เถื่อนทิศต้องบอกความจริงในที่สุด
“ก็ไม่เป็นไรนี่คะ… ถ้าคุณอาอยู่ในน้ำก็ไม่เห็นอะไรหรอกค่ะ… นอกเสียจากว่าชะโดของคุณอาจะโดดขึ้นมาเหนือน้ำ”
ลูกแก้วกล่าวทั้งเสียงหัวเราะ
“แก้ว… แก่แดดจัง ไปเอาคำพวกนี้มาจากไหน”
เถื่อนทิศส่ายหน้า
“ก็เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านเช่ากับพ่อ… แก้วได้ยินกิ๊กของพ่อทะเลาะกับพ่อเรื่องหึงหวงกัน ได้ยินแกว่าจะเอามีดหั่นชะโดของพ่อแล้วโยนให้เป็ดกิน… ก็เลยรู้ว่าเค้าเรียกของผู้ชายว่าชะโด”
ลูกแก้วหัวเราะขำ เถื่อนทิศส่ายหน้าอีกครั้ง หากแต่เขาก็พอจะเข้าใจได้ เมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิตของผู้หญิงคนนี้ ด้วยตอนนั้นดาบยิ้มพ่อของลูกแก้วเช่าห้องเล็กๆ อยู่ใกล้คลองเตย สลัมชื่อดังในตำนานของเมืองบางกอก ทำให้ลูกแก้วต้องเติบโตมาท่ามสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยชุมชนแออัด อยู่กันอย่างไร้ระเบียบ คุณภาพชีวิตต่ำ แวดล้อมไปด้วยชนชั้นกรรมกรหาเช้ากินค่ำ
“สอนแก้วว่ายน้ำนะคะอาเถื่อนขา”
ลูกแก้วอ้อน
“ไม่ได้… ยังไงก็ไม่สมควรอยู่ดี”
“โธ่… คุณอาคะ แก้วอุตส่าห์ตามมาเล่นน้ำด้วย… ช่วยสอนแก้วว่ายน้ำนะคะ… นะ… ”
ลูกแก้วตื๊อไม่เลิก ส่งสายตาวิงวอนให้อาเถื่อนใจอ่อน
“ไม่ได้… กลับขึ้นฝั่งเดี๋ยวนี้… นี่เป็นคำสั่ง”
เสียงเข้มและแววตาดุที่มองมาอย่างเอาจริง ทำให้หญิงสาวชะงัก ลูกแก้วนึกในใจว่าแบบนี้มันนิสัยนายพลชัดๆ สงสัยคงชอบบังคับ ชอบออกคำสั่งกับตำรวจชั้นผู้น้อยจนเคยชิน แต่ก็ยอมรับว่าแววตาของเถื่อนทิศดุชะมัด เวลาเอาจริงเขาน่ากลัว
“ก็ได้ค่ะ… ”
หญิงสาวทำทีเป็นว่ายช้าๆ เข้าหาฝั่ง แล้วจู่ๆ หล่อนก็ชะงัก สองมือตีน้ำป๋อมแป๋มเหมือนจะพยุงตัวเองไม่ไหว หวีดร้องจนเถื่อนทิศตกใจ
“โอ๊ย… ชะ… ช่วยด้วย… ตะคริวค่ะ”
ร่างของลูกแก้วจมหายลงไปในน้ำชั่วขณะ ก่อนจะตะเกียกตะกายโผล่ขึ้นมา
“แก้ว… ”
เถื่อนทิศจ้วงแขนสุดกำลัง พุ่งเข้ามาถึงตัวลูกแก้วในอึดใจสั้นๆ คว้าร่างของหล่อนเอาไว้ พอมีที่ไขว่คว้าให้เกาะ ลูกแก้วก็กอดร่างกำยำของอาเถื่อนเอาไว้แน่น เบียดกายเข้าหาหนุ่มใหญ่ด้วยแรงถวิลหา ร่างกายแนบชิดจนรู้สึกได้ว่าบางอย่างแข็งๆ… กำลังดุนดันอยู่กับท้องของหล่อน ลูกแก้วลอบมองใบหน้าของเถื่อนทิศ แอบยิ้มเหมือนนางร้ายในละคร ก่อนจะแกล้งสลบคอพับ
“อ้าว… แก้ว… ”
