บทที่ 15การเดินทางครั้งใหม่ค่อนข้างวุ่นวายเนื่องจากเป็นการไปในทางที่ผู้คนไม่ได้ไปมานานแล้ว ทั้งยังมีคำของจากคนเป็นเทพธิดาในเรื่องแหล่งน้ำอีก “ข้าไม่กล้วความลำบากหรอกนะ แต่ถ้าเป็นไปได้ มันมีทางที่ผ่านแม่น้ำ น้ำตก หรือแหล่งน้ำที่ทำความสะอาดได้บ้างไหม” หญิงสาวไม่มีปัญหากับการที่จะต้องอาบน้ำที่ไม่ได้ต้ม แต่การเดินทางไกลขนาดนั้นไม่อาบน้ำเลยไม่เข้าใจว่าทำไปได้อย่างไงกันแต่หลงเหยียนไม่รู้หรอกว่าการทำอย่างนั้นเป็นการช่วยให้การเดินทางของพวกเขาไม่อันตรายเท่าที่คิดแม้การมาของหลงเหยียนจะทำให้หวงตี้และท่านอ๋องพอพระทัย แต่ในความเป็นจริง บรรดาขุนนางทั้งหลายกลับไม่พอใจนัก เพราะอีกฝ่ายทำให้หวงตี้ที่แข็งกร้าวเชื่อฟังได้ หากเข้าพวกกับท่านอ๋องจิงอวี๋ก็คงจะทำให้อำนาจที่ชายหนุ่มมีอยู่เพิ่มขึ้นไปอีก และนั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการจึงตั้งใจจะฆ่าทั้งสองให้ตายตั้งแต่เรื่องโจรป่า รวมถึงดักทำร้ายครั้งนี้ด้วย แต่เพราะคำขอของหลงเหยียนที่ปกติไม่หือไม่อือกับอะไร จึงทำให้เมื่อมีสายจากคนที่ส่งให้ไปดูทางหลักถึงกับต้องรีบกลับมาที่ขบวนเดินทางและเลื่อมใสหญิงสาวเพิ่มมากขึ้นไปอีก“เป็นความจริงหรือที่เส้นทางนั้นมีคนดั
บทที่ 16“ทุกคนระวังตัวด้วย เราคงปดพวกเจ้าไม่ได้ แต่ที่แห่งนี้คงมีทั้งความลึกลับที่ไม่สามารถจะหาคำตอบได้ และยังกลไกที่ไม่รู้ว่าถูกสร้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร แต่ก็อย่างที่เห็นมันคงจะซับซ้อนมากฉะนั้นระวังทุกย่างก้าว” หวงจิงอวี๋บอกกับทุกคนหลังจากที่พวกเขาคิดว่าจะเดินต่อ ตื่นตกใจกับเรื่องที่ออกไปไม่ได้ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ชายหนุ่มได้แแต่หวังว่าการมาครั้งนี้จะไม่ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บหรือต้องเสียชีวิต “ระมัดระวังให้มากนะ ทุกย่างก้าวที่เดิน เราไม่อยากให้ใครเป็นอะไร” หวงจิงอวี๋พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม และคำพูดนั้นทำให้คนที่ถูกประคองเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างหลงเหยียนมองชายหนุ่มเปลี่ยนไปมากกว่าเดิม คนโบราณเป็นอย่างนี้เองสินะ เพราะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่อันตรายจึงกล้าหาญสำหรับแม่ทัพใหญ่อย่างหวงจิงอวี๋และบรรดามือดีที่เขาพาติดตามมาที่นี่ก็หนทางตรงหน้าก็คงเป็นเพียงแค่สมรภูมิรบอีกที่หนึ่งที่น่ากังวลใจ เพราะไม่เห็นพื้นที่โดยรวมแล้วก็ไม่รู้เลยว่าข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรพวกเขาค่อย ๆ เดินลึกเข้าไป ทางเดินถูกตกแต่งเอาไว้เป็นอย่างดี ดีเกินกว่าที่จะเป็นเพียงสุสานของนางสนมธรรมดา และทุกคนก็ต้องทึ่งอีกครั้งเมื
