“ร้องไห้ทำไม” คุณป๋าเอ่ยปากถาม
“คุณป๋าเคยคิดว่าฝุ่นเป็นลูกบ้างมั้ยคะ” ฉันถามเสียงสั่นเครือ “หรือมองว่าฝุ่นเป็นแค่เด็กที่คุณป๋ารับมาเลี้ยง”
“ถามแบบนี้ทำไม ?” คุณป๋าแสดงสีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจกับคำถามของฉันสักเท่าไหร่
“ทำไมไม่รักฝุ่นบ้างละคะ ทำไมถึงรักแต่พี่ฝน ทำไมต้องเป็นฝุ่นด้วยที่ไม่เคยถูกคุณป๋าสนใจเลย ไม่ว่าจะตั้งใจทำอะไร แต่ก็ถูกคุณป๋ามองข้ามตลอด” ฉันรู้ว่าไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาพูด แต่มันน้อยใจจริง ๆ และฉันก็อึดอัดจนแทบไม่อยากเก็บมันไว้ในใจอีกแล้ว ความรู้สึกพวกนี้ที่เก็บมาตั้งแต่เด็ก
“อย่าเอาตัวเธอไปเทียบกับพี่สาวของเธอ” คุณป๋าจ้องหน้าฉันตาเขม่ง
“ทำไมคะ ฝุ่นเทียบพี่ฝนไม่ได้เลยใช่มั้ย” ฉันก้มหน้าร้องไห้สะอื้นออกมาจนสุดเสียง “ความอบอุ่นจากครอบครัวเป็นยังไง ตั้งแต่พ่อกับแม่จากไปฝุ่นก็จำไม่ได้แล้ว....ความรู้สึกพวกนั้น อึก”
“ฉันไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเธอ จะมาหวังอะไรแบบนั้น ฉันคงทำให้ไม่ได้” คุณป๋าพูดอย่างไม่ลังเล แปลว่าที่ผ่านมาคุณป๋าแค่รับฉันมาเลี้ยงเพียงเพราะฉันคือลูกของเพื่อนสนิทคุณป๋าก็แค่นั้นใช่มั้ย“หยุดโหยหาคำว่าครอบครัวจากฉัน ฉันเลี้ยงเธอให้โตมาอย่างสมบูรณ์แบบ ฐานะ การศึกษา หน้าตาทางสังคม....”
“ค่ะ ฝุ่นเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น ฝะ ฝุ่นเข้าใจ...” ฉันพูดขัดคำพูดของคุณป๋าก่อนที่คุณป๋าจะพูดจบ ก่อนจะปาดน้ำตาออกจากแก้มแล้ววิ่งออกไปจากห้อง
พอมาถึงห้องฉันก็นอนฟุบหน้าลงบนหมอนแล้วก็ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วเหมือนกัน
มันจริงอย่างที่คุณป๋าว่า คุณป๋าไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของฉัน จะทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่กับพ่อแม่แท้ ๆ ได้ยังไง แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้ ในเวลาที่นึกย้อนไปเห็นคุณป๋าเอ็นดูพี่ฝน แล้วทำไมกับพี่ฝนคุณป๋าถึงให้ได้ล่ะ
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“คุณฝุ่นคะ ลงไปทานข้าวได้แล้วค่ะ คุณท่านลงไปรอแล้วนะคะ” เสียงป้าชมบอกอยู่หน้าห้อง
ฉันยกหน้าขึ้นจากหมอนแล้วหันไปมองประตู ตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นจมูก
“ฝุ่นไม่หิวค่ะ ให้คุณป๋าทานก่อนได้เลย”
“คุณฝุ่นคะ....”
