คืนนั้น…
เธอเป็นคนเริ่มก่อนเองทั้งหมด ถ้าคืนนั้นยอมให้เขาเดินผ่านไปตั้งแต่แรก วันนี้คงไม่ต้องมารู้สึกละอายใจเวลาเจอหน้าเขาแบบนี้หรอก คืนนั้นไม่รู้ผีห่าซาตานตนไหนเข้าสิง ถึงได้กล้าหาญไปขอเขาจูบแบบนั้น คิดแล้วก็อายจนไม่กล้าเผชิญหน้า แต่ด้วยหน้าที่นี้ทำให้เธอต้องเจอเขาทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนมันก็เลี่ยงไม่ได้ ยังคงจำคืนนั้นได้ดีไม่ลืม… ‘เราจูบกันได้ไหมคะ…’ ‘เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่’ ‘ฉะ…ฉันร้อน ฉันไม่ไหว…’ ‘ถ้าฉันจูบเธอ ฉันจะได้อะไร?’ ‘ตะ…ต้องการอะไรฉันยกให้หมด แค่ตอนนี้ช่วยจูบฉันได้ไหม…’ ‘ถะ…ถ้าฉันต้องการมากกว่านี้ล่ะคะ’ ‘มากกว่านี้ที่ว่าคืออะไร?’ ‘เซ็กซ์’ พอเหตุการณ์คืนนั้นที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างฉายซ้ำในหัว เธอพลันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าร้อนวูบวาบจนรู้สึกได้ หากจบลงแค่ตอนจูบก็คงดี แต่นี่… จบลงบนเตียง “ทะ…ทำไมจู่ๆ ถึงพูดถึงคืนนั้นขึ้นมาคะ” “จำได้ก็เลยพูด” “แต่มีญ่าจำไม่ได้แล้ว” เธอตอบโดยไม่มองหน้าเขา “จำไม่ได้จริงๆ หรือแกล้งจำไม่ได้?” “คืนนั้นมีญ่าเมามาก จำไม่ได้จริงๆ ค่ะ” เธอพยายามควบคุมโทนเสียงให้ไม่สั่น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงพูดเรื่องคืนนั้นขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดถึงมันเลย อุตส่าห์เงียบไว้แล้วแท้ๆ แต่เขาดัน…พูดขึ้นมาซะนี่ “ให้ทบทวนความจำให้ไหม?” “ทบทวนยังไงคะ?” ริมฝีปากหยักได้รูปกรีดยิ้ม นัยน์ตาดำขลับฉายแววความร้ายกาจอย่างไม่ปิดบังจนมีญ่าเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เท้าเล็กก้าวถอยออกมาเมื่ออีกฝ่ายเริ่มก้าวเท้าเข้ามาหา “จะทำอะไรคะ” “ฉันเก่งเรื่องจำมากนะ โดยเฉพาะจำเรื่องแบบนั้น” “…” “แต่ถ้าหากเธอลืม ฉันก็จะช่วยทบทวนความทรงจำให้ รับรองเลยว่ามันกลับมาแน่นอน” เขาไล่ต้อนมีญ่าไปเรื่อยๆ จนแผ่นหลังของเธอแนบชิดผนังเย็นเฉียบ เขาเลื่อนมือหนาไปสัมผัสแก้มใสอย่างนุ่มนวล กลิ่นหอมคล้ายแป้งเด็กที่พัดผ่าน ยิ่งทำให้เขา…นึกถึงคืนอันเร่าร้อน เธอรู้สึกเหมือนโดนสาปให้แช่แข็งจนขยับร่างกายไปไหนไม่ได้ มือเย็นเฉียบที่สัมผัสลงมายังแก้มทำให้เธอสะดุ้งโหยงในช่วงแรก ทว่าต่อมาไอร้อนก็เริ่มแผ่ขยายไปทั่วใบหน้าจนแดงซ่าน เธอรวบรวมความกล้าทำบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะกล้าทำ… ผลัก! ไรอันถูกมีญ่าผลักเข้าที่กลางอกจนถอยออกห่าง ร่างบางในชุดนักศึกษาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าจะถูกไล่ตาม “หึ เด็กน้อย…” เขายืนมองมีญ่าที่วิ่งออกไป พลางส่งเสียงเบาๆ ในลำคอแล้วส่ายหน้าไปมา เขาไม่ได้วิ่งตามมีญ่าที่วิ่งสี่คูณร้อยออกไป แต่เดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง ••• มีญ่าวิ่งออกมาจากตรงนั้นอย่างไม่คิดชีวิต หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกใจเพราะอะไร ระหว่างความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หรือคำพูดที่เขาพูดถึงคืนนั้นอย่างโจ่งแจ้ง “คนบ้า! ทำไมต้องพูดเรื่องแบบนั้นออกมาด้วย” เธอบ่นกับตัวเองขณะยืนหอบตรงมุมบันไดทางเดิน หน้าร้อนวูบวาบจนอยากเอาน้ำเย็นมาลูบให้หายความรู้สึกนี้ เธอพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ เดินไปยังพื้นที่พักผ่อนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีโต๊ะเล็กที่มุมห้องว่างพอดี เธอจึงรีบนั่งลงก่อนที่ใครจะเข้ามาเห็นสภาพยุ่งเหยิงของเธอ ดวงตาคู่สวยมองไปรอบๆ พลางพยายามข่มความคิดในหัว