บทที่ 17ไม่นานทางเดินดังกล่าวก็กลับไปสภาพเดิม หวงจิงอวี๋ที่ใส่ยาให้กับคนที่เขาดูแลแล้วเดินมาดูกลไกตรงหน้า ก่อนจะหยิบเศษหินแถวนั้นโยนเข้าไป พื้นเปิดออกทันทีและหอกก็พุ่งตรงขึ้นมาจากพื้นเรียกได้ว่าแทบจะเต็มทุกพื้นที่ ก่อนที่สักพักก็กลับไปเป็นอย่างเดิมแต่แล้วหลงเหยียนก็นึกอะไรออก“คัมภีร์อีกเล่มท่านเอามาไหม” นางถามคนข้างกายและเขาก็ส่งให้ทันที เพราะเก็บเอาไว้ในอกทั้งสองอัน เพราะหลงเหยียนฝากอีกฝ่ายเอาไว้ เนื่องจากนางใช้ช่องต่าง ๆ ที่เอาไว้ใส่ของของคนโบราณไม่สะดวกเท่าไร รู้สึกมันแปลก ๆ“นี่ไง เหมือนที่นี่ไหม” หญิงสาวเปิดหน้าหนึ่งที่มีกรอบวงกลมที่มีรูปสัตว์อยู่ตามทิศต่าง ๆ “หรือเราต้องหมุนมันให้เหมือนอย่างนี้” เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็สั่งให้เหล่าทหาร ไปปรับรูปสลักหินทั้งหมดให้อยู่เหมือนอย่างภาพ น่าแปลกที่มันเคลื่อนที่ได้ง่ายกว่าที่คิดคล้ายกับทำเอาไว้เพื่อการนี้สักพักทุกอย่างก็อยู่ในจุดที่เหมือนกับคัมภีร์อย่างพอดิบพอดี หวงจิงอวี๋โยนหินไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พื้นไม่ได้เปิดออก เขาบอกให้ทุกคนหลบไปและลองเดินเข้าไป“ดูแลนางให้ดีด้วย” องครักษ์จูรีบพยักหน้ารับปากกับเจ้านายของตัวเองหวงจิงอวี๋ก้าวเข
บทที่ 18หญิงสาวเปิดดูในคัมภีร์ระหว่างที่กำลังจะดูในโลงศพ ของที่ถูกวางอยู่รอบ ๆ โครงกระดูกที่ครั้งหนึ่งคงเป็นพระสนมพระนางนั้น“ข้าหาเจอแล้ว” นางตะโกนลั่นด้วยความดีใจเครื่องประดับผมที่เป็นมงกุฎทองคำประดับไข่มุก พร้อมทั้งสร้อยคอมุกที่ระโยงระยางค์เป็นสาย สำหรับหลงเหยียนนี่ไม่น่าจะเรียกว่าสร้อยแล้วมันดูอลังการกว่านั้นมาก ไม่เท่านั้นข้อมือหยกมันแพะที่ขาวราวหิมะแต่มีหยกสีส้มที่เข้ากันดีกับทองที่ประดับอยู่บนตัวของมัน ไม่เท่านั้น พัดที่โครงทำมาจากทองคำและประดับด้วยไข่มุกส่วนตรงที่เป็นผ้าหรือกระดาษขาดหายไปหมดแล้ว ขาดอยู่แค่เพียงอย่างเดียว ปิ่นไข่มุกที่เข้าชุดกันหลงเหยียนหยิบของเหล่านั้นไปใช้ปากก็บ่นงุบงิบเป็นคำว่าขอโทษแค่ขอยืมไปทำพิธีเท่านั้น นางหยิบทุกอย่างใส่กล่องที่เตรียมเอาไว้“ครบหรือไม่” หญิงสาวส่ายหน้า “ขาดปิ่นไข่มุก” หญิงสาวพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจ “เช่นนั้นอาจจะอยู่ตรงอื่น อาจจะต้องดูให้ละเอียด” ทุกคนจึงพยายามหา แต่ก็ไม่เจออะไรที่คล้ายกับปิ่นไข่มุกเลย“เอาของเหล่านี้ไปให้หมดดีหรือไม่” หวงจิงอวี๋ถาม “หากทำเช่นนางนางจะยิ่งทรมานหรือเปล่า” หลงเหยียนอดสงสัยไม่ได้ “คงไม่อยู่แล้วล่ะ”“ท่
บทที่ 19“หวงหย่งจวิ้นหรือ เขาไม่ได้ฝังอยู่ในสุสานของราชวงศ์หรอกดูเหมือนว่านั่นจะเป็นคนร้องขอของพระองค์ สถานที่จึงไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ “แต่ข้ารู้ว่าหวงหย่งจวิ้นฝังอยู่ที่ใด” นางเป็นถึงนักโบราณคดีสุสานที่ฝังหวงหย่งจวิ้นหากจำไม่ผิดเพิ่งถูกค้นพบไปก่อนหน้าที่จะพบสุสานของหวงตี้ฮ่องเต้ไม่นาน“ขอดูแผนที่หน่อยได้ไหม แผนที่ใหญ่ที่ใหญ่ ๆ” หลงเหยียนเอ่ยของกับหวงจิงอวี๋เพราะอยากเห็นภาพรวมจึงต้องการแผนที่ทั้งหมดจะได้เอาไปเปรียบเทียบกับความทรงจำ“ออกไปให้พ้นเขตป่านี้ก่อนเถอะ แล้วค่อยจัดการตามที่ว่า” หวงจิงอวี๋บอก เพราะว่าตอนนี้ทหารหลายคนก็เริ่มพูดคุยสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนกังวลและระแวงไปหมดแม้กระทั่งเสียงใบไม้ไหว เกรงว่าจะเกิดเรื่องราวลี้ลับขึ้นอีกขบวนของหวงจิงอวี๋และคนที่ทุกคนพูดถึงว่านางคือเทพธิดาเริ่มถูกเผยแพร่ออกไปทำให้พวกที่ประสงค์ร้ายเริ่มที่จะกังวลและไม่กล้าที่จะลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า และก็เหมือนเดิมพอไม่จำเป็นต้องเร่งรีบเท่าขามา ขากลับจึงสร้างกระโจมเพื่อปรึกษากันเรื่องที่ที่จะเดินทางต่อไปเผื่อที่นั่นจะอยู่ไม่ไกลมากบางทีจะได้ไปในจุดที่หญิงสาวบอกว่าอาจจะมีปิ่นไข่มุก ก่อนจะกลับไปยังเมืองหล
บทที่ 20สีสันของเทศกาลขอพรลอยโคมที่ไม่คุ้นเคยทำให้หลงเหยียนอยากจะดูไปเสียทุกอย่างและทุกที่ หญิงสาวหันไปมองหวงจิงอวี๋ที่เดินมาด้วยกัน นางยิ้มให้อีกฝ่ายและพยายามไม่นึกถึงเรื่องวุ่นวายที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ทั้งสองเดินผ่านถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน พวกเขามาถึงลานกลางเมืองที่เต็มไปด้วยโคมไฟหลากสีที่ส่องแสงระยิบระยับ"บรรยากาศที่นี่ช่างงดงามและน่าประทับใจจริง ๆ" หลงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหวงจิงอวี๋มีรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาตลอดเวลาและสายตาก็อยู่ที่หลงเหยียนที่หากไม่เดินอยู่ข้าง ๆ ก็รีบไปดูของที่ไม่เคยเจอ ปกติหวงจิงอวี๋เป็นคนเงียบ ๆ เรื่องมาเดินงานฉลองรื่นเริงแบบนี้เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะวันวันก็เอาแต่ทำเรื่องที่ต้องทำเพื่อชาวเมือง เพื่อแคว้นทั้งสองเดินผ่านแผงขายของที่มีสินค้ามากมาย ทั้งอาหารพื้นเมืองซึ่งทำให้คนที่เพิ่งออกมาจากป่ามองจนเหลียวหลัง ขนมหวาน และเครื่องรางนำโชคที่หลงเหยียนขอให้ชายหนุ่มซื้อให้“อันนี้ของข้าหนึ่งอัน และของท่านหนึ่งอันเพื่อความสำเร็จของเรา” นางยัดยันต์ที่เป็นเครื่องรางแห่งความสำเร็จให้กับชายหนุ่ม และเดิน
บทที่ 21“ไม่มีเช่นนั้นหรือ” หลงเหยียนทำหน้าเสียใจแต่ก็เพียงชั่วครู่และนึกด่าตัวเอง “ใช้สันเขาก็ได้นี่นา” นางบ่นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะไปดูแผนที่ที่หวงจิงอวี๋นำมาให้อีกครั้ง และเมื่อเห็นเทือกเขาที่คุ้นเคยก็พอจะเดาได้ทันทีว่าที่ที่เธอต้องการซึ่งทุกการกระทำของหญิงสาวอยู่ในสายตาของหวงจิงอวี๋ “ข้าว่าตรงนี้มันคล้ายกับที่ข้าเห็น” นางจำได้ว่าไซต์ในตอนนั้นอยู่ใกล้ภูเขาใหญ่ลูกนี้ แต่การที่แผนที่ไม่ชัดเจนก็อาจจะทำให้นางไม่เจอตรงจุดนั้นก็เป็นได้หลงเหยียนคิดหนัก และเริ่มคิดว่านี่อาจจะเป็นจุดจบหรือเปล่าขนาดสุสานที่เพิ่งไปมามีทั้งแผนที่และจุดกำหนดที่ชัดเจนกว่าจะได้ของออกมายังไม่ง่ายเลย“ใจเย็น” น้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่มที่เอ่ยเตือน เรียกให้หลงเหยียนเงยหน้าขึ้น “ข้ารู้แค่พื้นที่คร่าว ๆ ไม่รู้เลยว่ามันอยู่ตรงไหน ข้าไม่อยากให้ทุกคนตามไปตามมาอย่างไร้จุดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาคาดหวังกับ...”