เสิ่นหยินอู้อยู่กับเด็กๆที่ในห้องเป็นเวลานาน แต่โม่ไป๋ก็ยังไม่กลับมา ซึ่งมันทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกแปลกๆ เขาพาเธอมาที่นี่แล้วแท้ๆ เขายังมีเรื่องอะไรที่ต้องออกไปจัดการนานขนาดนี้อีก? แล้วก็ เมื่อเธอถามพ่อบ้านเมื่อครู่นี้ สีหน้าของพ่อบ้านก็ดูไม่ปกติอยู่แวบหนึ่ง เกิดอะไรขึ้นกันแน่... เสิ่นหยินอู้ตัดสินใจที่จะออกไปดู เธอไม่สามารถนั่งรอเฉยๆแบบนั้นได้ เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ให้เด็กน้อยทั้งสองรออยู่ด้วยกัน จากนั้นก็ลุกขึ้นและออกไป คาดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่เธอออกไป เธอก็พบกับโม่ไป๋ที่กำลังเดินมาทางเธอ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อตัวอื่นและถอดแว่นตาออก เมื่อเขาเห็นเสิ่นหยินอู้ ใบหน้าของโม่ไป๋ที่เดิมที่ยังเรียบเฉยอยู่ก็ปรากฎรอยยิ้มออกมาทันที "หยินอู้" เสิ่นหยินอู้: "..." เธอมองเครื่องแต่งกายแปลกๆของเขาแล้วถามว่า "นายไปไหนมา?" โม่ไป๋ตอบว่า: "ผมออกไปจัดการธุระมานิดหน่อย" “จัดการธุระต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเหรอ?” เสิ่นหยินอู้สงสัย เมื่อได้ยินเช่นนั้น โม่ไป๋ก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงยกริมฝีปากบางขึ้นและยิ้มอย่างอ่อนโยน “ที่แท้เธอก็สังเกตเห็นว่าผมใส่ชุดอะไร ผมอุส่าคิด
เสิ่นหยินอู้ขมวดคิ้ว “หยินอู้” โม่ไป๋เดินเข้าไปใกล้ๆ ลมหายใจที่แผ่วเบาของเขาปะทะเข้ากับใบหน้าของเธอ “ผมไม่อยากบอกเธอเพราะไม่อยากให้เธอมาสงสารผม แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเธอจะรู้แล้ว ผู้ช่วยเฉินบอกเหรอ?” แม้ว่าระยะห่างระหว่างทั้งคู่จะใกล้กันมาก แต่เสิ่นหยินอู้กลับไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิจากร่างกายของเขา และสายตาของเขาในเวลานี้บอกเสิ่นหยินอู้ว่าเขาอาจทำอะไรบางอย่างกับผู้ช่วยเฉิน เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดว่า "ฉันเป็นคนถามเองแล้ว มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ริมฝีปากบางของโม่ไป๋ก็โค้งขึ้นเล็กน้อย สายตาอันอ่อนโยนของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ "หยินอู้ ไม่ว่าเมื่อไรเธอก็ใจดีแบบนี้เสมอ" เช่นเดียวกับตอนที่เขายังเด็ก ในตอนที่ผู้หญิงพวกนั้นพูดถึงเขาลับหลัง เขา...ไม่ได้สนใจข่าวลือพวกนั้นเลยแท้ๆ เธอก็สามารถหลับหูหลับตา ทำเป็นไม่ได้ยินอะไร แล้วเดินออกไปก็ได้ แต่เธอกลับเข้าไปพูดแก้ต่างให้เขา ผู้หญิงเช่นนี้ เขาจะยอมปล่อยไปได้อย่างไรกัน? เธอเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ ส่วนเขาเป็นปีศาจที่อยู่ในความมืดมิด คนที่อยู่ในความมืดมิดมาเนิ่นนาน จะมีใครบ้างที่ไม่โ
คราวนี้ ในที่สุดโม่ไป๋ก็ยอมตอบกลับเธอไปตรงๆ “หยินอู้ เราอยู่ด้วยกัน ยังไงเราก็ต้องเจอกัน” “นายจะเอาแบบนี้ให้ได้เลยใช่ไหม? ตอนนี้ยังมีทางกลับตัวกลับใจได้อยู่แท้ๆ นายจะรอไปถึงตอนที่ทุกคนมองหน้ากันไม่ติดจนแม้แต่เพื่อนธรรมดาๆก็เป็นไม่ได้ แล้วถึงค่อยยอมแพ้งั้นเหรอ?” "ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอนอยู่แล้ว" โม่ไป๋ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วจับไหล่ของเธอ เสียงของเขาต่ำมาก: "ผมจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด" เสิ่นหยินอู้: "..." วินาทีต่อมา ก่อนที่เธอจะทันได้โต้ตอบ โม่ไป๋ก็อุ้มเธอขึ้นมาและเดินไปที่ห้อง เสิ่นหยินอู้ตกใจ หลังจากตอบสนองได้ เธอก็คิดที่จะดิ้นรนโดยไม่รู้ตัว