แต่ภาพเหตุการณ์ที่ไรอันพูดถึงคืนนั้นยังคงฉายซ้ำอยู่ไม่หยุด “เขาจะพูดทำไม? แล้วที่พูดแบบนั้น เขาหมายความว่ายังไงกันแน่…” เธอส่ายหัวแรงๆ พยายามสลัดความคิดเหล่านั้นออกไป ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เปิดแอปพลิเคชันโซเชียลสักพัก แต่ก็พบว่าความสนใจของตัวเองกลับถูกดึงกลับไปหาเขาอย่างช่วยไม่ได้ “จะบ้าตายอยู่แล้ว!” เธอเผลอพูดเสียงดังจนเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ๆ หันมามอง เธอรีบยิ้มเจื่อนๆ ส่งให้แล้วก้มหน้าก้มตาทำเป็นยุ่งกับโทรศัพท์ต่อ แต่ไม่ทันไร เสียงแจ้งเตือนข้อความก็ดังขึ้น หน้าจอปรากฏชื่อผู้ส่งที่ทำให้เธอหยุดนิ่ง LINE หมอรวิกร : เจอกันที่ห้องทำงานตอนบ่ายสองครึ่ง เธอจ้องมองหน้าจอราวกับมันเป็นระเบิด ก่อนจะรวบรวมความกล้าคลิกเปิดข้อความ เธอเผลอกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในเกมที่เขาวางไว้โดยไม่ทันตั้งตัว “ทำยังไงดีล่ะ…” เธอพึมพำคนเดียว ก่อนจะหันมองนาฬิกาบนผนัง ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมง เธอถอนหายใจยาว เหมือนลมในร่างกายถูกดูดออกไปหมด รู้ดีว่าหนีไปไหนไม่ได้ และสุดท้ายก็ต้องกลับไปเจอเขาอยู่ดี อยากจะบ้าตาย… เมื่อไหร่จะสิ้นเดือน ไม่อยากเจอหน้าเขาแล้วโว๊ยย พรุ่งนี้สัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้เลยได้ไหม ‘ฉันเก่งเรื่องจำมากนะ โดยเฉพาะจำเรื่องแบบนั้น’ ‘แต่ถ้าหากเธอลืม ฉันก็จะช่วยทบทวนความทรงจำให้ รับรองเลยว่ามันกลับมาแน่นอน’ ประโยคนั้นของเขาฉายซ้ำในหัวอีกครั้ง จนต้องสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปเป็นระยะ เธอดึงสายตากลับมามองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองต่อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่หน้าหล่อๆ ของคุณหมอไรอันอะไรนั่นก็ลอยเข้ามาทำลายสมาธิ หล่อจริงยอมรับ แต่ช่วยออกไปจากหัวเธอได้ไหม!หลังจากทนสู้ชีวิตผ่านวันเสาร์และวันอาทิตย์มาอย่างยากลำบาก ก็ถึงวันจันทร์ที่รอคอย ถึงแม้ต้องตื่นไปเรียนแต่ยังดีที่อย่างน้อยก็มีเรียนตอนเก้าโมง ร่างบางในชุดนักศึกษาเดินลงจากรถหรูแล้วเดินขึ้นบันไดไปยังตึกเรียนของตัวเอง“มีญ่า!”เธอหันไปมองเจ้าของเสียงที่เรียกตัวเองเมื่อครู่ พบว่าเป็นเฟย์ที่เดินโบกมือยิ้มให้มาแต่ไกล“ฉันว่าวันนี้ฝนตกแน่ๆ เลย แกมาเรียนเช้า” เฟย์แซวมีญ่า“ว่าแต่ฉัน แกก็ด้วยนั่นแหละ”“ฮ่าๆ ไม่งั้นเราจะเป็นเพื่อนกันได้เหรอ เป็นไง ไปดูงานสองวันที่ผ่านมา” เฟย์หัวเราะร่า ก่อนจะถามถึงการไปดูงานที่โรงพยาบาลของเพื่อนสนิทด้วยความอยากรู้“ก็โอเค”เฟย์หันไปมองมีญ่า เมื่อได้ยินคำตอบที่ดูเหมือนจะดีแต่ก็ไม่เพราะฟังจากน้ำเสียงของเพื่อนสนิท“ไม่โอเคเหรอ?”“บอกไม่ถูก” เธอตอบ ยัยสองคนรู้แค่เธอไปนอนกับผู้ชายแต่ไม่รู้ว่าใครเธอไม่กล้าเล่าเรื่องคืนนั้นกับเพื่อนว่าคนที่ตัวเองไปนอนด้วยคืนวันเกิด คือ หมอไรอัน หากเป็นผู้ชายคนอื่นเธอคงกล้าเล่าให้ฟัง“หมอรวิกรเป็นไง พอได้ทำงานด้วย”“เก่ง ความรู้เยอะ”เฟย์ฟังแล้วถึงกับขมวดคิ้ว เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองอยากได้ยิน เป็นหมอก็ต้องเก่งและมีความรู้เยอะอยู่