“ฝะ ฝุ่นไม่หิวจริงๆ ค่ะ ป้าชม อึก...” ฉันรีบฟุบหน้าลงบนหมอนเมื่อเผลอสะอื้นร้องไห้ออกมาเสียงดัง ไม่อยากให้ป้าชมรู้ว่าตอนนี้ฉันร้องไห้อยู่ กลัวว่าป้าชมจะเป็นห่วง
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง
“ฝุ่นบอกว่าไม่หิวไงคะป้าชม” ฉันตะโกนบอกไป ไม่นานก็มีเสียงไขกุญแจห้องเปิดประตูเข้ามา
ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าคนที่เปิดห้องเข้ามาต้องเป็นคุณป๋าแน่ ๆ เพราะคนเดียวที่มีกุญแจห้องคือคุณป๋า
เสียงฝีเท้าเดินมาใกล้เตียงที่ฉันนอนฟุบหน้าร้องไห้อยู่เรื่อย ๆ ก่อนที่จะรู้สึกว่าเตียงมันยุบลงเหมือนมีคนนั่ง
“ลงไปกินข้าวเดี๋ยวนี้” คุณป๋าสั่งฉันเสียงแข็ง
“ไม่ค่ะ ฝุ่นไม่หิว” ฉันยังคงนอนฟุบหน้าอยู่
“ป้าชม ช่วยไปยกอาหารขึ้นมาให้ผมหน่อยครับ” เสียงคุณป๋าสั่งป้าชม
คุณป๋าจะเอาอาหารขึ้นมากินในห้องของฉันงั้นหรอ ทำไมไม่ลงไปกินที่โต๊ะอาหารดี ๆ จะมากินล่อตาให้ฉันหิวใช่มั้ย ยังไงฉันก็กินไม่ลงหรอกเมื่อคิดย้อนกลับไปนึกถึงคำพูดของคุณป๋า
หลังจากที่ป้าชมออกไปจากห้องคุณป๋าก็เงียบ เงียบเหมือนไม่ได้นั่งอยู่แล้ว แต่ความจริงคือคุณป๋ายังนั่งอยู่ แต่ไม่พูดอะไรจนกระทั่งป้าชมกลับขึ้นมา
“อาหารมาแล้วค่ะ”
“ครับ ป้าออกไปก่อน”
เสียงประตูห้องปิดสนิทลง จากนั้นฉันก็ต้องสะดุ้งเพราะจู่ ๆ ก็ถูกคุณป๋าดึงตัวขึ้นให้นั่ง ทั้งที่น้ำตามันยังไหลอาบลงมาบนแก้มทั้งสองข้างของฉันอยู่
“กินข้าว”
“ฝุ่นไม่หิว” ฉันเบือนหน้าหนีคุณป๋าไปทางอื่นแล้วยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้ม
“หยุดร้องได้แล้ว จะร้องให้ตายเลยรึไง”
“ค่ะ” ฉันตอบสั่น ๆ ที่ตอบออกไปแบบนั้นก็เพราะว่าน้อยใจ
คุณป๋าพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ไม่รู้ว่าทำอะไรเสียงกุกกัก ๆ เหมือนตักอาหารอยู่
“หันหน้ามา” คุณป๋าสั่งเสียงแข็ง “ฝุ่น บอกให้หันหน้ามา”
คุณป๋าพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อีกครั้ง แล้วจับปลายคางของฉันให้หันหน้าไป จากนั้นก็ยัดช้อนเข้ามาในปากฉันพรวดเดียวเลย
“อื้อออ ~”
“ห้ามคายออกมา” คุณป๋าทำหน้าดุ
“....” ฉันจำใจต้องเคี้ยวๆ ข้าวแล้วกลืนลงคอ
“เห็นซื่อๆ แบบนี้ แต่จริงๆ แล้วดื้อใช่เล่นเลยนะ”
ฉันทำหน้างอเมื่อได้ยินคุณป๋าบอกว่าฉันดื้อ ดื้อตรงไหนกัน ไม่เคยเลยสักครั้ง ฉันเชื่อฟังคุณป๋าอยู่ตลอด“เถียงในใจ ?”คุณป๋าพูดขึ้น เหมือนรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ อ่านใจออกงั้นหรอ “ฝุ่น ปะ เปล่านะคะ” ฉันรีบส่ายหน้ารัวๆ ปฏิเสธ“หน้าเธอมันฟ้อง” คุณป๋าตักข้าวมาป้อนฉันอีกคำ “ไม่กินแล้วค่ะ” ฉันมองหน้าคุณป๋าด้วยความรู้สึกหลากหลายในใจก่อนจะกลั้นใจถาม “ถะ ถ้าฝุ่นไปเรียนต่อที่กรุงเทพ คุณป๋าคงจะดีใจใช่มั้ยคะที่ฝุ่นไม่อยู่ให้รำคาญ” ที่ถามไปแบบนั้นก็เพราะว่าอีกไม่กี่วันทางมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้ว