“อะ อื๊ออ…” สัมผัสชวนวาบหวามจากชายคนแปลกหน้าสร้างความตื่นเต้นให้ร่างบางไม่ใช่น้อย ฤทธิ์ยาปลุกเซ็กซ์ที่กำลังครอบงำจิตใจกระตุ้นอารมณ์ความต้องการมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ จนยากหลบหนี
มีญ่านอนแอ่นหน้าอกรับสัมผัสหยาบโลนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความทรมานฉายชัดบนใบหน้าสวยหวาน ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากัน พลางกัดกลีบปากล่างเบาๆ ด้วยความเสียวซ่าน มือเล็กลูบไล้ไปตามแผ่นหลังแกร่งที่แน่นหนันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เผลอจิกเบาๆ จนเกิดรอยเล็บ จังหวะที่ใบหน้าคมคายซุกไซ้ลำคอ ยิ่งทำให้น้ำหนักมือกดลงแรงกว่าเดิม “ตัวเธอหอมดีนิ” “อึก…” คำเอ่ยชมทำให้ใบหน้าของเธอเห่อร้อน ไม่เคยลิ้มรสของสัมผัสแบบนี้มาก่อน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันดีเกินกว่าจะขอให้เขาหยุด ยิ่งเขาสัมผัสมากขึ้นร่างกายยิ่งอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งโดนไฟลน “ฉันชอบกลิ่นตัวหอมๆ เหมือนแป้งเด็กของเธอ” เขากระซิบข้างใบหู มือหนาบีบเคล้นหน้าอกขนาดใหญ่พอดีจนล้นออกตามง่ามนิ้ว แม้จะอยู่ภายใต้ไฟสลัวหากแต่ยังคงมองเห็นเรือนร่างไร้อาภรณ์ชัดเจน สวยไปหมด… มือหนาสอดเข้าไปใต้เรียวขาขาวเนียน ค่อยๆ สัมผัสลงความสวยงามเปียกแฉะ ใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้มร้ายกาจเมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างพร้อมแล้ว “แฉะเต็มมือไปหมดแล้ว” “อ๊ะ~” เธอเบือนใบหน้าไปทางอื่นเมื่อเขาใช้นิ้วมือลูบเบาๆ ตรงนั้น เนื้อตัวสั่นเกร็ง ปากคอสั่นระริก มือพลางเลื่อนลงไปดันมือของเขาออกเพราะรู้สึกทรมานแทบขาดใจ อายุยี่สิบปีก็ฉลองโดยการมีเซ็กซ์เป็นครั้งแรก ทำไมถึงแก่แดดขนาดนี้นะ เมื่อเขาสอดนิ้วเข้ามาข้างในร่างกายเธอพลันกระตุกอัตโนมัติ มือจิกลงท่อนแขนแกร่งอย่างแรง ใบหน้าแดงซ่านเต็มไปด้วยฤทธิ์ของไฟราคะ มัน…รู้สึกเสียววูบวาบตรงท้องน้อย เหมือนผีเสื้อหลายพันตัวกำลังบินวนอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาลอยขึ้นอย่างทรมาน มันทรมานมากกว่าตอนเขาใช้ริมฝีปากสัมผัสตามจุดต่างๆ บนร่างกายเสียอีก ยิ่งเขาขยับนิ้วแรงขึ้นเธอยิ่งจิกเขาแรงขึ้น เสียงครางน่าอายดังเล็ดลอดในยามที่เขากำลังใช้นิ้วปรนเปรอความเสียวซ่าน เธอครางเสียงดังอย่างลืมความอายไปล่ะ “อ๊ะ อ๊า~” “ครางอีกสิ ฉันชอบเสียงครางของเธอ” ประโยคนั้นทำเธอเขินจนไม่กล้าคราง หากแต่เขากลับทำให้เธอปล่อยเสียงครางออกไปอย่างไม่อยากเชื่อ ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างพอใจ แรงบีบรัดตรงนิ้วมือทำให้อดจินตนาการไม่ได้เลยว่าหากเปลี่ยนจากนิ้วเป็นอย่างอื่นแทน…มันจะดีแค่ไหน แค่ลองจินตนาการยังรู้สึกปวดหนึบตรงกลางกายจนเริ่มอดไม่ไหวแล้ว อาภรณ์ทุกชิ้นถูกปลดออกจากร่างกายจนเปลือยเปล่าแม้กระทั่งท่อนล่าง แก่นกายขนาดใหญ่ผงาดออกมาสู่สายตาหญิงสาว ใหญ่มาก… ซองถุงยางถูกหยิบขึ้นมา ริมฝีปากหนาฉีกอย่างชำนาญ จัดการสวมใส่ลงส่วนหัวของแก่นกายจนครอบคลุมหมด มีญ่านอนกลืนน้ำลายเหนียวลงคอด้วยความกลัวเล็กน้อย เพราะเรื่องนี้แบบนี้มันใหม่มากสำหรับเธอ “อื๊ออ!” เธออุทานร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด เมื่อเขาเริ่มสอดใส่เจ้านั่นเข้ามา ทว่าฤทธิ์สุราบวกกับอาการร้อนวูบวาบในร่างกายช่วยบรรเทาความเจ็บให้ลดน้อยลง “ถ้าไม่โอเค ฉันจะหยุด” ไม่อยากทรมานผู้หญิง