เสียงเพลงภายในไนต์คลับยังคงดังก้องไปทั่ว แต่ในหัวของมีญ่ากลับวุ่นวายไม่แพ้กัน หญิงสาวนั่งอยู่กับเพื่อนสนิท แต่ความคิดกลับจดจ่ออยู่ที่ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำ ซึ่งตอนนี้กำลังเดินตามการ์ดของร้านที่มีป้ายคำว่า ‘VVIP’ ติดอยู่ตรงอกเธอละสายตาไปจากเขา หันกลับมายกเครื่องดื่มในมือขึ้นมาดื่มพลางพูดคุยกับเพื่อน พยายามทำตัวให้ปกติ แต่ทว่าสายตาก็อดเหลือบมองคุณหมอไรอันไม่ได้ การมาของเขาและเพื่อนสร้างความตื่นเต้นในแก่สาวๆ ที่นี่ไม่ใช่น้อยสาวๆ โต๊ะยืนข้างหน้าสะกิดกันให้มองไปยังโซนVVIP แล้วกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ คนใส่แว่นที่ดูเรียบร้อยแต่ท่าทางดูขัดกันเหมือนจะสนใจไรอัน เพราะชี้ไปยังคนที่นั่งทางขวาสุดซึ่งก็คือไรอัน ส่วนคนอื่นๆ ก็ชี้นิ้วจับจองกันอย่างสนุกสนาน“คนขวาสุดนั่นหล่อมาก!” เสียงผู้หญิงโต๊ะข้างๆ ดังลอดเข้ามา“โอ๊ย! นั่นสิ หล่อยังกับเทพบุตร!” อีกคนเสริมเสียงตื่นเต้น“ฉันจองคนซ้ายสุด!”“งั้นฉันขอคนตรงกลาง”“คนขวาสุดดูนิ่งๆ แต่โคตรหล่อเลยอะ! ฉันจองนะ!”มีญ่ากำลังจะก้มหน้ามองโทรศัพท์ต่อ แต่สายตากลับเหลือบไปมองไรอัน เขากำลังเอนตัวพิงโซฟาหรูในโซน VVIP มือข้างหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่มแล้วพูดคุยกับเพื่อนป
“กลับไหวไหมมีญ่า” ธารน้ำเอ่ยถามมีญ่าด้วยความเป็นห่วง “ไหวๆ”“โอเคๆ งั้นเจอกันนะ ถึงคอนโดแล้วบอกด้วย”“อื้ม” เธอตอบธารน้ำสั้นๆ ก่อนจะตั้งสติแล้วเดินให้ตรงที่สุดไปยังรถของตัวเอง เมื่อมาถึงรถจึงนั่งยองๆ ข้างรถเพื่อให้ตัวเองหายมึนหัว แสงไฟในผับบวกกับแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปทำให้รู้สึกเบลอไปหมด หลังจากทุกอย่างเริ่มกลับสู่ภาวะปกติก็เริ่มเปิดกระเป๋าหากุญแจรถ“น้องมีญ่ามานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ”เสียงนั้นทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง“หากุญแจรถค่ะ” เธอตอบ พลางประคองตัวเองให้ลุกขึ้น“เมาเหรอ?”“เปล่าค่ะ” เธอปฏิเสธทันที ตั้งแต่ที่ซันทำท่าจะลวนลามเธอในผับ เธอก็เริ่มระแวงเขามากขึ้น“ถ้าเมาก็บอกพี่ตรงๆ ได้นะ”“แล้วพี่ซันล่ะคะ เมาไหม” เธอเลี่ยงตอบตรงๆ และเลือกที่จะถามเขากลับแทน“ไม่เท่าไรครับ”“อ๋ออ มีญ่าว่าจะกลับแล้ว เอ่อ…พี่ซันช่วยหลีกทางให้มีญ่าได้ไหมคะ” เธอบอกเขาที่ยืนขวางประตูฝั่งคนขับ“ให้พี่ไปส่งไหม” ซันพูดขึ้น“ไม่เป็นไรค่ะ”“เมาขนาดนี้ ขับรถกลับเองมันอันตรายนะ”“มีญ่าไม่ได้เมา…”“พี่ดูออก” ซันสวนขึ้นมาทันทีที่มีญ่าพูดจบพรึ่บ!ซันฉวยโอกาสแย่งกุญแจรถในมือของมีญ่าไปอย่างอุกอาจโดยที่เจ้าของรถยังไม่ได้อน
“ฉันต้องการเหมือนคืนนั้น”หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งตามประโยคนั้นของเขา นั่นไม่ใช่สิ่งที่คิดเอาไว้ว่าต้องจ่ายเพื่อปิดปากเขาไม่ให้บอกคุณพ่อ เขาต้องการเหมือนคืนนั้น…คำพูดนั้นยังคงลอยวนเวียนอยู่ในหัว ไอร้อนแผดเผาไปทั่วใบหน้าจนรู้สึกได้ คืนนั้น…เธอไม่เคยลืมเลยไม่คาดว่าเขาจะต้องการเหมือนคืนนั้นอีกครั้ง เธอคิดว่าเขาคงไม่ประทับใจเซ็กซ์ของเธอ เพราะนั่นเป็นครั้งแรกของเธอมือหนาจับตรงคางเรียวแล้วดันใบหน้าสวยหวานให้หันกลับมามองตัวเอง ดวงตาคมเข้มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยจนมองเห็นความอ่อนไหว“เธอให้ฉันได้รึเปล่า”“คะ…คุณต้องการเหมือนคืนนั้นจริงๆ เหรอคะ”“ใช่”“ถ้ามีญ่าให้หมอ หมอจะบอกคุณพ่อไหมคะ”“อยากให้ฉันบอกไหม?”“มะ…ไม่ค่ะ”“และมันจะเป็นแบบนั้น”เธอหลุบตาต่ำลง ในหัวกำลังครุ่นคิดว่าจะยอมให้ในสิ่งที่เขาต้องการหรือไม่ แต่ว่า…ก่อนหน้านี้เธอบอกจะยอมทำทุกอย่าง แค่เขาไม่บอกคุณพ่อกับเรื่องที่เกิดขึ้น “ค่ะ ตกลงค่ะ มีญ่าจะให้หมอเหมือนคืนนั้น” ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มันคงไม่เสียหายหรอก ก็แค่เซ็กซ์เอง…“เลือกได้ดี” เขายิ้มมุมปากเมื่อได้ยินคำตอบ“แต่หมอต้องสัญญานะคะว่าจะไม่บอกคุณพ่อเรื่องนี้จริงๆ”“หมอ
