"สิบล้าน!" ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายประมูลของฮั่วเจี้ยนเฟิง หลังจากที่เขาเบื่อหน่ายมาครึ่งงาน ในที่สุดก็ได้รับคำสั่งจากเจ้านาย แล้วโบกป้ายทะเบียนในมืออย่างบ้าคลั่งเพื่อเสนอราคา ผู้ดำเนินการประมูลยิ้มและพูดว่า "หมายเลข 78 เสนอราคา 10 ล้าน มีใครจะเสนอราคาอีกไหมครับ? นี่คือจี้หยกมรกตเนื้อแก้วโบราณชั้นเยี่ยมที่สุด" ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ้มที่มุมปาก เขารู้สึกว่าทันทีที่ตัวเองเสนอ 10 ล้านหยวนนั้นทำให้ผู้ชมตกใจอย่างแน่นอน หลี่โม่มองผู้ดำเนินการประมูลบนหน้าจออย่างสบาย ๆ จากนั้นเปิดอุปกรณ์สื่อสารแล้วพูดว่า "20 ล้าน" "ได้ครับเจ้านาย" ผู้ดำเนินการประมูลได้รับคำสั่งจากหลี่โม่ ก็ชูป้ายทะเบียนในมือให้สูงขึ้น "ยี่สิบล้าน" บรรดาเศรษฐีบางคนที่กำลังเตรียมที่จะเสนอราคา ต่างก็ถอนหายใจเมื่อได้ยินราคา 20 ล้านบนหน้าจอ ในใจคิดว่าวันนี้มีคนโหดเหี้ยมมาจากไหนกันที่เสนอราคาเพิ่มขึ้นทีละ 10 ล้าน นี่ยังจะให้พวกเขาเข้าร่วมอยู่อีกไหม ฮั่วเจี้ยนเฟิงขมวดคิ้ว คิดว่าคราวนี้คงจะเจอคู่แข่งที่แข็งแกร่งเข้าแล้ว และไม่แน่ว่าบางทีก็อาจจะทำให้เขากระอักเลือดได้หากเสนอเงินสูงขนาดนั้น แต่เมื่อคิดว่าตัวเองได้เตรียมเงินสดไว้ 60 ล
แต่ในกรณีนี้ ฮั่วเจี้ยนเฟิงอยากจะเก็บเงินอีก 10 ล้านเอาไว้ ในขณะนี้ ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่า ตราบใดที่มายเลข 118 นั้นเป็นคนมีเหตุผลและเข้าใจคุณค่าของจี้หยกนี้ เขาก็จะไม่เสนอราคามากกว่า 60 ล้านหยวน เพราะราคานั้นเกินมูลค่าของหยกนี้แล้ว หลังจากเสนอราคาแล้ว ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็รู้สึกโมโห และดึงเนคไทที่คอเสื้อออกอย่างแรงเพื่อให้ตัวเองหายใจได้คล่องยิ่งขึ้น บนหน้าจอ ตัวแทนปาะมูลของฮั่วเจี้ยนเฟิงใช้กำลังทั้งหมดตะโกนขึ้นไปว่า "หก! หกสิบล้าน!" น้ำเสียง สำเนียง และความเร็วในการพูดล้วนเลียนแบบฮั่วเจี้ยนเฟิง และตัวแทนประมูลก็อยากจะทำตามคำสั่งของฮัวเจี้ยนเฟิงให้เสร็จ และเขาก็ได้ทุ่มเทสุดตัวแล้วจริง ๆ หลี่โม่มองไปที่ท่าทางตัวแทนการประมูลของฮั่วเจี้ยนเฟิง เขาอดไม่ได้ที่จะขำออกมา และคิดว่าผู้ชายคนนี้มาเล่นตลกจริง ๆ “ไม่รู้หรอกนะว่าตัวแทนประมูลของใครกัน น่าเสียดายมาก ถ้าไม่ไปเล่นตลก” เมื่อผู้ดำเนินการประมูลได้ยินราคา 60 ล้านหยวน ทันใดนั้น อะดรีนาลีนก็หลั่งออกมาในปริมาณมาก ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น และสีหน้าก็แดงฉาน ในฐานะผู้ดำเนินการประมูล เขาจำเป็นต้องทราบข้อมูลทุนและช่วงมูลค่าของสินค้าแต่ละรายก