ถึงแม้ตอนนี้อารมณ์ปรารถนากำลังทำงาน หากอีกฝ่ายต้องการให้หยุด เขาสามารถหยุดแล้วจัดการกับตัวเองได้ “มะ…ไม่เป็นไร” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน” “ทะ…ทำต่อได้เลย” ริมฝีปากหนากรีดยิ้ม สายตาคมเข้มหลุบมองแก่นกายที่เข้าไปได้เพียงส่วนหัว มองเห็นเลือดอาบชโลมแก่นกายเล็กน้อย สิ่งนั้นช่วยการันตีได้ทันทีว่า…เธอยังบริสุทธิ์ ในเมื่อเธอเป็นคนบอกให้ทำต่อ เขาก็จะไม่ขัด เพราะตอนนี้เขาเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ไม่ได้ปลดปล่อยนานพอสมควร จู่ๆ มีลูกแกะตัวน้อยวิ่งเข้ามาเสนอตัวเป็นอาหารอันโอชะ มีหรือเสืออย่างเขาจะกล้าปฏิเสธหนึ่งอาทิตย์ต่อมาเธอกำลังเตรียมตัวย้ายเข้าคอนโดใหม่ที่คุณพ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ที่มีวิวทิวทัศน์ดีที่สุดในกรุงเทพฯ แถมยังแพงที่สุดอีกด้วยEmpire Rich นั่นแหละชื่อคอนโดที่คุณพ่อควักเงินสดซื้อให้ ซึ่งเป็นโครงการที่ครอบครัวของเธอร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ ตอนแรกทางนั้นจะลดให้แต่คุณพ่อบอกไม่สมฐานะ ‘ลูกสาวจากตระกูลซาน’ สอนให้ลูกสาวเป็นคนประหยัดแต่ตัดภาพไปที่ตัวเอง…เธอยืนจัดดอกไม้ใส่แจกันอย่างสวยงามท่ามกลางแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา สวมเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นสบายๆ เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ ทำให้บรรยายกาศอบอวลไปด้วยความสุข แม้จะอยู่คนเดียวก็ตามเสียงฮัมเพลงดังเล็ดลอดออกมาบอกว่าเธอกำลังมีความสุขกับสิ่งที่ทำ เมื่อจัดดอกไม้เสร็จสรรพ มองกลับมายังก้านเอย ใบเอยก็…เริ่มขี้เกียจเก็บแต่ก็ต้องเก็บ เพราะอยู่ที่นี่ไม่มีใครคอยช่วยเหมือนตอนอยู่บ้าน อยากออกมาใช้ชีวิตคนเดียวก็ต้องแลกมาด้วยการทำอะไรเอง ตอนแรกคุณแม่บอกให้เอา ‘พี่ลัน’ พี่เลี้ยงตั้งแต่ยังเด็กมาอยู่ด้วย แต่เธอปฏิเสธเพราะอยากลองอยู่คนเดียว“ทำไมมันยากขนาดนี้…” บ่นงึมงำคนเดียวขณะกำลังเก็บก้านและใบจากดอกไม้ที่ซื้อมาจัดใส่แจกันตกแต่งคอนโดทิ้งคร
“นาย…”เธอควรตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี เรื่องที่เห็นผู้หญิงในห้องตรวจโดยไม่รู้ว่าสองคนนี้กำลังทำอะไรกันอยู่ กับเรื่องที่เขาเป็นผู้ชายในคืนนั้น ที่เคยมีความทรงจำอันเร่าร้อนด้วยกันแม้คืนนั้นเธอจะเมาและดูขาดสติไปบ้าง แต่เธอก็จดจำใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้ดี คืนนั้นเขาสวมใส่ชุดสบายๆ หากแต่ดูมีเสน่ห์เหลือล้น ทว่าวันนี้…เขาอยู่ในเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตา ขัดกับความร้อนแรงในคืนนั้นโดยสิ้นเชิงคุณหมอหนุ่มเดินผ่านหน้ามีญ่าไปนั่งลงเก้าอี้ทำงาน ใบหน้าที่เคยเจ้าเล่ห์ในคืนนั้นดูเรียบนิ่งราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน มือที่กำลังจับปากกาอยู่นั้น…คือมือเดียวกันกับที่ใช้ถอดชุดของเธอและ…สัมผัสร่างกายของเธอ“ถ้างั้นจีน่ากลับก่อนนะคะหมอ เจอกันใหม่ค่ะ” จีน่าส่งยิ้มให้คุณหมอที่ตัวเองหมายปอง ก่อนจะเดินเชิดผ่านหน้ามีญ่าออกไปอย่างไม่พอใจที่โดนขัดจังหวะในการจีบคุณหมอหนุ่มไรอัน ไม่สนใจจีน่าสักนิด ไม่แม้แต่จะกล่าวคำลาหรือส่งยิ้ม ในขณะที่จีน่าพูดสายตาก็มองหน้าจอคอมพิวเตอร์ มือคลิกเมาท์ดูงานของตัวเอง การกระทำแสนเย็นชาพลอยทำให้จีน่ารู้สึกอับอาย ท่ามกลางสายตามีญ่าและพยาบาลพยาบาลเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้มีญ่าและไรอันอยู่กันตา