มีญ่าจ้องมองแก่นกายขนาดใหญ่ที่กำลังผงาดอยู่ต่อหน้า หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก ส่วนหัวแดงก่ำบานหยัก ตรงลำโอบล้อมด้วยเส้นเลือดมากมายชวนใจสั่น ไร้ขนปกคลุม เนียนเกลี้ยงดูสะอาดตา“คืนนั้นเคยทำยังไง คืนนี้ก็ทำอย่างนั้น”“คะ…คืนนั้นมีญ่าเมามาก”“คืนนี้เธอก็เมา” เขาตอบตรงไปตรงมาเธอดึงสายตากลับมามองแก่นกายอีกครั้ง เริ่มเลื่อนมือไปจับแก่นกายอย่างสั่นๆ มันใหญ่มาก ใหญ่จน…มือของเธอจับมันไม่หมด ริมฝีปากสีระเรื่อครอบลงส่วนหัวเห็ดบานหยัก รูดปากลงมาถึงครึ่งลำก็ใช้มือช่วยชักรูด เธอช้อนสายตาขึ้นมองหมอรวิกร ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกระสัน คล้ายกับต้องการกลืนกินเธอไปทั้งตัว“อึก…” เธออ้าปากรับขนาดที่ใหญ่โตอย่างยากลำบากจนแน่นไปทั่วโพรงปาก กดศีรษะลงจนแก่นกายเข้ามา ของเขาแข็งมาก แถมยังอุ่นมากอีกด้วย“อืมม” เขามองมีญ่าที่กำลังใช้ริมฝีปากปรนเปรอแก่นกายอย่างกระสัน พลางเปล่งเสียงในลำคอเบาๆ มือเลื่อนไปสัมผัสศีรษะทุยแล้วขยับเป็นจังหวะคืนนั้นมีญ่าก็ทำแบบนี้…ปากของเธอนุ่มเหมือนคืนนั้นไม่มีผิด ดวงตาคู่สวยที่กำลังช้อนขึ้นมามองเป็นระยะดูเซ็กซี่เกินห้ามใจ แรงจากโพรงปากที่ดูดเลียแก่นกายทำเลือดในกาย
‘ชอบค่ะ’ เรียกรอยยิ้มมุมปากจากคนฟังได้ไม่ยาก คุณหมอหนุ่มตอกอัดแก่นกายเข้าใส่ร่องรักคับแคบอย่างหนักหน่วง จนเสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นไปทั่วคอนโดหรู มือหนานวดเฟ้นหน้าอกขนาดใหญ่พร้อมกับเขี่ยเม็ดทับทิมสีสวยตามไปด้วย ปึก ปึก ปึกเธอโยกคลอนตามแรงกระแทก ใบหน้าซบลงกระจกใสพลางเผยอริมฝีปากครางอย่างทรมาน เขาตอกอัดเน้นๆ จนเธอเสียวสะท้านไปทั่วท้องน้อยเขาเอาดุมาก…เซ็กซ์ของเขายังคงเสมอต้นเสมอปลายเหมือนคืนนั้นไม่มีผิด ภายนอกเขาดึงดูดเพศตรงข้าม หากสาวๆ เหล่านั้นได้ขึ้นเตียงกับเขา เชื่อเลยว่าคง ‘ติดใจ’ กันระนาว บทรักอันเร่าร้อนบรรเลงทั้งคืน เสร็จจากตรงนี้ก็ต่อที่เตียงนอน ร่างบางโยกไปมาบนร่างกายคุณหมอหนุ่ม อวดหุ่นผอมเพียวที่แอบมีน้ำมีนวลเล็กน้อยท่ามกลางสายตาของไรอันเซ็กซี่มาก… คุณหมอหนุ่มพูดในใจ มือหนาประคองเอวบางพลางช่วยขยับ หน้าอกขนาดใหญ่ทำให้คุณหมอหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือขึ้นไปนวดเฟ้น“อ๊า~”“เสียวเหรอ”“ค่ะ ทะ…ทำไมของคุณหมอใหญ่และยาวจัง” “มันค่อยเสียว” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระเส่า ก่อนจะรั้งร่างบางลงมาหาแล้วกระแทกสวนขึ้นอย่างหนักหน่วงจนได้ยินเสียงดังตับๆ“มะ…หมอรวิกร มีญ่าเสียวอื๊อ!”“ฉัน
และในที่สุดเธอก็ยอมควักเงินสดสองร้อยเป็นค่าติดรถมากับหมอรวิกร ไปที่เดียวกันแท้ๆ ยังคิดค่าติดรถมาด้วย หมออะไรแล้งน้ำใจจริงๆระหว่างทางไปโรงพยาบาลรถค่อนข้างติดเล็กน้อย หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา และรถหรูของไรอันก็ขับต่อไป บรรยากาศภายในรถเงียบไปครู่หนึ่ง มีญ่านั่งไขว่ห้าง มือข้างหนึ่งไถหน้าจอโทรศัพท์ ส่วนอีกข้างถือแก้วกาแฟที่เพิ่งซื้อติดมือมาเอี๊ยด!“อ๊ะ!” เธออุทานร้องเสียงหลง จู่ๆ หมอรวิกรก็เบรกกะทันหันจนเธอแทบหัวทิ่ม เธอหันไปมองเขาอย่างไม่พอใจ“ขับอะไรของหมอเนี่ย!”“คนวิ่งตัดหน้า”เธอขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองนอกกระจก และก็พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเพิ่งวิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถไปจริงๆ เธอชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าที่แสดงความไม่พอใจเมื่อครู่ค่อยๆ อ่อนลง“มีญ่าไม่รู้นิคะว่ามีคนวิ่งตัดหน้า”“มัวแต่เล่นโทรศัพท์จะไปเห็นอะไร” เขาพูดเสียงเรียบ สายตายังคงจับจ้องถนนเบื้องหน้า ส่วนเด็กนั่นก็เงียบไม่พูดอะไรกลับมามีญ่ายังคงรู้สึกหงุดหงิดอยู่หน่อยๆ ที่เมื่อกี้เกือบทำกาแฟหกใส่เสื้อเพราะอีกฝ่ายเบรกกะทันหัน แต่พอรู้ว่าเป็นเพราะมีคนวิ่งตัดหน้าเธอก็เถียงอะไรมากไม่ได้•••โรงพยาบาลภูริธนากุล“นี่ค่ะ ค่าติดรถ
