แชร์

บทที่ 0002

ภายในห้อง

โจวห้าวด่ากราดเสียงดังไปทั้งห้อง

“ไอ้คนชั่ว ฉินเป่ย ฉันจะให้แกตายไปซะ!”

“ห้าปีก่อนผมควรจะกำจัดคุณไปซะ”

“แม่งเอ้ย นี่แกยังอยากได้เงินเหรอ? แกรอดูได้เลย”

ในฐานะเป็นนายน้อยของตระกูลขั้นที่สาม โจวห้าวไม่เคยถูกเหยียดหยามขนาดนี้มาก่อนเลย เขากลืนความโกรธนี้ไว้ไม่ได้!

“พี่ห้าว เอาฉินเป่ยให้ตายเลยนะคะ เขา...เขากล้ายังไงมาทำร้ายพี่ พี่รีบเรียกคนมาจัดการเขาให้ตายไปซะเลยนะ”

หยางลี่พูดพร้อมกัดฟันแน่น ใบหน้าของเธอโดนตบจนเลือดออก

จริงๆ ตระกูลหยางของเธอนั้นเป็นแค่ตระกูลเล็กๆอันดับปลายในเมืองหยางตูเท่านั้น แต่หลังจากเธอได้อยู่กับโจวห้าวแล้ว ตระกูลหยางก็ได้คว้าโอกาสไม่น้อย และก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

และตอนนี้ระหว่างตระกูลหยางกับการเป็นตระกูลขั้นที่สามก็ห่างกันแค่เพียงก้าวเดียว

เธอจะไม่ยอมให้ตนเองถูกดูถูกขนาดนี้หรอก เธอจะไม่ให้เงินฉินเป่ยแม้แต่แดงเดียว

“สบายใจเถอะที่รัก จะกำจัดฉินเป่ยน่ะมันง่ายจะตายไป ต่อให้ทำให้เขาตายไม่ได้ แต่การจะส่งเขาเข้าไปอยู่ในคุกน่ะมันก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยนั่นล่ะ!”

“แม่ของเขาอยู่ที่ชานเมืองไม่ใช่เหรอ? บริเวณนั้นมีเหมาสงเป็นผู้ปกครอง เดี๋ยวผมจะโทรให้เหมาสงพาคนไปจัดการแม่ฉินเป่ยจนอัมพาตซะ”

พอโทรจบ มือถือของโจวห้าวก็ดังขึ้นอีก เป็นพ่อของเขาโทรมา

หลังคุยโทรศัพท์กับพ่อเสร็จ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรีบบอกกับหยางลี่ด้วยความตื่นเต้น “พ่อผมโทรมา ว่าอารองกำลังอยู่ระหว่างทางกลับ เขาบอกว่าหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งการต่อสู้ระดับสู้เจ็ดดาวคนใหม่ที่แต่งตั้งโดยหน่วยสู้รบเมื่อสามเดื่อนที่แล้วก็อยู่ระหว่างทางกลับมาด้วย”

“พ่อบอกให้ผมกลับบ้านพรุ่งนี้ ให้ผมไปคารวะหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งการต่อสู้พร้อมกับพ่อและอา”

“อารองของผมเป็นนายพลระดับเก้าดาวนะ คราวนี้ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญต่อการเติบโตของกระกูลโจว ถ้าหากได้พบกับหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งการต่อสู้ กระกูลโจวของเราอาจจะสามารถยกระดับขึ้นไปเป็นตระกูลขั้นสองหรืออาจะเป็นมหาเศรษฐีขั้นสูงสุดเลยก็ได้”

“นอกจากนี้ อารองได้รับปากกับพ่อของผมแล้วว่า ถึงตอนนั้น เขาจะไปขอให้หงส์ปัณฑูรเทพีแห่งการต่อสู้เป็นพยานบุคคลสำหรับการแต่งงานของเราด้วย”

หยางลี่ได้ฟังแล้ว ตื่นเต้นดีใจจนรีบถาโถมเข้าจูบโจวห้าว

“จริงเหรอคะพี่ห้าว พี่ดีกับฉันมากเลยจริง ๆ นะคะ พี่ห้าวคะ หงส์ปัณฑูรเทพีแห่งการต่อสู้ระดับเจ็ดดาวอะไรนั่นจะมีฐานะและตำแหน่งสูงกว่าอารองของพี่ห้าวอีกเหรอคะ?”

“ของมันแน่อยู่แล้วน่ะสิ อารองของผมเป็นแค่นายพลเท่านั้น แต่หงส์ปัณฑูรเป็นถึงเทพีแห่งการต่อสู้ และยังเป็นเทพีแห่งการต่อสู้ระดับเจ็ดดาวด้าย นี่มันคนละชั้นกันเลยล่ะ!”

ฟู่!

หยางลี่ตกตะลึงด้วยคำพูดของโจวห้าว ในขณะเดียวกัน ภายในใจของเธอก็เกิดความตื่นเต้นและดีใจมาก และเธอเองรู้สึกโชคดีมากๆ ที่เลือกมาอยู่กับโจวห้าวเมื่อห้าปีก่อน

“พี่ห้าว ฮือๆ ...พี่ดีกับฉันมากจริง ๆ นะคะ ฉันจะมีลูกให้คุณค่ะ มีเป็นฝูงเลย!”

หยางลี่ตื่นเต่นจนน้ำตาไหลลงมา ก่อนจะกระโดดใส่โจวห้าวราวกับคนบ้า!

......

ในบาร์

ฉินเป่ยได้จองห้องวีไอพีห้องหนึ่ง พร้อมกับสั่งเหล้ามาเต็มโต๊ะ เขาเปิดเพลง ก่อนจะดื่มจนเมาแล้วนอนหลับไปบนโซฟาอย่างรวดเร็ว

เขาเพิ่งนอนหลับไปได้ไม่นาน หญิงสาวมาดนักรบหน้าตางดงามสองคนก็ดันประตูเข้ามา

“ในที่สุดก็ตามตาคนนี้พบจนได้ ท่านนายพล ท่านแน่ใจเหรอคะว่าเขาเป็นคู่หมั้นที่ท่านไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนั้นน่ะ?”

“ทำไมเป็นตาขี้เหล้าด้วยล่ะ?”

“อันหนิง หุบปากซะ!”

หญิงสาวที่ถูกเรียกขานว่า ‘นายพล’ คนนั้นสวยแบบสาวงามล่มเมือง เธอผูกทรงผมเป็นหางม้า รูปร่างงดงามท่าทางสง่า บรรยากาศรอบตัวแสดงให้เห็นถึงความเข้มงวด ดวงตากลมโตที่ทั้งโลดแล่นและล้ำลึก กับใบหน้าขาวซีดราวไร้โลหิตที่เหมือนกับสามารถม้วยได้ตลอดทุกเมื่อ

เธอนามว่า อวี่เจียวหรง เป็นเทพีแห่งการต่อสู้ระดับเจ็ดดาวคนใหม่ของหน่วยสู้รบ หรือฉายาก็คือ หงส์ปัณฑูร!

อวี่เจียวหรงกระแอ่มไอ เธอมองดูฉินเป่ยที่กำลังนอนหลับเป็นตายอยู่บนโซฟา ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “เมื่อสี่ปีที่แล้ว ฉันกลับบ้านเพื่อไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่ พ่อมารับฉันที่สนามบิน ระหว่างทาง พ่อกับฉันถูกพวกนักรบจากตระกูลศัตรูซุ่มโจมตี ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนแทบเอาชีวิตไม่รอด”

“ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีพระคุณคนหนึ่ง พ่อกับฉันก็คงจะตายไปนานแล้ว...”

“หลังจากนั้นผู้มีพระคุณคนนั้นก็ยังให้ความช่วยเหลือฉันและตระกูลอวี่มาหลายครั้ง เขาเป็นคนพระคุณต่อตระกูลหยูของฉันมาก พ่ออยากให้ฉันแต่งงานกับลูกของเขาเพื่อตอบแทนความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ แต่เขาบอกว่าเขาไร้ญาติขาดมิตร มีแต่ลูกศิษย์ธรรมดาคนเดียว”

“ดังนั้น พ่อก็เลยให้ฉันแต่งงานกับลูกศิษย์ของผู้มีพระคุณคนนั้น ซึ่งก็คือ ฉินเป่ย!”

“เเหวนที่เขาสวมอยู่นั้นเป็นคู่เดียวกันกับเเหวนของฉัน ไม่ผิดตัวแน่”

อวี่เจียวหรงเอาเเหวนเก่าวงหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เเล้วสวมบนนิ้วมือ การพูดเสียยาวเหยียดขนาดนี้ทำเอาสีหน้าของเธอซีดเซียว และการหายใจก็ติดชัด

เเต่ว่าอันหนิงก็ยังไม่ยอมรับในตัวฉินเป่ยอยู่ดี

“นายพลคะ นี่สมัยไหนเเล้ว ทำไมท่านอายังมีแนวคิดหัวโบราณขนาดนี้ล่ะคะ? ทำแบบนี้ก็เหมือนเอาความสุขทั้งชีวิตของท่านมาล้อเล่นไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันยอมรับว่าอาจารย์ของฉินเป่ยเป็นคนที่มีพระคุณของตระกูลนายพลจริง ๆ เเต่ยังไงก็ไม่ควรให้คุณเเต่งงานกับฉินเป่ยอย่างง่ายดายขนาดนี้ ท่านดูสิ ฉินเป่ยเหมือนพวกผู้ชายจน ๆ คนธรรมดา ซึ่งไร้พละกำลัง”

“เขาไม่คู่ควรกับท่านนายพลหรอกค่ะ เขาเคยถูกขังที่เรือนจำ เเละยังถูกคนรักตัวเองทรยศมาไม่นานนี้ ฉันเเน่ใจว่า ถ้าอาจารย์ของเขาได้เห็นว่าตอนนี้เขาตกอับเช่นนี้ อาจารย์ของเขาคงอยากตบหน้าเขาสักฉาด แล้วก็ต้องเสียใจที่ยอมรับลูกศิษย์แบบเขามา”

“นายพลคะ ท่านเป็นเทพีแห่งสงครามระดับเจ็ดดาวผู้ทรงเกียรติ ในสงครามเมื่อสามเดือนก่อน ท่านคนเดียวเคยสู้กับเทพเจ้าการต่อสู้สามคนของประเทศศัตรูทิศเหนือ ท่านได้ตัดคอสองคน อีกคนหนึ่งก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก”

“แต่ท่านก็ได้ชดใช้ต่อศึกครั้งนั้นไปไม่น้อย ร่างกายของท่านอ่อนแออย่างหนัก เหล่าเทพแห่งการแพทย์ชั้นนำหลายคนต่างมารวมตัวกันที่หน่วยสู้รบ ออกคำสั่งทหารว่าต้องรักษาท่านให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม!”

“แต่เหตุใดท่านถึงไม่ยอมฟังการจัดการของกรมการทหาร กลับหนีออกมาหาฉินเป่ยที่เมืองหยางตูนี่”

“ท่านนายพลคะ ฉันขอร้องให้ท่านเลิกสนใจเรื่องนี้แล้วกลับไปรับการรักษาจากเทพแห่งการแพทย์ที่กรมการทหารเถอะนะคะ!”

อันหนิงรีบคุกเข่าลงมาพร้อมน้ำตาไหลเหมือนฝนตกปรอยๆ

“เเค่ก!”