ฉันจะไม่ได้อยู่ที่บ้านสวนกับคุณป๋าแล้วนะ สำหรับฉันก็ใจหายเหมือนกัน ถึงมันก็แค่ไปเรียนต่อ แต่ฉันก็ไม่เคยออกไปไหนไกล ๆ ตัวคนเดียวแบบนี้“พูดบ้าอะไรออกมา” คุณป๋าถามเสียงดุ“ฝุ่นก็แค่อยากรู้” ฉันก้มหน้าตอบ “ถ้ายอมกินข้าว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปกินพายช็อคโกแล็ต” “พะ พูดจริงๆ ใช่มั้ยคะ” ฉันหันขวับไปมองคุณป๋าอย่างตกใจปนดีใจ จู่ๆ ทำไมถึงคิดจะพาฉันไปกินของโปรดกันล่ะ ทั้งที่ที่ผ่านมาคุณป๋าก็ไม่เคยพาไปเลยสักครั้ง เพียงเพราะอยากให้ฉันกินข้าวงั้นหรอ แบบนี้เขาเรียกว่าเป็นห่วงหรือเปล่านะ... “อื้ม” “งั้นฝุ่นจะกินข้า
“ถ้าคนที่ตายคือฝุ่นคุณป๋า....จะพอใจใช่มั้ยคะ” “คงใช่ ถ้าเป็นเธอแทน....” สองปีแล้ว สองปีที่พี่ฝนจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับคืน สองปีที่ฉันเอาแต่โทษตัวเองว่าฉันคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด สองปีที่คุณป๋าเย็นชากับฉัน ไม่สิ! ฉันไม่เคยอยู่ในสายตาคุณป๋าเลยต่างหาก ในสายตาของคุณป๋าคงมีแค่พี่ฝน ถึงแม้วันนี้พี่ฝนไม่อยู่แล้ว ฉันก็ไม่อาจไปแทนที่ได้ ไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ตาม....———————————แสงแดดยามเช้าสาดส่องมากระทบกับใบหน้าของฉันที่กำลังนอนหลับอยู่ ฉันค่อย ๆ ปรือตาตื่นขึ้นมาพรางมองไปที่บานหน้าต่างเฉกเช่นทุกวันพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของแม่บ้าน “คุณฝุ่นคะ ตื่นหรือยังคะ รีบ ๆ อาบน้ำแต่งตัวนะคะ เดี๋ยวคุณท่านจะพานโมโหใส่อีก” ป้าชมจะคอยเป็นห่วงฉันและปลอบใจฉันตลอดในเวลาที่ถูกคุณป๋าดุ วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีที่พี่ฝนจากไป ฉันกับคุณป๋าต้องไปทำบุญที่วัดเหมือนทุกปีในวันครบรอบ พี่ฝนคือพี่สาวฝาแฝดของฉันเอง เราสองคนเหมือนกันมาก เหมือนกันทุกอย่างแม้กระทั่งนิสัยยังคล้าย ๆ กัน จริง ๆ ฉันไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของคุณป๋าหรอกนะ แต่พ่อกับแม่ที่แท้จริงของฉันปร
ช่วงอาหารค่ำ...บนโต๊ะมีแค่ฉันกับคุณป๋าเพียงสองคนที่กำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ ฉันจะบอกคุณป๋าไปว่ายังไงดี ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจะลงไปในสระน้ำแบบนั้น ตอนนั้นสมองมันคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เมื่อคิดถึงตอนที่คุณป๋าใช้ปากของตัวเองมาประกบลงบนริมฝีปากของฉัน จู่ ๆ หัวใจดวงน้อย ๆ มันก็พรันเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาซะดื้อ ๆ“คุณป๋าคะ....” “มีอะไร” น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยตอบโดยที่ไม่ได้เงยขึ้นมามองหน้าฉันแต่อย่างใด ความเย็นชาของคุณป๋ามันทำให้ฉันกลัว จนลืมว่าตัวเองกำลังจะพูดเรื่องอะไรไปชั่วขณะ “อะ เอ่อ คือ ฝะ ฝุ่น ฝุ่น เอ่อ.....” “เวลากินข้าว ห้ามพูด” คุณป๋าเงยหน้าขึ้นแล้วมองฉันด้วยสายตาตำหนิ “ไม่มีมารยาท” “....” ฉันก้มหน้างุด ทุกครั้งที่เจอดุฉันก็แทบไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นไปมองคุณป๋าอีกเลย หลังจากกินข้าวเสร็จ คุณป๋าเรียกฉันให้ตามขึ้นไปบนห้อง รู้สึกรับรู้ได้ทันทีว่าคุณป๋ามีเรื่องอะไรที่จะพูดกับฉัน คงไม่พ้นเรื่องในวันนี้แน่ ๆ “อยากตายมากใช่มั้ย ถึงได้ทำแบบนั้น !!” เมื่อเข้ามาถึงในห้องคุณป๋าก็ตวาดขึ้นมาเสียงดังทันที ทำเอาฉันสะดุ้งก่อนจะถอยหลังหนีคุณป๋าอัตโนมัติ“ฝะ ฝุ่นไม่เคยคิดแบบนั้นนะคะ” “ไม
วันต่อมา...วันนี้ฉันขอไปบริษัทกับคุณป๋าด้วย ซึ่งคุณป๋าก็ไม่ห้ามอะไร อ้อ ลืมบอกไปว่าตอนนี้ฉันเรียนจบ ม.6 แล้ว กำลังจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ ตอนนี้ก็รอทางมหาวิทยาลัยเปิดเทอมอยู่ ไปกับเพื่อนอีกหนึ่งคน เป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง ชื่อมาย มาถึงบริษัทคุณป๋าก็ให้ฉันไปนั่งรอที่ห้องทำงาน ส่วนตัวคุณป๋าต้องเข้าประชุม จริง ๆ ฉันก็เคยมาที่บริษัทบ้างแล้วเหมือนกัน แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่ นาน ๆ ครั้ง ในระหว่างที่รอคุณป๋าประชุมฉันก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการปัดกวาดห้องทำงานคุณป๋าให้สะอาด เพราะตอนเข้ามาฝุ่นค่อนข้างเยอะ ไม่รู้ว่ามีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดบ้างหรือเปล่า หรืออาจจะไม่มี ก็คงเหมือนกับห้องทำงานและห้องนอนของคุณป๋าที่บ้าน คุณป๋าไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปทำความสะอาดยกเว้นฉันกับพี่ฝน พอพี่ฝนไม่อยู่แล้วก็เป็นฉันที่จะต้องทำความสะอาดห้องทำงานกับห้องนอนคุณป๋าอาทิตย์ละสามครั้ง แกร็ก! ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาในขณะที่ฉันกำลังทำความสะอาดอยู่ “อ่าวฝุ่น มาด้วยหรอวันนี้” “อาเพทาย สวัสดีค่ะ ^_^”ฉันรีบยกมือสวัสดีอาเพทาย ซึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของคุณป๋า“นี่ อาเพทายไม่ต้องเข้าประชุมกับคุณป๋าหรอคะ” ฉันถาม
หลังจากที่มีปากเสียงกับคุณป๋าไปเมื่อช่วงดึกของเมื่อคืน ทำให้ความสัมพันธ์ของฉันกับคุณป๋ายิ่งแย่ขึ้นไปอีก คือคุณป๋ายิ่งเงียบใส่ฉันมากขึ้นกว่าเดิม จนฉันต้องแอบมาร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียว ในความรู้สึกของฉัน ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันอยากให้คุณป๋ารักฉันเหมือนลูกสาวคนหนึ่งบ้าง ไม่ใช่อะไรก็คิดถึงแต่พี่ฝน ที่ผ่านมาฉันน้อยใจนะ ถึงจะไม่ควรคิดอะไรแบบนั้น แต่ฉันห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ให้น้อยใจไม่ได้จริง ๆ ถ้าพ่อกับแม่ของฉันยังอยู่ ฉันคงไม่ต้องมาโหยหาความรักแบบนี้ “คุณฝุ่นคะ คุณท่านให้ลงไปพบค่ะ” เสียงป้าชมเรียกฉันอยู่หน้าห้อง“ค่ะ เดี๋ยวฝุ่นจะรีบลงไป” ถึงจะตอบรับคำไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วฉันไม่ได้อยากลงไปเจอคุณป๋าเลย เพราะยังน้อยใจและตัดพ้อคุณป๋าในหลาย ๆ เรื่องอยู่ เฮ้อ....ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะลงไปพบคุณป๋าที่ห้องรับแขก พอไปถึงก็พบว่าไม่ได้มีแต่คุณป๋าคนเดียวแต่มีคุณอาเกริกพลและพี่กายลูกชายของคุณอาเกริกพลนั่งอยู่ภายในห้องรับแขกด้วย ฉันพอจะรู้จักคุณอาเกริกพลบ้าง เพราะท่านมักจะมาคุยธุรกิจกับคุณป๋าที่บ้านบ่อย ๆ ส่วนลูกชายของท่านฉันก็เคยเจอเคยคุยแต่ไม่ถึงกับสนิท “คุณอา พี่กาย สวัสดีค่ะ ^_^” ฉั
ฉันกลับเข้ามาในบ้านตามที่คุณป๋าสั่ง ส่วนคุณป๋าก็คุยอะไรกับพี่กายไม่รู้ สักพักใหญ่คุณป๋าถึงกลับเข้ามาในบ้าน “พี่กายละคะ” ฉันถามเพราะไม่เห็นพี่กายเดินตามเข้ามาในบ้านด้วยเลย “กลับไปแล้ว” คุณป๋าตอบเสียงเย็นแล้วเดินผ่านหน้าฉันไป “ทำไมคุณป๋าต้องยกฝุ่นให้คนอื่นด้วยคะ...” ฉันเม้มปากแน่น ความรู้สึกในตอนนี้มันน้อยใจคุณป๋าเอามาก ๆ “ฉันยกเธอให้ใคร ?” คุณป๋าหมุนตัวกลับมาถามฉันสีหน้าเรียบขรึม จะบอกว่าก่อนหน้านี้คุณป๋าไม่ได้อนุญาตให้ฉันหมั้นกับพี่กายงั้นหรอ ทั้งที่คุณป๋าไม่ขัดอะไรเลย“ค่ะ ฝุ่นไม่อยากรู้แล้ว” ฉันก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ฉันไม่ควรจะพูดเรื่องนี้อีก “ไปเตรียมน้ำไว้ให้ฉันอาบ อีกสิบนาทีฉันจะขึ้นไป” นี่ก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งที่ฉันทำ ตั้งแต่พี่ฝนจากไป เมื่อก่อนหน้าที่เตรียมน้ำให้คุณป๋าอาบจะเป็นพี่ฝน ที่เป็นคนทำ แต่นาน ๆ ครั้ง คุณป๋าถึงจะใช้ฉัน “ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบแล้วเดินขึ้นชั้นบนเพื่อไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ในอ่างให้คุณป๋ามานั่งแช่ ในขณะที่ฉันกำลังเตรียมน้ำอุ่นให้คุณป๋าอยู่ จู่ ๆ คุณป๋าก็เดินเข้ามาในห้องน้ำ ในมือถือขวดไวน์ราคาแพงติดมาด้วย แถมยังถอดชุดคลุมออกโดยไม่รู้จักอายฉัน
ฉันทำหน้างอเมื่อได้ยินคุณป๋าบอกว่าฉันดื้อ ดื้อตรงไหนกัน ไม่เคยเลยสักครั้ง ฉันเชื่อฟังคุณป๋าอยู่ตลอด“เถียงในใจ ?”คุณป๋าพูดขึ้น เหมือนรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ อ่านใจออกงั้นหรอ “ฝุ่น ปะ เปล่านะคะ” ฉันรีบส่ายหน้ารัวๆ ปฏิเสธ“หน้าเธอมันฟ้อง” คุณป๋าตักข้าวมาป้อนฉันอีกคำ “ไม่กินแล้วค่ะ” ฉันมองหน้าคุณป๋าด้วยความรู้สึกหลากหลายในใจก่อนจะกลั้นใจถาม “ถะ ถ้าฝุ่นไปเรียนต่อที่กรุงเทพ คุณป๋าคงจะดีใจใช่มั้ยคะที่ฝุ่นไม่อยู่ให้รำคาญ” ที่ถามไปแบบนั้นก็เพราะว่าอีกไม่กี่วันทางมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้ว ฉันจะไม่ได้อยู่ที่บ้านสวนกับคุณป๋าแล้วนะ สำหรับฉันก็ใจหายเหมือนกัน ถึงมันก็แค่ไปเรียนต่อ แต่ฉันก็ไม่เคยออกไปไหนไกล ๆ ตัวคนเดียวแบบนี้“พูดบ้าอะไรออกมา” คุณป๋าถามเสียงดุ“ฝุ่นก็แค่อยากรู้” ฉันก้มหน้าตอบ “ถ้ายอมกินข้าว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปกินพายช็อคโกแล็ต” “พะ พูดจริงๆ ใช่มั้ยคะ” ฉันหันขวับไปมองคุณป๋าอย่างตกใจปนดีใจ จู่ๆ ทำไมถึงคิดจะพาฉันไปกินของโปรดกันล่ะ ทั้งที่ที่ผ่านมาคุณป๋าก็ไม่เคยพาไปเลยสักครั้ง เพียงเพราะอยากให้ฉันกินข้าวงั้นหรอ แบบนี้เขาเรียกว่าเป็นห่วงหรือเปล่านะ... “อื้ม” “งั้นฝุ่นจะกินข้า
