โม่ไป๋ยืนนิ่งและจ้องเธอเขม็ง “ไม่ต้องขนาดนั้น หยินอู้ กินข้าวด้วยได้นะ” “ไม่ ตอนนี้ฉันไม่อยากกินแล้ว” หลังจากที่เสิ่นหยินอู้พูดจบ เธอก็นอนลงบนโซฟา หลับตา ท่าทางของเธอดูเหมือนว่าเธอไม่คิดที่จะสนทนาต่อ เห็นได้ชัดว่าพนักงานหญิงคนนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าการสนทนาของพวกเขาจะไม่เป็นผล และตอนนี้หญิงสาวก็ไม่สนใจเขาอย่างสิ้นเชิงแล้ว แปลกจริงๆ…… ในระหว่างการสนทนา ผู้ชายคนนี้อ่อนโยนมากเลยแท้ๆ แล้วทำไมเขาถึงยังทำไม่สำเร็จล่ะ? แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่อยากทานต่อ เธอจึงลุกขึ้นยืน “งั้นฉันไม่รบกวนแล้วนะคะ เชิญคุยกันตามสบายค่ะ” หลังจากพูดจบพนักงานสาวก็ทำท่ากำลังเดินออกไป “รอเดี๋ยว” โม่ไป๋หยุดเธอ จากนั้น โม่ไป๋ก็เดินไปตรงหน้าเสิ่นหยินอู้ เขามองดวงตาที่ปิดอยู่ของเธอแล้วพูดเบาๆว่า : "ขอโทษที ผมระแวงมากเกินไป ผมไม่ควรสงสัยเธอ เรื่องเมื่อกี้ผมผิดเอง ลุกขึ้นมากินข้าวได้ไหม? " น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะพูดไปมากเพียงใด และไม่ว่าน้ำเสียงของเขาจะนุ่มนวลเพียงใด เสิ่นหยินอู้ก็ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติงราวกับศพ เธอไม่คิดที่จะสนใจเขาเลย “หยินอู้?” เสิ่นหยินอู้ยังคงนอนนิ่งอยู่ “
เสิ่นหยินอู้พูดแทรกเธอ “สิ่งที่ฉันจะพูดตอนนี้ เธอจำไว้ให้หมดนะ แล้วก็อย่าแทรกฉัน” เธอไม่ค่อยพูดกับชวงชวงด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นนี้ ชวงชวงจึงตระหนักได้ถึงความจริงจังของเรื่องนี้ในทันที จากนั้นก็พยักหน้าด้วยความจริงจัง "โอเค" เมื่อเธอพูดจบ เธอก็เปิดแอปบันทึกเสียงในโทรศัพท์ของเธอเพื่อป้องกันไม่ให้เธอพลาดหรือลืมสิ่งที่เสิ่นหยินอู้พูด "ฟังให้ดีนะ พิกัดของฉันในตอนนี้คือที่ประเทศM เป็นโรงแรมระดับไฮเอนด์ที่ใช้เวลาขับรถจากสนามบินที่อยู่ใกล้ๆประมาณ20นาที มีร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอด24ชั่วโมงอยู่สองร้านที่หน้าประตู ฉันอยู่บนชั้น16 แต่ฉันคงจะไม่ได้อยู่ที่นี่นาน มีคนเฝ้าประตูอยู่สองสามคน อาจจะต้องย้ายที่อยู่ในตอนเย็น แต่ฉันจะพยายามหาทางอยู่ที่นี่ให้ได้นานที่สุด ถ้าฉันยื้อไว้ไม่ได้แล้วถูกพาตัวไป ฉันจะหาทางติดต่อเธอไปอีกครั้ง” เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวชวงชวงก็สับสน เธอถูกลักพาตัวงั้นเหรอ? ในเวลานี้ เจ้านายของเธอมาหาเธอพอดี เมื่อเขาเห็นเธอคุยโทรศัพท์อยู่ เขาก็หันหลังกลับและเดินไป คิดว่าอีกเดี๋ยวค่อยกลับมาหาเธอ "เฮ้ๆๆ" โจวชวงชวงตะโกนเรียกเขาในทันที ให้เขาเดินเข้ามา เผยจ้าวเหิงซึ่งโจวชวงซว
กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปเกือบหกนาที และในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็จัดการบัญชีเรียบร้อย ในเวลานี้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น "หยินอู้" เสียงผู้ชายที่คุ้นเคยคนหนึ่งดังขึ้น หลังจากตระหนักได้ว่าเป็นเสียงของใคร โจวชวงชวงก็แทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่มือใหญ่ของเผยจ้าวเหิงก็พุ่งเข้ามาปิดปากของเธอไว้ ดวงตาของโจวชวงชวงเบิกกว้าง เธอต้องการผลักเขาออกไป แต่เผยจ้าวเหิงจับไหล่ของเธอไว้ จากนั้นก็กระซิบที่ข้างหูของเธอ: "อย่าเพิ่งพูด" โจวชวงชวงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนอีก จากนั้นเสียงของเสิ่นหยินอู้ก็ดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง “ฉันบอกว่าอยากอยู่เงียบๆคนเดียวสักพักไม่ใช่เหรอ? ฉันหาคนมากินข้าวด้วย นายก็มายุ่ง ตอนนี้ฉันจะอาบน้ำ นายก็ยังจะมายุ่งอีกหรอ?” ในขณะที่พูด เสิ่นหยินอู้ก็วางโทรศัพท์ไว้บนชั้นวางข้างๆ พร้อมกับถอดเสื้อผ้าของตัวเองและไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว ข้างนอกเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดว่า: "ไปอาบน้ำโอเค งั้นเธออาบน้ำก่อน ผมจะรอเธอที่ข้างนอก" เสิ่นหยินอู้มองที่ชั้นวางแล้วพูดว่า "ฉันลืมหยิบเสื้อผ้ามา นายช่วยไปหยิบเสื้อผ้าฉันจากกระเป๋าเดินทางมาให้หน่อย" "โอเค เดี๋ยวผมไปเอามาให้"
เผยจ้าวเหิง: "..." เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะกดเข้าไปซื้อตั๋วจริงๆ เผยจ้าวเหิงก็ยกมือขึ้นมาขวางเธอไว้อย่างพูดไม่ออก “ตอนที่คุณวู่วาม คุณจะสงบสติอารมณ์ลงก่อนแล้วใช้สมองสักหน่อยไม่ได้หรอ?” โจวชวงชวงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำพูดของเขา “คุณก็บอกว่าฉันวู่วาม แล้วฉันจะสงบสติอารมณ์ได้ยังไง?” เผยจ้าวเหิงไม่ได้เถียงกับเธอต่อ แต่กลับเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับเรื่องนี้แทน “ไม่ต้องซื้อตั๋ว แจ้งตำรวจแทน” แจ้งตำรวจเหรอ? “ไม่ได้! อย่าแจ้งตำรวจ!” โจวชวงซวงกดมือของเขาที่กำลังจะโทรหาตำรวจเอาไว้ เผยจ้าวเหิงมองดูเธอ “คุณไม่ได้ฟังที่หยินอู้พูดเหรอ? เธอไม่ให้เราแจ้งตำรวจ” “แต่เธอถูกลักพาตัว โจวชวงชวง นี่มันผิดกฎหมายนะ” “ฉันรู้” โจวชวงชวงกัดริมฝีปากล่าง: “ใครจะไม่รู้ว่านี่มันผิดกฎหมาย แต่ห้าปีที่ผ่านมาโม่ไป๋ก็ช่วยเธอแล้วก็ดูแลเธอมาโดยตลอดนะ ตอนนี้ที่โม่ไป๋ทำแบบนี้ มันคงมีความเข้าใจผิดอะไรกันสักอย่างแน่ๆ เธอไม่ให้ฉันโทรแจ้งตำรวจ เธอคงจะมีวิธีของเธออยู่” เผยจ้าวเหิงมองเธอเงียบๆ โจวชวงชวงพูดต่อว่า: "คนเราน่ะต้องมีเมตตากันบ้าง แล้วก็ต้องให้โอกาสคนอื่นในการกลับตัวกลับใจไม่ใช่หรอ?" หลังจากสบต
จนกระทั่งก่อนขึ้นเครื่อง โจวชวงชวงก็ยังโทรหาฉินเย่ไม่ติดเลย “ฉันหมดคำจะพูดจริงๆ หยินอู้ชอบผู้ชายแบบนี้ไปได้ยังไง แล้วยังมาให้ฉันช่วยบอกเขา ฉันว่าถ้าเธอกับโม่ไป๋คบด้วยกัน อย่างน้อยโม่ไป๋คงไม่มีทางที่จะไม่รับโทรศัพท์” เนื่องจากในตอนนี้หยินอู้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย อารมณ์ของโจวชวงชวงจึงซับซ้อนเป็นพิเศษ ในขณะที่โทรหาฉินเย่ เนื่องจากอีกฝ่ายไม่รับสายเลย ในตอนนี้ชวงชวงจึงแทบจะอยากดุด่าฉินเย่แบบสาดเสียเทเสีย ถึงขั้นคิดว่าเขาไม่คู่ควรกับหยินอู้ เผยจ้าวเหิงที่ทำงานด้วยกันกับเธอมาหลายปีไม่เคยเห็นเธอสติแตกขนาดนี้มาก่อน “ใจเย็นๆลงหน่อยได้ไหม อาจจะมีเหตุผลที่เขาไม่รับสาย” “เหตุผลอะไรล่ะ? โทรไปตั้งหลายครั้งแต่ไม่มีใครรับสาย ถึงจะยุ่งแค่ไหนแต่ก็คงไม่ถึงขั้นรับสายไม่ได้เลยสักครั้งเดียวหรอกนะ ผู้ชายแบบนี้เชื่อถือไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม ถ้าฉันเจอหยินอู้ ฉันจะบอกเธอ”ริมฝีปากบางของเผยจ้าวเหิงขยับ เขาคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดนั้น ในขณะนี้ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไร ท้ายที่สุดแล้ว คนที่ตกอยู่ในอันตรายก็เป็นถึงเพื่อนรักของเธอ ไม่ว่าเขาจะสงสารแค่ไหน เขา