เถื่อนทิศตกใจ ไม่เพียงแค่แกล้งเป็นตะคริว หากหญิงสาวยังแกล้งสลบ เพื่อจะให้เขาอุ้มหล่อนขึ้นฝั่ง ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่หญิงสาวคาดไว้ เถื่อนทิศรีบอุ้มร่างไร้สติในอ้อมแขนขึ้นมาจากน้ำ ที่เขากล้าขึ้นมาทั้งสภาพร่างกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน อวดท่อนเอ็นอวบหนาเหวี่ยงฟาดขาพลั่บๆ ก็เพราะเห็นว่าหญิงสาวสลบ หล่อนคงไม่เห็น
“แก้ว… ”
เขาเรียกชื่อหล่อน หลังจากพามาวางลงบนเนินทรายริมฝั่ง หญิงสาวแอบลืมตามอง
‘อู้วววว… ’
เห็นแก่นกายอลังการของอาเถื่อน เบ้อเริ่มเชียว ดูอวบใหญ่เป็นลำยาวลงมาถึงหน้าขาแน่ะ
เถื่อนทิศเอื้อมคว้ากางเกงมานุ่งอย่างเร็วรี่ รีบหันกลับมาเขย่าร่างของหญิงสาว ลูกแก้วรอจังหวะ ได้โอกาสก็รีบพ่นน้ำที่แอบอมไว้ในกระพุ้งแก้มอึกใหญ่ๆ ส่งเสียงไอค่อกแค่กเรียกความสงสาร
“แค่กๆ ๆ ๆ ๆ… ”
คนเจ้าเล่ห์แกล้งสำลักน้ำ เอื้อมมือลงมาจับที่ปลีน่องของตัวเอง ทำหน้าสำโอดสำออย ส่งสายตาละห้อยมองหน้าอาเถื่อน
“เป็นไงบ้าง… ”
เถื่อนทิศนั่งคุกเข่าลงข้างๆ ดีใจที่เห็นหล่อนปลอดภัย รีบช้อนขาข้างที่เป็นตะคริวขึ้นมาบีบนวดปลีน่อง หญิงสาวยังคงแกล้งไอค่อกแค่กเรียกร้องความสนใจ เพื่อที่จะไปสู่แผนสอง
“ดีขึ้นไหม”
เถื่อนทิศถาม
“ดีขึ้นแล้วค่ะ… ”
ลูกแก้วไม่ได้เจ็บ แต่กลับรู้สึกวาบหวาม หวิวๆ ในอารมณ์ ตอนที่มือใหญ่ของอาเถื่อนบีบนวดปลีน่องเนียนขาว หล่อนแอบเห็นดวงตาคมกริบของเขาเหลือบมองทรวงอกอวบใหญ่
“ถ้าดีขึ้นแล้วก็รีบสวมเสื้อผ้าเถอะนะ”
เหมือนกับว่าเถื่อนทิศฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาวางขาหล่อนลงแรงๆ เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังโดนหลอก
“โอ้ย… มือหนักจัง”
อีตาบ้า… ลูกแก้วทำหน้าง้ำใส่คนตัวใหญ่
“ถามจริง… เมื่อกี้แกล้งหลอกอาใช่ไหม”
เถื่อนทิศย่นหน้าผากสงสัย
“มะ… ไม่ได้หลอกค่ะ”
คนเจ้าเล่ห์ที่อยากเห็นขีปนาวุธคู่กายของคุณอา รีบตอบ ตัวเองเท่านั้นที่รู้ว่าโกหก
“เร็ว… อาจะกลับแล้ว”
“เดี๋ยวสิคะอาเถื่อนขา… เมื่อกี้น้ำเข้าปอดแก้วเยอะมาก… ผายปอดให้แก้วนะคะ”
ลูกแก้วส่งสายตาอ้อน เถื่อนทิศนึกในใจว่าน้ำคงเข้าปอดไปเยอะสินะ จึงได้นูนขึ้นมาราวกับเอามะพร้าวสองลูกยัดไว้ข้างใน
เมื่อเห็นเถื่อนทิศนิ่งมองสองเต้าราวกับกำลังโดนมนต์สะกด ลูกแก้วรีบฉวยโอกาสเอื้อมสองมือโอบใบหน้าสุดหล่อเหลา รั้งลงมาบดริมฝีปากเข้าหากันแน่นจนเถื่อนทิศตั้งตัวไม่ทัน จำต้องก้มลงมา แขนสองข้างคร่อมขึงอยู่ระหว่างลำตัวของหญิงสาว แขนเบียดสองเต้า ขณะก้มลงบดริมฝีปากเข้าหากันแน่น แลกลิ้นกันด้วยความดื่มด่ำลืมตัว