ฉันสะตั้นไปครู่หนึ่งกับคำพูดของคุณป๋า ไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ มันทำให้ฉันถึงกับน้ำตาคลอ ถึงจะเคยถูกดุอยู่บ่อยครั้ง แต่คุณป๋าก็ไม่ได้ใช้คำพูดแรงขนาดนี้ ‘อยากได้มันจนตัวสั่น’ ฉันไม่ใช่นิสัยแบบนั้นสักหน่อย “ร้องไห้ทำไม” คุณป๋าเอ่ยปากถาม “คุณป๋าเคยคิดว่าฝุ่นเป็นลูกบ้างมั้ยคะ” ฉันถามเสียงสั่นเครือ “หรือมองว่าฝุ่นเป็นแค่เด็กที่คุณป๋ารับมาเลี้ยง” “ถามแบบนี้ทำไม ?” คุณป๋าแสดงสีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจกับคำถามของฉันสักเท่าไหร่ “ทำไมไม่รักฝุ่นบ้างละคะ ทำไมถึงรักแต่พี่ฝน ทำไมต้องเป็นฝุ่นด้วยที่ไม่เคยถูกคุณป๋าสนใจเลย ไม่ว่าจะตั้งใจทำอะไร แต่ก็ถูกคุณป๋ามองข้ามตลอด” ฉันรู้ว่าไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาพูด แต่มันน้อยใจจริง ๆ และฉันก็อึดอัดจนแทบไม่อยากเก็บมันไว้ในใจอีกแล้ว ความรู้สึกพวกนี้ที่เก็บมาตั้งแต่เด็ก “อย่าเอาตัวเธอไปเทียบกับพี่สาวของเธอ” คุณป๋าจ้องหน้าฉันตาเขม่ง “ทำไมคะ ฝุ่นเทียบพี่ฝนไม่ได้เลยใช่มั้ย” ฉันก้มหน้าร้องไห้สะอื้นออกมาจนสุดเสียง “ความอบอุ่นจากครอบครัวเป็นยังไง ตั้งแต่พ่อกับแม่จากไปฝุ่นก็จำไม่ได้แล้ว....ความรู้สึกพวกนั้น อึก” “ฉันไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเธอ จะมาหวังอะไรแบบนั้น ฉันคงท
ฉันกลับเข้ามาในบ้านตามที่คุณป๋าสั่ง ส่วนคุณป๋าก็คุยอะไรกับพี่กายไม่รู้ สักพักใหญ่คุณป๋าถึงกลับเข้ามาในบ้าน “พี่กายละคะ” ฉันถามเพราะไม่เห็นพี่กายเดินตามเข้ามาในบ้านด้วยเลย “กลับไปแล้ว” คุณป๋าตอบเสียงเย็นแล้วเดินผ่านหน้าฉันไป “ทำไมคุณป๋าต้องยกฝุ่นให้คนอื่นด้วยคะ...” ฉันเม้มปากแน่น ความรู้สึกในตอนนี้มันน้อยใจคุณป๋าเอามาก ๆ “ฉันยกเธอให้ใคร ?” คุณป๋าหมุนตัวกลับมาถามฉันสีหน้าเรียบขรึม จะบอกว่าก่อนหน้านี้คุณป๋าไม่ได้อนุญาตให้ฉันหมั้นกับพี่กายงั้นหรอ ทั้งที่คุณป๋าไม่ขัดอะไรเลย“ค่ะ ฝุ่นไม่อยากรู้แล้ว” ฉันก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ฉันไม่ควรจะพูดเรื่องนี้อีก “ไปเตรียมน้ำไว้ให้ฉันอาบ อีกสิบนาทีฉันจะขึ้นไป” นี่ก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งที่ฉันทำ ตั้งแต่พี่ฝนจากไป เมื่อก่อนหน้าที่เตรียมน้ำให้คุณป๋าอาบจะเป็นพี่ฝน ที่เป็นคนทำ แต่นาน ๆ ครั้ง คุณป๋าถึงจะใช้ฉัน “ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบแล้วเดินขึ้นชั้นบนเพื่อไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ในอ่างให้คุณป๋ามานั่งแช่ ในขณะที่ฉันกำลังเตรียมน้ำอุ่นให้คุณป๋าอยู่ จู่ ๆ คุณป๋าก็เดินเข้ามาในห้องน้ำ ในมือถือขวดไวน์ราคาแพงติดมาด้วย แถมยังถอดชุดคลุมออกโดยไม่รู้จักอายฉัน
