เขมณัฏฐ์งัวเงียเดินมาเปิดประตูห้องเมื่อน้องสาวขึ้นมาปลุกตั้งแต่เช้า
“มีอะไรแต่เช้าหรือว่านายไตรฟื้นแล้ว”
“ไม่ใช่ค่ะ พี่ไตรยังไม่ฟื้นแต่เมื่อกี้พยาบาลที่โรงพยาบาลโทรมาบอกว่ามีผู้หญิงจะพยายามเข้าไปเยี่ยมพี่ไตร เขมว่าพี่เข้มต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เขมนะคะ ถ้าเธอยังไปวนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนั้นมันไม่ดีเลย”
“เดี๋ยววันนี้พี่จะเรียกเธอมาคุยอีกที จะพูดกับเธอดีๆ”
“ผู้หญิงแบบนี้พูดดีๆ ด้วยไม่ได้หรอกค่ะ พี่ต้องพาเธอไปอยู่สุโขทัย”
“ถ้าพี่กลับไปอยู่สุโขทัยแล้วเขมจะอยู่คนเดียวยังไงยิ่งช่วงนี้ท้องอยู่ด้วยนะ”
“เขมอยู่คนเดียวที่ไหนที่บ้านก็มีเด็กรับใช้อยู่”
“แต่พี่เป็นห่วงนะ”
“ถ้าพี่เป็นห่วงเขมจริงๆ พี่ก็ต้องทำให้เขมสบายใจ นะคะพี่เข้มช่วยเขม ช่วยกันเธอออกไปจากชีวิตของพี่ไตรช่วงนี้ก่อนได้ไหมคะ เขมไม่อยากเครียด แค่เรื่องที่พี่ไตรยังไม่ฟื้นเขมก็เครียดมากอยู่แล้ว ถ้ายังจะต้องมาสู้รบตบมือกับเมียน้อยของพี่ไตรอีกเขมคงแย่แน่ๆ” เขมิกาพยายามโน้มน้าวพี่ชายอย่างเพราะเธอไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้กับไตรภพโดยเฉพาะช่วงที่เขากำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หญิงสาวกลัวเหลือเกินว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเจอผู้หญิงคนอื่นก่อนตัวเธอ
“เดี๋ยวพี่จะช่วยเขมก็แล้วกันนะ แต่ถ้านายไตรฟื้นเมื่อไหร่ต้องรีบแจ้งพี่นะ พี่จะได้พาเขามาคุยและเคลียร์ทุกอย่างให้มันเรียบร้อย”
“ได้ค่ะ เขมจะรีบโทรไปบอกเลย ขอบคุณนะคะพี่เข้ม พี่เป็นพี่ชายใจดีที่สุดของเขมเลยค่ะ ถ้าไม่มีพี่เข้ม เขมต้องแย่แน่ๆ” เขมิกากอดพี่ชายยังประจบ
หลังจากคุยกับน้องสาวแล้วเขมณัฏฐ์ก็ถอนหายใจอย่างหนักเขาไม่รู้จะพาผู้หญิงคนนั้นไปอยู่ที่สุโขทัยยังไงการจะบอกไปตรงๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่หรืออาจจะต้องวางยาแล้วแอบพาขึ้นรถไปเหมือนที่เคยเห็นในละครเหมือนที่น้าประนอมชอบดู
ชายหนุ่มมองเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงที่ชื่อกานต์ชิสาแล้วถอนหายใจเป็นครั้งที่สองจากนั้นก็กดโทรออกเพื่อนัดให้หญิงสาวมาเจอเขาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลที่ไตรภพรักษาตัวอยู่
“คุณไตรฟื้นแล้วเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยความดีใจ
“เปล่าหรอกนายไตรยังไม่ฟื้น แต่ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อย”
“มีเรื่องจะคุยกับฉันก็คุยตอนนี้เลยสิคะ”
“ผมว่าคุยทางโทรศัพท์คงไม่สะดวกออกมาเจอผมหน่อยได้ไหมล่ะหรือจะให้ผมเข้าไปหาคุณที่ร้านก็ได้นะ”
“ไม่ได้นะคุณจะเข้ามาที่ร้านไม่ได้ เดี๋ยวฉันออกไปหาคุณเองค่ะ” เพราะกลัวว่าเขาเข้ามาในร้านแล้วจะรู้ว่าตนเองไม่ใช่เจ้าของร้านเบเกอรี่อย่างที่เขาเข้าใจ
“พี่ครีมเค้กออกไปเจอเพื่อนหน่อยนะคะ”
“ตั้งแต่เค้กกลับมาอยู่กรุงเทพพี่ก็เพิ่งเคยได้ยินประโยคนี้นะ เค้กมีเพื่อนที่กรุงเทพกับเขาด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่เพื่อนที่กรุงเทพหรอกค่ะเป็นเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันที่อังกฤษพอดีเขากลับมาเราก็เลยนัดเจอกัน”
“นัดเจอกันที่ไหนทำไมไม่ชวนเขามาที่ร้านเราล่ะ”
“เขาไม่ค่อยสะดวกมาที่นี่เท่าไหร่ค่ะ เค้กไปก่อนนะแล้วเดี๋ยวเย็นนี้จะกลับมากินข้าวด้วย”
“จ้ะโชคดีนะอย่าขับรถเร็วล่ะ”
หญิงสาวขับรถมาจอดยังร้านกาแฟที่เขมณัฏฐ์บอก เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เห็นว่าชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อน
“ผมไม่รู้ว่าคุณจะกินอะไรเลยสั่งน้ำส้มกับกาแฟไว้ให้”
“ขอบคุณค่ะ คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันเหรอคะคุณเข้ม”
“ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณหน่อย”
“ขอร้องอะไรขอร้องว่าช่วงนี้คุณอย่าไปเยี่ยมนายไตรได้ไหม”
“ฉันก็ไม่ได้ไปเยี่ยมนี่คะ”
“แต่เมื่อเช้าพยาบาลบอกว่ามีผู้หญิงไปเยี่ยมนายไตร ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครล่ะ”
“ฉันยืนยันได้เลยว่าไม่ใช่ฉัน และฉันก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะ ที่จะแอบทำอะไรลับหลังแบบนั้น เรื่องแค่นี้เหรอที่คุณเรียกให้ฉันออกมาเจอ”
“เปล่าผมมีอะไรจะตกลงคุณอีกอย่างหนึ่ง”
“อะไรอีกคะ” กานต์ชิสามองอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะรู้สึกว่าเขาจะเรียกร้องมากจนเกินไป
“ระหว่างที่น้องเขยผมยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลคุณต้องไปอยู่กับผมที่บ้านของผมที่สุโขทัย”
“จะบ้าหรือเปล่าคุณ ฉันจะไปอยู่กับคุณที่บ้านของคุณทำไมฉันมีงานที่จะต้องทำนะ”
“ผมจ่ายค่าจ้างให้คุณก็ได้”
“คุณจ้างฉันไหวเหรอคะ”
“ลองบอกมาสิว่าต้องจ้างเท่าไหร่”
กานต์ชิสามองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระมากที่เขาทำแบบนี้ แต่ก็รู้สึกสนุกเพราะดูเหมือนว่าเขาและน้องสาวกำลังจิตตกเป็นอย่างมากเธอคิดว่าคนที่ไปเยี่ยมไตรภพน่าจะเป็นชลนิภาหรือไม่ก็อาจจะเป็นผู้หญิงคนอื่นของเขาซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าผู้ชายที่ชื่อไตรภพมีผู้หญิงซ่อนไว้กี่คนกันแน่
“ห้าหมื่นค่ะ”
“มันจะไม่เยอะเกินไปเหรอ”
“คุณจะดูถูกฉันเกินไปแล้วนะ ถึงร้านของฉันจะไม่ชื่อดังแต่ในทุกๆ วันรายได้เข้าร้านของฉันก็ค่อนข้างมากอยู่”
“แต่ผมไม่ได้ให้คุณปิดร้านนี่คุณก็ให้ลูกน้องทำ”
“ฉันให้ลูกน้องขายของหน้าร้านได้แต่ที่ฉันคิดคุณห้าหมื่น เพราะมันหมายถึงรายได้จากการจัดเบรคที่จะหายไป เพราะส่วนใหญ่แล้วการจัดเบรคฉันจะเป็นคนดิวงานกับลูกค้าถ้าฉันไม่อยู่ก็คงรับงานพวกนี้ไม่ได้ นี่ฉันใจดีมากแล้วนะคะ ที่คิดแค่รายได้จากการจัดเบรคฉันไม่ได้คิดเงินเดือนของฉันเลยด้วยซ้ำ”
“คุณให้เงินเดือนตัวเองด้วยเหรอ”
“ใช่สิค่าแรงของเจ้าของร้านก็ต้องคำนวณไป ในต้นทุนของสินค้าด้วย ฉันถามหน่อยคุณทำงานอะไร”
“มันเกี่ยวกันยังไง”
“ตอบมาก่อนเถอะน่า”
“ผมทำโรงสีรับซื้อข้าวเปลือกแล้วก็ทำตึกให้เช่า”
“แล้วคุณเคยให้เงินเดือนตัวเองไหมล่ะ”
“ไม่”
“นั่นไงคุณพลาด แล้วคุณต้องคิดและให้เงินเดือนตัวเองด้วยจะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเหลือกำไรจากการทำงานมากน้อยเท่าไหร่แล้วมันคุ้มกับค่าเหนื่อยของไหม”
“นี่กำลังนี่เรากำลังคุยกันเรื่องที่ผมจะให้คุณไปอยู่กับผมที่บ้านระหว่างที่น้องเขยผมอยู่ที่โรงพยาบาลนะ ไม่ได้มาคุยเรื่องธุรกิจ”
“ก็มันเกี่ยวเนื่องกัน ตกลงยังไงคุณจะจ้างฉันไหม ถ้าคุณตกลงจ้างฉันห้าหมื่นฉันก็พร้อมไปกับคุณพรุ่งนี้เลย”
“ทำไมคุณตกลงง่ายจังมีอะไรหรือเปล่าหรือเพราะตอนนี้ขาดรายได้จากนายไตรก็เลยหาผู้ชายคนใหม่ ผมบอกเลยนะว่าผมไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวคุณเลยที่ทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับน้องเขยผม เพราะผู้หญิงอย่างคุณไม่ใช่สเปกผมเลย”
“แต่ผู้ชายอย่างคุณนี่สเปกฉันเลยนะคะ อยู่ใกล้ฉันก็ระวังไว้หน่อยก็ดี”