เถื่อนทิศรู้ว่าสถานการณ์นี้มันแปลกๆ แม้ว่าพอจะจับพิรุธได้หลายอย่าง หากก็ยากเหลือเกินที่จะต้านทานความเร่าร้อนของหญิงสาวคนนี้ สุดท้ายก็ยอมให้ปลายลิ้นร้อนผ่าวของลูกแก้ว สอดชำแรกเข้ามาในอุ้งปากของเขา กวาดต้อนเอาเรียวลิ้นของกันและกันออกมาเกี่ยวกระหวัดร้อยรัดกันดื่มด่ำเร่าร้อนจนไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายรุกใครเป็นฝ่ายรับ
“อ๊อย... ”
ลูกแก้วร้องคราง ทำหน้าฟิน เถื่อนทิศก็ผู้ชายทั้งแท่ง โดนแบบนี้ก็เผลอจูบตอบด้วยความลืมตัว ทำเอาลูกแก้วรู้สึกร้อนผะผ่าวไปทั้งตัว
เถื่อนทิศเสียการควบคุมตัวเองไปชั่วขณะ ยอมให้แรงพิศวาสที่ซ่อนเร้นเอาไว้ ดึงดูดเขากับลูกแก้วเข้าหากันด้วยความลืมตัว บดปากจูบกันนัวเนียอยู่ครู่สั้นๆ กระทั่งสติคืนกลับมา
“หยุด… แก้ว… พะ… พอได้แล้ว”
คนปากแข็งเป็นฝ่ายบดจูบเข้าหาหล่อนเอง แต่กลับสั่งให้หญิงสาวหยุด
“ก็เมื่อกี้แก้วจะหยุด… แต่อาเถื่อนก็ดูดลิ้นแก้วไม่เลิก… จะให้แก้วหยุดยังไงล่ะคะ”หล่อนโทษว่าเป็นความผิดของเขา“พอๆ… นี่แก้วจะไม่เถียงอาสักเรื่องได้ไหม”สำนึกผิดชอบชั่วดีที่ตีกันนัวอยู่ในหัวของเถื่อนทิศทำให้เขาร้องห้าม ย้ำเตือนอยู่ภายในใจตัวเองว่าเขาจะทำแบบนี้ไม่ได้… ด้วยเคยให้สัญญากับดาบยิ้มบิดาของหล่อนเอาไว้ว่าจะดูแลลูกแก้วอย่างลูกสาวบุญธรรม“รีบสวมเสื้อผ้า… อาจะกลับแล้ว”ทำเป็นวางมาดเข้ม สั่งเสียงดุ“ค่ะ… ”ลูกแก้วตอบขณะยกหลังมือขึ้นแตะริมฝีปากที่โดนจูบจนบวมเจ่อ หล่อนเม้มริมฝีปากเบาๆ ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากอีกครั้ง... ความวาบหวามนั้นยังอยู่ อาเถื่อนคนนี้จูบได้เร่าร้อนเหลือเกิน “หูหนวกหรือไง… บอกให้รีบสวมเสื้อผ้า… กลับกันได้แล้ว”สั่งเสียงเข้มอีกครั้ง ก้าวยาวๆ เดินนำหน้าออกมาที่รถกระบะ ลูกแก้วรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ เดินหน้าง้ำตามต้อยๆ มาที่รถ “เดี๋ยวนั่งไปกับอา… คราวหลังถ้าไม่มีอามาด้วยห้ามขี่จักรยานมาแถวนี้คนเดียวนะ”เถื่อนทิศทำเสียงดุ หญิงสาวแอบยิ้มเมื่อรู้ว่าเขาห่วง ทอดสายตามองร่างสูงใหญ่ยกรถจักรยานใส่ไว้ในกระบะหลังของรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำคันใหญ่“โกรธแก้วหรือคะ”ม
