ฌอนอุ้มแคทเธอรีนและวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ทันทีโดยไม่คิดลังเลในไม่ช้าพ่อบ้านก็พาหมอมาถึง เมื่อเห็นว่าบาดแผลนั้นลึก แคทเธอรีนจึงจําเป็นต้องฉีดยาเพื่อลดการอักเสบแคทเธอรีนยังพอจะอดทนต่อความเจ็บปวดได้อยู่ ความเจ็บปวดก็ไม่เห็นจะเป็นไรตราบเท่าที่ฌอนไม่รู้เรื่องนี้ในทางกลับกันฌอนใจสลายและโทษตัวเอง “เมื่อคุณไปชายทะเลครั้งหน้า ผมจะอยู่กับคุณตลอดเวลาคุณจะได้ไม่ไปทําอะไรที่เสี่ยงอันตรายอีก” ”แคทเธอรีนไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ทุกวันนี้เธอก็ใช้ชีวิตราวกับว่าเธอนั้นอยู่ในคุกอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าเขาจะจับตาดูเธอหรือไม่ก็ไม่ได้สําคัญเลย…ตอนกลางคืน แคทเธอรีนขดตัวอยู่บนโซฟาที่ระเบียงและรักษาระยะห่างเธอเบื่อแทบตาย ที่นี่เธอไม่สามารถเล่นโทรศัพท์ ดูโทรทัศน์ หรือช้อปปิ้งได้ เธอไม่รู้จักใครที่นี่สักคนเช่นกัน นอกจากได้อ่านหนังสือเป็นครั้งคราวแล้ว ที่เธอทำได้ก็แค่จ้องมองพื้นที่เวิ้งว้างทุกวันไปเท่านั้น"คุณเบื่อไหมครับ?" ฌอนออกมาจากห้องน้ำ หัวใจของเขาเจ็บปวดเมื่อเห็นหน้าตาบึ้งตึงของเธอ“นอนกับผมนะถ้าคุณเบื่อ”ทันทีที่เขาพูดจบประโยค เขาก็อุ้มเธอไปที่ห้องนอนใหญ่วางเธอลงบนเตียง แล้วเขาก็เอิ้อมมือมา
รอยยิ้มมีเลศนัยแผ่ไปทั่วใบหน้าของมอริซ “ฉันได้ยินมาว่าทีมคลิฟตันพัฒนาเพอร์ดูไมโครชิพใกล้จะสำเร็จแล้ว”ดวงตาของเลียมหรี่ลงและเขาถอนหายใจลึก “จริงแหละครับ...”ชาร์ลีเคยนำเรื่องนี้มาพูดกับเลียมสองสามครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เลียมไม่คิดว่ามอริซจะมาปรากฏตัวด้วย แม้แต่เมสันก็ยัง...สายตาของเลียมเผยความรู้สึกสับสน เขาเคยคิดว่าเมสันเป็นคนที่ทุ่มเทความสนใจกับศิลปะโดยไม่สนยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก เขาเคยคิดว่าที่เมสันเปิดเผยอาการป่วยทางจิตของฌอนเมื่อสามปีก่อนก็เพื่อประโยชน์ของตระกูลแคมโปสเท่านั้นแต่จากสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ เลียมรู้สึกว่าพ่อของเขานั้นห่างไกลจากความเรียบง่ายไปมาก“อารองครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกชาร์ลีไปแล้วว่าฌอนไม่อนุญาตให้ผมมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับห้องปฏิบัติการเลย” เลียมอธิบายด้วยเสียงต่ำ“นั่นมันเมื่อก่อน” ชาร์ลีพูดยิ้ม ๆ “ตอนนี้มันต่างออกไปเนื่องจากฌอนไม่ได้อยู่ในออสเตรเลีย พอพัฒนาผลิตภัณฑ์เสร็จก็จะต้องเริ่มขั้นตอนการโฆษณาต่าง ๆ ต่อไปอีก ในฐานะผู้จัดการทั่วไปของฮิลล์ คอร์ปอเรชั่นนายต้องอนุมัติตามระเบียบขั้นตอนต่างๆ ดังนั้นนายก็สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับไมโครชิพได้