แกร็กลูกบิดประตูหมุนโดยฮั่วเจี้ยนเฟิง เสียงดังชัดเจน ฮั่วเจี้ยนเฟิงหายใจเข้าลึก ๆ และเตะประตูให้เปิดออก เขารุดเข้าไปในห้องแล้วตะโกน "ไอ้สารเลวหน้าไหนที่กล้าฉวยโอกาสกับฉัน!" พนักงานทำความสะอาดในห้องมองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงด้วยความประหลาดใจ“คุณ มีอะไรให้รับใช้ไหมคะ”แม้ว่าพวกเขาจะคิดว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงเป็นตัวตลก แต่พนักงานก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาแบบนั้นฮั่วเจี้ยนเฟิงมองไปที่ห้องส่วนตัวที่มีแต่พนักงานเท่านั้น และเสยผมอย่างแรง“ไอ้สารเลว! ไอ้ชั่วนั่นมันอยู่ไหน! คนในห้องนี้อยู่ที่ไหน!”“เขาออกไปแล้ว ดิฉันไม่รู้ว่าเขาไปไหน” พนักงานพูดอย่างอ่อนน้อมฮั่วเจี้ยนเฟิงคว้าคอเสื้อพนักงาน แล้วเขย่าเธออย่างแรง "เธอรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร บอกฉันมา บอกฉันมาเดี๋ยวนี้!"“ขอโทษค่ะท่าน ดิฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน หัวหน้าให้ดิฉันมาทำความสะอาด”พนักงานมองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงด้วยความตื่นตระหนก กังวลว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงจะทำร้ายเธอฮั่วเจี้ยนเฟิงผลักพนักงานออกไป เขามองไปรอบ ๆ ห้องส่วนตัวและกำลังจะออกไปด้วยความโกรธ ทันใดนั้นเมื่อฮั่วเจี้ยนเฟิงหันกลับมา เขาก็เหลือบมองไปบนโต๊ะและเห็นป้ายถูกโยนทิ้งไปที่มุมโต๊ะ
หลี่โม่เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและเห็นหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ข้าง ๆ หวังฟางซึ่งมีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับหวังฟาง “นี่แกยังไม่มาทักทายอีก ยืนแข็งเป็นไม้อยู่ได้ นี่ป้ารองของหยุนหลาน แกควรจะเรียกเธอว่าป้ารอง” หวังฟางก้มหน้าลงและจ้องมองหลี่โม่ด้วยความขุ่นเคือง ตระกูลของหวังฟางไม่ได้แข็งแกร่งและเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ในกรุงโซล ย้อนกลับไปในตอนนั้น ชายชราของตระกูลหวังอาศัยพลังเพียงเล็กน้อยในมือ และได้พัฒนาตระกูลหวังมาจนในปัจจุบัน ตระกูลหวังแทบจะเรียกได้ว่าเป็นตระกูลอันดับสามในกรุงโซล ในรุ่นของหวังฟาง ตระกูลหวังมีลูกสี่คนโดยมีผู้ชายสองคน ผู้หญิงสองคน หวังฟางเป็นน้องสุดท้องในตระกูล มีพี่ใหญ่ พี่รอง และพี่สาม วันนี้ที่มาคือพี่รอง หวังเหม่ย “ป้ารอง สวัสดีครับ”หลี่โม่เดินไปหาหวังเหม่ยและพูดทักทาย 哎呦,这就是那个李什么来着吧,小妹啊,你这女婿是不是做那个美容的?大男人哪能这样混吃等死呢。”“ไอหยา นี่หลี่ขยะไร้ประโยชน์อะไรนั่นใช่ไหม น้องสาว ลูกเขยของเธอนี่ดูเหมือนวัน ๆ จะไม่ทำอะไรเลยนะ อยู่รอวันตายอย่างเดียวหรือไงกัน” หวังเหม่ยมองไปที่หลี่โม่ด้วยความดูถูก และสิ่งที่เธอพูดนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า จู่ ๆ สีหน้าของหวังฟางก็มืดลง เธอพ