เวลาล่วงเลยมาอีกพักใหญ่ๆ หลังจากทอดกายลงนอนบนเตียง ไม่รู้ว่าตัวเองหลับหรือตื่น แต่ลูกแก้วรู้เพียงว่ากำลังกระสับกระส่าย พลิกกายไปมาด้วยอารมณ์ว้าวุ่นร้อนรนแปลกๆจากนั้นภายในหูก็ได้ยินเสียงบานประตูถูกผลักเข้ามาพร้อมกับสายลมเย็นยะเยือกและร่างเปลือยเปล่าดำทะมึนของใครคนหนึ่ง ปรากฏกายอยู่ที่ปลายเท้า ตาแดงวาวจ้องมองเรือนร่างเย้ายวนของหล่อน ขณะมือกำลังรูดท่อนเอ็นของตัวเองไปด้วย“ใคร… ”ลูกแก้วตะโกนถาม ท่ามกลางแสงจันทร์ข้างขึ้นที่ฉายกราดเข้ามาถึงภายในห้องนอน สว่างพอให้มองเห็นรางๆ ว่าร่างทะมึนและสูงใหญ่นั้นเป็นผู้ชาย เขาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน เรือนกายกำยำล่ำสันปราศจากเสื้อผ้าอาภรณ์เขาไม่ตอบคำถาม หากยังตรงรี่เข้ามาหาหล่อนด้วยท่าทางหื่นกระหาย“แกเป็นใคร… อย่าเข้ามา… ออกไปนะ… ” ถามยังไม่ทันขาดคำร่างถมึงทึงก็ถาโถมเข้าใส่ลูกแก้วเต็มแรง ลำตัวใหญ่หนาและหนักอึ้งของมันทาบทับลงบนเรือนกายบอบบางของหล่อนจนหายใจแทบไม่ออก “ชะ… ช่วยยย… ”ไม่ทันจะกรีดร้อง ผู้บุกรุกก็ปิดปากของหล่อนเสียแนบสนิทด้วยริมฝีปากปรกไปด้วยแพหนวดสีดำหนาของมัน ทำให้เสียงร้องของลูกแก้วถูกกลืนหายเข้าไปอู้อี้อยู่ในลำคอของตัวเอ
เซตนี้ประกอบด้วย คุณอาเถื่อนและคุณอาน่าหม่ำผู้เขียน : กาสะลองนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคลและสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนาอ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ……….นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนาทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรงท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง*เราเตือนท่านแล้ว*สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2537ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้นคุณอาเถื่อนเมื่อเดินทางมาถึงศาลาวัดแห่งหนึ่ง ‘ลูกแก้ว’ สาวน้อยในวัยใกล้แตะยี่สิบ รู้สึกตัวเบาหวิว ในสมองของหล่อนโหวงๆ ใจหาย มือไม้อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ก้าวลงมาจากรถตู้พร้อมกับความรู้สึกสูญเสียที่ยากจะบรรยาย“ฮือๆ… คุณพ่อคะ… คุณพ่อทิ้งแก้วไปกะทันหันแบบนี้แก้วจะอยู่กับใครคะ… ฮือๆ”สาวน้อยร้องไห้จนตาแดงก่ำ เดินตรงไปยังโลงซึ่งฉาบเอาไว้ด้วยสีทองอร่าม สลักเสลาเป็นลวดลายเครือเถาและประจำยามวิจิตรบรรจง รอบๆ โล