“ไม่มีอะไรต้องคิดอีกแล้วนี่” ชาร์ลีผุดลุกขึ้นยืนอย่างโมโห“ชาร์ลีให้เวลาเขาหน่อย” เมสันขัดจังหวะเขาด้วยน้ำเสียงเชิงตักเตือน “คิดให้ดีนะเลียม เมื่อไมโครชิพของฮิลล์ คอร์ปอเรชั่นเปิดตัวสู่ตลาดได้สําเร็จ ฮิลล์ คอร์ปอเรชั่นจะกลายเป็นองค์กรที่ทรงอำนาจมากที่สุดในโลก ฌอนจะได้รับเกียรติทั้งหมด ในขณะที่ลูกยังคงเป็นผู้จัดการทั่วไปที่น่าสงสาร ลูกไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นใด ๆ ในฮิลล์ คอร์ปอเรชั่นและลูกต้องรออยู่ว่าเมื่อไรแม่ของลูกจะมอบหุ้นให้ในอนาคต”“ยิ่งไปกว่านั้น ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ของหลานกับฌอนดูเหมือนจะดีขึ้นมาก” มอริซกล่าวเสริมอย่างเคร่งขรึม “อาสงสัยว่าตอนนั้นลีอาจะเหลือให้หลานสักกี่หุ้น? แต่พ่อของหลานต่างกัน หลานเป็นลูกชายคนเดียวของเขานะ”ดวงตาของเลียมส่องประกายความรู้สึกที่ซับซ้อน เขายังคงเงียบอยู่เป็นเวลานานเมสันเหลือบมองเขาแล้วหัวเราะ "พ่อจะรอฟังข่าวดีจากลูกนะ"ทันทีที่เมสันพูดจบประโยค เขาก็เตรียมจะจากไป“พ่อ...” จู่ ๆ เลียมก็หันกลับมาถามว่า “พ่อไม่กลัวว่า... แม่จะอารมณ์เสียหลังจากที่ได้รู้เหรอ?”ลีอาเสียสละอย่างมากเพื่อเมสัน แต่เป้าหมายสูงสุดของเมสันคือการทําลายฮิลล์ คอร
เลียมยังอยู่ที่ชั้นบนอีกนานอันที่จริง คําพูดของเมสันทําให้เขาหวั่นไหวมากเขาหวั่นไหวแต่ลีอาคงจะเศร้าหดหู่มากถ้าเขาช่วยเมสัน แม้แต่คุณตาคุณยายของเขาก็คงจะผิดหวังในตัวเขาบ่อยครั้งเขาพบว่าพวกนั้นปฏิบัติต่อเขาอย่างลำเอียงจนเกิดความไม่พอใจ แต่บางครั้งเขาต้องยอมรับว่าฌอนมีความสามารถมากกว่าเขาจริง ๆต้องบอกว่าเขาไม่ปรารถนาจะเป็นตัวสำรองของฌอนตลอดไปในสายตาของฌอน เลียมเป็นแค่คนที่เขาสามารถขับไสไล่ส่งได้ทุกเมื่อท่ามกลางภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอันเจ็บปวดของเขา จู่ ๆ ซูซี่ก็โทรมาหาเขา“พ่อคะ ทําไมพ่อยังไม่มารับหนูอีกล่ะคะ? เด็ก ๆ หลายคนกลับไปกันหมดแล้ว”เขากลับมารู้สึกตัวทันทีก็พบว่ามันใกล้จะ 17.00 น. แล้ว “โอเค อีกสักครู่อาจะไปถึงที่นั่น” ระหว่างทางเขาได้รับโทรศัพท์จากท่านผู้หญิงแคมโปสเมื่อเขามาถึงโรงเรียนอนุบาลก็เวลา 17:30 น. แล้ว ซูซี่เข้าไปในรถของเขาด้วยหน้ามุ่ย“อาเลียม แม่ยังไม่ได้ติดต่อหนูมาเลย พ่อใจร้ายของหนูพาแม่ไปไหนคะ? หนูจะไม่ได้เจอแม่อีกแล้วเหรอ? หนูคิดถึงแม่จังเลย” เด็กน้อยกําลังจะร้องไห้ขณะพูดออกมา“ไม่หรอก ฌอนต้องพาแม่ของหลานไปอยู่ในโลกใบเล็ก ๆ ของพวกเขาเอง” เลีย
มันน่าแปลกที่ตลอดหลายปีมานี้เมื่อพิจารณาถึงการปฏิบัติของตระกูลแคมโปสต่อเลียมนั้นก็ไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับที่พวกเขาปฏิบัติต่อบรรดาบุตรหลานชายคนอื่น ๆ และพวกเขาก็กำลังทำในลักษณะเดียวกันนี้ต่อซูซี่ด้วยเช่นกันถึงแม้เมสันบอกว่าหุ้น 60 เปอร์เซ็นต์ของแคมโปส คอร์ปอเรชั่นต่อไปจะต้องเป็นของเขาไม่ช้าก็เร็ว แต่เห็นได้ชัดจากกิริยาท่าทางของคนตระกูลแคมโปสที่มีต่อเขากับซูซี่แล้วว่าพวกนั้นก็ไม่ชอบเขามากนักเป็นไปได้ไหมว่า….ที่เมสันพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาก็เพื่อจะหลอกลวงเขาเท่านั้นเองใช่ไหม?