูน้องด้วยว่าพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว” หมออธิบาย“ค่ะคุณหมอ”หลังจากเสร็จสิ้นการมาพบหมอในครั้งนี้ ครามก็พาพิงค์แวะไปที่โรงเรียนของลูกชายเพราะถึงเวลาเลิกเรียนพอดีจะได้รับแกกลับมาพร้อมกันเลยโรงเรียนอนุบาลคอนแวนต์ “นั่งรออยู่ที่รถนี่แหละ เดี๋ยวฉันลงไปรับลูกเอง” พูดจบครามก็เปิดประตูลงจากรถไปทันที ปล่อยให้พิงค์นั่งรออยู่ในรถคนเดียวในโรงเรียนมีเด็กเล็กเยอะแยะมากมาย เขากลัวว่าจะมีเด็กวิ่งซนมาชนพิงค์เข้าเลยให้เธอนั่งรออยู่ในรถดีกว่า“คุณพ่อคร้าบ” ทันทีที่กระทิงน้อยเห็นพ่อของตัวเองก็รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกระโดดกอดคอพ่อของตนเองด้วยความดีใจ “คุณแม่ไม่ได้มาด้วยหรอกครับ”“มาครับผมคุณแม่นั่งรออยู่ในรถ พ่อไม่ได้ให้คุณแม่ลงมาด้วยกลัวว่าจะมีคนเดินมา
ร่างบางกระตุกยิ้มก่อนจะก้มลงดูดเลียที่ปลายหัวบานฉ่ำ ลิ้นเรียวเล็กตวัดเลียไปมาอย่างมูมมาม ทำเอาร่างหนาที่นอนอยู่เกร็งไปทั้งตัวเพราะความเสียว สองมือกอบกุมดุ้นใหญ่ส่วนล่างชักรูดเป็นจังหวะพร้อมๆ กับลิ้นที่กำลังตวัดเลียไปมา“อื้ม พิงค์อ่าส์ เธอแม่ง ซี๊ด!” ครามได้แต่นอนร้องครวญคราง เพราะทุกช่วงจังหวะที่ลิ้นตวัดเลียโดนส่วนหัวมันทำเอาเขาแทบขาดใจ“อื้ม…” พิงค์ครางออกมาเบาๆ พลางไล่ดูดเลียตามลำท่อนใหญ่ไปเรื่อยๆ“พะ พอก่อนอ่าส์ มันจะแตกอื้ม ฉันอยากแตกในตัวเธอมากกว่า” ครามหยุดทุกอย่างด้วยมือของเขา ก่อนที่ร่างหนาจะดันตัวให้ลุกขึ้นผลักตัวของพิงค์ให้นอนราบกับเตียงแทน แล้วขึ้นไปคร่อมตัวของเธอโดยที่ตัวเขาเองทิ้งน้ำหนักตัวลงไปหาเธอเพียงเล็กน้อย “ยั่วเก่งนักนะ รู้ว่าทำแรงไม่ได้แต่ก็ยังจะยั่ว มันน่านัก!” ครามเม้มปากแน่นเพราะรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากจะจับพิงค์กระแทกให้หนักๆ ไปซะเดี๋ยวนี้เลย แต่ติดตรงที่ว่าเธอกำลังท้องอยู่“ฉันเปล่าสักหน่อย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” พิงค์ทำท่าทางเล่นหูเล่นตา ทำให้ครามที่รู้สึกมันเขี้ยวอยู่แล้วอยากจะขยี้เธอมากขึ้นไปอีก“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ครามพูดข่มเสียง ก่อนจะไล่ซุกไซร้ตามซอกค
งานแต่ง ครามxพิงค์ หญิงสาวที่อยู่ในชุดสีขาวสะอาดกำลังเดินมาพร้อมกับช่อดอกไม้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขสีหน้ายิ้มแย้ม สายตามองทอดยาวออกไปตรงที่ผู้เป็นสามีกำลังยืนรออยู่ด้วยสีหน้าที่สดใส พร้อมกับลูกชายที่แต่งตัวใส่ชุดสูทสีขาวราวกับเทพบุตรตัวน้อยเสียงปรบมือดังขึ้นรัว ๆ เมื่อเจ้าสาวเดินมาถึงเจ้าสาว สองมือประสานกันแล้วพากันขึ้นไปบนเวทีเล็ก ๆ“วันนี้เธอสวยมากเลยนะพิงค์”“นายก็หล่อมากเลยนะคราม” หญิงสาวมองคนตรงหน้าแล้วยิ้มให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีไม่มีอะไรผิดพลาด งานแต่งของทั้งสองถึงมันจะไม่ได้ใหญ่โตมากมายแต่มันก็หรูหราไม่เบา มีคนรู้จักมากหน้าหลายตาญาติพี่น้องที่เคยรู้จักกันก็มาร่วมพิธีงานแต่งนี้ด้วย“เจ้าบ่าวกล่าวอะไรหน่อยไหมครับ” ตี๋ลูกน้องคนสนิทของพิงค์เป็นพิธีกรในงานนี้ โดยมีไม้ยืนอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน “สักนิดนึงก็ยังดีครับ เล่าถึงเรื่องความรักของทั้งสองว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เจอกันเมื่อไหร่ที่ไหน”ครามรับไมค์จากมือของลูกน้องมา ก่อนจะหันมองไปที่ด้านหน้าที่ทุกคนกำลังยืนรอฟังคำตอบจากปากของครามอยู่“เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ ผมย้ายโรงเรียนบ่อยไม่มีที่เรียนเป็นหลักเป็นแหล่