หลังจากที่มีปากเสียงกับคุณป๋าไปเมื่อช่วงดึกของเมื่อคืน ทำให้ความสัมพันธ์ของฉันกับคุณป๋ายิ่งแย่ขึ้นไปอีก คือคุณป๋ายิ่งเงียบใส่ฉันมากขึ้นกว่าเดิม จนฉันต้องแอบมาร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียว ในความรู้สึกของฉัน ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันอยากให้คุณป๋ารักฉันเหมือนลูกสาวคนหนึ่งบ้าง ไม่ใช่อะไรก็คิดถึงแต่พี่ฝน ที่ผ่านมาฉันน้อยใจนะ ถึงจะไม่ควรคิดอะไรแบบนั้น แต่ฉันห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ให้น้อยใจไม่ได้จริง ๆ ถ้าพ่อกับแม่ของฉันยังอยู่ ฉันคงไม่ต้องมาโหยหาความรักแบบนี้ “คุณฝุ่นคะ คุณท่านให้ลงไปพบค่ะ” เสียงป้าชมเรียกฉันอยู่หน้าห้อง“ค่ะ เดี๋ยวฝุ่นจะรีบลงไป” ถึงจะตอบรับคำไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วฉันไม่ได้อยากลงไปเจอคุณป๋าเลย เพราะยังน้อยใจและตัดพ้อคุณป๋าในหลาย ๆ เรื่องอยู่ เฮ้อ....ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะลงไปพบคุณป๋าที่ห้องรับแขก พอไปถึงก็พบว่าไม่ได้มีแต่คุณป๋าคนเดียวแต่มีคุณอาเกริกพลและพี่กายลูกชายของคุณอาเกริกพลนั่งอยู่ภายในห้องรับแขกด้วย ฉันพอจะรู้จักคุณอาเกริกพลบ้าง เพราะท่านมักจะมาคุยธุรกิจกับคุณป๋าที่บ้านบ่อย ๆ ส่วนลูกชายของท่านฉันก็เคยเจอเคยคุยแต่ไม่ถึงกับสนิท “คุณอา พี่กาย สวัสดีค่ะ ^_^” ฉั
วันต่อมา...วันนี้ฉันขอไปบริษัทกับคุณป๋าด้วย ซึ่งคุณป๋าก็ไม่ห้ามอะไร อ้อ ลืมบอกไปว่าตอนนี้ฉันเรียนจบ ม.6 แล้ว กำลังจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ ตอนนี้ก็รอทางมหาวิทยาลัยเปิดเทอมอยู่ ไปกับเพื่อนอีกหนึ่งคน เป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง ชื่อมาย มาถึงบริษัทคุณป๋าก็ให้ฉันไปนั่งรอที่ห้องทำงาน ส่วนตัวคุณป๋าต้องเข้าประชุม จริง ๆ ฉันก็เคยมาที่บริษัทบ้างแล้วเหมือนกัน แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่ นาน ๆ ครั้ง ในระหว่างที่รอคุณป๋าประชุมฉันก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการปัดกวาดห้องทำงานคุณป๋าให้สะอาด เพราะตอนเข้ามาฝุ่นค่อนข้างเยอะ ไม่รู้ว่ามีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดบ้างหรือเปล่า หรืออาจจะไม่มี ก็คงเหมือนกับห้องทำงานและห้องนอนของคุณป๋าที่บ้าน คุณป๋าไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปทำความสะอาดยกเว้นฉันกับพี่ฝน พอพี่ฝนไม่อยู่แล้วก็เป็นฉันที่จะต้องทำความสะอาดห้องทำงานกับห้องนอนคุณป๋าอาทิตย์ละสามครั้ง แกร็ก! ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาในขณะที่ฉันกำลังทำความสะอาดอยู่ “อ่าวฝุ่น มาด้วยหรอวันนี้” “อาเพทาย สวัสดีค่ะ ^_^”ฉันรีบยกมือสวัสดีอาเพทาย ซึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของคุณป๋า“นี่ อาเพทายไม่ต้องเข้าประชุมกับคุณป๋าหรอคะ” ฉันถาม