“หนูขอยืมจักรยานนะคะป้า”ได้ยินที่ป้าคำหล้าบอก ว่าเป้าหมายของหล่อนอยู่ตรงไหน ลูกแก้วไม่รอรี รีบเดินไปคว้ารถจักรยานสีแดง จอดไว้ใต้ต้นมะม่วงข้างครัว ขึ้นคร่อมแล้วปั่นออกไปท่ามกลางประกายแสงแดดของยามเช้า มุ่งตรงไปยังทิศทางของไร่กาแฟในทันที“หนูแก้วยิ่งโตเป็นสาวยิ่งสวย… แม่คุณเอ๊ยหน้าตายังกับนางฟ้าในไร่กาแฟ ทรวดทรงยังกับนางแบบแน่ะ”ป้าคำหล้าหันมากล่าวกับสามี ตามองตามหญิงสาวขี่จักรยานจนแล่นลับไปจากสายตา“ใช่… เด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งสวย ข้าว่าถ้าเป็นแบบนี้โคแก่อย่างพ่อเลี้ยงเถื่อนจะตกหลุมรักหญ้าอ่อนอย่างหนูแก้วเข้าสักวัน”ลุงหนานแสดงความเห็น“นั่นสิ… ดูสายตาของหนูแก้วตอนมองพ่อเลี้ยงสิ… ฉันว่ามันเป็นสายตาของผู้หญิงมองผู้ชายชัดๆ… ไม่ใช่สายตาของเด็กสาวที่มองผู้ปกครองเลยสักนิด”ป้าคำหล้าช่างสังเกต มองว่าการที่พ่อเลี้ยงเถื่อนทิศเอาลูกแก้วมาอยู่ร่วมชายคา มันเหมือนกับการเอาน้ำตาลมาไว้ใกล้มด เอาน้ำมันมาวางไว้ใกล้ไฟ… จะสปาร์คกันวันไหนก็ไม่รู้ในเวลาต่อมา หลังจากลูกแก้วขี่จักรยานเข้ามาวนหาพ่อเลี้ยงจนได้เหงื่อ แต่ก็ไม่เจอ เพราะว่าไร่กาแฟแห่งนี้กว้างขวางมาก สุดท้ายหญิงสาวจำต้องจอดจักรยานถามคนงาน จึงได้ความ
เวลาล่วงเลยมาอีกพักใหญ่ๆ หลังจากทอดกายลงนอนบนเตียง ไม่รู้ว่าตัวเองหลับหรือตื่น แต่ลูกแก้วรู้เพียงว่ากำลังกระสับกระส่าย พลิกกายไปมาด้วยอารมณ์ว้าวุ่นร้อนรนแปลกๆจากนั้นภายในหูก็ได้ยินเสียงบานประตูถูกผลักเข้ามาพร้อมกับสายลมเย็นยะเยือกและร่างเปลือยเปล่าดำทะมึนของใครคนหนึ่ง ปรากฏกายอยู่ที่ปลายเท้า ตาแดงวาวจ้องมองเรือนร่างเย้ายวนของหล่อน ขณะมือกำลังรูดท่อนเอ็นของตัวเองไปด้วย“ใคร… ”ลูกแก้วตะโกนถาม ท่ามกลางแสงจันทร์ข้างขึ้นที่ฉายกราดเข้ามาถึงภายในห้องนอน สว่างพอให้มองเห็นรางๆ ว่าร่างทะมึนและสูงใหญ่นั้นเป็นผู้ชาย เขาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน เรือนกายกำยำล่ำสันปราศจากเสื้อผ้าอาภรณ์เขาไม่ตอบคำถาม หากยังตรงรี่เข้ามาหาหล่อนด้วยท่าทางหื่นกระหาย“แกเป็นใคร… อย่าเข้ามา… ออกไปนะ… ” ถามยังไม่ทันขาดคำร่างถมึงทึงก็ถาโถมเข้าใส่ลูกแก้วเต็มแรง ลำตัวใหญ่หนาและหนักอึ้งของมันทาบทับลงบนเรือนกายบอบบางของหล่อนจนหายใจแทบไม่ออก “ชะ… ช่วยยย… ”ไม่ทันจะกรีดร้อง ผู้บุกรุกก็ปิดปากของหล่อนเสียแนบสนิทด้วยริมฝีปากปรกไปด้วยแพหนวดสีดำหนาของมัน ทำให้เสียงร้องของลูกแก้วถูกกลืนหายเข้าไปอู้อี้อยู่ในลำคอของตัวเอ