เมื่อเขาคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วว่าเมสันไม่เคยให้ความสนใจเขาเลยแม้แต่น้อยในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังไม่สนใจใยดีต่อซูซี่หลานสาวของเขาด้วยเข่นกันดังนั้นแล้วเมสันจะให้หุ้นกับเขาจริงหรือ? เลียมเริ่มคิดระแวดระวังสงสัยอยู่ในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมสันดูเหมือนว่าซ่อนอะไร ๆ ไว้ได้เก่งมากเหลือเกิน ใครจะรู้ว่าในอนาคตเกิดเขามีผู้หญิงอื่นซุกไว้นอกบ้านหรือมีลูกชายนอกสมรสล่ะ?ลูกชายนอกสมรสงั้นเหรอ?อีกอย่างเบนนี่เป็นใครกันแน่? เลียมไม่เคยได้ยินชื่อของคนนี้มาก่อนยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไรหัวใจของเขาก็ยิ่
”โอ้ ไม่เป็นไรมั้งตราบที่ฉันไม่ได้เอ่ยปากเรื่องนี้?” ซูซี่แสร้งยอมอยู่ในโอวาทไม่รู้เรื่องรู้ราว “พี่จิลล์จ๋าฉันจะเชื่อฟังพี่ตั้งแต่บัดนี้ถ้าพี่ยินดีจะเล่นกับฉัน”“โอเค ตอนนี้ฉันก็ไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยเลยสักคน งั้นฉันเล่นกับเธอก็ได้” จิลล์พยักหน้า เธอคิดว่าซูซี่โง่ ๆ เซ่อ ๆพอจะเป็นลูกน้องเธอได้...จิลล์ไม่รู้ว่าเมื่อซูซี่ทานมื้อเย็นเสร็จและเดินพ้นจากประตูครอบครัวแคมโปสไป เธอก็บอกข้อมูลทั้งหมดที่เธอได้รับจากจิลล์แก่เลียมทันที"ลูกของลุงทวด..."เมื่อเลียมได้ยินเช่นนั้นเข้าการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีลุงทวดที่จิลล์พูดถึงอาจเป็นมอริสหรือเมสันก็ได้ มอริสมีลูกสองคน คนโตคือชาร์ลี และคนน้องซึ่งก็คือแมดดี้ตอนนี้กําลังเรียนต่อที่ต่างประเทศดังนั้นเบนนี่น่าจะเป็นลูกชายนอกสมรสของพ่อเขาหรือของมอริสน่ะแหละแต่ว่าภรรยาของมอริซเป็นสาวแกร่งถ้าหากสามีเธอมีลูกชายนอกสมรสอยู่ข้างนอกทั้งคน เธอไม่มีทางทนยอมให้มอริสพาเขากลับไปที่ครอบครัวแคมโปสเป็นแน่ดังนั้นเบนนี่ก็น่าจะเป็นลูกชายนอกสมรสของเมสันมากที่สุดหัวใจของเลียมรู้สึกเหน็บหนาว ไม่น่าแปลกใจที่เมสันไม่สนใจเขามากนัก เป็นเพราะเขามีลูกชายอีกคนข้
แคทเธอรีนลุกขึ้นยืนและเดินไปอีกด้าน กิริยาท่าทางของเธอดูเย็นชาฌอนถอนหายใจขณะที่เขามองดูเธอจากด้านหลัง ในขณะนั้นเองโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นคลิฟตันเป็นคนโทรมา เสียงเขาสั่นด้วยความตื่นเต้นขณะที่พูดว่า "คุณชายใหญ่ฮิลล์ครับ การวิจัยและพัฒนาไมโครชิพเพอร์ดูประสบความสําเร็จเแล้วครับ""ว่าแล้วใช่ไหมล่ะ?" ฌอนพยักหน้าอย่างใจเย็น "คุณทำได้เยี่ยมมาก"คลิฟตันตกใจมาก “คุณชายใหญ่ครับคุณไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ? คุณได้ลงทุนไปมากกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ในไมโครชิพขนาดเล็กนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นสุดยอดไมโครชิพของโลกด้วย ไม่มีบริษัทอื่นเอาชนะเรื่องนี้ได้ ผมคาดว่ามูลค่าตลาดของฮิลล์ คอร์ปอเรชั่นจะเพิ่มขึ้นสามเท่าเป็นอย่างน้อย”“โอเค” ฌอนตอบอย่างใจเย็น “คุณสามารถปล่อยข่าวออกไปว่าไมโครชิพได้รับการพัฒนาประสบความสำเร็จด้วยดีเป็นที่เรียบร้อยแล้วและจัดงานแถลงข่าวในอีกครึ่งเดือนถัดไป ผมจะเข้าร่วมงานเมื่อถึงตอนนั้น” "แล้วเมื่อไรคุณจะกลับมาครับ?" คลิฟตันกล่าวอย่างร้อนรนว่า “เมื่อข่าวออกไปแล้ว แน่นอนว่ามันจะดึงดูดให้บริษัทชั้นนําในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จากทั่วโลกมาร่วมมือกับเรา บริษัทจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีคุณมาอยู่ด้วย ทั
ตอนแรกฌอนคิดว่าเขาได้รับบาดเจ็บตรงไหนสักแห่งแต่เมื่อไม่พบบาดแผลที่ขาของเขาเลยเขาก็ตื่นตระหนก ถ้าไม่ใช่เลือดของเขาก็แสดงว่าเป็นของแคทเธอรีนเขาค่อย ๆ ยกผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ขึ้นมา เขาสังเกตเห็นว่าด้านหลังชุดชั้นในของเธอมีคราบเปื้อนถึงแม้เขาไม่เคยมีประจําเดือนมาก่อน แต่เขารู้ว่าแคทเธอรีนมีประจําเดือนมาอย่างแน่นอนอะไรกันนี่เธอเพิ่งมีประจําเดือนครั้งก่อนยังไม่ถึง 20 วันเลยไม่ใช่เหรอ? ทําไมเธอถึงมีประจําเดือนอีกแล้วล่ะ?เขาเอะใจบางอย่างขึ้นมาทันทีถ้าช่วงก่อนนี้เธอไม่มีประจําเดือนมาจริง ก็คาดว่าช่วงเวลานั้นเธอมีโอกาสที่จะไข่ตกและตั้งครรภ์ได้มากเป็นไปได้ไหมว่าก่อนหน้านี้ประจําเดือนของเธอไม่ได้มา?แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น เลือดมาจากไหนกันล่ะ?ทันใดนั้นเองเขาจําได้แล้วว่าในบรรดาบาดแผลของเธอเกิดขึ้นตอนที่เธอตกลงมาจากแนวหินปะการังใต้น้ำที่ชายหาดคราวก่อน มีอยู่รอยหนึ่งลึกมากเขาเข้าใจทุกอย่างได้ในทันทีนี่เธอโกหกเขามาตลอดเลยสินะ...หลังจากที่แคทเธอรีนตื่นขึ้นมา เธอรับรู้ถึงอาการไม่สบายเนื้อตัวของเธอขึ้นมาในทันทีประจำเดือนของเธอมาตามกำหนดในช่วงเวลานี้เธอรู้สึกได้ว่าชุดชั้นในของเธอเ
ขณะฌอนอุ้มซูซี่ขึ้นรถ จู่ ๆ คนขับก็ถามขึ้นว่า “นี่ลูกของคุณหรือเปล่าครับ?”“... อืม” ฌอนตอบไปทั้งอย่างนั้นเนื่องจากเลียมหายตัวไป เขาจึงจะปฏิบัติต่อซูซี่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของเขาต่อไปในอนาคต"คุณทั้งคู่ดูเหมือนกันมากเลยนะครับ" คนขับยิ้ม"ใช่ครับ เธอดูเหมือนผม" ฌอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป “คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม? ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยครับ”"ใช่ครับ" คนขับหันกลับไปขึ้นรถหลังจากที่รถทั้งสองคันขับผ่านกันไป ฌอนก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันนั้นกําลังมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ที่ด้านบนนั้นเคยเป็นคฤหาสน์ของตระกูลฮิลล์ชายผู้นั้นใช่คนที่ซื้อคฤหาสน์ไปหรือเปล่านะ?แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ เนื่องจากเขาเพิ่งรู้ว่าแคทเธอรีนกําลังจะไปอยู่ด้วยกันกับเวสลีย์เขามั่นใจว่าเวสลีย์คงนอนกับแคทเธอรีนแล้วหัวใจของเขาอัดแน่นเมื่อนึกถึงแคทเธอรีนนอนอยู่ใต้ร่างของเวสลีย์จุดนี้ไม่สำคัญอะไรหรอก สิ่งที่ฌอนกังวลมากกว่าคือความเป็นไปได้ที่แคทเธอรีนจะตั้งครรภ์ลูกของเวสลีย์ เวสลีย์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ฌอนไม่รังเกียจที่แยกทางกับแคทเธอรีนหรอก