หลังจากที่เขาจากไป เสิ่นหยินอู้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้เป็นไปได้สองทาง ทางหนึ่งคือโม่ไป๋ยังไม่รู้เรื่องซิมการ์ด คงจะแค่คิดว่าเธอจงใจก่อปัญหาให้เขา และจะทำจนกว่าเขาจะส่งเธอกลับจีนถึงจะหยุด อีกทางหนึ่งคือโม่ไป๋รู้เรื่องซิมการ์ดแล้ว แต่เพียงว่าเป็นเพราะเธออยู่ในห้องน้ำ เขาจึงเข้ามาไม่ได้ ท้ายที่สุดเขาก็อยู่ด้านนอก แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อว่าที่เธอบอกว่าจะแช่น้ำนั้นจะเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ไม่กล้าเปิดประตูเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า แม้ว่าเขาจะตามจีบเธอมาห้าปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรที่ล้ำเส้นเลย ในด้านนี้ โม่ไป๋ก็ให้เกียรติเธอเป็นอย่างมาก คนสองคนที่เคารพให้เกียรติซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เหตุใดจึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะจุ่มหน้าของเธอลงไปในน้ำเพื่อให้หัวของเธอโล่งขึ้นมาสักนิด เธออยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดมากมาตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเธอติดต่อกับโจวชวงชวงได้ เธอจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อจากนี้ คงจะมีศึกหนักทีที่กำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากเธอต้องยื้อเวลา เสิ่นหยินอู้แช่น้ำไปจนกระทั่งอุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนจากร้อนเป็นเย็น แต่เธอก็ยังไม่ลุกขึ
หลังจากที่เสิ่นหยินอู้เป่าผมเสร็จแล้ว เธอก็นอนพักผ่อน อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาในร่างกายเธอยังไม่หมด เมื่อเธอนอนลงจึงผลอยหลับไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอได้สติ เธอก็ได้ยินบทสนทนาเล็กๆน้อยๆดังมาจากด้านนอก “ประธานโม่ คุณหนูเสิ่นยังไม่ตื่นเหรอครับ?” "อืม" “แต่รถของเราพร้อมแล้ว เราต้องออกเดินทางกันแล้วนะครับ” โม่ไป๋มองไปยังประตูห้องที่ปิดอยู่และเม้มริมฝีปากบาง: "เธอเหนื่อย ให้เธอนอนอีกสักพักเถอะ" “แต่ประธานโม่…” ผู้ช่วยเฉินดูเหมือนลังเลเล็กน้อย แต่จู่ๆเสียงของโม่ไป๋กลับเย็นชาขึ้นมา “ผมบอกว่าให้เธอนอนอีกสักพัก ไม่เข้าใจเหรอ? ต้องให้ผมพูดซ้ำไหม?” จู่ๆเขาก็โมโห ผู้ช่วยเฉินก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก และทำได้เพียงพยักหน้า "เข้าใจแล้วครับ" ผู้ช่วยเฉินเดินออกไป พูดกับคนที่อยู่ข้างนอกไม่กี่ประโยค จากนั้นจึงเฝ้าอยู่ด้านนอก ในความเป็นจริง เขาต้องการจะเตือนโม่ไป๋ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว และคุณหนูเสิ่นก็ได้พบกับคนอื่นในระหว่างนี้ คนเหล่านั้นไม่ใช่คนของพวกเขา ซึ่งมันควบคุมได้ยาก ถ้าเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น มันจะจัดการยาก แม้ว่าเขาจะคิดว่าโม่ไป๋บ้า แต่เรื่องทุกอย่
ขณะเสิ่นหยินอู้เปิดประตูออกไป เสียงประตูก็ดังขึ้น พวกเขาหันกลับมาและสบตาเข้ากับเธอภาพตรงหน้านี้ทำให้หัวใจของเสิ่นหยินอู้แทบจะสลาย เธอรีบพุ่งเข้าไปด้านหน้าแล้วถามว่า "พวกคุณทำอะไรกับลูกๆของฉัน?" ผู้ช่วยเฉินไม่คาดไม่ถึงว่าเสิ่นหยินอู้จะเห็นเขาในขณะที่เขากำลังทำอะไรเช่นนี้ เดิมทีเขารอเธอมาเกือบสองชั่วโมง เธอก็ยังไม่ตื่น ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะพาเด็กๆทั้งสองคนออกจากห้องไปก่อน เมื่อเสิ่นหยินอู้ตื่นขึ้นมา แม้ว่าเธอจะไม่ยินยอมที่จะไป แต่เพื่อเด็กๆแล้ว เธอก็จะทำได้เพียงต้องจำใจออกไปกับพวกเขาอย่างโดยดี คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะตื่นมาในเวลานี้ “คุณหนูเสิ่น คุณกำลังเข้าใจผิด... คุณฟังผมอธิบายก่อน” “เข้าใจผิดเหรอ? เข้าใจผิดแบบไหนกันที่ทำให้คุณต้องแอบเข้ามาพาลูกๆของฉันออกไป?” ขณะที่พูด เสิ่นหยินอู้ก็ก้าวไปข้างหน้าและคว้าลูกหนึ่งคนในนั้นมา จากนั้นจึงเดินไปที่ด้านหน้าอีกคนหนึ่ง: "พาลูกของฉันกลับไปที่เดิม!" ชายคนนั้นมองผู้ช่วยเฉินด้วยความลังเล เมื่อเห็นผู้ช่วยเฉินพยักหน้า เขาก็วางเสิ่นซือเหนียนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขากลับลงไปบนเตียง เสิ่นหยินอู้อุ้มลูกไว้และถอยกลับไป จากนั้นจึงไล่เขาออกไป ผ
โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?" คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?" โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร? แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด "คุณคือใคร?" เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......" เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"
แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้ หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ” เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......" ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา
"พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!" เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ" เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ
หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากัน "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน" แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋? พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ? คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?" โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ" แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที" เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่" พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง
หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?" หรงเค่ออินพยักหน้า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย" พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?" ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว
ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู “คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?” เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้” ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้ เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง – เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได “คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“
ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ” เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?” ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ
เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ? ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ” ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......" ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม? แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด "เราไปกันเถอะครับ" หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