“ผมคงไม่หลงกลคุณเหมือนนายไตรหรอก ที่จะจ้างให้คุณไปอยู่ด้วยก็แค่ชั่วคราวพอนายไตรฟื้นเมื่อไหร่ก็เลิกจ้างตกลงไหมล่ะ”“ฉันว่าคุณกับน้องของคุณระแวงเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวมองว่ามันไร้สาระมากเลยแกล้งเรียกเงินเขาไปมากถึงห้าหมื่น“อะไรที่ทำแล้วน้องผมสบายใจผมก็จะทำตกลงคุณจะไปกับผมไหมล่ะ”“ถ้าคุณให้ฉันห้าหมื่นฉันก็ตกลง”ที่กานต์ชิสายอมรับข้อเสนอของเขมณัฏฐ์ไปเพราะกลัวว่าชายหนุ่มและน้องสาวจะไปยุ่งวุ่นวายกับกานต์สิชาที่ร้านเบเกอรี่ แต่ถ้าหากหญิงสาวยอมไปกับผู้ชายคนนี้พี่สาวของเธอก็จะได้เปิดร้านตามปกติและตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้ทำงานอะไรการไปอยู่กับเขาระหว่างที่รอให้ไตรภพฟื้นมันก็คงไม่น่าเสียหายเท่าไหร่อีกอย่างกานต์ชิสาก็รู้สึกว่าเขาจะเป็นรักแรกพบสำหรับเธอจังหวัดที่เขาบอกน่าจะอยู่ทางภาคเหนือซึ่งถือเธอจะรู้มาว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ค่อนข้างเยอะมาก เธอคงสนุกมากแน่ๆ ถ้าจะได้ไปอยู่ที่นั่นก็จะได้ไปเที่ยวโดยมีเงินเดือนใช้ด้วย“อย่าคิดช้านะคะ ฉันอาจจะเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ” หญิงสาวสาวพูดกระตุ้นเพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นต่อ“ตกลงก็ได้ห้าหมื่นพรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณที่ร้านเบเกอรี่” เขารีบตกลงเพราะกลัวว่า
เขมณัฏฐ์มาจอดรถรับกานต์ชิสาที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งเขามองกระเป๋าเป้ที่เธอวางไว้ที่เบาะหลังด้วยอยู่ความสงสัยและเมื่อเธอขึ้นมานั่งในรถแล้วก็อดถามไม่ได้“ทำไมมีกระเป๋าเป้แค่ใบเดียวล่ะ”“เดี๋ยวฉันค่อยไปหาซื้อข้างหน้าก็ได้เพราะถ้าฉันเอากระเป๋าใบใหญ่ไปคนอื่นจะได้สงสัยกันพอดีว่าฉันจะไปไหน”“แต่จังหวะที่เราจะไปมันไม่มีห้างใหญ่ๆ เหมือนในกรุงเทพบอกนะ ถ้าอยากจะมาซื้อก็ต้องเข้ามาอีกจังหวัดหนึ่ง”“ถ้างั้นคุณก็พาฉันแวะซื้อก่อนกลับสิ”“ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ เราออกจากที่นี่บ่ายมากแล้วไปถึงก็น่าจะดึก ผมไม่ค่อยชอบขับรถกลางคืนสักเท่าไหร่”“ฉันนึกว่าเราจะนั่งเครื่องไป”“จริงๆ แล้วไปสุโขทัยมันก็มีเที่ยวบินอยู่แล้วแต่บังเอิญว่าผมขับรถมาน่ะคุณก็เลยต้องนั่งรถกลับกับผมหลายชั่วโมง ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเอาไว้ผมว่างผมจะพาคุณไปซื้อที่ห้างใกล้ๆ แถวนั้นก็แล้วกันนะ”“ได้ไม่มีปัญหาหรอก แต่ฉันสั่งออนไลน์เอาก็ได้ คุณช่วยแวะร้านสะดวกซื้อให้ฉันหน่อยสิฉันว่าคงต้องตุนเสบียงแล้วแหละ นั่งรถหลายชั่วโมงแบบนี้”เขมณัฏฐ์พยักหน้าจากนั้นเขาก็ขับไปจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง“คุณจะลงไปกับฉันไหม”“ไม่ล่ะ ผมให้เวลาคุณ 10 นาที
เพราะเขมณัฏฐ์ขับรถมาด้วยความเร็วไม่เกินกฎหมายกำหนดอีกทั้งยังแวะทานอาหารและเข้าห้องน้ำเกือบตลอดทางทำให้การเดินทางจากกรุงเทพมาสุโขทัยก็เลยใช้เวลานานกว่าปกติเกือบ 2 ชั่วโมงเขาพากานต์ชิสามาถึงบ้านของตนเองในเวลาเกือบจะเที่ยงคืนซึ่งตอนนี้ทั้งบ้านปิดไฟมืดสนิทแต่เมื่อขับเข้ามาใกล้ๆ ไฟทุกดวงก็สว่างจ้าเพราะเขาทำระบบไฟฟ้าที่นี่เป็นระบบอัตโนมัติบ้านของชายหนุ่มเป็นบ้านปูนชั้นเดียวยกสูงขึ้นจากพื้นหญิงสาวเดินตามเขาเข้าไปในบ้านหลังไม่ใหญ่มาก บริเวณห้องรับแขกถูกจะเอาไว้อย่างเรียบร้อย ด้านซ้ายมือเป็นส่วนของห้องครัวที่มีโต๊ะสำหรับทานอาหารขนาดใหญ่อยู่กลางห้องพื้นอีกด้านยกสูงขึ้นไปบริเวณจากบริเวณห้องรับแขกซึ่งตอนนี้เขมณัฏฐ์พาเธอเดินขึ้นบันไดมาเพียงห้าขั้นก็ถึงห้องนอน“เธอนอนห้องนี้ไปก่อนนะ ฉันให้คนมาทำความสะอาดแล้วหวังว่าคงอยู่ได้” เขาเปิดประตูห้องนอนห้องหนึ่งให้กับหญิงสาว“ฉันกินง่ายอยู่ง่ายไม่มีปัญหาหรอกค่ะ” พูดจบก็เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนตอนนี้มันดึกมากแล้วหญิงสาวรีบอาบน้ำและล้มตัวลงนอนแต่ก็ต้องถอนหายใจอย่างหนักเพราะห้องที่เขาให้เธออยู่นี้มันเป็นห้องที่มีแค่พัดลมถึงแม้อากาศทางภาคเหนือจะไม่ได้ร้อนมา