“เวสลีย์ ลียงส์ นายก็หยาบคายกับฉันมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? น่าเสียดายที่นายซ่อนมันดีเกินไป ไว้มาดูกันตอนที่หน้ากากของนายหลุดเถอะ”ทันทีที่ฌอนพูดจบเขาก็เหลือบมองแคทเธอรีน เมื่อได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ข้างในซูซี่เลื่อนหน้าต่างด้านหลังลงและยื่นศีรษะเธอออกมา จากนั้นเธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเร่งเร้าว่า “ลุงฌอนคะ ลุงจะพูดไปอีกนานแค่ไหนคะ?”"ลุงกําลังจะไปเดี๋ยวนี้จ้ะ" ฌอนก้าวขึ้นรถเมื่อเขาขับรถออกไป เขาเห็นเวสลีย์ก้มศีรษะลงจูบปากกับแคทเธอรีนผ่านกระจกมองหลังเขาจับพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กดคันเร่งลงไปอย่างดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยความโกรธซูซี่เริ่มหวีดร้องด้วยความตกใจ “ลุงฌอน ลุงขับรถเร็วเกินไปแล้ว! หนูกลัวนะคะ"ฌอนกลับมามีสติสัมปชัญญะทันที เขาลดความเร็วลงอย่างว่องไวและยอมรับความผิด "โทษทีนะจ๊ะ"“ลุงฌอน ลุงยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอเนี่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภรรยาของลุงทิ้งลุงไป” ซูซี่อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขาด้วยมือเธอที่ท้าวสะเอวอยู่“... หนูพูดถูก" ฌอนหลบตาลงอย่างเศร้าซึมซูซี่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเขา เธอรู้ว่าแม่ของเ
แคทเธอรีนไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอื่นใดเลย ทว่าฌอนรู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนกระวนกระวายช่วงสองสามวันมานี้ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะพบเธอดีหรือไม่ เขาลังเลที่จะพบเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเธอสุดหัวใจ“แคธี่ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริง ๆ นะ...” ฌอนเริ่มอธิบายเหมือนเด็กหลงทาง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําตัวแบบนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับผมด้วย การสะกดจิตของซาร่านั้นแรงกล้ามากจนเขียนทับความทรงจําของผมไปจนหมดและทําให้ผมเกลียดคุณมากเหลือเกิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามัน...” .“แล้วคุณมาขอให้ฉันยกโทษให้คุณเหรอ?” จู่ ๆ แคทเธอรีนก็หันหน้ากลับมาทันที ดวงตาเงียบสงบของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา“ผม...” ฌอนกระอักกระอ่วนใจจนไม่รู้จะพูดยังไง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความทุกข์ระทม “แคธี่ผมรักคุณความรักของผมที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ...”"ฮะ!"ในที่สุดแคทเธอรีนก็หัวเราะ “ฌอนถึงคุณจะไม่ได้ถูกซาร่าสะกดจิตแต่ป่านนี้เราอาจจะหย่ากันไปแล้วก็ได้นะ”ฌอนอึ้งไปเลย "คงไม่เป็นแบบนั้นหรอก"“ตลกดีที่ฉันเป็นคนเดียวที่จําความสัมพันธ์นั้นของเรา