พิงค์ Talk เย็นวันนั้น“นายแอบถ่ายรูปฉันไปลงไอจีเหรอคราม”“เธอเห็นเหรอ”“เออดิ ทำไมชอบแอบถ่ายอะ ดูแต่ละภาพดิ๊ไม่เห็นจะสวยเลย นายแกล้งฉันเหรอคราม?” ไม่รู้ว่าถ่ายลงไปได้ยังไงฉันเหมือนตัวตลกเลยแหละ แถมยังมีคนมากดไลท์คอมเมนต์กันเยอะด้วยนะ บ้าจริง ๆ เลยคราม“น่ารักจะตายตอนที่เธอเผลอ มองยังไงให้น่าเกลียด ลองให้ใครมันมาว่าเธอดูสิฉันจะจับมันตัดลิ้นเลย”“ยึ๋ยคราม อย่าพูดแบบนั้นสิฉันสยอง” ไม่ใช่แค่คำพูดอย่างเดียวนะแถมครามยังทำหน้าตาเหมือนกับคนโรคจิตฆ่าตัดตอนอีกด้วย ชอบแกล้งกันดีนักนะ“แหะ ๆ พูดเล่นครับไม่ทำจริงหรอก”“ก็ลองให้ทำจริงดูสิ ฉันจะยิงเป้านายให้ดู” ฉันชี้หน้าครามพร้อมกับจ้องหน้าอย่าเอาเรื่อง ฉันไม่ได้พูดเล่นนะฉันพูดจริง และถึงแม้ตอนนี้ฉันจะไม่ได้ซ้อมแต่ฝีมือการยิงปืนของฉันก็ยังเหมือนเดิม ยังแม่นตรงเป้าเหมือนเดิม“คร้าบ ไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกครับ”“ดีมากค่ะ”หลังจากที่เรากินข้าวกันอิ่มเรียบร้อยแล้วก็พากันขึ้นไปนอนด้านบน ซึ่งน้องกระทิงก็หลับไปเรียบร้อยแล้วคงจะเหนื่อยมากเลยน่ะสิ วิ่งเล่นทั้งวันเลยวันนี้ ส่วนฉันก็ยังไม่ค่อยรู้สึกง่วงเท่าไหร่เลยมานั่งเล่นอยู่ที่หน้าระเบียง รับลมทะเลตอนกลางคื
เช้าวันต่อมา “ตื่นเช้าจังเลยครับ” ร่างใหญ่สวมกอดเมียสุดที่รักจากทางด้านหลัง พร้อมกับพรมจูบสูดดมกลิ่นหอมตามลำคอของเธอ มือหนาจับที่หน้าท้องเล็กลูบไล้ไปมา เพราะรู้ว่ากำลังมีอีกหนึ่งชีวิตเติบโตอยู่ในนั้น“อือ ฉันนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่น่ะ เมื่อเช้ารู้สึกพะอืดพะอมก็เลยรีบลุกออกมาก่อน”“แพ้มากหรือเปล่าคนนี้”“ก็ปกตินะ ช่วงแรก ๆ ที่รู้ว่ากำลังมีกระทิงฉันก็แพ้ท้องแบบนี้แหละ เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะรู้สึกอยากกินของเปรี้ยว ๆ กินเยอะอยากนอน”“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันอยากเป็นแทนเธอจริง ๆ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นว่าภรรยาสาวกินอะไรไม่ได้เลยเพราะแพ้ท้องหนักเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นเองซะมากกว่า“ไม่ต้องคิดมากหรอก เป็นปกติของผู้หญิงอยู่แล้ว บางคนไม่แพ้ท้องเลยก็ดี แต่บางคนก็แพ้หนักกว่าฉันอีกนะนี่ถือว่ายังเบา” เท่าที่เคยเห็นมามีคนที่มีอาการแพ้ท้องหนักกว่าเธออีก กินอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งน้ำที่มันมีรสชาติ วันนึงกินได้แต่น้ำเปล่าเพราะกินอะไรไม่ได้เลย ร่างกายอ่อนเพลียมากกว่าจะหายแพ้ท้องก็ตั้งสี่ห้าเดือน แต่สำหรับเธอยังถือว่าเบาไม่ได้แพ้ท้องหนัก เพราะเธอจะเป็นแบบนี้อยู่ประมาณสองถึงสามเดือนแล้ว