แต่พละกำลังของเธอกับโม่ไป๋นั้นแตกต่างกันมากเกินไป เธอจึงไม่สามารถดิ้นให้หลุดพ้นจากเขาได้เลย ทำได้เพียงมองเขาอุ้มเธอเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าทางที่เขาเดินไปคือที่เตียงของเธอ สายตาและเสียงของเสิ่นหยินอู้ก็เปลี่ยนไป: "นายจะทำอะไร? โม่ไป๋ ขอบอกนะว่าถ้านายกล้าทำอะไรกับฉัน ต่อให้ตายฉันก็จะไม่ยอมจำนน” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝีเท้าโม่ไป๋ก็ชะงักไปจากนั้นเขาก็หยุดที่ข้างเตียง "ปล่อยฉันนะ!" ความเจ็บปวดแวบขึ้นมาในสายตาของเขา "หยินอู้ ในสาย
ในตอนแรก เธอรู้สึกว่าเขากำลังช่วยคนที่กระทำสิ่งที่ไม่ดี แต่เขายอมบอกเธอเรื่องนี้ เธอคิดว่าเขาคงไม่อยากทำอะไรเช่นนี้กับโม่ไป๋ แต่เขาเป็นผู้ช่วยและทำได้เพียงเลือกที่จะช่วยเขา เมื่อลงไปชั้นล่าง พ่อบ้านชุนหมิงก็ทักทายเธอ “คุณหนูเสิ่น หิวไหมครับ? มีอะไรให้ผมรับใช้ไหมครับ?” เสิ่นหยินอู้ปฏิเสธเขา: "ฉันไม่หิวค่ะ" "ครับ"พ่อบ้านชุนหมิงคงจะสงสัยว่าทเหตุใดเธอถึงลงมาที่ชั้นล่างทั้งๆที่เธอไม่หิว “ฉันนอนไม่หลับ เลยอยากมาเดินเล่นน่ะค่ะ” หลังจากได้ยินดังนั้น แม่บ้านก็พูดทันทีว่า “งั้นให้ผมไปด้วยไหมครับ? ผมจะได้นำทางให้คุณ” เสิ่นหยินอู้: "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองได้" "แต่ว่า……" "ทำไมคะ?" เสียงของเสิ่นหยินอู้จู่ๆก็เย็นชาขึ้นมา: "หรือว่าฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเดินเล่นในคฤหาสน์นี้เหรอคะ?" ขณะที่เธอพูด เธอเอามือทั้งสองข้างของเธอไปไว้ตรงหน้าพ่อบ้าน: "งั้นคุณก็เอาเชือกหรือไม่ก็โซ่เข้ามัดฉันตอนนี้เลย แล้วก็โยนฉันกลับเข้าไปในห้อง หลังจากนี้ถ้าจะกินข้าวก็ไม่ต้องให้ฉันลงมา แค่หาคนขึ้นไปป้อนฉันถึงบนห้อง คุณจะเอาแบบนั้นไหม?” คำพูดนี้ทำให้พ่อบ้านกระอักกระอ่วนมาก “คุณหนูเสิ่น...” “ไปสิ ไปเอามา
เสิ่นหยินอู้ไม่ใช่คนเดียวที่ตกอยู่ในความวิตกกังวล นอกจากเธอแล้วยังมีโจวชวงชวงและเผยจ้าวเหิง ในตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะจองห้องไว้สองห้อง แต่เพราะพวกเขาต้องคุยกันเรื่องเสิ่นหยินอู้ โจวชวงชวงจึงนอนไม่หลับ ดังนั้นหลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็มาหาเผยจ้าวเหิง เมื่อเธอพบเขา เขาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ บนร่างกายมีผ้าเช็ดตัวพันอยู่ผืนหนึ่ง ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า ขณะที่เผยจ้าวเหิงกำลังจะพูด โจวชวงชวงก็แทรกตัวเข้าไปในห้อง ราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นถึงความไม่เหมาะสมใดๆ หลังจากเข้าไปในห้อง เธอก็เริ่มพูดถึงเรื่องของเสิ่นหยินอู้ “คุณว่า เสิ่นหยินอู้ถูกพาตัวไปที่ไหน?” โจวชวงชวงพูดในขณะที่เดินเข้าไปข้างใน "น่าเสียดายที่โม่ไป๋กับฉันไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันมากนักในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ถ้าฉันรู้จักเขาดีพอ ฉันคงจะพอเดาได้จากนิสัยของเขาว่าเขาจะพาหยินอู้ไปที่ไหน” เผยจ้าวเหิงยังคงยืนอยู่ที่ประตู มองดูเธอเดินเข้าไปข้างใน จนถึงตอนนี้ เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าเขาเปลือยร่างกายท่อนบนอยู่ เขาหันกลับมามองเธออย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่คิดอะไรมากเกินไป หรือว่าในสายตาของเธอ เขาไม่ใช่ผู้ชายเลยด้วยซ้ำ? ดังนั้นเ