แคทเธอรีนวางสายเมื่อเธอมาถึงวิลล่าของครอบครัวยูลเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เวสลีย์กําลังเล่านิทานให้เด็กทั้งสองฟังด้วยท่าทางอ่อนโยนและเสียงทุ้มเบา ๆ เขามองดูเหมือนคุณพ่อใจดีเมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ความรู้สึกผิดก็พุ่งปะทะเข้ามาในจิตใจของแคทเธอรีน เธอนี่นะสงสัยเขาได้ลงคอนั่นมันมากไปแล้วจริง ๆหลังจากที่เวสลีย์เล่านิทานจบเขาถึงสังเกตเห็นเธอ "คุณกลับมาแล้ว"โจเอลจ้องแคทเธอรีนเขม็ง “ลูกเป็นแม่ของซูซี่และลูคัสนะแต่ลูกกลับบ้านดึกตลอด แม้แต่เวสลีย์ก็ยังทําหน้าที่เป็นพ่อแม่ได้ดีกว่าลูกอีก”“ลูกจะไตร่ตรองตัวเองและจะไม่ทําอีกค่ะ” แคทเธอรีนขอโทษอย่างจริงใจ“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทุ่มเททํางานไปเถอะครับผมจะช่วยคุณดูแลลูก ๆ คุณที่บ้านเอง” เวสลีย์กล่าวด้วยรอยยิ้มมองเขาแล้วแคทเธอรีนจึงตัดสินใจบางอย่างอยู่ลึก ๆ ในใจ…ในตอนกลางคืนแคทเธอรีนอยู่เป็นเพื่อนซูซี่และลูคัสจนพวกเขาหลับ จู่ ๆ ซูซี่ก็พูดว่า “แม่ขา คุณย่าโทรหาหนูวันนี้และบอกว่าย่าคิดถึงหนู ปู่ทวดและย่าทวดก็คิดถึงหนูด้วยเช่นกันค่ะ หนูรู้สึกอยากเอ่อ ... อยู่ที่นั่นสักพักค่ะ”"การไปอยู่ที่นั่นดีอะไรนักหนา?" ลูคัสถามอย่างไม่พอใจซูซี่ทําหน้ามุ่ยโดย
"ไม่จําเป็น" เฟรยาส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบฉันหรอก แต่เนื่องจากตระกูลสโนว์บังคับให้ฉันให้กําเนิดเด็กคนนี้และถึงกับข่มขู่ฉันด้วยเด็กคนนี้ดังนั้นฉันจะให้กําเนิดเขาแต่ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณหรอกนะ”ร็อดนีย์ไม่เคยคิดเลยว่าเธอเลือกจะให้กําเนิดลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงานมากกว่าที่จะแต่งงานกับเขาซะอีกเขาควรจะดีใจสิ ทว่าเขาก็อารมณ์เสียซะอย่างนั้น“เฟรยา ลินช์ คุณไม่ชอบผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“...”“ฉันไม่เคยชอบคุณเลยน่ะสิ”เฟรยาเก็บอาการดูถูกเขาไว้ข้างในใจก่อนที่เธอจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เมื่อสามปีก่อนฉันเคยมีความสัมพันธ์ฉันตกหลุมรักชายคนหนึ่งที่วิทยาลัยและเราอยู่ด้วยกันมาสี่ถึงห้าปี เรายังได้พบกับพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายและพร้อมที่จะมีงานแต่งงานของเรา แต่แล้ววันหนึ่งเขาปล่อยให้ครอบครัวของฉันกับฉันต้องรอเก้อเพื่อหวานใจในวัยเด็กของเขา เขาไม่ได้ทําแค่ครั้งเดียวแต่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่า เขามักจะยกให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ“เมื่อใดก็ตามที่เราไปออกเดทกัน เขาก็จะพาเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาไปด้วย“เมื่อเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาป่วยเขาก็จะดูแลเธอ“เขาอ้างว่าเขาปฏิบ