“ก็เมื่อกี้แก้วจะหยุด… แต่อาเถื่อนก็ดูดลิ้นแก้วไม่เลิก… จะให้แก้วหยุดยังไงล่ะคะ”หล่อนโทษว่าเป็นความผิดของเขา“พอๆ… นี่แก้วจะไม่เถียงอาสักเรื่องได้ไหม”สำนึกผิดชอบชั่วดีที่ตีกันนัวอยู่ในหัวของเถื่อนทิศทำให้เขาร้องห้าม ย้ำเตือนอยู่ภายในใจตัวเองว่าเขาจะทำแบบนี้ไม่ได้… ด้วยเคยให้สัญญากับดาบยิ้มบิดาของหล่อนเอาไว้ว่าจะดูแลลูกแก้วอย่างลูกสาวบุญธรรม“รีบสวมเสื้อผ้า… อาจะกลับแล้ว”ทำเป็นวางมาดเข้ม สั่งเสียงดุ“ค่ะ… ”ลูกแก้วตอบขณะยกหลังมือขึ้นแตะริมฝีปากที่โดนจูบจนบวมเจ่อ หล่อนเม้มริมฝีปากเบาๆ ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากอีกครั้ง... ความวาบหวามนั้นยังอยู่ อาเถื่อนคนนี้จูบได้เร่าร้อนเหลือเกิน “หูหนวกหรือไง… บอกให้รีบสวมเสื้อผ้า… กลับกันได้แล้ว”สั่งเสียงเข้มอีกครั้ง ก้าวยาวๆ เดินนำหน้าออกมาที่รถกระบะ ลูกแก้วรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ เดินหน้าง้ำตามต้อยๆ มาที่รถ “เดี๋ยวนั่งไปกับอา… คราวหลังถ้าไม่มีอามาด้วยห้ามขี่จักรยานมาแถวนี้คนเดียวนะ”เถื่อนทิศทำเสียงดุ หญิงสาวแอบยิ้มเมื่อรู้ว่าเขาห่วง ทอดสายตามองร่างสูงใหญ่ยกรถจักรยานใส่ไว้ในกระบะหลังของรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำคันใหญ่“โกรธแก้วหรือคะ”ม
เถื่อนทิศต้องบอกความจริงในที่สุด“ก็ไม่เป็นไรนี่คะ… ถ้าคุณอาอยู่ในน้ำก็ไม่เห็นอะไรหรอกค่ะ… นอกเสียจากว่าชะโดของคุณอาจะโดดขึ้นมาเหนือน้ำ”ลูกแก้วกล่าวทั้งเสียงหัวเราะ“แก้ว… แก่แดดจัง ไปเอาคำพวกนี้มาจากไหน”เถื่อนทิศส่ายหน้า“ก็เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านเช่ากับพ่อ… แก้วได้ยินกิ๊กของพ่อทะเลาะกับพ่อเรื่องหึงหวงกัน ได้ยินแกว่าจะเอามีดหั่นชะโดของพ่อแล้วโยนให้เป็ดกิน… ก็เลยรู้ว่าเค้าเรียกของผู้ชายว่าชะโด”ลูกแก้วหัวเราะขำ เถื่อนทิศส่ายหน้าอีกครั้ง หากแต่เขาก็พอจะเข้าใจได้ เมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิตของผู้หญิงคนนี้ ด้วยตอนนั้นดาบยิ้มพ่อของลูกแก้วเช่าห้องเล็กๆ อยู่ใกล้คลองเตย สลัมชื่อดังในตำนานของเมืองบางกอก ทำให้ลูกแก้วต้องเติบโตมาท่ามสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยชุมชนแออัด อยู่กันอย่างไร้ระเบียบ คุณภาพชีวิตต่ำ แวดล้อมไปด้วยชนชั้นกรรมกรหาเช้ากินค่ำ“สอนแก้วว่ายน้ำนะคะอาเถื่อนขา”ลูกแก้วอ้อน“ไม่ได้… ยังไงก็ไม่สมควรอยู่ดี”“โธ่… คุณอาคะ แก้วอุตส่าห์ตามมาเล่นน้ำด้วย… ช่วยสอนแก้วว่ายน้ำนะคะ… นะ… ”ลูกแก้วตื๊อไม่เลิก ส่งสายตาวิงวอนให้อาเถื่อนใจอ่อน“ไม่ได้… กลับขึ้นฝั่งเดี๋ยวนี้… นี่เป็นคำสั่ง”เสียงเข้มและแ