“หลายครั้งข้าก็ทำให้ผู้ติดตามผิดหวัง แต่ข้าก็ยังคิดที่จะทำในสิ่งที่คิด แม้ว่ามันจะมีปัญหามากหรือน้อยแค่ไหนก็ตาม” หลงเหยียนพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็เดินทางกันเถอะ ถึงจะหายากหน่อย แต่พวกเราจะหาเจอ”หวงจิ
บทที่ 22องครักษ์จูเอาเรื่องราวมาเล่าให้กับคนที่นั่งอยู่ในรถม้าฟัง ซึ่งที่จริงก็ไม่จำเป็นเพราะทั้งสองได้ยินทั้งหมดแล้ว“ใช่ที่ที่เจ้าต้องการหาหรือไม่” หลงเหยียนดูดีใจมาก“คิดว่าใช่ พวกเรารีบไปกันเถอะ”“รู้สึกเหมือนไม่ได้มีแค่พวกเรา” เหล่าทหารพูดอย่างนั้น แม้ที่นี่จะโล่งกว่าสุสานก่อนหน้า แต่บรรยากาศกลับน่ากลัวกว่ามากสถานที่ที่ว่าตั้งอยู่ในหุบเขาลึก ที่ต้องเดินทางผ่านป่าทึบและภูเขาสูงชัน เมื่อเข้าสู่พื้นที่ของสุสาน บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน อากาศรอบตัวเย็นเยียบและหนาวสั่นจนรู้สึกได้แม้จะเป็นเวลากลางวัน เสียงลมที่พัดผ่านช่องเขาแผ่วเบา ทำให้เกิดเสียงครวญครางที่ฟังแล้วขนลุก เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงปากถ้ำที่หญิงชราเล่ามา ถ้ำนี้มีลักษณะใหญ่โตและมืดมัว ทหารจุดคบเพลิงเพื่อเข้าไปตรวจสอบข้างในก่อน แสงสว่างเริ่มทำให้สามารถที่จะสำรวจภายในถ้ำได้พื้นดินปกคลุมด้วยเถาวัลย์และมอสส์ที่หนาแน่น ต้นไม้สูงใหญ่เรียงรายเป็นแถวให้ความรู้สึกเหมือนกำแพงที่ขังทุกคนไว้ภายใน มีทางเดินหินแคบ ๆ ที่ถูกปกคลุมด้วยเงามืดของต้นไม้ใหญ่ ทางเดินนั้นคดเคี้ยวและลื่นไถล ทำให้ทุกก้าวเดินต้องระมัดระวังมีกองศิลาหลุมฝัง
ตอนพิเศษ+5แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปที่ไซต์งานจริง ๆ หวงต้าลู่กลับขับรถพาเธอไปส่งถึงที่ พร้อมกับเตรียมเก้าอี้นุ่ม ๆ และร่มกันแดดคันใหญ่ให้เธอตลอดเวลาที่เธอออกจากที่ร่ม อีกฝ่ายไม่ได้ให้เธอได้เดินไปไหนมาไหนเกินความจำเป็น ลูกน้องทุกคนได้รับคำสั่งให้ดูแลเธออย่างใกล้ชิด ราวกับเธอเป็นสมบัติล้ำค่าที่ต้องดูแลให้ดีที่สุด แต่หลงเหยียนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ทำงาน...หญิงสาวนั่งดูงานด้วยความพอใจ ขณะที่หวงต้าลู่นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยดูแลไม่ห่าง พวกเขาทั้งคู่หัวเราะและพูดคุยกันเบา ๆ ในบางครั้ง ซึ่งนั่นก็เป็นท่าทางที่ดูน่ารักดีสำหรับบรรดาเพื่อนร่วมงานคนอื่นเวลาผ่านไป 6 ปีพิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งนี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่งดงาม ห้อมล้อมไปด้วยเทือกเขาและลำธารที่ไหลผ่าน ผืนดินที่เคยเป็นสถานที่ขุดค้นสมบัติโบราณ ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชม ด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ และการจัดแสดงที่ได้รับการบูรณะอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเป็นเรื่องราวของความรักและความเสียสละของต้นตระกูลหวง กลายเป็นเรื่องราวที่ซึ้งกินใจใครหลาย ๆ คนหวงต้าลู่และหลงเหยียนพาลูกแฝดของพ