“ฉันไม่สน เนื่องจากคุณโยนผักดองของฉันทิ้งไปแล้ว คุณต้องทําอาหารให้ฉัน ฉันหิวนะ"ร็อดนีย์เหลือบมองท้องของเฟรยา ตอนแรกเขาไม่อยากทําอาหารให้เธอหรอก ทว่าเขากังวลว่าเฟรยาจะนําลูกอ๊อดน้อยในตัวเธอออกไปกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ในที่สุดเขาก็ยอมจํานนต่อโชคชะตาของเขาและตัดสินใจทําอาหารให้เธอแต่เมื่อเขาเปิดตู้เย็นของเธอดู เขาก็ไม่พบส่วนประกอบเครื่องปรุงใด ๆ นอกจากเส้นพาสต้าเขาถอนหายใจออกมา “เฟรยา ลินช์ คุณเป็นผู้หญิงนะ คุณทําตัวเป็นแม่บ้านให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอ? คุณไม่มีไข่ที่บ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก” “ฉันกินในที่ทำงานทุกวัน ฉันทํางานให้คุณยังกับหมานะ แล้วคุณยังมาคาดหวังให้ฉันกลับมาเข้าครัวทําอาหารหลังจากที่ฉันเพิ่งทํางานล่วงเวลาเสร็จอีกเหรอ? ฉันมีเวลาว่างมากนักเหรอไง?”เฟรยาวิจารณ์เขาอย่างเผ็ดร้อน “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ซาร่าก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก เธอยังจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอไง?” “คุณนี่พล่ามไปใหญ่ บางครั้งเธอก็ทําอาหารด้วยตัวเองแหละน่า”“ฮ่า! คุณหมายถึงสัปดาห์ละครั้งเหรอ? ฉันก็ทําแบบนั้นแหละ”“...”ร็อดนีย์เงียบไปเลยเมื่อเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าเขาโน้
เฟรยาขมวดคิ้วย่น ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบกินผักดองและสงสัยว่าทําไมผู้คนมากมายถึงได้ชอบกินอาหารหมักดองอย่างนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ตัวว่าติดหนึบมันเข้าแล้วในเดือนนี้ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้รู้ว่าเพราะการตั้งครรภ์ของเธอนั่นเองเป็นเหตุ“เข้าใจผิดแล้ว ฉันเพิ่งจะเริ่มชอบผักดองเพราะว่าฉันตั้งครรภ์ เป็นทารกเองที่ต้องการหม่ำของพวกนั้น” เธอตอบด้วยท่าทางว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก“ลูกของผมไม่ชอบกินอาหารหมักดองแบบนี้หรอก” ร็อดนีย์คว้าขวดโหลออกไปและเทผักดองทั้งหมดลงไปในถังขยะโดยไม่ลังเลเฟรยาระเบิดลงทันที “ร็อดนีย์ สโนว์ คุณรู้ไหมว่าผักดองขวดหนึ่งมันแพงขนาดไหน? มันมีราคากว่าสิบดอลลาร์เชียวนะ”“...”ร็อดนีย์อึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด “นั่นแพงเรอะ ฮึ? คุณกําลังพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบดูเพล็กซ์มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์และได้รับค่าจ้างเดือนละหลายแสนดอลลาร์ คุณยังมีเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในบัตรที่โอเชอร์ คอร์ปอเรชั่นมอบให้คุณไปเมื่อวันก่อนด้วย คุณกล้าพูดว่าผักดองมีราคาแพงได้ยังไงกัน?!”“มันก็แพงอยู่ดี ผักดองในถุงเล็ก ๆ ที่ฉันได้มาบ่อย ๆ ราคาเพียงแค่ห้าดอลลาร์เอง”"หุบปากเลย"ร็อดนีย์เบื่อหน่ายกับเธอ