กานต์ชิสาเดินตามเขมณัฏฐ์มายังท่าข้าวและโรงสีที่อยู่ติดกับรั้วบ้านซึ่งตอนนี้มีรถบรรทุกข้าวเปลือกมารออยู่หลายสิบคัน คนงานหลายคนมองมาที่หญิงสาวแต่เธอก็ไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน“ข้าวเปลือกพวกนั้นคุณจะเอาไปทำอะไรต่อคะ”“เอาไปสีเป็นข้าวสารจากนั้นก็บรรจุใส่กระสอบแล้วส่งขาย หรือบางครั้งก็ส่งไปให้กับพ่อค้าคนกลางอีกทีหนึ่ง”“แล้วคนที่เขาเอามาขายเป็นชาวนาเหรอคะ”“บางครั้งก็ชาวนาเอามาขายโดยตรงแต่บางครั้งก็เป็นตัวแทนที่เขาจะรวมกลุ่มกันเอามาขายให้” เขมณัฏฐ์อธิบายให้เธอฟังคร่าวๆ ก่อนจะพาเธอเข้ายังห้องกระจกที่อยู่ด้านข้างซึ่งเขามักเรียกที่นี่ว่าออฟฟิศ“เข้ามาสิผมจะแนะนำให้รู้จักพนักงานที่อยู่ในออฟฟิศ”ชายหนุ่มเปิดประตูห้องกระจกออกแล้วในนั้นมีผู้หญิงนั่งอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามคนด้วยกัน เขมณัฏฐ์แนะนำให้เธอรู้จักกับคนที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบัญชีชื่อศิริรัตน์หรือพี่รัตน์และผู้ช่วยของเธออีกสองคนคือสายพินหรือหญิง ส่วนคนสุดท้ายที่ดูดเด็กกว่าคนอื่นชื่อกุ้งหรือรัตนาหลังจากแนะนำให้เธอรู้จักกับทั้งสามคนแล้วเขาก็ขอตัวออกไปทำงานด้านนอก กานต์ชิสาขอตามออกไปดูการทำงานของเขาด้วยระหว่างที่นี้หญิงสา
ท่ามกลางความมืดในเวลาเกือบเที่ยงคืนรถยนต์สองคันขับเบียดกันมาบนถนนเส้นหนึ่งก่อนที่รถคันหน้าจะเสียหลักพลิกคว่ำอยู่หลายตลบจนไปชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางรถที่ขับเบียดมานั้นไม่ได้จอดให้ความช่วยเหลือแต่ขับเลยไปแล้ววนกลับมาอีกครั้งคนในรถรีบโทรศัพท์แจ้งเหตุกับกู้ภัยและรอจนกระทั่งได้ยินเสียงไซเรนก็รีบขับออกไปจากจุดเกิดเหตุเสียงโทรศัพท์ของกานต์ชิสาหญิงสาววัย 24 ปีดังขึ้นในเวลา 02.15 นาฬิกา เจ้าของโทรศัพท์กวาดมือไปบนเตียงนอนเพื่อหาโทรศัพท์ที่ไม่รู้ว่ามันไปซ่อนอยู่ตรงไหนบนเตียงนอนกว้าง“ใครโทรมาเวลานี้นะ” หญิงสาวเปิดโคมไฟที่หัวเตียงเพื่อหาโทรศัพท์ที่ยังส่งเสียงไม่ยอมหยุด ถ้าปลายสายที่โทรมาไม่มีเรื่องสำคัญละก็ได้เห็นดีกันแน่“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีใช่เบอร์ของคุณกานต์ชิสาไหมคะ”“ใช่ค่ะ”“ดิฉันเป็นพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินจากโรงพยาบาล xxx ค่ะ”“โรงพยาบาลเหรอคะ” กานต์ชิสามองนาฬิกาดิจิทัลที่โต๊ะข้างเตียงแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน ดึกขนาดนี้แล้วโรงพยาบาลจะโทรมาหาเธอทำไมกันหรือว่าจะมีใครเป็นอะไร“ใช่ค่ะ ดิฉันจะโทรมาแจ้งว่าตอนนี้คุณกานต์สิชาได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วเธอให้เราโทรมาแจ้งคุณค่ะ”“แล้วพี่สาวของฉันเป็นอะไร
“พี่ครีมบอกเค้กมานะว่าพี่กับเขาเป็นอะไรกัน” กานต์ชิสาคาดคั้นพี่สาวเมื่อกลับมาถึงบ้าน“เค้กพี่ยืนยันอีกครั้งว่าพี่ได้เป็นเมียน้อยเขาอย่างที่เค้กคิดหรอกนะ พรุ่งนี้พี่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เค้กฟังทั้งหมดแต่ตอนนี้ขอนอนก่อนได้ไหม”“ก็ได้ แต่เค้กว่าพี่อาบน้ำก่อนดีไหม แล้วพี่มียาที่ต้องกินหรือเปล่า”“เอาไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้”เมื่อพี่สาวเข้าห้องนอนไปแล้วกานต์ชิสาก็กลับมาห้องนอนของตนเอง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีห้าแล้วหญิงสาวเลยไม่นอนต่อ หญิงสาวเปลี่ยนมาสวมกางเกงผ้ายืดขาสั้นกับเสื้อกล้ามเพื่อจะออกไปวิ่งบริเวณสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้านปกติแล้วตอนอยู่ที่อังกฤษกานต์ชิสาจะออกกำลังกายทุกเช้าแต่กลับมาเมืองไทยได้หนึ่งสัปดาห์กว่าแล้วก็ยังไม่มีโอกาสออกกำลังกายสักที ในเมื่อวันนี้ยังไงก็นอนไม่หลับเธอก็เลยถือโอกาสนี้ไปออกกำลังกายหลังจากวิ่งจนเหงื่อชุ่มก็กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง เธอกลับเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัวจากนั้นก็ขี่จักรยานยนต์ไปตลาดหน้าหมู่บ้านซื้อโจ๊กมาให้พี่สาวเพราะเธออาจจะต้องมียาทานหลังอาหารส่วนตัวเองนั้นกลับมาชงกาแฟทานกับขนมปังที่อยู่ในตู้เธอดื่มกาแฟและทานขนมจนกระทั่งแปดโมงครึ่งพี่สาวก็ยังไม่ออกมาซึ่