ช่วงอาหารค่ำ...บนโต๊ะมีแค่ฉันกับคุณป๋าเพียงสองคนที่กำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ ฉันจะบอกคุณป๋าไปว่ายังไงดี ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจะลงไปในสระน้ำแบบนั้น ตอนนั้นสมองมันคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เมื่อคิดถึงตอนที่คุณป๋าใช้ปากของตัวเองมาประกบลงบนริมฝีปากของฉัน จู่ ๆ หัวใจดวงน้อย ๆ มันก็พรันเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาซะดื้อ ๆ“คุณป๋าคะ....” “มีอะไร” น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยตอบโดยที่ไม่ได้เงยขึ้นมามองหน้าฉันแต่อย่างใด ความเย็นชาของคุณป๋ามันทำให้ฉันกลัว จนลืมว่าตัวเองกำลังจะพูดเรื่องอะไรไปชั่วขณะ “อะ เอ่อ คือ ฝะ ฝุ่น ฝุ่น เอ่อ.....” “เวลากินข้าว ห้ามพูด” คุณป๋าเงยหน้าขึ้นแล้วมองฉันด้วยสายตาตำหนิ “ไม่มีมารยาท” “....” ฉันก้มหน้างุด ทุกครั้งที่เจอดุฉันก็แทบไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นไปมองคุณป๋าอีกเลย หลังจากกินข้าวเสร็จ คุณป๋าเรียกฉันให้ตามขึ้นไปบนห้อง รู้สึกรับรู้ได้ทันทีว่าคุณป๋ามีเรื่องอะไรที่จะพูดกับฉัน คงไม่พ้นเรื่องในวันนี้แน่ ๆ “อยากตายมากใช่มั้ย ถึงได้ทำแบบนั้น !!” เมื่อเข้ามาถึงในห้องคุณป๋าก็ตวาดขึ้นมาเสียงดังทันที ทำเอาฉันสะดุ้งก่อนจะถอยหลังหนีคุณป๋าอัตโนมัติ“ฝะ ฝุ่นไม่เคยคิดแบบนั้นนะคะ” “ไม
“ถ้าคนที่ตายคือฝุ่นคุณป๋า....จะพอใจใช่มั้ยคะ” “คงใช่ ถ้าเป็นเธอแทน....” สองปีแล้ว สองปีที่พี่ฝนจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับคืน สองปีที่ฉันเอาแต่โทษตัวเองว่าฉันคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด สองปีที่คุณป๋าเย็นชากับฉัน ไม่สิ! ฉันไม่เคยอยู่ในสายตาคุณป๋าเลยต่างหาก ในสายตาของคุณป๋าคงมีแค่พี่ฝน ถึงแม้วันนี้พี่ฝนไม่อยู่แล้ว ฉันก็ไม่อาจไปแทนที่ได้ ไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ตาม....———————————แสงแดดยามเช้าสาดส่องมากระทบกับใบหน้าของฉันที่กำลังนอนหลับอยู่ ฉันค่อย ๆ ปรือตาตื่นขึ้นมาพรางมองไปที่บานหน้าต่างเฉกเช่นทุกวันพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของแม่บ้าน “คุณฝุ่นคะ ตื่นหรือยังคะ รีบ ๆ อาบน้ำแต่งตัวนะคะ เดี๋ยวคุณท่านจะพานโมโหใส่อีก” ป้าชมจะคอยเป็นห่วงฉันและปลอบใจฉันตลอดในเวลาที่ถูกคุณป๋าดุ วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีที่พี่ฝนจากไป ฉันกับคุณป๋าต้องไปทำบุญที่วัดเหมือนทุกปีในวันครบรอบ พี่ฝนคือพี่สาวฝาแฝดของฉันเอง เราสองคนเหมือนกันมาก เหมือนกันทุกอย่างแม้กระทั่งนิสัยยังคล้าย ๆ กัน จริง ๆ ฉันไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของคุณป๋าหรอกนะ แต่พ่อกับแม่ที่แท้จริงของฉันปร