หลังจากส่งหวังเหม่ยกลับไปแล้ว หวังฟางก็ถูหน้าอกของเธอที่เหมือนจะระเบิด เธอเดินอย่างรวดเร็วไปที่ประตูห้องของกู้หยุนหลานและเคประตูอย่างแรง "หยุนหลาน ไปพาไอ้ขยะนั้นมาหาฉัน เรามีเรื่องต้องคุยกัน!" หวังฟางคำรามด้วยความโกรธ หลังจากถูกหวังเหม่ยเยาะเย้ย หวังฟางก็เสียหน้าอย่างแท้จริง และอารมณ์เชิงลบทั้งหมดที่สะสมตั้งแต่ในอดีตก็ระเบิดออกมา "รีบเอาหลี่โม่ไอ้ขยะออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ลูกต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ป้ารองของลูกพูด อีกสองวันจะเป็นวันเกิดของคุณปู่ของลูกแล้ว ลูกห้ามพาหลี่โม่ไอ้ขยะนั่นไปด้วยเด็ดขาด!" ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก กู้หยุนหลานมองไปที่หวังฟางอย่างทุกข์ใจ "แม่ แม่จะทำอะไร ป้ารองเป็นคนหัวสูงก็ปล่อยเธอไปสิ ทำไมต้องทำให้หลี่โม่อับอายเพราะคำพูดของคนอื่นด้วย" “นี่อายของมันเหรอ มันทำให้ตระกูลเราต้องอับอายเข้าใจไหม ญาติและเพื่อนทุกคนต่างดูถูกเราเพราะมันเป็นคนไร้ค่า ภาพลักษณ์ครอบครัวของเราถูกทำลายเพราะมัน พ่อกับแม่ก็ต้องอับอายที่จะไปพบเจอคนอื่นข้างนอก เราเชิดหน้าชูตาไม่ได้แล้ว” ยิ่งหวังฟางพูดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น และน้ำเสียงของเธอก็เฉียบแหลมมาก "เวลาที่คนอื่
หลี่โม่ยิ้มและฝังใบหน้าของเขาไว้ในผมยาวของกู้หยุนหลาน พลางสูดกลิ่นผมของหญิงสาว “สามีจะให้ภรรยาช่วยแบบนี้ได้ยังไง” “เอาล่ะ เลิกพูดเถอะ คุณคิดว่าวันมะรืนนี้เราจะไปงานวันเกิดคุณปู่ดีไหม?” กู้หยุนหลานไม่แน่ใจเล็กน้อย ถ้าเธอพาหลี่โม่ไปที่นั่น ญาติของปู่อาจจะเยาะเย้ยเขาเอาได้ และอีกอย่างกู้หยุนหลานก็ไม่อยากไป ในวันนั้นอาจจะออกไปกับหลี่โม่ หรือไปหาซีซี ก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดี หลี่โม่พูดเสียงเบา "ไปสิ คุณต้องไป ยังไงก็เป็นวันเกิดปีที่ 70 ของคุณปู่ของคุณนะ จะขาดหลานไปได้ยังไง" กู้หยุนหลานพยักหน้าช้า ๆ เห็นด้วยกับความคิดของหลี่โม่ … ในวันงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่หวัง หวังเหม่ยภูมิใจที่ได้พาลูกสาวของเธอ โจวชุ่ยฮวาและลูกเขยอย่างหานจือเต๋อไปที่บ้านของหวังฟาง ทันทีที่เธอเข้าประตูไป หวังเหม่ยก็เริ่มทักทาย "น้องสาว เรามารับครอบครัวของเธอ ลูกสาวและลูกเขยของพี่ขับรถมา เลยจะมารับครอบครัวของเธอไปที่นั่นด้วยกัน" การอวดลูกเขยคือจุดประสงค์หลักของการมาครั้งนี้ของหวังเหม่ย! หวังเหม่ยผู้ซึ่งโกรธกู้หยุนหลานครั้งก่อน จึงมาที่นี่ด้วยพลังงานมากมาย ใบหน้าของหวังฟางหงิกงอ ฝืนยิ้มและพูดว