หลายวันต่อมาเสียงประกาศตามสายเรียกให้นักศึกษาและอาจารย์มารวมตัวกันในห้องประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย มีญ่าเดินตามกลุ่มเพื่อนเข้าไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เธอไม่ได้ชอบการประชุมหรือกิจกรรมใหญ่โตแบบนี้เท่าไร แต่ก็เลี่ยงไม่ได้“นี่รู้ไหม เขาบอกว่ามีแขกรับเชิญพิเศษจากโรงพยาบาลดังมาด้วยล่ะ” ธารน้ำพูดขึ้นระหว่างเดินเข้าไปในห้องประชุม“โรงพยาบาลดัง ใครอะ” เฟย์พูดเสริมด้วยความสงสัยมีญ่าพยายามไม่สนใจบทสนทนา แต่หัวใจก็อดกระตุกไม่ได้เมื่อนึกถึงชื่อโรงพยาบาลที่ไปเมื่อหลายวันก่อน เธอส่ายหัวพยายามสะบัดความคิดนั้นออกไปเพราะอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ประเทศไทยมีโรงพยาบาลดังๆ ตั้งหลายที่ คงไม่ใช่ที่นั่นที่เดียวหรอก เมื่อทุกคนเข้ามาในห้องประชุม เสียงพูดคุยค่อยๆ เบาลงเมื่ออาจารย์เริ่มกล่าวเปิดงาน“วันนี้เรามีโอกาสพิเศษที่ได้รับเกียรติจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารโรงพยาบาล และยังเป็นผู้ริเริ่มโครงการทุนการศึกษาเพื่อสนับสนุนนักศึกษาในสายสุขภาพ คุณหมอรวิกร ภูริธนากุล”เสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วห้อง มีญ่าชะงักทันทีที่ได้ยินชื่อที่อาจารย์พูดผ่านไมค์ เธอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และก่อนที่เธอจะตั้งสติได้ดี ไรอันในช
วันธรรมดามีญ่ามักภาวนาขอให้ถึงวันเสาร์เร็วๆ แต่ตอนนี้เธอกลับภาวนาขอให้อย่าเพิ่งถึงวันเสาร์ ร่างบางในชุดนักศึกษามีป้ายคล้องคอสีน้ำเงินเดินเข้ามาภายในโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย วันหยุดควรได้นอนตื่นสาย ไม่ใช่รีบลุกจากที่นอนมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เก้าโมงเช้าเธอเดินเข้ามาในล็อบบี้ของโรงพยาบาลพร้อมถอนหายใจหนักหน่วง ก้มมองป้ายคล้องคอที่มีชื่อและคำว่า ‘นักศึกษาดูงาน’ พิมพ์ตัวโตอย่างไม่สบอารมณ์“เริ่มวันแรกก็รู้สึกอยากกลับแล้ว…” เธอขยับริมฝีปากบ่นงึมงำบริเวณล็อบบี้เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินขวักไขว่ มีทั้งคนไข้ ญาติผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ในชุดยูนิฟอร์มสีขาวสะอาดตา มีญ่าเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วพบว่าเข็มยาวเพิ่งจะชี้เลขเก้าเป๊ะ เธอไม่ได้มาสาย แต่ก็ไม่ได้มีอารมณ์อยากอยู่ตรงนี้นานนัก“สวัสดีค่ะคุณมีญ่า” เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันไปเจอกับพยาบาลในชุดขาวยิ้มต้อนรับ“สวัสดีค่ะ”“คุณหมอรออยู่ที่แผนกประชุมค่ะ เชิญทางนี้เลยนะคะ”เธอเดินตามพยาบาลยิ้มสวยคนนั้นไปด้วยความรู้สึกที่เริ่มตื่นเต้นกับการเจอเขาอีกครั้ง…ห้องประชุมประตูไม้สีเข้มถูกเปิดออก เผยให้เห็นโต๊ะประชุมทรงยาวกับจอโปรเจกเตอ
“ดื้อๆ แบบนี้…หมอชอบ”เสียงกระซิบของไรอันข้างหูทำให้มีญ่ารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ก้อนเนื้อข้างซ้ายเต้นแรงจนเกรงว่าคุณหมอรวิกรอาจจะได้ยินเข้า เธอลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากโดยไม่ทันสังเกตเห็นมุมปากหยักที่กรีดยิ้มทั้งห้องอยู่ในความเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน มีญ่าเอาแต่นิ่งเงียบเพราะไปต่อไม่เป็น คำพูดเมื่อครู่ของไรอันฟังดูกำกวมชวนให้คนคิดไปไกลและเธอก็กำลังคิดไปไกลจริงๆ …“มะ…หมายถึงอะไรคะ” เธอรวบรวมความกล้าเอ่ยถามด้วยสั่นๆ แต่ยังคงไม่กล้ามองหน้าเขาโดยตรง“หมอชอบคนไข้ดื้อๆ ยิ่งดื้อแบบนี้ ยิ่งชอบ”“แต่ฉันไม่ใช่คนไข้” “อาจารย์ของเธอลืมบอกรึเปล่า ว่าการมาดูงานของเธอครั้งนี้มีคะแนน และคนที่ให้คะแนนก็คือฉัน ถ้าเธอดูงานครั้งนี้ไม่ผ่าน อาจารย์คงผิดหวังในตัวเธอมาก”“ขู่ฉันเหรอ?”