อวี่เจียวหรงไออีกครั้ง เลือดซึมซืมออกจากมุมปาก เธอตบบ่าของอันหนิงเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “อันหนิง มันไม่มีประโยชน์หรอก เหล่าเทพแห่งการแพทย์มีฝีมือการรักษาสูงส่งก็จริง เเต่ฉันก็เข้าใจดีว่า ไม่มีใครสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของฉันได้ อาการบาดเจ็บของฉันมีเพียงผู้มีพระคุณคนนั้นที่รักษาได้”

“แต่ฉันจะไปหาผู้มีพระคุณคนนั้นที่ไหนกัน? บุญคุณที่ติดค้างเขาไว้ฉันยังไมได้ตอบแทนเลยแม้แต่น้อย แล้วฉันจะยังมีหน้าไปรบกวนเขาอีกได้ยังไง ชีวิตของฉันคงเหลืออีกไม่นานเเล้ว ฉันอวี่เจียวหรงคนนี้จะไม่ผิดต่อดินแดนจะไม่ผิดต่อตระกูลอวี่ เมื่อก่อนได้สัญญากับคนที่มีพระคุณว่าจะเป็นภรรยาของฉินเป่ย แล้วฉันจะตระบัดสัตย์การแต่งงานได้ยังไง?”

“ระหว่างชีวิตที่เหลืออยู่ของฉันนั้น ฉันอยากเป็นเเค่ผู้หญิงธรรมดา ไปอยู่กับฉินเป่ยเท่านั้น”

“เเม้ว่าเขาจะเป็นเพียงผู้ซึ่งไร้ความสามารถ ฉันก็จะยอมอยู่กับเขา เป็นผู้ผ่านทางคนหนึ่งในชีวิตเขา และเมื่อใดก็ตามที่วันนั้นใกล้จะมาถึง ฉันจะจากไปอย่างเงียบ ๆ”

“อันหนิง พาเขากลับ!”

เมื่อพูดจบ ใบหน้าขาวซีดเซียวของอวี่เจียวเฉียวหรงก็ได้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น งามนดุจสายธารา!

......

เช้าตรู่วันที่สอง ฉินเป่ยตื่นมาจากอาการเมาเหล้า หัวเขาปวดจนเเทบจะเเตก คำเเรกที่เขาพูดขึ้นมาก็คือ จะดื่มน้ำ

เเต่จู่ ๆ เขารู้สึกว่านี่มันเเปลกไป

เพราะว่า ที่นี่ไม่ใช่บาร์!

“นี่มันที่ไหนกัน?”

ฉินเป่ยนวดหัวของตัวเอง ก่อนจะมองดูรอบ ๆ ด้วยความมึนงง ไม่นานเขาก็รู้ตัวว่าตนเองกำลังนอนบนเตียงใหญ่เตียงหนึ่ง!

นี่มันเป็นห้องนอนของผู้หญิง!

ขณะนี้

เสียงดัง “ตึง” ดังขึ้น แล้วประตูก็เปิดออก

อวี่เจียวหรงเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำในมือ

“ตื่นเเล้วเหรอ ดื่มน้ำเถอะ!”

ฉินเป่ยตะลึงทันที

“หา คุณ คุณคือใคร เเล้วผมอยู่ที่ไหน?”

“ตอนนี้กี่โมงเเล้ว ผมจำได้ว่าเมื่อคืนผมอยู่ในบาร์...”

เสียงของฉินเป่ยหยุดชะงักเพราะเขาเห็นว่าผูหญิงที่ยืนตรงหน้าใส่เพียงเสื้อนอนบางเบาโปร่งใสตังบาเกือบจะเห็นถึงเรือนร่างด้านใน ส่วนเว้นเว้าโค้งที่พอได้เห็นเป็นสัดส่วน ดึงดูดสายตาสุด ๆ!

หือ?

ผู้หญิงคนนี้อาการบาดเจ็บหนักเลยนะ แล้วยังเป็นนักรบเสียด้วย!

เธอคือใครกันแน่?

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status