“เค้กจำป้ายุพินที่อยู่ท้ายซอยหมู่บ้านเราได้ไหม”“ใช้บ้านหลังสุดท้ายที่เล็กๆ ไหม”“ใช่บ้านหลังนั้นแหละ”“ป้ายุพินมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เหรอพี่ครีม”ป้ายุพินแกมีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง ชื่อชลนิภาหรือนิ แล้วนิคนนี้แหละที่เป็นเมียน้อยของคุณไตรภพ”“อะไรนะ ถ้าเค้กจำไม่ผิดเด็กนั่นน่าจะอายุน้อยกว่าเราหลายปีเลยนะคะ” เพราะไม่ค่อยได้กลับมาเมืองไทยจึงไม่แน่ใจว่าหลานสาวของป้ายุพินจะอายุเท่าไหร่แต่เท่าที่เธอจำได้ตอนที่เธอมาเยี่ยมบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อสี่ปีก่อนเด็กคนนั้นยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมอยู่เลย“ใช่ตอนนี้นิกำลังเรียนอยู่ปีสองและแอบคบกับคุณไตรภพแต่ทุกครั้งที่นัดเจอกันก็มักจะนัดเจอกันที่ร้านของพี่”“เมียของเขาเลยคิดว่าพี่เป็นเมียน้อยของเขาใช่ไหมคะ”“อือก็ประมาณนั้น”“แล้วทำไมพี่ครีมไม่บอกเขาไปล่ะว่าพี่ไม่ใช่เมียน้อย”“พี่เคยอธิบายให้เขาฟังหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่เข้าใจสุดท้ายพี่ก็เลยเลือกที่จะอยู่เฉยๆ”“แล้วจะยอมให้เขาเข้าใจผิดเราไปแบบนี้เหรอคะพี่ครีม”“เค้กจะให้พี่ทำยังไงได้ล่ะ พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย แล้วถ้าพี่ไปบอกเมียเขาว่านิคือเมียน้อยของสามีเขาพี่ก็สงสารเด็กนะตอนนี้ป้ายุพินไม่ได้ทำงานอะไรเล
เมื่อคุยกับพี่สาวแล้วกานต์ชิสาก็แวะไปยังร้านเบเกอรี่สั่งงานลูกน้องตามที่พี่สาวบอกจากนั้นก็ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนจะตรงไปยังโรงพยาบาล หญิงสาวได้ชื่อจริงและนามสกุลจริงมาจากกานต์สิชาก็เลยถามจากทางประชาสัมพันธ์และอ้างว่าตัวเองเป็นตัวแทนจากบริษัทประกันชีวิตประชาสัมพันธ์ก็เลยยอมบอกว่าคุณไตรภพรักษาตัวอยู่ที่ไหนกานต์ชิสาเดินตามป้ายบอกทางแผนกไอซียูเธอยืนมองคนไข้ที่อยู่ด้านในผ่านกระจกหญิงสาวไม่รู้หรอกว่าคนไหนชื่อไตรภพจึงต้องไปถามจากพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์แต่พยาบาลพยาบาลก็ไม่ยอมบอกเธอถอนหายใจและขอตัวกลับแต่ยังไม่ทันออกมาจากบริเวณหน้าห้องไอซียูก็เจอผู้หญิงกับผู้ชายเดินมาเข้ามาทัก“ยังมีหน้ามาเยี่ยมกันอีกนะ เพราะเธอคนเดียวเลยทำให้พี่ไตรถึงเป็นแบบนี้”“คุณพูดถึงอะไร” กานต์ชิสากำลังงงว่าผู้หญิงคนนี้หมายถึงอะไร“ยังจะมาทำหน้าซื่อ ฉันรู้นะว่าเมื่อคืนเธออยู่ในรถกับพี่ไตร”“คุณเป็นเมียของคุณไตรภพเหรอคะ” กานต์ชิสาถามเพราะไม่เคยเจอมาก่อนแต่ถ้าเดาจากคำพูดก็น่าจะใช่“อย่าทำมาเป็นไม่รู้จักฉันหน่อยเลย เธอก็รู้ว่าฉันเป็นเมียพี่ไตร แล้วฉันขอบอกไว้เลยนะว่ายังไงฉันกับพี่ไตรไม่มีทางเลิกกันเด็ดขาด”“ค่ะ”“แล้วเ
กานต์ชิสาเดินตามเขมณัฏฐ์มายังท่าข้าวและโรงสีที่อยู่ติดกับรั้วบ้านซึ่งตอนนี้มีรถบรรทุกข้าวเปลือกมารออยู่หลายสิบคัน คนงานหลายคนมองมาที่หญิงสาวแต่เธอก็ไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน“ข้าวเปลือกพวกนั้นคุณจะเอาไปทำอะไรต่อคะ”“เอาไปสีเป็นข้าวสารจากนั้นก็บรรจุใส่กระสอบแล้วส่งขาย หรือบางครั้งก็ส่งไปให้กับพ่อค้าคนกลางอีกทีหนึ่ง”“แล้วคนที่เขาเอามาขายเป็นชาวนาเหรอคะ”“บางครั้งก็ชาวนาเอามาขายโดยตรงแต่บางครั้งก็เป็นตัวแทนที่เขาจะรวมกลุ่มกันเอามาขายให้” เขมณัฏฐ์อธิบายให้เธอฟังคร่าวๆ ก่อนจะพาเธอเข้ายังห้องกระจกที่อยู่ด้านข้างซึ่งเขามักเรียกที่นี่ว่าออฟฟิศ“เข้ามาสิผมจะแนะนำให้รู้จักพนักงานที่อยู่ในออฟฟิศ”ชายหนุ่มเปิดประตูห้องกระจกออกแล้วในนั้นมีผู้หญิงนั่งอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามคนด้วยกัน เขมณัฏฐ์แนะนำให้เธอรู้จักกับคนที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบัญชีชื่อศิริรัตน์หรือพี่รัตน์และผู้ช่วยของเธออีกสองคนคือสายพินหรือหญิง ส่วนคนสุดท้ายที่ดูดเด็กกว่าคนอื่นชื่อกุ้งหรือรัตนาหลังจากแนะนำให้เธอรู้จักกับทั้งสามคนแล้วเขาก็ขอตัวออกไปทำงานด้านนอก กานต์ชิสาขอตามออกไปดูการทำงานของเขาด้วยระหว่างที่นี้หญิงสา