ไรอันไหวไหล่ขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเคลื่อนตัวออกห่างจากมีญ่าแล้วเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ยืนมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ“ถ้าคิดว่าขู่จะทำตัวเหมือนเดิมก็ได้” เพราะเขามีหน้าที่ให้คะแนนอย่างเดียวมีญ่ายืนกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้ด้วยมาก่อน แต่เขากลับเป็นคนแรกที่กล้า
คืนนั้น…เธอเป็นคนเริ่มก่อนเองทั้งหมด ถ้าคืนนั้นยอมให้เขาเดินผ่านไปตั้งแต่แรก วันนี้คงไม่ต้องมารู้สึกละอายใจเวลาเจอหน้าเขาแบบนี้หรอกคืนนั้นไม่รู้ผีห่าซาตานตนไหนเข้าสิง ถึงได้กล้าหาญไปขอเขาจูบแบบนั้น คิดแล้วก็อายจนไม่กล้าเผชิญหน้า แต่ด้วยหน้าที่นี้ทำให้เธอต้องเจอเขาทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนมันก็เลี่ยงไม่ได้ยังคงจำคืนนั้นได้ดีไม่ลืม… ‘เราจูบกันได้ไหมคะ…’‘เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่’‘ฉะ…ฉันร้อน ฉันไม่ไหว…’‘ถ้าฉันจูบเธอ ฉันจะได้อะไร?’‘ตะ…ต้องการอะไรฉันยกให้หมด แค่ตอนนี้ช่วยจูบฉันได้ไหม…’‘ถะ…ถ้าฉันต้องการมากกว่านี้ล่ะคะ’‘มากกว่านี้ที่ว่าคืออะไร?’‘เซ็กซ์’พอเหตุการณ์คืนนั้นที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างฉายซ้ำในหัว เธอพลันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าร้อนวูบวาบจนรู้สึกได้ หากจบลงแค่ตอนจูบก็คงดี แต่นี่…จบลงบนเตียง“ทะ…ทำไมจู่ๆ ถึงพูดถึงคืนนั้นขึ้นมาคะ”“จำได้ก็เลยพูด”“แต่มีญ่าจำไม่ได้แล้ว” เธอตอบโดยไม่มองหน้าเขา“จำไม่ได้จริงๆ หรือแกล้งจำไม่ได้?”“คืนนั้นมีญ่าเมามาก จำไม่ได้จริงๆ ค่ะ” เธอพยายามควบคุมโทนเสียงให้ไม่สั่น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำ
หลังจากทนสู้ชีวิตผ่านวันเสาร์และวันอาทิตย์มาอย่างยากลำบาก ก็ถึงวันจันทร์ที่รอคอย ถึงแม้ต้องตื่นไปเรียนแต่ยังดีที่อย่างน้อยก็มีเรียนตอนเก้าโมง ร่างบางในชุดนักศึกษาเดินลงจากรถหรูแล้วเดินขึ้นบันไดไปยังตึกเรียนของตัวเอง“มีญ่า!”เธอหันไปมองเจ้าของเสียงที่เรียกตัวเองเมื่อครู่ พบว่าเป็นเฟย์ที่เดินโบกมือยิ้มให้มาแต่ไกล“ฉันว่าวันนี้ฝนตกแน่ๆ เลย แกมาเรียนเช้า” เฟย์แซวมีญ่า“ว่าแต่ฉัน แกก็ด้วยนั่นแหละ”“ฮ่าๆ ไม่งั้นเราจะเป็นเพื่อนกันได้เหรอ เป็นไง ไปดูงานสองวันที่ผ่านมา” เฟย์หัวเราะร่า ก่อนจะถามถึงการไปดูงานที่โรงพยาบาลของเพื่อนสนิทด้วยความอยากรู้“ก็โอเค”เฟย์หันไปมองมีญ่า เมื่อได้ยินคำตอบที่ดูเหมือนจะดีแต่ก็ไม่เพราะฟังจากน้ำเสียงของเพื่อนสนิท“ไม่โอเคเหรอ?”“บอกไม่ถูก” เธอตอบ ยัยสองคนรู้แค่เธอไปนอนกับผู้ชายแต่ไม่รู้ว่าใครเธอไม่กล้าเล่าเรื่องคืนนั้นกับเพื่อนว่าคนที่ตัวเองไปนอนด้วยคืนวันเกิด คือ หมอไรอัน หากเป็นผู้ชายคนอื่นเธอคงกล้าเล่าให้ฟัง“หมอรวิกรเป็นไง พอได้ทำงานด้วย”“เก่ง ความรู้เยอะ”เฟย์ฟังแล้วถึงกับขมวดคิ้ว เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองอยากได้ยิน เป็นหมอก็ต้องเก่งและมีความรู้เยอะอยู่