เขานั่งมองประตูที่เพิ่งปิดลง เด็กนั่นแสบใช่ย่อย คงกะเอาคืนเรื่องที่เขาเก็บค่าติดรถมาด้วย เขาถอนหายใจหนักๆ สายตามองขนมที่วางบนโต๊ะ นั่งคิดนานสองนานว่าจะเอาทิ้งดีไหมเพราะไม่ชอบกินขนม กำลังโยนลงถังขยะก็ต้องชะงัก เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อนครืด ครืดเบอร์ที่โชว์หลาบนหน้าจอทำให้รู้ว่าคนเป็นพ่อโทรมา เขาวางขนมลงแล้วคว้าโทรศัพท์มากดรับสาย“ครับพ่อ”(ตอนนี้ว่างไหมไรอัน ภรรยาของเซอร์เวย์ป่วย แกเข้าไปที่บ้านเขาหน่อยนะ)“ได้ครับพ่อ”(หนูมีญ่าก็ศึกษาดูงานที่โรงพยาบาลใช่ไหม ฝากบอกหนูมีญ่าหน่อยนะ พอดีเซอร์เวย์บอกว่าโทรหาลูกสาวไม่ติด)“ครับ” เขาวางสายจากคุณพ่อหยัดกายขึ้นเต็มความสูงเดินออกไปจากห้องทำงานเมื่อก่อนพ่อเป็นหมอประจำตระกูลคุณลุงเซอร์เวย์ แต่พอเขาเป็นหมอเต็มตัวจึงให้เข้ามารับหน้าที่ตรงนี้แทน ส่วนพ่อเกษียณอยู่บ้านคอยเป็นที่ปรึกษาให้เขาเขาเดินออกมาก็เห็นมีญ่ากำลังยืนช่วยงานนิดอยู่อย่างตั้งใจ จึงเดินเข้าไปหา“คุณลุงเซอร์เวย์โทรมาบอกว่าแม่เธอไม่สบาย”มีญ่าที่กำลังช่วยงานนิดอยู่หยุดชะงัก ก่อนจะหันไปมองไรอันด้วยความตกใจ“แม่เป็นอะไรเหรอคะ”“แค่ป่วย ฉันกำลังไปบ้านเธอ พ่อเธอฝากฉันมาบอกเพราะเ
ภายในห้องรับแขกของคอนโดธารน้ำ มีญ่านั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ สายตาจับจ้องไปที่กองเอกสารสำหรับทำรายงานตรงหน้าอย่างเหม่อลอย ความคิดวนเวียนอยู่กับบทสนทนาของพยาบาลกลุ่มนั้น‘ได้ข่าวว่าหมอไรอันกับหมอมาริสาจะหมั้นกันเหรอ’หัวใจของเธอบีบรัดขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงมัน เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย ทำไมถึงต้องรู้สึกแบบนี้ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างไป ทั้งที่ความจริงแล้วเธอและเขาไม่เคยเป็นอะไรกันด้วยซ้ำ“มีญ่า มีญ่า!”“ฮะๆ” เสียงของธารน้ำทำให้เธอสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เธอขานรับธารน้ำทันที“แกเป็นอะไรรึเปล่า ฉันเห็นแกนั่งเหม่อตั้งแต่มาถึงแล้ว” ธารน้ำขมวดคิ้วถาม“ปะ…เปล่า”“แกมีเรื่องไม่สบายใจอะไรบอกฉันได้นะ อย่าลืมว่าเราเป็นเพื่อนสนิทกัน”คำว่า ‘เพื่อนสนิท’ ทำให้เธอรู้สึกผิดที่ต้องปิดบังเรื่องความรู้สึกที่มีหมอรวิกรจากธารน้ำ ที่ผ่านมาเธอบอกเพื่อนมาโดยตลอดว่าไม่ได้คิดอะไรกับเขา“เรื่องของหมอไรอันใช่ไหม” ธารน้ำพอเดาออกว่าที่เพื่อนสนิทเป็นแบบนี้เพราะเรื่องอะไรราวกับคำพูดนั้นกระแทกเข้าตรงจุดสำคัญ หัวใจดวงน้อยไหววูบ ใบหน้าสวยหวานรีบเบือนสายตาหลบอย่างรู้ตัวว่าคงปิดบังอะไรไม่ได้“มีญ่า…” เพียงแค่เ
Empire Rich รถหรูจอดสนิทที่คอนโด เขาหันไปมองมีญ่ากายที่ตอนนี้หลับสนิท ใบหน้าสวยหวานซบอยู่กับเบาะ แขนทั้งสองกอดอยู่กับอก ท่าทางดูสงบเสงี่ยมต่างจากก่อนหน้านี้ที่ยังโวยวายใส่เขายับเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอื้อมไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้ จากนั้นก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งของมีญ่า แขนแกร่งช้อนร่างบางขึ้นอย่างง่ายดายตอนแรกเขาตั้งใจจะพาเธอไปส่งที่ห้องของตัวเอง แต่สุดท้ายกลับเลือกพาเธอมาที่ห้องของเขาเองแทนเมื่อมาถึงห้องนอนเขาวางร่างของมีญ่าลงบนเตียงอย่างเบามือ เขาถอดรองเท้าส้นสูงออกจากเท้าเล็ก คิ้วเข้มขมวดนิดๆ เมื่อเห็นรอยแดงที่เกิดจากการใส่รองเท้าส้นสูงนานเกินไปมือหนาลูบเบาๆ อย่างเผลอไผล ก่อนจะละสายตาแล้วลุกขึ้นยืน เตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่เสียงพึมพำแผ่วเบากลับทำให้เขาหยุดชะงัก“พี่ชาย…”ไรอันหันกลับมามองคนที่กำลังละเมอ“คิดถึง…”ร่างสูงยืนนิ่ง ดวงตาคมฉายแววซับซ้อนเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอละเมอออกมาจำได้ว่าครั้งหนึ่งมีญ่าเคยตามติดเขาไม่ห่าง เรียกเขาว่าพี่ชายทุกครั้งที่เจอกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเช่นกันริมฝีปากหยักยิ้มมุมปาก ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว
เสียงเพลงในผับยังคงดังกระหึ่มไปทั่ว มีญ่าหัวเราะเสียงใส ขณะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นชนกับหนุ่มหล่อที่เข้ามาทัก“ขอชนแก้วด้วยไหมครับ?” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากแล้วยื่นแก้วเข้ามาใกล้“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ?” ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะยกแก้วขึ้น เคร้ง!เสียงแก้วกระทบกันดังขึ้นก่อนที่เธอจะกระดกเหล้าเข้าปาก กลิ่นแอลกอฮอล์แทรกซึมเข้ามาในลำคอร้อนวูบ แต่เธอกลับรู้สึกดี“ดื่มเก่งเหมือนกันนะครับ” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยชม“ไม่เก่งเท่าไรค่ะ”ในขณะที่มีญ่ากำลังยืนคุยกับหนุ่มหล่อ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีสายตาคมเข้มคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาอย่างไม่พอใจไรอันมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นเยียบ มือข้างที่จับแก้วเหล้าแน่นขึ้นราวกับพยายามระงับอารมณ์“กูว่าอีกไม่นาน” คิรันหันไปกระซิบกับแม็กซ์ควินมีญ่ายังคงยืยหัวเราะคิกคักกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่นาที บรรยากาศพาไปหรือเพราะแอลกอฮอล์ทำให้เธอกล้าขึ้น ด้านเพื่อนสนิทก็ไม่ได้ว่าอะไร ยืนมองมีญ่าคุยกับหนุ่มหล่อพลางหันไปยิ้มกันสองคน“ชื่ออะไรเหรอครับ?” “มีญ่าค่ะ แล้วคุณล่ะ?” เธอพยายามชวนเขาคุยให้มากที่สุด สายตาเหล่มองไปยังโต๊ะข้างๆ ว่าคนที่อยากให้เห็นภาพนี้มองมาห
หลายวันต่อมาช่วงนี้หมอรวิกรเงียบไปเลยจนผิดสังเกต ไม่มีการส่งข้อความมาหา แม้กระทั่งอยู่คอนโดเดียวกันยังไม่มีโอกาสเจอ อย่าว่าอย่างงี้อย่างงั้นเลย แค่รถของเขายังไม่เห็นจอดหลายวันแล้วเขาหายไปไหน…ตั้งแต่วันนั้นที่เธอกลับจากบ้านพักอากาศ เธอก็ไม่เห็นหมอรวิกรอีกเลย เธอนั่งส่องไอจีของเขาระหว่างรอเพื่อนไปสั่งเครื่องดื่ม นิ้วเรียวดึงหน้าจอลงหนึ่งครั้งอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม แต่แล้วก็ต้องชะงักลงไปเมื่อตรงรูปโพรไฟล์ปรากฏสตอรีขึ้นมาวินาทีนั้นหัวใจที่นิ่งสงบพลันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่มีความเคลื่อนไหวมาแล้วหลายวัน หากแต่วันนี้เพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหว เธอกัดกลีบปากล่างเบาๆ ด้วยความลังเลว่าจะกดดูดีไหมเพราะอยากรู้ว่าเขาลงอะไร แน่นอนว่าถ้ากดดูแน่นอนเขารู้อยู่แล้วว่าเธอแอบส่องแต่อีกใจก็อยากรู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ สุดท้ายรวบรวมความกล้าในการกดเข้าไปดูสตอรีเมื่อครู่เขาอยู่สนามแข่งT1บางทีเธอก็แอบหงุดหงิดเขาเหมือนกัน หายไปไม่บอกไม่กล่าวเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด แถมเขายังทำให้เธอสับสนในความสัมพันธ์อีกครั้ง สรุปแล้วต้องการยุติทุกอย่างลงหรือกำลังปั่นหัวเธอเล่นอยู่กันแน่ปากบอกไม่ให้เธอเข้าใกล้