ตอนพิเศษ+4“หลงเหยียน คุณต้องพักผ่อนมาก ๆ นะครับ อย่าทำงานหนักเกินไป ผมไม่อยากให้คุณหรือลูก ๆ ของเราเสี่ยงอะไรทั้งนั้น” หวงต้าลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ขณะที่เขาช่วยประคองพาหญิงสาวเดินไปนั่งบนโซฟานุ่ม ๆ ในบ้าน เขาดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารการกินไปจนถึงการนอนหลับของเธอ จนหลงเหยียนนึกว่าตัวเองเข้าคอร์สอะไรสักอย่างที่ต้องมีเทรนเนอร์ตามติดหญิงสาวค่อนข้างจะอึดอัด เพราะปกติแล้ว หลงเหยียนเคยชินกับการทำงานหนักในไซต์งาน การเป็นนักโบราณคดีเรียกได้ว่านอนกลางดินกินกลางทราย บางทีก็ไม่ได้นอน บางทีก็ไม่ได้กิน ตอนนี้ได้ทั้งนอนเต็มอิ่มและกินจนจุกจึงทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกอึดอัดกับการถูกประคบประหงมขนาดนี้ เธอรู้สึกคิดถึงการทำงานภาคสนาม ที่ซึ่งเธอสามารถใช้ความรู้และทักษะของเธอได้เต็มที่ ไม่ใช่แค่มองภาพที่ถ่ายมาแล้วประเมินเนื้อหาทั่ว ๆ ไปอย่างตอนนี้“หวงต้าลู่คะ ฉันอยากกลับไปทำงานที่ไซต์งานได้ยินว่าเจอของใหม่ และฉันมั่นใจว่ามีอีกหลายอย่างที่เรายังต้องค้นพบอีก แล้วก็ยังสุสานเก่าอีกที่ที่เราเคยไปด้วยกันเมื่ออดีตที่นั่น ฉันก็อยากจะหามันให้เจอแต่ที่สำคัญที่สุดเลย คือฉันคิดถึงการทำงานที่นั่นมาก” หญิงสาวบอก
ตอนพิเศษ+3ภาพคนทั้งสองที่ยืนเคียงข้างกัน ขณะที่เสียงเพลงหวาน ๆ บรรเลงขึ้นเบา ๆ เป็นภาพที่ทำให้บรรดาแขกมีรอยยิ้ม ทุกคนต่างเห็นพ้องว่าทั้งสองคนนั้นถูกกำหนดมาให้คู่กันอย่างแท้จริง ซึ่งแม้แต่กาลเวลาก็ไม่สามารถทำลายได้เมื่อเรือแล่นกลับมายังท่า หวงต้าลู่จับมือหลงเหยียนไว้แน่น ขณะที่พวกเขาเดินลงจากเรือไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เปล่งประกายทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไปข้างหน้า ท่ามกลางเสียงปรบมือและความยินดีของแขกที่มาร่วมงาน งานแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเริ่มต้นชีวิตคู่ในปัจจุบัน แต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ได้รับการสานต่อจากอดีต และพวกเขารู้ดีว่าทุกย่างก้าวที่พวกเขาจะก้าวไปด้วยกันนั้นจะเต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และความผูกพันที่ยืนยาวข้ามผ่านกาลเวลาหลังจากงานแต่งงานที่อลังการบนเรือผ่านพ้นไป หวงต้าลู่และหลงเหยียนเลือกที่จะไม่เดินทางไปยังสถานที่หรูหราเหมือนคู่แต่งงานอื่น ๆ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะไปฮันนีมูนในเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความทรงจำ เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่พวกเขาไม่ได้ใช้ร่วมกันในอดีตพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองโบราณลี่เจียง เมืองที่มีอายุนับร้อยปี ถนนหนทางยังคงปูด้วยหินกรวด บ้