เสียงเพลงภายในไนต์คลับยังคงดังก้องไปทั่ว แต่ในหัวของมีญ่ากลับวุ่นวายไม่แพ้กัน หญิงสาวนั่งอยู่กับเพื่อนสนิท แต่ความคิดกลับจดจ่ออยู่ที่ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำ ซึ่งตอนนี้กำลังเดินตามการ์ดของร้านที่มีป้ายคำว่า ‘VVIP’ ติดอยู่ตรงอกเธอละสายตาไปจากเขา หันกลับมายกเครื่องดื่มในมือขึ้นมาดื่มพลางพูดคุยกับเพื่อน พยายามทำตัวให้ปกติ แต่ทว่าสายตาก็อดเหลือบมองคุณหมอไรอันไม่ได้ การมาของเขาและเพื่อนสร้างความตื่นเต้นในแก่สาวๆ ที่นี่ไม่ใช่น้อยสาวๆ โต๊ะยืนข้างหน้าสะกิดกันให้มองไปยังโซนVVIP แล้วกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ คนใส่แว่นที่ดูเรียบร้อยแต่ท่าทางดูขัดกันเหมือนจะสนใจไรอัน เพราะชี้ไปยังคนที่นั่งทางขวาสุดซึ่งก็คือไรอัน ส่วนคนอื่นๆ ก็ชี้นิ้วจับจองกันอย่างสนุกสนาน“คนขวาสุดนั่นหล่อมาก!” เสียงผู้หญิงโต๊ะข้างๆ ดังลอดเข้ามา“โอ๊ย! นั่นสิ หล่อยังกับเทพบุตร!” อีกคนเสริมเสียงตื่นเต้น“ฉันจองคนซ้ายสุด!”“งั้นฉันขอคนตรงกลาง”“คนขวาสุดดูนิ่งๆ แต่โคตรหล่อเลยอะ! ฉันจองนะ!”มีญ่ากำลังจะก้มหน้ามองโทรศัพท์ต่อ แต่สายตากลับเหลือบไปมองไรอัน เขากำลังเอนตัวพิงโซฟาหรูในโซน VVIP มือข้างหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่มแล้วพูดคุยกับเพื่อนป
ภายในห้องรับแขกของคอนโดธารน้ำ มีญ่านั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ สายตาจับจ้องไปที่กองเอกสารสำหรับทำรายงานตรงหน้าอย่างเหม่อลอย ความคิดวนเวียนอยู่กับบทสนทนาของพยาบาลกลุ่มนั้น‘ได้ข่าวว่าหมอไรอันกับหมอมาริสาจะหมั้นกันเหรอ’หัวใจของเธอบีบรัดขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงมัน เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย ทำไมถึงต้องรู้สึกแบบนี้ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างไป ทั้งที่ความจริงแล้วเธอและเขาไม่เคยเป็นอะไรกันด้วยซ้ำ“มีญ่า มีญ่า!”“ฮะๆ” เสียงของธารน้ำทำให้เธอสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เธอขานรับธารน้ำทันที“แกเป็นอะไรรึเปล่า ฉันเห็นแกนั่งเหม่อตั้งแต่มาถึงแล้ว” ธารน้ำขมวดคิ้วถาม“ปะ…เปล่า”“แกมีเรื่องไม่สบายใจอะไรบอกฉันได้นะ อย่าลืมว่าเราเป็นเพื่อนสนิทกัน”คำว่า ‘เพื่อนสนิท’ ทำให้เธอรู้สึกผิดที่ต้องปิดบังเรื่องความรู้สึกที่มีหมอรวิกรจากธารน้ำ ที่ผ่านมาเธอบอกเพื่อนมาโดยตลอดว่าไม่ได้คิดอะไรกับเขา“เรื่องของหมอไรอันใช่ไหม” ธารน้ำพอเดาออกว่าที่เพื่อนสนิทเป็นแบบนี้เพราะเรื่องอะไรราวกับคำพูดนั้นกระแทกเข้าตรงจุดสำคัญ หัวใจดวงน้อยไหววูบ ใบหน้าสวยหวานรีบเบือนสายตาหลบอย่างรู้ตัวว่าคงปิดบังอะไรไม่ได้“มีญ่า…” เพียงแค่เ
Empire Rich รถหรูจอดสนิทที่คอนโด เขาหันไปมองมีญ่ากายที่ตอนนี้หลับสนิท ใบหน้าสวยหวานซบอยู่กับเบาะ แขนทั้งสองกอดอยู่กับอก ท่าทางดูสงบเสงี่ยมต่างจากก่อนหน้านี้ที่ยังโวยวายใส่เขายับเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอื้อมไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้ จากนั้นก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งของมีญ่า แขนแกร่งช้อนร่างบางขึ้นอย่างง่ายดายตอนแรกเขาตั้งใจจะพาเธอไปส่งที่ห้องของตัวเอง แต่สุดท้ายกลับเลือกพาเธอมาที่ห้องของเขาเองแทนเมื่อมาถึงห้องนอนเขาวางร่างของมีญ่าลงบนเตียงอย่างเบามือ เขาถอดรองเท้าส้นสูงออกจากเท้าเล็ก คิ้วเข้มขมวดนิดๆ เมื่อเห็นรอยแดงที่เกิดจากการใส่รองเท้าส้นสูงนานเกินไปมือหนาลูบเบาๆ อย่างเผลอไผล ก่อนจะละสายตาแล้วลุกขึ้นยืน เตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่เสียงพึมพำแผ่วเบากลับทำให้เขาหยุดชะงัก“พี่ชาย…”ไรอันหันกลับมามองคนที่กำลังละเมอ“คิดถึง…”ร่างสูงยืนนิ่ง ดวงตาคมฉายแววซับซ้อนเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอละเมอออกมาจำได้ว่าครั้งหนึ่งมีญ่าเคยตามติดเขาไม่ห่าง เรียกเขาว่าพี่ชายทุกครั้งที่เจอกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเช่นกันริมฝีปากหยักยิ้มมุมปาก ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว
เสียงเพลงในผับยังคงดังกระหึ่มไปทั่ว มีญ่าหัวเราะเสียงใส ขณะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นชนกับหนุ่มหล่อที่เข้ามาทัก“ขอชนแก้วด้วยไหมครับ?” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากแล้วยื่นแก้วเข้ามาใกล้“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ?” ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะยกแก้วขึ้น เคร้ง!เสียงแก้วกระทบกันดังขึ้นก่อนที่เธอจะกระดกเหล้าเข้าปาก กลิ่นแอลกอฮอล์แทรกซึมเข้ามาในลำคอร้อนวูบ แต่เธอกลับรู้สึกดี“ดื่มเก่งเหมือนกันนะครับ” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยชม“ไม่เก่งเท่าไรค่ะ”ในขณะที่มีญ่ากำลังยืนคุยกับหนุ่มหล่อ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีสายตาคมเข้มคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาอย่างไม่พอใจไรอันมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นเยียบ มือข้างที่จับแก้วเหล้าแน่นขึ้นราวกับพยายามระงับอารมณ์“กูว่าอีกไม่นาน” คิรันหันไปกระซิบกับแม็กซ์ควินมีญ่ายังคงยืยหัวเราะคิกคักกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่นาที บรรยากาศพาไปหรือเพราะแอลกอฮอล์ทำให้เธอกล้าขึ้น ด้านเพื่อนสนิทก็ไม่ได้ว่าอะไร ยืนมองมีญ่าคุยกับหนุ่มหล่อพลางหันไปยิ้มกันสองคน“ชื่ออะไรเหรอครับ?” “มีญ่าค่ะ แล้วคุณล่ะ?” เธอพยายามชวนเขาคุยให้มากที่สุด สายตาเหล่มองไปยังโต๊ะข้างๆ ว่าคนที่อยากให้เห็นภาพนี้มองมาห
หลายวันต่อมาช่วงนี้หมอรวิกรเงียบไปเลยจนผิดสังเกต ไม่มีการส่งข้อความมาหา แม้กระทั่งอยู่คอนโดเดียวกันยังไม่มีโอกาสเจอ อย่าว่าอย่างงี้อย่างงั้นเลย แค่รถของเขายังไม่เห็นจอดหลายวันแล้วเขาหายไปไหน…ตั้งแต่วันนั้นที่เธอกลับจากบ้านพักอากาศ เธอก็ไม่เห็นหมอรวิกรอีกเลย เธอนั่งส่องไอจีของเขาระหว่างรอเพื่อนไปสั่งเครื่องดื่ม นิ้วเรียวดึงหน้าจอลงหนึ่งครั้งอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม แต่แล้วก็ต้องชะงักลงไปเมื่อตรงรูปโพรไฟล์ปรากฏสตอรีขึ้นมาวินาทีนั้นหัวใจที่นิ่งสงบพลันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่มีความเคลื่อนไหวมาแล้วหลายวัน หากแต่วันนี้เพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหว เธอกัดกลีบปากล่างเบาๆ ด้วยความลังเลว่าจะกดดูดีไหมเพราะอยากรู้ว่าเขาลงอะไร แน่นอนว่าถ้ากดดูแน่นอนเขารู้อยู่แล้วว่าเธอแอบส่องแต่อีกใจก็อยากรู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ สุดท้ายรวบรวมความกล้าในการกดเข้าไปดูสตอรีเมื่อครู่เขาอยู่สนามแข่งT1บางทีเธอก็แอบหงุดหงิดเขาเหมือนกัน หายไปไม่บอกไม่กล่าวเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด แถมเขายังทำให้เธอสับสนในความสัมพันธ์อีกครั้ง สรุปแล้วต้องการยุติทุกอย่างลงหรือกำลังปั่นหัวเธอเล่นอยู่กันแน่ปากบอกไม่ให้เธอเข้าใกล้