“หนูขอยืมจักรยานนะคะป้า”ได้ยินที่ป้าคำหล้าบอก ว่าเป้าหมายของหล่อนอยู่ตรงไหน ลูกแก้วไม่รอรี รีบเดินไปคว้ารถจักรยานสีแดง จอดไว้ใต้ต้นมะม่วงข้างครัว ขึ้นคร่อมแล้วปั่นออกไปท่ามกลางประกายแสงแดดของยามเช้า มุ่งตรงไปยังทิศทางของไร่กาแฟในทันที“หนูแก้วยิ่งโตเป็นสาวยิ่งสวย… แม่คุณเอ๊ยหน้าตายังกับนางฟ้าในไร่กาแฟ ทรวดทรงยังกับนางแบบแน่ะ”ป้าคำหล้าหันมากล่าวกับสามี ตามองตามหญิงสาวขี่จักรยานจนแล่นลับไปจากสายตา“ใช่… เด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งสวย ข้าว่าถ้าเป็นแบบนี้โคแก่อย่างพ่อเลี้ยงเถื่อนจะตกหลุมรักหญ้าอ่อนอย่างหนูแก้วเข้าสักวัน”ลุงหนานแสดงความเห็น“นั่นสิ… ดูสายตาของหนูแก้วตอนมองพ่อเลี้ยงสิ… ฉันว่ามันเป็นสายตาของผู้หญิงมองผู้ชายชัดๆ… ไม่ใช่สายตาของเด็กสาวที่มองผู้ปกครองเลยสักนิด”ป้าคำหล้าช่างสังเกต มองว่าการที่พ่อเลี้ยงเถื่อนทิศเอาลูกแก้วมาอยู่ร่วมชายคา มันเหมือนกับการเอาน้ำตาลมาไว้ใกล้มด เอาน้ำมันมาวางไว้ใกล้ไฟ… จะสปาร์คกันวันไหนก็ไม่รู้ในเวลาต่อมา หลังจากลูกแก้วขี่จักรยานเข้ามาวนหาพ่อเลี้ยงจนได้เหงื่อ แต่ก็ไม่เจอ เพราะว่าไร่กาแฟแห่งนี้กว้างขวางมาก สุดท้ายหญิงสาวจำต้องจอดจักรยานถามคนงาน จึงได้ความ
เซตนี้ประกอบด้วย คุณอาเถื่อนและคุณอาน่าหม่ำผู้เขียน : กาสะลองนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคลและสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนาอ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ……….นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนาทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรงท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง*เราเตือนท่านแล้ว*สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2537ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้นคุณอาเถื่อนเมื่อเดินทางมาถึงศาลาวัดแห่งหนึ่ง ‘ลูกแก้ว’ สาวน้อยในวัยใกล้แตะยี่สิบ รู้สึกตัวเบาหวิว ในสมองของหล่อนโหวงๆ ใจหาย มือไม้อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ก้าวลงมาจากรถตู้พร้อมกับความรู้สึกสูญเสียที่ยากจะบรรยาย“ฮือๆ… คุณพ่อคะ… คุณพ่อทิ้งแก้วไปกะทันหันแบบนี้แก้วจะอยู่กับใครคะ… ฮือๆ”สาวน้อยร้องไห้จนตาแดงก่ำ เดินตรงไปยังโลงซึ่งฉาบเอาไว้ด้วยสีทองอร่าม สลักเสลาเป็นลวดลายเครือเถาและประจำยามวิจิตรบรรจง รอบๆ โล