“หือ? คุณรู้เหรอ?” โจวชวงชวงสงสัยเล็กน้อย เขารู้ได้อย่างไร เธอเพิ่งติดต่อเขาได้ไม่ใช่เหรอ? "อืม" “แล้ว... คุณมาช่วยเธอแล้วเหรอ? รู้ไหมว่าเธออยู่ที่ไหน?” ฉินเย่ถามในวินาทีถัดมา: "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมจะส่งรถไปรับคุณ" โจวชวงชวง: "คุณอยู่ในเมืองหลวงของประเทศ M แล้วงั้นเหรอ?" "อืม" โจวชวงชวงที่ซึ่งดุด่าฉินเย่มาตลอดทางว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้: "..." เสียหน้าหมด เดิมทีเธอคิดว่าชายคนนี้ใช้ไม่ได้ แต่เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะมาถึงเมืองหลวงของประเทศMแล้วโดยที่เธอไม่รู้เลย โจวชวงชวงและเผยจ้าวเหิงสบตากัน แล้วพูดว่า: "เราอยู่ที่โรงแรมก่อนที่เธอจะจากไป" เธอไม่ได้พูดชื่อโรงแรม ในตอนแรกเธอต้องการจะทดสอบว่าฉินเย่รู้หรือไม่ หลังจากที่เธอพูดจบ ปลายสายก็ตอบมาว่า อืม และให้คนลงไปชั้นล่างเพื่อมารับพวกเขา จากนั้นก็ไม่ได้ถามเลยว่าเป็นโรงแรมไหน หลังจากวางสายแล้ว โจวชวงชวงก็กำโทรศัพท์ เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ยินเช่นนั้น เผยจ้าวเหิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆเธอเม้มปากเมื่อได้ "ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ก่อนเราด้วยซ้ำ" “แต่...ทำไมฉันถึงติดต่อเขาไม่ได้ล่ะ?” “บางทีในตอนนั้นเขาอาจจะอยู่บนเครื่อ
เดิมทีเธอคิดว่า ตามนิสัยของเขาแล้ว เขาคงจะพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วว่า "แล้วไงล่ะ?" แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักฉินเย่ดีนัก แต่เขาเมื่อห้าปีที่แล้วก็คงจะมีนิสัยประมาณนี้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่า...เขาจะขอโทษออกมาในตอนนี้ เนื่องจากคำขอโทษของเขา โจวชวงชวงจึงไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับอย่างไรอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็โบกมือ เป็นการบอกว่าช่างมันเถอะ “หลังจากที่เรามาหาเธอที่โรงแรม ห้องนั้นก็ไม่มีใครอยู่แล้ว และฉันก็ได้ยินจากพนักงานโรงแรมบอกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมาหาเธอก่อนที่เราจะมาถึงที่โรงแรม แล้วก็ยังของในห้องแบบแทบจะพลิกแผ่นดินหา ที่แท้ก็คือพวกคุณเองสินะ?” ฉินเย่พยักหน้า “อืม ผมเจอของของเธอ” "ของอะไร?" เนื่องจากปัญหาเรื่องขนาด ดังนั้นฉินเย่จึงไม่ได้นำกระโปรงตัวนั้นที่เสิ่นหยินอู้ทิ้งไว้ติดตัวมา เขานำมาเพียงต่างหูที่เธอทิ้งไว้ในตู้เท่านั้น เธอฉลาดมากที่ทิ้งของของเธอเอาไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดเจน จากนั้นก็วางของชิ้นเล็กๆบางส่วนไว้ในที่ที่มองไม่เห็น แต่โดยทั่วไปแล้ว หากค้นหาไม่ละเอียดก็แทบจะไม่สามารถพบได้โดยง่ายเลย “นี่คือต่างหูของเธอ เป็นอันที่ผมให้เธอ” โจวชวงชวงอุทานออกม
หลังจากนั้นไม่นาน โจวชวงชวงก็อดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายถามฉินเย่ขึ้นมา “คุณใจเย็นขนาดนี้ มีวิธีอะไรแล้วงั้นเหรอ?” "กำลังหาอยู่" ฉินเย่ตอบเธอ โจวชวงชวง: "..." กำลังหาอยู่งั้นเหรอ? เธอก็รู้ว่าต้องหาวิธี แต่จะไปหาเธอได้ที่ไหนล่ะ? “เมืองหลวงใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเราอยากหาเธอที่นี่ มันก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร” ฉินเย่ไม่ตอบ แต่สีหน้าของเขาเย็นชา โจวชวงชวงเห็นท่าทางเช่นนั้นของเขาก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย ในตอนแรก เธอต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เผยจ้าวเหิงกลับหยุดเธอไว้ โจวชวงชวงมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาพิมพ์ต่อหน้าเผยจ้าวเหิง "คุณจะทำอะไร?" เผยจ้าวเหิงรับโทรศัพท์ของเธอมา แล้วเขียนตอบกลับเธอที่บรรทัดด้านล่างที่เธอพิมพ์ “คุณคิดว่าเขาร้อนใจหรือคุณที่ร้อนใจ? อย่างที่คุณบอก เด็กๆเป็นลูกของเขา ถ้าเขาไม่ได้คิดอะไรไว้แล้ว เขาจะนั่งอยู่ที่นี่อย่างสบายใจไหม?” หลังจากฟังการวิเคราะห์ของเผยจ้าวเหิงแล้ว โจวชวงชวงก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมาก ถ้าพูดตามหลักการแล้ว ฉินเย่น่าจะร้อนใจมากกว่าเธอ แม้ว่าเขาจะไม่เป็นห่วงหยินอู้ แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องเป็นห่วงลูกๆของเขา ในเมื่อตอน
โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?" คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?" โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร? แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด "คุณคือใคร?" เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......" เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"
แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้ หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ” เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......" ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา
"พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!" เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ" เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ
หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากัน "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน" แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋? พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ? คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?" โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ" แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที" เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่" พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง
หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?" หรงเค่ออินพยักหน้า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย" พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?" ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว
ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู “คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?” เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้” ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้ เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง – เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได “คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“
ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ” เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?” ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ
เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ? ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ” ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......" ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม? แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด "เราไปกันเถอะครับ" หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