"หม่ามี๊ กอดๆ"เสิ่นหยินอู้ยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร เสิ่นเหมิงเหมิงก็ถูกมือใหญ่ดึงไป โม่ไป๋อุ้มเธอไปนั่งบนตักเขาแม้ว่าเสิ่นเหมิงเหมิงจะไม่ได้เข้าไปในอ้อมกอดหม่ามี๊แต่ก็คุ้นเคยกับอ้อมกอดของโม่ไป๋มาก เด็กน้อยเองก็ไม่รังเกียจ แถมยังซบลงไปในอ้อมกอดของเขาทันที พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า: "อาโม่ไป๋ หนูขอนอนในอ้อมแขนได้ไหมคะ?"โม่ไป๋เอื้อมมือไปแตะจมูกเล็กๆ ของเธอ"อยากนอนก็นอนสิ อาโม่ไป๋เคยไม่ให้เมื่อไหร่ล่ะ?""ขอบคุณค่ะอาโม่ไป๋"โม่ไป๋นึกบางอย่างได้ หันไปมองเสิ่นซือเหนียนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง"เหนียนเหนียน มานั่งด้วยกันไหม"เสิ่นซือเหนียนน้อยนั่งอยู่ตรงนั่น เพราะเขาไม่ยิ้มและไม่ได้ทำท่าทางน่ารัก เขาจึงดูเก็บตัวเล็กน้อยในเมื่อโม่ไป๋หันมาชวนเขา เสิ่นซือเหนียนก็เอ่ยขอบคุณ ก่อนจะปฏิเสธอย่างสุภาพ"ขอบคุณฮะอาโม่ไป๋แต่ไม่เป็นไรฮะ"โม่ไป๋ถอนหายใจอย่างเสียใจ"หนูมักทำตัวไม่สนิทกับอาโม่ไป๋ทุกทีเลย"ไม่รอให้เสิ่นซือเหนียนคิดคำตอบด้วยตัวเอง เสิ่นหยินอู้ก็พูดแทนเขาว่า:"เขาเป็นคนที่มีนิสัยค่อนข้างเงียบน่ะ คุณก็รู้""อีกอย่างมีเหมิงเหมิงติดคุณยังไม่พออีกเหรอ?"โดนเด็กคนหนึ่งตามติดทั้ง
เสิ่นหยินอู้รู้สึกจนปัญญาเล็กน้อยเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ของที่เขาให้เธอถ้าเธอไม่อยากรับ โม่ไป๋ก็จะถอยก่อนแล้วรุกใหม่ด้วยการเอาของนั้นมาให้ลูกสาวเธอและเสิ่นเหมิงเหมิง......เสิ่นเหมิงเหมิงกระพริบตาดวงตากลมโต รับกุญแจไปโดยไม่คิดอะไรเยอะในใจ ก่อนจะเขย่งปลายเท้าและจุ๊บแก้มของโม่ไป๋เบาๆ"ขอบคุณค่ะอาโม่ไป๋"เสิ่นหยินอู้มองเธอด้วยสีหน้าที่บอกว่าก็ว่าแล้วนิสัยของเสิ่นเหมิงเหมิงพูดได้เลยว่าต่างจากเสิ่นซือเหนียนโดยสิ้นเชิง โดยพื้นฐานแล้วเสิ่นเหมิงเหมิงมักตอบรับน้ำใจผู้อื่นตลอด แถมยังมีความคิดทฤษฎีต่างๆ ของตัวเองก่อนหน้านี้เสิ่นหยินอู้มักสอนเธอว่าอย่ารับของจากโม่ไป๋ทุกครั้งที่เขาให้ แต่เสิ่นเหมิงเหมิงกลับเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "แต่หม่ามี๊ เหมิงเหมิงไม่ได้เอาของอาโม่ไป๋มาฟรีๆ นะคะ""ยังไงล่ะ?""อาโม่ไป๋มักมากอดเหมิงเหมิงทุกครั้ง และลูบหน้าเหมิงเหมิงแถมยังถ่ายรูปเหมิงเหมิงอีกด้วย หนูก็จ่ายเป็นค่าแรงไง"เสิ่นหยินอู้:"……"ช่างเถอะ เด็กน้อย เธอก็คงมีความคิดเห็นของตัวเองแล้วรู้สึกว่าการถูกกอด การถูกลูบแก้ม หรือแม้แต่การถูกถ่ายรูป ล้วนเป็นการใช้แรงงานเสิ่นหยินอู้เลยดีเบตกับเธอสักหน่อย"แ