เพราะเขมณัฏฐ์ขับรถมาด้วยความเร็วไม่เกินกฎหมายกำหนดอีกทั้งยังแวะทานอาหารและเข้าห้องน้ำเกือบตลอดทางทำให้การเดินทางจากกรุงเทพมาสุโขทัยก็เลยใช้เวลานานกว่าปกติเกือบ 2 ชั่วโมงเขาพากานต์ชิสามาถึงบ้านของตนเองในเวลาเกือบจะเที่ยงคืนซึ่งตอนนี้ทั้งบ้านปิดไฟมืดสนิทแต่เมื่อขับเข้ามาใกล้ๆ ไฟทุกดวงก็สว่างจ้าเพราะเขาทำระบบไฟฟ้าที่นี่เป็นระบบอัตโนมัติบ้านของชายหนุ่มเป็นบ้านปูนชั้นเดียวยกสูงขึ้นจากพื้นหญิงสาวเดินตามเขาเข้าไปในบ้านหลังไม่ใหญ่มาก บริเวณห้องรับแขกถูกจะเอาไว้อย่างเรียบร้อย ด้านซ้ายมือเป็นส่วนของห้องครัวที่มีโต๊ะสำหรับทานอาหารขนาดใหญ่อยู่กลางห้องพื้นอีกด้านยกสูงขึ้นไปบริเวณจากบริเวณห้องรับแขกซึ่งตอนนี้เขมณัฏฐ์พาเธอเดินขึ้นบันไดมาเพียงห้าขั้นก็ถึงห้องนอน“เธอนอนห้องนี้ไปก่อนนะ ฉันให้คนมาทำความสะอาดแล้วหวังว่าคงอยู่ได้” เขาเปิดประตูห้องนอนห้องหนึ่งให้กับหญิงสาว“ฉันกินง่ายอยู่ง่ายไม่มีปัญหาหรอกค่ะ” พูดจบก็เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนตอนนี้มันดึกมากแล้วหญิงสาวรีบอาบน้ำและล้มตัวลงนอนแต่ก็ต้องถอนหายใจอย่างหนักเพราะห้องที่เขาให้เธออยู่นี้มันเป็นห้องที่มีแค่พัดลมถึงแม้อากาศทางภาคเหนือจะไม่ได้ร้อนมา
เขมณัฏฐ์มาจอดรถรับกานต์ชิสาที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งเขามองกระเป๋าเป้ที่เธอวางไว้ที่เบาะหลังด้วยอยู่ความสงสัยและเมื่อเธอขึ้นมานั่งในรถแล้วก็อดถามไม่ได้“ทำไมมีกระเป๋าเป้แค่ใบเดียวล่ะ”“เดี๋ยวฉันค่อยไปหาซื้อข้างหน้าก็ได้เพราะถ้าฉันเอากระเป๋าใบใหญ่ไปคนอื่นจะได้สงสัยกันพอดีว่าฉันจะไปไหน”“แต่จังหวะที่เราจะไปมันไม่มีห้างใหญ่ๆ เหมือนในกรุงเทพบอกนะ ถ้าอยากจะมาซื้อก็ต้องเข้ามาอีกจังหวัดหนึ่ง”“ถ้างั้นคุณก็พาฉันแวะซื้อก่อนกลับสิ”“ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ เราออกจากที่นี่บ่ายมากแล้วไปถึงก็น่าจะดึก ผมไม่ค่อยชอบขับรถกลางคืนสักเท่าไหร่”“ฉันนึกว่าเราจะนั่งเครื่องไป”“จริงๆ แล้วไปสุโขทัยมันก็มีเที่ยวบินอยู่แล้วแต่บังเอิญว่าผมขับรถมาน่ะคุณก็เลยต้องนั่งรถกลับกับผมหลายชั่วโมง ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเอาไว้ผมว่างผมจะพาคุณไปซื้อที่ห้างใกล้ๆ แถวนั้นก็แล้วกันนะ”“ได้ไม่มีปัญหาหรอก แต่ฉันสั่งออนไลน์เอาก็ได้ คุณช่วยแวะร้านสะดวกซื้อให้ฉันหน่อยสิฉันว่าคงต้องตุนเสบียงแล้วแหละ นั่งรถหลายชั่วโมงแบบนี้”เขมณัฏฐ์พยักหน้าจากนั้นเขาก็ขับไปจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง“คุณจะลงไปกับฉันไหม”“ไม่ล่ะ ผมให้เวลาคุณ 10 นาที
“ผมคงไม่หลงกลคุณเหมือนนายไตรหรอก ที่จะจ้างให้คุณไปอยู่ด้วยก็แค่ชั่วคราวพอนายไตรฟื้นเมื่อไหร่ก็เลิกจ้างตกลงไหมล่ะ”“ฉันว่าคุณกับน้องของคุณระแวงเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวมองว่ามันไร้สาระมากเลยแกล้งเรียกเงินเขาไปมากถึงห้าหมื่น“อะไรที่ทำแล้วน้องผมสบายใจผมก็จะทำตกลงคุณจะไปกับผมไหมล่ะ”“ถ้าคุณให้ฉันห้าหมื่นฉันก็ตกลง”ที่กานต์ชิสายอมรับข้อเสนอของเขมณัฏฐ์ไปเพราะกลัวว่าชายหนุ่มและน้องสาวจะไปยุ่งวุ่นวายกับกานต์สิชาที่ร้านเบเกอรี่ แต่ถ้าหากหญิงสาวยอมไปกับผู้ชายคนนี้พี่สาวของเธอก็จะได้เปิดร้านตามปกติและตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้ทำงานอะไรการไปอยู่กับเขาระหว่างที่รอให้ไตรภพฟื้นมันก็คงไม่น่าเสียหายเท่าไหร่อีกอย่างกานต์ชิสาก็รู้สึกว่าเขาจะเป็นรักแรกพบสำหรับเธอจังหวัดที่เขาบอกน่าจะอยู่ทางภาคเหนือซึ่งถือเธอจะรู้มาว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ค่อนข้างเยอะมาก