เสียงฟ้าร้องดังสะท้านท้องฟ้า ฝนยังคงตกหนักไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง มีญ่ายืนตัวสั่นอยู่ใต้ชายคาหน้าบ้านพักตากอากาศของไรอัน ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปยังถนนที่เวิ้งว้างและมืดครึ้มทำไมเธอต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้…ลมเย็นพัดผ่านร่างจนเธออดไม่ได้ที่จะกอดตัวเองแน่นขึ้น เปลือกตากะพริบถี่ไล่หยาดน้ำฝนที่ปลิวมากระทบใบหน้าเธอเหลือบมองหน้าจออีกครั้ง พลางคิดถึงคำพูดสุดท้ายของไรอัน‘ตามใจ’คำพูดนั้นเหมือนสะท้อนอยู่ในหัวใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าเธอจะกลับไปยังไง จะเปียกฝนหรือไม่จะปลอดภัยหรือเปล่า เขาแค่…ปล่อยเธอไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?LINEโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในมือทำให้เธอยกขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นพี่นทีที่ส่งข้อความมาหา หลังจากถูกหมอรวิกรตัดสายไปก่อนหน้านี้ เธอแค่ดึงหน้าจอลงมาอ่านโดยยังไม่กดเข้าไปอ่านโดยตรงนที : มีญ่าอยู่ไหนเธอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่ออ่านข้อความจากพี่นที ผ่านไปประมาณสองนาทีเขาส่งกลับมาอีกครั้งว่า นที : ตอบพี่หน่อยได้ไหมพี่เป็นห่วง นิ้วเรียวสวยกำลังพิมพ์บอกพี่นทีแต่กลับต้องชะงักอย่างลังเล หัวใจเต้นแรงเมื่อคิดว่าใครบางคนอาจจะไม่พอใจกับสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ก็เป็นได้ แต่สุด
ความสัมพันธ์ของเธอและหมอรวิกรเริ่มไม่ดีแล้ว ไม่รู้คิดไปเองไหมเพราะตั้งแต่เขาและพี่นทีเจอกัน เขาก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าไม่ใจร้ายแค่มีความรู้สึกว่าตอนนี้หนักกว่าตอนนี้ฝนกำลังตกหนักเพราะพายุเข้า มีญ่ายืนกอดอกมองสายฝนโปรยปรายจนมองไม่เห็นข้างนอก เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างสับสน แม้เสียงฝนจะดังสนั่นหากแต่ก็ไม่อาจดึงเธอออกจากภวังค์ความคิดจนกระทั่ง…LINEเสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้เธอละสายตาจากพายุฝนข้างนอกยกโทรศัพท์ในมือขึ้นดูก่อนจะพบว่าเป็นคุณพ่อที่ส่งข้อความมาหาเซอร์เวย์ : อยู่ไหนลูกเธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรงเมื่ออ่านข้อความของคุณพ่อ สายตาเหลียวข้างหลังมองหาเจ้าของบ้านพักตากอากาศทว่าก็ไม่เจอ เธอดึงสายตากลับมาอ่านข้อความของคุณพ่ออีกครั้งแล้วพิมพ์ตอบกลับมีญ่า : คอนโดเพื่อนค่ะเซอร์เวย์ : เห็นลูกบอกเย็นๆ จะมาบ้าน พ่อไม่เห็นเลยไลน์มาถามว่าอยู่ไหนเซอร์เวย์ : ตอนนี้ฝนกำลังตก ถ้ามาไม่ได้ไม่ต้องมานะมันอันตรายคนเป็นพ่อเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกสาว ใจอยากให้มาทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยกัน มีญ่าบอกว่าจะชดเชยที่วันก่อนไม่ได้กลับบ้านมาทานข้าวเย็น แต่อีกใจก็ไม่อยากให้มาเพ
ตุ้บ!“โอ๊ย!” แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้ร่างของเธอกระแทกลงเตียงอย่างแรง เธอหันไปมองหมอรวิกรด้วยแววตาหวาดกลัวพร้อมกับถอยหนีตามสัญชาตญาณทำไมเขาน่ากลัวจัง…ภาพหมอรวิกรคนเดิมหายไปในชั่วพริบตา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ เท่าที่สังเกตเขาเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอพี่นที อีกอย่างเธอไม่รู้ว่าเขากับพี่นทีมีเรื่องบาดหมางกันเป็นการส่วนตัวไหม เพราะดูเขาโกรธทุกครั้งเวลาเธอพูดชื่อพี่นทีหมับ“อ๊ะ!” เธออุทานเสียงหลง หมอรวิกรจับข้อเท้าแล้วออกแรงกระชากจนเธอไถลกลับมานอนที่เดิม ไม่ทันได้หาทางหนีก็ถูกเขาตามมาคร่อมข้างบนเสียแล้ว“หมอ…ว๊าย!”