“แม่คะ ทำไมแม่ต้องเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นด้วยคะ ถ้ามีคนซื้อเครื่องบินเจ็ตและเรือยอชต์ส่วนตัวให้ลูกสะใภ้ด้วย จะเทียบยังไง แม่จะไม่โกรธพวกเขาด้วยหรือไงคะ” กู้หยุนหลานพูดอย่างหมดหนทาง หวังฟางโกรธมากจนพูดไม่ออก เธอยื่นมือออกไปและพยักหน้าสองครั้งไปที่หลี่โม่และกู้หยุนหลานและพูดอย่างขมขื่น "พวกแกรีบเก็บของเถอะ! ขึ้นรถของป้ารองไปที่งานเลี้ยงวันเกิด ถ้าถึงในงานเลี้ยง หลี่โม่ แกไปหานั่งหลบมุมซะ อย่าให้ใครเห็นดีที่สุด และอย่าทำให้ฉันเสียหน้าอีก!" กู้หยุนหลานดูหวังฟางเดินออกไปและถอนหายใจเบา ๆ เธอจับมือหลี่โม่แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยกัน กู้เจี้ยนหมินยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าที่มืดมน จับตามองหลี่โม่อย่างแข็งกร้าว และพูดด้วยเสียงดุดันว่า "ไปกันเถอะ อย่าเสียเวลาเลย" หวังเหม่ยเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มและพาครอบครัวของกู้หยุนหลานออกไป เธอเดินไปที่ข้างถนนแล้วชี้ไปที่รถ BMW 2 คันของเธอแล้วพูดว่า "ดูสิครอบครัวของเราเป็นรถ BMW นำเข้าทั้งสองคันเลย BMW ที่ผลิตในประเทศไม่มีคันไหนเทียบได้เลยแหละ" หานจือเต๋อยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "เทคโนโลยีการประกอบรถของ BMW ในประเทศไม่ได้
"หึหึ ฉันว่าตอนนี้เธอคงลำบากมากสินะ กับสามีที่น่าผิดหวังแบบนี้ ช่างไม่คู่ควรกับเธอเลย ถ้าเธอบอกว่าเธอแค่ชี้นิ้ว ไม่ว่าคนรวยและคนหนุ่ม ๆ ก็ยอมแต่งงานด้วย แล้วทำไมเธอถึงแต่งงานกับขยะแบบนี้นะ" โจวชุ่ยฮวาไม่ปิดบังมันอีกต่อไป ความอิจฉาริษยาที่เธอมีต่อกู้หยุนหลานก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที สีหน้าของกู้หยุนหลานเปลี่ยนไป และเมื่อเธอกำลังจะปกป้องหลี่โม่ หลี่โม่ก็ดึงข้อมือของกู้หยุนหลานไว้ กู้หยุนหลานไม่พูดอะไร โจวชุ่ยฮวามองไปที่กระจกมองหลังและหัวเราะอย่างมีความสุข "โอ้ นี่ฉันเผลอพูดความจริงไป เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนตรงไปตรงมาเสมอ อย่าถือสาฉันเลยนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเธอไม่พูด ก็ไม่มีใครในครอบครัวรู้ว่าเธอแต่งงานกับไอ้คนไร้ค่านี่" “เธอบอกว่าเมื่อก่อนคนรวยและคนหนุ่ม ๆ มีแต่จะไล่ตามจีบเธอ แล้วพวกเขาจะมีสีหน้าแบบไหนกันนะ ถ้ารู้ว่าเธอแต่งงานกับคนจน ฉันคิดว่าพวกเขาคงตกใจมากแน่ ๆ เลยล่ะ” โจวชุ่ยฮวาพูดไปเรื่อย ๆ ทุกประโยคเหมือนมีดคม ๆ ที่แทงเข้าไปในหัวใจของกู้หยุนหลาน โจวชุ่ยฮวาที่พูดอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ากู้หยุนหลานและหลี่โม่ไม่ตอบสนองอะไรเลย ไม่แม้แต่จะตะโกนด้