เธอคงสนุกมากแน่ๆ ถ้าจะได้ไปอยู่ที่นั่นก็จะได้ไปเที่ยวโดยมีเงินเดือนใช้ด้วย“อย่าคิดช้านะคะ ฉันอาจจะเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ” หญิงสาวสาวพูดกระตุ้นเพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นต่อ“ตกลงก็ได้ห้าหมื่นพรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณที่ร้านเบเกอรี่” เขารีบตกลงเพราะกลัวว่า
เขมณัฏฐ์งัวเงียเดินมาเปิดประตูห้องเมื่อน้องสาวขึ้นมาปลุกตั้งแต่เช้า“มีอะไรแต่เช้าหรือว่านายไตรฟื้นแล้ว”“ไม่ใช่ค่ะ พี่ไตรยังไม่ฟื้นแต่เมื่อกี้พยาบาลที่โรงพยาบาลโทรมาบอกว่ามีผู้หญิงจะพยายามเข้าไปเยี่ยมพี่ไตร เขมว่าพี่เข้มต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เขมนะคะ ถ้าเธอยังไปวนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนั้นมันไม่ดีเลย”“เดี๋ยววันนี้พี่จะเรียกเธอมาคุยอีกที จะพูดกับเธอดีๆ”“ผู้หญิงแบบนี้พูดดีๆ ด้วยไม่ได้หรอกค่ะ พี่ต้องพาเธอไปอยู่สุโขทัย”“ถ้าพี่กลับไปอยู่สุโขทัยแล้วเขมจะอยู่คนเดียวยังไงยิ่งช่วงนี้ท้องอยู่ด้วยนะ”“เขมอยู่คนเดียวที่ไหนที่บ้านก็มีเด็กรับใช้อยู่”“แต่พี่เป็นห่วงนะ”“ถ้าพี่เป็นห่วงเขมจริงๆ พี่ก็ต้องทำให้เขมสบายใจ นะคะพี่เข้มช่วยเขม ช่วยกันเธอออกไปจากชีวิตของพี่ไตรช่วงนี้ก่อนได้ไหมคะ เขมไม่อยากเครียด แค่เรื่องที่พี่ไตรยังไม่ฟื้นเขมก็เครียดมากอยู่แล้ว ถ้ายังจะต้องมาสู้รบตบมือกับเมียน้อยของพี่ไตรอีกเขมคงแย่แน่ๆ” เขมิกาพยายามโน้มน้าวพี่ชายอย่างเพราะเธอไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้กับไตรภพโดยเฉพาะช่วงที่เขากำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หญิงสาวกลัวเหลือเกินว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเจอผู้หญิงคนอื่นก่
กานต์ชิสากลับมาถึงบ้านในเวลาบ่ายซึ่งตอนนี้กานต์สิชาแฝดคนเป็นพี่ก็กำลังรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน“เป็นยังไงบ้างเค้กคุณไตรภพฟื้นหรือยัง”“ยังเลย เค้กไปเจอเมียเขาด้วยนคะ เขาคิดว่าเค้กคือพี่”“อะไรนะ แล้วเขาว่าอะไรเค้กหรือเปล่า”“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่เขาบอกว่าห้ามเราไปเยี่ยม ถ้าหากเราไม่เชื่อและยังไปเยี่ยมสามีเขาอีก เขาอาจจะส่งคนมาพังร้านก็ได้ ทำไมคุณเขมิกาถึงใจร้ายแบบนั้นล่ะพี่ครีม”“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันปกติเขาก็ไม่เคยมาวุ่นวายเลย”“หรือเป็นเพราะอาการสามีเขาก็ค่อนข้างหนัก”“หนักเหรอแต่เมื่อวานพยาบาลบอกว่ามีแค่ขาหักเองนะ”“อือ เค้กก็ได้ยินแบบนั้น แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในห้องไอซียู เมียเขาบอกว่าเขามีเลือดออกในสมองด้วย ไม่รู้ว่าจะฟื้นมาตอนไหนแล้วจะจำอะไรได้หรือเปล่า”“พี่ไม่คิดเลยว่าอาการเขาจะหนักขนาดนั้น”“เค้กก็ไม่คิดเหมือนกัน ถ้าเกิดสามีเขาเป็นอะไรไปขึ้นมาจริงๆเค้กว่าพี่ครีมแย่แน่ เขายิ่งโทษว่าเป็นความผิดของพี่อยู่”“จะว่าเป็นความผิดของพี่ยังไง เขาเองแหละที่ขับรถไล่เบียดจนคุณไตรภพต้องขับรถหนี”“แล้วแบบนี้เราจะเอายังไงกันต่อล่ะ ถ้าคุณไตรภพเขาไม่ฟื้นและมาบอกความจริงกับเมียของเขา เค้กว่าพี่ครีมแย่แน