ไรอันกระชากเสื้อนักศึกษาจนกระดุมเหล็กกระเด็นกันไปคนละทิศคนละทาง มีญ่าส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจกับการกระทำแสนป่าเถื่อน มือเล็กพยายามปัดป่ายอีกฝ่ายออกแต่กลับไม่เป็นผล“เสื้อมีญ่าขาดหมดแล้ว!”“ดี! ฉันชอบ”“ทำไมหมอป่าเถื่อนขนาดนี้!”“ฉันป่่าเถื่อนมากกว่าที่เธอรู้อีกมีญ่า” สิ้นคำพูดเขากดจูบลงริมฝีปากสีระเรื่อของมีญ่าอีกครั้ง รสจูบครั้งนี้ยังป่าเถื่อนเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด เขากัดกลีบปากบางเมื่อเธอไม่ยอมให้ความร่วมมือจนยอมเผยอปากออกเล็กน้อยให้เขาได
ร่างบางค่อยๆ ย่องเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อเตรียมหนี แต่แล้วก็ต้องชะงักลงไปเมื่อเห็นไรอันยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกพอดี หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เริ่มมองหาทางอื่นที่พอหนีได้จนไปเจอประตูบานหนึ่ง เธอไม่รอช้าเดินตรงไปยังประตูบานนั้นทันที“จะไปไหน”เฮือก… เธอสะดุ้งอย่างตกใจและหยุดนิ่งอัตโนมัติ เสียงฝีเท้าของเขาที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา“ฉันถามว่าจะไปไหน” เขาหยุดอยู่ข้างหลังมีญ่าแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบคนตัวเล็กค่อยๆ หมุนตัวกลับมาหาไรอันด้วยท่าทางหวาดระแวง ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองคนตัวโตที่มองมาอย่างคาดเดาไม่ได้ว่าหลังจากนี้จะมีแผนการอะไร“มีญ่าจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ” บางทีการโกหกอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้“ห้องน้ำไปทางนั้น”“อะ…อ๋อ ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มแห้ง ก่อนจะรีบเดินไปอีกทางที่หมอรวิกรชี้นิ้วบอก จะหนีก็ไม่ทันแล้วยัยมีญ่า ทำไมทุกอย่างดูเข้าทางเขาไปหมดเลยนะเธอยืนรอสักพัก จากนั้นหันไปแกล้งกดชักโครกทำเหมือนเข้าห้องน้ำจริงๆ เดินมาล้างมือทำทุกอย่างให้สมจริง เช็ดมือเสร็จสรรพแล้วเดินออกมาก็เจอเขายืนพิงผนังกำแพงรออยู่ข้า
“…ขอโทษ” เธอนิ่งชะงักลงไปเมื่อได้ยินคำขอโทษของหมอรวิกร เธอเบือนใบหน้าไปทางอื่นแทนการมองหน้าเขาเพื่อซ่อนความอ่อนไหว“นะ…นี่ไม่ใช่ทางไปมหาลัยนิคะ” เธอเริ่มสังเกตว่าเส้นทางนี้ไม่ใช่ทางไปมหาลัยจึงรีบหันไปบอกเขา“รู้” เขาตอบสั้นๆ ราวกับมันเป็นเรื่องปกติ“รู้แล้วทำไมยังขับไปทางนี้อีกคะ หมอจะพามีญ่าไปไหนกันแน่” เสียงหวานแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ดวงตากลมโตตวัดมองเขา แต่เขายังคงขับรถด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้”“นี่หมอลักพาตัวมีญ่าเหรอคะ?” “ฉันไม่เสียเวลาลักพาตัวเด็กอย่างเธอหรอก”คำพูดนั้นทำให้เธอหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ทำไม แต่ทุกครั้งที่เขาพูดจากวนประสาทแบบนี้เธออยากจะต่อยหน้าเขาแรงๆ ให้รู้แล้วรู้รอด เธอสูดลมหายใจลึกๆ พยายามสะกดกลั้นความโมโห “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”“เรื่องอะไรคะ คุยบนรถก็ได้”“ฉันไม่อยากคุยบนรถ”“ทำไมไม่ขอคุยตั้งแต่อยู่คอนโดคะ”“ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องที่จะคุย แต่ตอนนี้ฉันมี”“หมอจอดรถเลยนะคะ มีญ่าจะไปเรียน”“อาจารย์ของเธอเพิ่งยกคลาส”“ไม่จริง หมอโกหก…”LINEเสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้เธอชะงัก ก่อนจะหยิบขึ้นมาเสมอใบหน้าให้สแกนปลดล็อก เธออ่านข้อความที่ธ