เชสเตอร์ตะคอก “ก็ได้ นายแค่ลําเอียงเข้าข้างซาร่า แต่ขอฉันเตือนนายหน่อยนะว่าหากนายออกจากตระกูลสโนว์ไปแล้ว รับรองว่ายัยซาร่าจะทิ้งนายไปในไม่ช้าก็เร็ว”"นายนี่ตอแหลว่ะ"ร็อดนีย์อดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่เขา “เชสเตอร์ จิวเวลนายก็เหมือนกับฌอน! ทําไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้กันไปได้? พวกเราทั้งห้าคนโตมาด้วยกัน แต่พวกนายก็ยังมาเลือกปฏิบัติต่อซาร่าอีก”“ใช่ คนทั้งโลกกําลังเลือกปฏิบัติต่อซาร่าและนายเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องเธอ นายเป็นคนฉลาดหัวใสและคนอื่นมีบางอย่างผิดปกติ งั้นเอาเลยไปสู้โลกเพื่อประโยชน์ของเธอรวมทั้งฆ่าลูกของนายเองด้วย”เชสเตอร์เริ่มรําคาญ “ฉันกําลังจะทําการผ่าตัดตอนนี้ ฉันไม่ว่างที่จะคุยกับนายละนะ”ทันทีที่เขาจบการสนทนา เขาก็เดินดุ่มออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งอันที่จริงการพูดคุยกับร็อดนีย์ทําให้เลือดของเขาเดือดดาลเชสเตอร์เริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจเฟรยาขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นร็อดนีย์ก็เดินออกจากสำนักงานแพทย์เขาเดินลงบันไดมาอย่างร่างไร้วิญญาณเมื่อเขาเซล้มลงไปโดยบังเอิญที่หน่วยกุมารเวชศาสตร์คุณพ่อคนหนึ่งในวัย 30 ปีที่กําลังกอดทารกน้อยน่ารักเดินผ่านเขาไปพอดี ทารกขวบเดียวคนนั้นมีดวงตาโ
พ่อ...คํานี้ทําให้ร็อดนีย์อึ้งไปครู่หนึ่งทันทีเวนดี้พูดอย่างตั้งใจว่า “ใช่ ลูกอาจมีส่วนแค่สเปิร์มตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เด็กคนนี้มีความยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรแล้วนะ ลูกอาจเคยคิดที่จะทําให้เธอแท้งเด็ก แต่ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าการทําแท้งจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดไหน?“มันง่ายมากเลยที่ลูกจะพูดแบบนั้นเพราะว่าลูกไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ร่างกายของผู้หญิงจะได้รับความเสียหายหลังจากผ่านการทําแท้ง ผู้หญิงบางคนถึงกับประสบกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ นานาหรือมีอุปสรรคปัญหาในการตั้งครรภ์อีกครั้ง“นอกจากนี้ลูกคิดว่าถ้าแฟนหรือสามีในอนาคตของเธอรู้ว่าเธอเคยทำแท้งลูกของชายอื่นมาก่อน พวกเขาจะมองเธอยังไง? ลูกลองมองในมุมของเธอบ้าง ถ้าลูกรู้ว่าภรรยาในอนาคตของลูกเคยตั้งท้องลูกของชายอื่นมา ลูกจะผิดหวังไหม?”ร็อดนีย์ยังคงเงียบขณะฟังถ้อยคําเหล่านั้นเขาไม่ได้ใจร้ายโดยสันดาน หลังจากที่เวนดี้ชี้แนะเขาอย่างละเอียด ความสับสนเจ็บแปลบและความรู้สึกผิดก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในจิตใจของเขาในตอนนั้นเขาเคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้เพื่อตอบสนองความปรารถนาของพ่อแม่ถ้าหาก