เมื่อคุยกับพี่สาวแล้วกานต์ชิสาก็แวะไปยังร้านเบเกอรี่สั่งงานลูกน้องตามที่พี่สาวบอกจากนั้นก็ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนจะตรงไปยังโรงพยาบาล หญิงสาวได้ชื่อจริงและนามสกุลจริงมาจากกานต์สิชาก็เลยถามจากทางประชาสัมพันธ์และอ้างว่าตัวเองเป็นตัวแทนจากบริษัทประกันชีวิตประชาสัมพันธ์ก็เลยยอมบอกว่าคุณไตรภพรักษาตัวอยู่ที่ไหนกานต์ชิสาเดินตามป้ายบอกทางแผนกไอซียูเธอยืนมองคนไข้ที่อยู่ด้านในผ่านกระจกหญิงสาวไม่รู้หรอกว่าคนไหนชื่อไตรภพจึงต้องไปถามจากพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์แต่พยาบาลพยาบาลก็ไม่ยอมบอกเธอถอนหายใจและขอตัวกลับแต่ยังไม่ทันออกมาจากบริเวณหน้าห้องไอซียูก็เจอผู้หญิงกับผู้ชายเดินมาเข้ามาทัก“ยังมีหน้ามาเยี่ยมกันอีกนะ เพราะเธอคนเดียวเลยทำให้พี่ไตรถึงเป็นแบบนี้”“คุณพูดถึงอะไร” กานต์ชิสากำลังงงว่าผู้หญิงคนนี้หมายถึงอะไร“ยังจะมาทำหน้าซื่อ ฉันรู้นะว่าเมื่อคืนเธออยู่ในรถกับพี่ไตร”“คุณเป็นเมียของคุณไตรภพเหรอคะ” กานต์ชิสาถามเพราะไม่เคยเจอมาก่อนแต่ถ้าเดาจากคำพูดก็น่าจะใช่“อย่าทำมาเป็นไม่รู้จักฉันหน่อยเลย เธอก็รู้ว่าฉันเป็นเมียพี่ไตร แล้วฉันขอบอกไว้เลยนะว่ายังไงฉันกับพี่ไตรไม่มีทางเลิกกันเด็ดขาด”“ค่ะ”“แล้วเ
“เค้กจำป้ายุพินที่อยู่ท้ายซอยหมู่บ้านเราได้ไหม”“ใช้บ้านหลังสุดท้ายที่เล็กๆ ไหม”“ใช่บ้านหลังนั้นแหละ”“ป้ายุพินมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เหรอพี่ครีม”ป้ายุพินแกมีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง ชื่อชลนิภาหรือนิ แล้วนิคนนี้แหละที่เป็นเมียน้อยของคุณไตรภพ”“อะไรนะ ถ้าเค้กจำไม่ผิดเด็กนั่นน่าจะอายุน้อยกว่าเราหลายปีเลยนะคะ” เพราะไม่ค่อยได้กลับมาเมืองไทยจึงไม่แน่ใจว่าหลานสาวของป้ายุพินจะอายุเท่าไหร่แต่เท่าที่เธอจำได้ตอนที่เธอมาเยี่ยมบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อสี่ปีก่อนเด็กคนนั้นยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมอยู่เลย“ใช่ตอนนี้นิกำลังเรียนอยู่ปีสองและแอบคบกับคุณไตรภพแต่ทุกครั้งที่นัดเจอกันก็มักจะนัดเจอกันที่ร้านของพี่”“เมียของเขาเลยคิดว่าพี่เป็นเมียน้อยของเขาใช่ไหมคะ”“อือก็ประมาณนั้น”“แล้วทำไมพี่ครีมไม่บอกเขาไปล่ะว่าพี่ไม่ใช่เมียน้อย”“พี่เคยอธิบายให้เขาฟังหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่เข้าใจสุดท้ายพี่ก็เลยเลือกที่จะอยู่เฉยๆ”“แล้วจะยอมให้เขาเข้าใจผิดเราไปแบบนี้เหรอคะพี่ครีม”“เค้กจะให้พี่ทำยังไงได้ล่ะ พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย แล้วถ้าพี่ไปบอกเมียเขาว่านิคือเมียน้อยของสามีเขาพี่ก็สงสารเด็กนะตอนนี้ป้ายุพินไม่ได้ทำงานอะไรเล
“พี่ครีมบอกเค้กมานะว่าพี่กับเขาเป็นอะไรกัน” กานต์ชิสาคาดคั้นพี่สาวเมื่อกลับมาถึงบ้าน“เค้กพี่ยืนยันอีกครั้งว่าพี่ได้เป็นเมียน้อยเขาอย่างที่เค้กคิดหรอกนะ พรุ่งนี้พี่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เค้กฟังทั้งหมดแต่ตอนนี้ขอนอนก่อนได้ไหม”“ก็ได้ แต่เค้กว่าพี่อาบน้ำก่อนดีไหม แล้วพี่มียาที่ต้องกินหรือเปล่า”“เอาไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้”เมื่อพี่สาวเข้าห้องนอนไปแล้วกานต์ชิสาก็กลับมาห้องนอนของตนเอง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีห้าแล้วหญิงสาวเลยไม่นอนต่อ หญิงสาวเปลี่ยนมาสวมกางเกงผ้ายืดขาสั้นกับเสื้อกล้ามเพื่อจะออกไปวิ่งบริเวณสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้านปกติแล้วตอนอยู่ที่อังกฤษกานต์ชิสาจะออกกำลังกายทุกเช้าแต่กลับมาเมืองไทยได้หนึ่งสัปดาห์กว่าแล้วก็ยังไม่มีโอกาสออกกำลังกายสักที ในเมื่อวันนี้ยังไงก็นอนไม่หลับเธอก็เลยถือโอกาสนี้ไปออกกำลังกายหลังจากวิ่งจนเหงื่อชุ่มก็กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง เธอกลับเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัวจากนั้นก็ขี่จักรยานยนต์ไปตลาดหน้าหมู่บ้านซื้อโจ๊กมาให้พี่สาวเพราะเธออาจจะต้องมียาทานหลังอาหารส่วนตัวเองนั้นกลับมาชงกาแฟทานกับขนมปังที่อยู่ในตู้เธอดื่มกาแฟและทานขนมจนกระทั่งแปดโมงครึ่งพี่สาวก็ยังไม่ออกมาซึ่