ตอนพิเศษ+2“ขอบคุณนะที่อยู่ข้าง ๆ ฉันเสมอ คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนเรากำลังเริ่มต้นสิ่งใหม่”“ผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน ทุกอย่างที่เราเจอมา ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน มันทำให้ผมมั่นใจว่าเราถูกกำหนดมาให้คู่กัน” แม้ว่าจะต้องใช้ความเจ้าเล่ห์ของตัวเองช่วยเหลือบ้าง แต่หวงต้าลู่คิดเช่นนั้นจริง ๆ ถ้าสวรรค์ไม่ช่วย เขาจะนำหญิงสาวข้าง ๆ กายมาเป็นของตนได้อย่างนั้นเหรอคงไม่มีทางงานแต่งงานของพวกเขาที่กำลังจะมาถึง ไม่ใช่แค่งานแต่งงานธรรมดา ๆ แต่มันเป็นการฉลองให้กับความรักที่ยาวนานผ่านกาลเวลา และเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ไม่รู้จบงานแต่งงานของหลงเหยียนและหวงต้าลู่จัดขึ้นอย่างอลังการ บนเรือที่ล่องออกไปกลางแม่น้ำใหญ่ แม้ว่าในตอนแรกทั้งสองจะมีความลังเลใจเป็นอย่างมากที่จะทำแบบนี้ เพราะในอดีตเคยเกิดเหตุที่ทำให้หลงเหยียนหายไปจากชีวิตของหวงต้าลู่เมื่อหลายร้อยปีก่อนแต่ความเชื่อมั่นที่ทั้งสองคนมีให้ต่อกันก็ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดงานแต่งงานในสถานที่แห่งนี้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ความรักที่ยิ่งใหญ่และความผูกพันที่จะไม่มีวันจางหายตลอดกาล ต่อให้จะมีอุปสรรคมากแค่ไหนก็ตาม“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมหลงเหยียน” หวงต้า
ตอนพิเศษ+1งานแต่งงานที่ใกล้เข้ามา ทำให้หลงเหยียนตื่นเต้นและอดไม่ได้ที่จะมีความคาดหวังกับมัน และเพราะอย่างนั้นหญิงสาวจึงมากังวลอยู่อย่างนี้ ตอนนี้เธอนั่งประชุมกับเพื่อน ๆ เพื่อจัดเตรียมงานแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ถึงแม้หลาย ๆ อย่างจะถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กลับมีสิ่งหนึ่งที่หญิงสาวยังหาไม่ได้ นั่นก็คือธีมของงานแต่ง ในวันที่สถานที่พร้อม ชุดพร้อม และทุกอย่างพร้อมสิ่งที่สำคัญที่สุดกลับยังไม่มี“ฉันมีไอเดียเสนอ ทำไมเราไม่ใช้ธีมต่อจากนิทรรศการที่เพิ่งจัดไปล่ะ” หลงเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่เพื่อนอีกคนก็รีบเสริมทันที“จริงด้วย จริงด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจะต้องเป็นธีมงานที่คนพูดถึงไปอีกนานแน่ ๆ ไหน ๆ ก็คงจะต้องเป็นข่าวอยู่แล้วใช่ไหมว่าที่คุณนายหวง” คำของเพื่อน ๆ ทำให้หลงเหยียนหน้าแดง เพื่อนที่ช่วยกันอยู่ตอนนี้ก็เป็นบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นของเธอที่มหาวิทยาลัย และเพื่อนร่วมงานทั้งนั้น เพราะหญิงสาวเป็นคนบ้างานบ้าเรียนสุดท้ายจึงรู้จักคนอยู่เท่านี้“ใช่ไหมล่ะ ท่านอ๋องที่รอคนรักมาตลอดหลายร้อยปี แล้วสุดท้ายก็ได้เจอกันในชาตินี้และได้แต่งงานกัน เหมือนคู่ของเธอกับคุณหวงไง เจอกันเพราะเธอมาขุดสุสานต้น