เสียงฟ้าร้องดังสะท้านท้องฟ้า ฝนยังคงตกหนักไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง มีญ่ายืนตัวสั่นอยู่ใต้ชายคาหน้าบ้านพักตากอากาศของไรอัน ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปยังถนนที่เวิ้งว้างและมืดครึ้มทำไมเธอต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้…ลมเย็นพัดผ่านร่างจนเธออดไม่ได้ที่จะกอดตัวเองแน่นขึ้น เปลือกตากะพริบถี่ไล่หยาดน้ำฝนที่ปลิวมากระทบใบหน้าเธอเหลือบมองหน้าจออีกครั้ง พลางคิดถึงคำพูดสุดท้ายของไรอัน‘ตามใจ’คำพูดนั้นเหมือนสะท้อนอยู่ในหัวใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าเธอจะกลับไปยังไง จะเปียกฝนหรือไม่จะปลอดภัยหรือเปล่า เขาแค่…ปล่อยเธอไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?LINEโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในมือทำให้เธอยกขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นพี่นทีที่ส่งข้อความมาหา หลังจากถูกหมอรวิกรตัดสายไปก่อนหน้านี้ เธอแค่ดึงหน้าจอลงมาอ่านโดยยังไม่กดเข้าไปอ่านโดยตรงนที : มีญ่าอยู่ไหนเธอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่ออ่านข้อความจากพี่นที ผ่านไปประมาณสองนาทีเขาส่งกลับมาอีกครั้งว่า นที : ตอบพี่หน่อยได้ไหมพี่เป็นห่วง นิ้วเรียวสวยกำลังพิมพ์บอกพี่นทีแต่กลับต้องชะงักอย่างลังเล หัวใจเต้นแรงเมื่อคิดว่าใครบางคนอาจจะไม่พอใจกับสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ก็เป็นได้ แต่สุด
ความสัมพันธ์ของเธอและหมอรวิกรเริ่มไม่ดีแล้ว ไม่รู้คิดไปเองไหมเพราะตั้งแต่เขาและพี่นทีเจอกัน เขาก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าไม่ใจร้ายแค่มีความรู้สึกว่าตอนนี้หนักกว่าตอนนี้ฝนกำลังตกหนักเพราะพายุเข้า มีญ่ายืนกอดอกมองสายฝนโปรยปรายจนมองไม่เห็นข้างนอก เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างสับสน แม้เสียงฝนจะดังสนั่นหากแต่ก็ไม่อาจดึงเธอออกจากภวังค์ความคิดจนกระทั่ง…LINEเสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้เธอละสายตาจากพายุฝนข้างนอกยกโทรศัพท์ในมือขึ้นดูก่อนจะพบว่าเป็นคุณพ่อที่ส่งข้อความมาหาเซอร์เวย์ : อยู่ไหนลูกเธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรงเมื่ออ่านข้อความของคุณพ่อ สายตาเหลียวข้างหลังมองหาเจ้าของบ้านพักตากอากาศทว่าก็ไม่เจอ เธอดึงสายตากลับมาอ่านข้อความของคุณพ่ออีกครั้งแล้วพิมพ์ตอบกลับมีญ่า : คอนโดเพื่อนค่ะเซอร์เวย์ : เห็นลูกบอกเย็นๆ จะมาบ้าน พ่อไม่เห็นเลยไลน์มาถามว่าอยู่ไหนเซอร์เวย์ : ตอนนี้ฝนกำลังตก ถ้ามาไม่ได้ไม่ต้องมานะมันอันตรายคนเป็นพ่อเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกสาว ใจอยากให้มาทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยกัน มีญ่าบอกว่าจะชดเชยที่วันก่อนไม่ได้กลับบ้านมาทานข้าวเย็น แต่อีกใจก็ไม่อยากให้มาเพ
ตุ้บ!“โอ๊ย!” แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้ร่างของเธอกระแทกลงเตียงอย่างแรง เธอหันไปมองหมอรวิกรด้วยแววตาหวาดกลัวพร้อมกับถอยหนีตามสัญชาตญาณทำไมเขาน่ากลัวจัง…ภาพหมอรวิกรคนเดิมหายไปในชั่วพริบตา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ เท่าที่สังเกตเขาเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอพี่นที อีกอย่างเธอไม่รู้ว่าเขากับพี่นทีมีเรื่องบาดหมางกันเป็นการส่วนตัวไหม เพราะดูเขาโกรธทุกครั้งเวลาเธอพูดชื่อพี่นทีหมับ“อ๊ะ!” เธออุทานเสียงหลง หมอรวิกรจับข้อเท้าแล้วออกแรงกระชากจนเธอไถลกลับมานอนที่เดิม ไม่ทันได้หาทางหนีก็ถูกเขาตามมาคร่อมข้างบนเสียแล้ว“หมอ…ว๊าย!”