บทที่ 35บนเรือสำราญลำเดิมที่ทำให้หวงต้าลู่และหลงเหยียนได้พบกันจากอุบัติเหตุของหญิงสาว ตอนนี้ทั้งคู่กลับมายืนที่ตรงนี้อีกครั้งพร้อมกับบรรยากาศที่คล้าย ๆ เดิมแต่ไม่เหมือนเดิมซะทีเดียว ปาร์ตี้ก็ยังคงดำเนินไประหว่างที่เรือลำใหญ่ล่องผ่านสายน้ำที่เงียบสงบ ไม่มีอาจารย์จางอยู่บนเวทีและไม่มีคนที่แอบอ้างงานคนอื่นอย่างว่านหนิงอยู่ที่นั่นมีเพียงแค่หลงเหยียนกับทีมนักโบราณคดีคนอื่น ๆ ที่ถูกกล่าวถึงทีละคน เพราะ “งานนี้คงสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีทุกคนช่วยเหลือ” หลงเหยียนกล่าวระหว่างที่ยืนอยู่บนเวทีที่ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมายแสงไฟวิบวับจากดวงไฟนับร้อยที่ประดับประดาบนเรือ ทำให้บรรยากาศของงานเลี้ยงฉลองดูหรูหราและอลังการมากขึ้นไปอีกแขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างแต่งกายในชุดราตรี นักโบราณคดีที่มีชื่อเสียงและสื่อมากมายหลายสื่อต่างเข้าร่วมงานนี้ หลายคนมาเพราะคำเชิญ อีกหลายคนมาเพราะสนใจในงานนิทรรศการที่เพิ่งผ่านไปจริง ๆ บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงดนตรีที่บรรเลงเบา ๆ คลออยู่ในอากาศหลงเหยียนกลับมายืนอยู่ที่ด้านหลังเรืออีกครั้ง หญิงสาวมองออกไปยังสายน้ำเบื้องล่าง เธอสวมชุดราตรีสีงาช้างที่พลิ้วไหวท
บทที่ 34ความเชื่อมั่นที่หญิงสาวมีต่อหวงต้าลู่ทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้น และไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต เธอก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ความจริงที่ชายหนุ่มเล่าให้ฟังอาจทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัวหรือกังวล แต่สำหรับหลงเห ยียน เธอกลับรู้สึกเฉย ๆ ไม่ใช่เพราะเธอไม่ใส่ใจ แต่เพราะตอนนี้เธอมีหวงต้าลู่อยู่เคียงข้าง ความรู้สึกปลอดภัยที่เขามอบให้มันมีค่ามากพอที่จะทำให้เธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องอดีตอีกต่อไปหลงเหยียนยิ้มบาง ๆ และบีบมือหวงต้าลู่ที่ยังจับมือเธออยู่เบา ๆ“แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณจริง ๆ นะคะที่คุณเป็นห่วงและเอาเรื่องนี้มาบอกฉัน แต่...ฉันคิดว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ ไม่ว่าว่านหนิงจะเคยทำอะไรหรือไม่เคยทำ ตอนนี้ฉันก็ไม่สนใจแล้วจริง ๆ เพราะฉันมีคุณอยู่ข้าง ๆ ฉันรู้ว่าคุณจะปกป้องฉันได้เสมอ” หลงเหยียนตัดสินใจพูดความในใจออกไปให้อีกฝ่ายได้รู้หวงต้าลู่มองหลงเหยียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบกลับ“ผมดีใจที่คุณรู้สึกแบบนั้นครับหลงเหยียน ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณปลอดภัย และจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคุณได้อีกแน่นอน” หลงเหยียนพยักหน้าและยิ้มอย่
บทที่ 33“นี่มัน” หญิงสาวพูดออกมาเมื่อเสื้อเชิ้ตขาวของชายหนุ่มแหวกออกเพราะแรงกอดของเธอ รอยสลักที่เป็นชื่อของหญิงสาวยิ่งทำให้น้ำตาของหลงเหยียนไหลออกมาอีก “นี่มัน” หวงต้าลู่ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น “เอาไว้ผมจะเล่าทุกเรื่องให้ฟัง แต่ตอนนี้คุณต้องพักก่อนนะ ผมรู้ว่าคุณอาจจะเป็นห่วงเรื่องงานและเรื่องนิทรรศการด้วย” หลงเหยียนยิ้มจาง ๆ อยากจะบอกกับอีกฝ่ายว่าเธอลืมมันเกือบหมดเมื่อเห็นชายหนุ่ม ไม่น่าเชื่อว่าความรู้สึกมันจะท่วมท้นจนทนไม่ไหวขนาดนี้“ฉันคิดถึงคุณมากตอนนี้เรื่องอื่นฉันไม่สนหรอก ขอโทษนะที่ทิ้งคุณมา ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น และก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมฉันถึงได้ลืมคุณ เรื่องทดลองคบของเราเปลี่ยนมันเป็นถาวรเถอะนะ” หลงเหยียนไม่รีรออะไรอีกแล้ว เพราะเธอและอีกฝ่ายรอมานานเหลือเกินแล้ว“ผมก็คิดถึงคุณ คิดถึงมากเกินกว่าที่คุณจะคาดคิดเลยทีเดียว และเพราะอย่างนั้นผมเลย...” หลงเหยียนรีบเอามือปิดปากไม่ให้เขาพูดอะไรออกมา น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตาของเธอ เธอเห็นมันทั้งหมดว่าเขาทำสิ่งใดเพื่อให้ได้มาพบเธอในโลกปัจจุบัน ความฝันทั้งหมดที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มที่อยู่ในฝันคือเขาในอดีต“แต่ตอนนี้เราม
บทที่ 32หลังจากเรื่องราวทั้งหมด เมื่อความอิจฉาและความแค้นก่อตัวขึ้นในใจของว่านหนิง จนแทบจะระเบิด เธอก็เริ่มคิดถึงวิธีการที่จะทำให้หลงเหยียนได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่ตัวเองเคยเผชิญมา ความรู้สึกที่ถูกหวงต้าลู่ปฏิเสธอย่างไร้ค่า รวมถึงการเห็นหลงเหยียนกับหวงต้าลู่รักกันมากขึ้นทุกวัน มันทำให้ว่านหนิงไม่สามารถทนได้อีกต่อไปว่านหนิงเฝ้าดูหลงเหยียนจากระยะไกลมาตลอด แม้ว่าช่วงนี้เธอและอีกฝ่ายจะไม่ค่อยได้เจอกัน หญิงสาวรอคอยโอกาสที่จะแก้แค้นให้สมกับความเจ็บปวดที่เธอได้รับตลอดมา เพราะสนิทจึงรู้ว่าหลงเหยียนมักจะใช้บันไดทางด้านหลังของอาคารเก็บผลงานเพื่อเดินไปยังห้องทำงานตรงไซต์งาน เนื่องจากเป็นทางที่เงียบสงบและมีคนใช้น้อย ว่านหนิงจึงคิดว่านั่นน่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลงมือจัดการหลงเหยียนโดยไม่มีใครเห็นว่านหนิงแสร้งทำตัวเป็นมิตร และเดินเข้าไปทักทายหลงเหยียนด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัย แต่ในใจกลับคิดถึงแผนการที่อันตรายอย่างเงียบ ๆ“อยู่ทำงานดึกอีกแล้วนะ” หลงเหยียนยิ้มตอบอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่มีเรื่องกัน หากไม่จำเป็นเธอและอีกฝ่ายก็แทบจะไม่พูดคุย“แค่ยุ่งนิดหน่อยน่ะ” หลงเหยียนตอบกลับไ