ไรอันกระชากเสื้อนักศึกษาจนกระดุมเหล็กกระเด็นกันไปคนละทิศคนละทาง มีญ่าส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจกับการกระทำแสนป่าเถื่อน มือเล็กพยายามปัดป่ายอีกฝ่ายออกแต่กลับไม่เป็นผล“เสื้อมีญ่าขาดหมดแล้ว!”“ดี! ฉันชอบ”“ทำไมหมอป่าเถื่อนขนาดนี้!”“ฉันป่่าเถื่อนมากกว่าที่เธอรู้อีกมีญ่า” สิ้นคำพูดเขากดจูบลงริมฝีปากสีระเรื่อของมีญ่าอีกครั้ง รสจูบครั้งนี้ยังป่าเถื่อนเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด เขากัดกลีบปากบางเมื่อเธอไม่ยอมให้ความร่วมมือจนยอมเผยอปากออกเล็กน้อยให้เขาได
ร่างบางค่อยๆ ย่องเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อเตรียมหนี แต่แล้วก็ต้องชะงักลงไปเมื่อเห็นไรอันยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกพอดี หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เริ่มมองหาทางอื่นที่พอหนีได้จนไปเจอประตูบานหนึ่ง เธอไม่รอช้าเดินตรงไปยังประตูบานนั้นทันที“จะไปไหน”เฮือก… เธอสะดุ้งอย่างตกใจและหยุดนิ่งอัตโนมัติ เสียงฝีเท้าของเขาที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา“ฉันถามว่าจะไปไหน” เขาหยุดอยู่ข้างหลังมีญ่าแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบคนตัวเล็กค่อยๆ หมุนตัวกลับมาหาไรอันด้วยท่าทางหวาดระแวง ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองคนตัวโตที่มองมาอย่างคาดเดาไม่ได้ว่าหลังจากนี้จะมีแผนการอะไร“มีญ่าจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ” บางทีการโกหกอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้“ห้องน้ำไปทางนั้น”“อะ…อ๋อ ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มแห้ง ก่อนจะรีบเดินไปอีกทางที่หมอรวิกรชี้นิ้วบอก จะหนีก็ไม่ทันแล้วยัยมีญ่า ทำไมทุกอย่างดูเข้าทางเขาไปหมดเลยนะเธอยืนรอสักพัก จากนั้นหันไปแกล้งกดชักโครกทำเหมือนเข้าห้องน้ำจริงๆ เดินมาล้างมือทำทุกอย่างให้สมจริง เช็ดมือเสร็จสรรพแล้วเดินออกมาก็เจอเขายืนพิงผนังกำแพงรออยู่ข้า
“…ขอโทษ” เธอนิ่งชะงักลงไปเมื่อได้ยินคำขอโทษของหมอรวิกร เธอเบือนใบหน้าไปทางอื่นแทนการมองหน้าเขาเพื่อซ่อนความอ่อนไหว“นะ…นี่ไม่ใช่ทางไปมหาลัยนิคะ” เธอเริ่มสังเกตว่าเส้นทางนี้ไม่ใช่ทางไปมหาลัยจึงรีบหันไปบอกเขา“รู้” เขาตอบสั้นๆ ราวกับมันเป็นเรื่องปกติ“รู้แล้วทำไมยังขับไปทางนี้อีกคะ หมอจะพามีญ่าไปไหนกันแน่” เสียงหวานแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ดวงตากลมโตตวัดมองเขา แต่เขายังคงขับรถด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้”“นี่หมอลักพาตัวมีญ่าเหรอคะ?” “ฉันไม่เสียเวลาลักพาตัวเด็กอย่างเธอหรอก”คำพูดนั้นทำให้เธอหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ทำไม แต่ทุกครั้งที่เขาพูดจากวนประสาทแบบนี้เธออยากจะต่อยหน้าเขาแรงๆ ให้รู้แล้วรู้รอด เธอสูดลมหายใจลึกๆ พยายามสะกดกลั้นความโมโห “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”“เรื่องอะไรคะ คุยบนรถก็ได้”“ฉันไม่อยากคุยบนรถ”“ทำไมไม่ขอคุยตั้งแต่อยู่คอนโดคะ”“ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องที่จะคุย แต่ตอนนี้ฉันมี”“หมอจอดรถเลยนะคะ มีญ่าจะไปเรียน”“อาจารย์ของเธอเพิ่งยกคลาส”“ไม่จริง หมอโกหก…”LINEเสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้เธอชะงัก ก่อนจะหยิบขึ้นมาเสมอใบหน้าให้สแกนปลดล็อก เธออ่านข้อความที่ธ