ดูรอบๆแล้ว เสิ่นหยินอู้ค่อนข้างพอใจกับโรงเรียนนี้พอสมควร บรรยากาศในห้องเรียนเด็กๆก็ดีมาก ครูชัดและละเอียดดี ที่สำคัญคือเด็กๆให้ความร่วมมือ ดูโดยรวมทุกด้านแล้วคือดีหมดเลยดูไประดับหนึ่งแล้ว เสิ่นหยินอู้ไม่ได้เอ่ยปากตกลงทันที พูดแต่ว่าขอกลับไปคิดก่อนผู้รับผิดชอบของโรงเรียนก็ตกลงอย่างรวดเร็วและให้ช่องการติดต่อกับเธอ"โรงเรียนของเราจะมีบริการรับส่ง แต่มีบางเรื่องที่ทางเราต้องแจ้งคุณล่วงหน้า ผู้ปกครองบางท่านไม่ค่อยสบายใจที่จะให้เด็กๆนั่งรถคันเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาเลยมารับส่งเด็กๆด้วยตัวเอง หรือให้คนขับรถที่บ้านมารับส่งครับ""อืม เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ ฉันจะพิจารณาให้ดี""ครับ ครับ ทั้งสองท่านเดินทางปลอดภัยนะคะ หนูน้อยไว้เจอกันนะ"หลังจากขึ้นรถแล้วโม่ไป๋ก็ถามเธอ"เป็นไง?""ดูไม่เลวเลย แต่ฉันอยากดูที่อื่นอีก""ได้ ผมไปเป็นเพื่อน"หลังจากนั้นเสิ่นหยินอู้กับโม่ไป๋ก็ไปดูโรงเรียนสองสามแห่งในบริเวณใกล้เคียง ผลลัพธ์ไม่ค่อยน่าพอใจนัก บางแห่งมีปัญหาเรื่องสุขอนามัย บางแห่งมีปัญหาเรื่องอาหารดูจนเสร็จ เสิ่นเหมิงเหมิงก็เหนื่อยจนหลับในอ้อมแขนของโม่ไป๋เมื่อเห็นเธอหลับไปแล้ว เสิ่นหยินอู้เอ
คำพูดที่ดูต่ำต้อยแบบนี้...ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เสิ่นหยินอู้ได้ยินจากปากของโม่ไป๋แต่ทุกครั้งที่เขาพูด หัวใจของเสิ่นหยินอู้ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดพูดตามตรงโม่ไป๋นั้นดีกับเธอมากจริงๆ เขาทุ่มเทให้ทุกอย่างขั้นสุดแล้ว อาจจะไม่มีใครในโลกนี้ที่ปฏิบัติกับเธอดีขนาดนี้อีกแล้วหัวใจของเธอก็ไม่ได้ทำจากหิน ตลอดหลายปีที่เขาดีกับเธอมา เธอเห็นหมด ถ้าเธอไม่ได้มีลูกแล้วสองคน บางที ... อาจจะเลือกที่จะคบกับเขาก็ได้ แต่เธอเองก็เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอคนเดียวก็ให้ลูกได้น้อยอยู่แล้ว ไม่มีพลังเหลือพอที่จะมีความรักหรือควรพูดว่าแบ่งพลังงานไปให้คนนอกที่ไม่ใช่เด็กสองคนนี้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เสิ่นหยินอู้ก็ทำได้เพียงถอนหายใจในใจในที่สุด เธอก็เลือกที่จะบอกเขาให้ชัดเจน"คุณดีมาก โม่ไป๋ คุณดีมาโดยตลอด แต่……ฉันไม่สามารถรับอะไรดีๆจากคุณไปตลอดแต่กลับไม่เคยตอบกลับอะไรให้คุณเลย"ฟังคำพูดนั้นจบ โม่ไป๋ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า: "งั้นคุณก็ตอบรับผมนิดๆหน่อยๆได้ไหม? หยินอู้ ผมไม่ได้ต้องการอะไรเยอะ"เสิ่นหยินอู้:"……"เห็นเธอไม่พูดอะไร โม่ไป๋ก็พูดอีกว่า: "ถ้าไม่เชื่อคุณลองดูก็ได้ อยู่กับผม ผมจะไม่ทำ
เสิ่นหยินอุ้พาเด็กสองคนเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากที่เธอไป โม่ไป๋ก็กวาดสายตามองไปที่เฉียวลี่ซือ"สถานการณ์วันนี้เป็นไง"โม่ไป๋ชิงถามขึ้นมาแบบนี้ทำเอาเฉียวลี่ซืองงไปเล็กน้อย"อะไร?"ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าเขากำลังถามอะไรอยู่ โม่ไป๋เลยต้องเตือนสติเธอ: "เมื่อคืน"ได้ยินแล้ว สีหน้าของเฉียวลี่ซือก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย"เรื่องเมื่อคืนนี้ คุณรู้ได้อย่างไร? คงไม่ใช่เพราะหยินอู้บอกใช่ไหม? "พอคิดว่าโม่ไป๋รู้ว่าเมื่อคืนเธอไปแอบรอดูห้องผู้ชายคนหนึ่ง สีหน้าของเฉียวลี่ซือก็แย่ลงทันที อารมณ์ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้"นี่เธอเป็นอะไร? ฉันบอกเธอแล้วนะว่าถึงเราจะอยู่ด้วยกัน แต่เราก็ยังมีสถานะอิสระกันเหมือนเดิม ไม่ควรยุ่งเรื่องของอีกฝ่ายไง ทำไมเธอต้องบอกเรื่องฉันให้คุณฟังด้วย?"ความรู้สึกไม่พอใจที่เต็มเปี่ยมทำเอาโม่ไป๋ชะงัก เขาไม่คิดว่าการลองเชิงของเขาจะสร้างปัญหาให้เสิ่นหยินอู้ขนาดนี้แต่……แค่คิดว่าต่อไปถ้าเฉียวลี่ซือยังคงพัวพันผู้ชายแซ่ฉินอยู่ล่ะก็ เขายิ่งไม่สามารถปล่อยให้เสิ่นหยินอู้และเฉียวลี่ซืออยู่ที่นี่ด้วยกันได้ไม่อย่างนั้นมีปัญหาแน่นอนเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดว
เฉียวลี่ซือหน้าซีดเดิมทีเธอคิดจะบอกกับเสิ่นหยินอู้ เกี่ยวกับเรื่องที่คุณชายฉินจะมาขอโทษเธอ แต่หลังจากฟังคำพูดของโม่ไป๋เมื่อครู่แล้ว เฉียวลี่ซือก็รู้สึกว่าตัวเธอนั้นไม่จำเป็นต้องบอกหยินอู้นี่หลังคิดได้แบบนั้น เฉียวลี่ซือก็ยิ้มอย่างอึกอัก:"ไม่มี ไม่มีอะไร "ได้ยินแบบนั้น บนหน้าของเสิ่นหยินอู๋ปรากฏสีหน้าสงสัย"ตอนแกกลับมา แกโทรหาฉันไม่ใช่ว่ามีเรื่องจะคุยกับฉันเหรอ?""ใช่ จริงสิ"เฉียวลี่ซือพยายามอธิบายอย่างลนลานเล็กน้อย:"ตอนนั้นอารมณ์พุ่งพล่านเลยมีเรื่องจะคุยกับแกน่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว"เสิ่นหยินอู้เลิกคิ้ว"งั้นหรอกเหรอ?"เฉียวลี่ซือพยักหน้าซ้ำๆแม้ว่าจะรู้จักเธอมาไม่นานนัก แต่เสิ่นหยินอู้คิดว่าเธอรู้จักเฉียวลี่ซือดีพอสมควร ตอนเธอโกหกจะปกปิดความไม่มั่นใจไม่ได้เลย สายตาล่อกแล่ก และพยักหน้าราวลูกไก่จิกข้าวเพราะงั้นท่าทางเธอในตอนนี้ เสิ่นหยินอู้มองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังโกหกคงไม่อยากบอกแล้วล่ะมั้งเสิ่นหยินอู้ถอนหายใจในใจแล้วไม่ถามอะไรอีก"ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่ถามละ"เฉียวลี่ซือพยักหน้าต่ออีกตอนที่เสิ่นหยินอู้ผูกผ้ากันเปื้อนเตรียมจะหั่นเนื้อ เฉียวลี่ซือท
เฉียวลี่ซือพยายามฝืนยิ้มให้เด็กทั้งสองคนทันทีเสิ่นหยินอู้มองไปที่ทั้งสองคน พอพวกเขาลุกขึ้นก็ยกมือขึ้นลูบหัวพวกเขา: "เหนียนเหนียน เหมิงเหมิง คืนนี้เป็นเด็กดีมาก กลับห้องไปพักสักแป๊บแล้วเก็บข้าวเก็บของนะ โอเคไหม"เฉียวลี่ซือที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแบบนั้นก็ใบหน้าซีดกัดริมฝีปากล่างตัวเองเด็กสองคนได้ยินแบบนั้น ก็หันไปมองเสิ่นหยินอู้ทันที คงไม่คิดว่าสถานการณ์จะรุนแรงขนาดนี้ไม่คิดว่าวินาทีถัดมา เสิ่นหยินอู้จะยิ้มและพูดว่า:"พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนใหม่แล้วนะ "ได้ยินดังนั้น เด็กน้อยทั้งสองเลยวางใจและไปเก็บสัมภาระรอจนกว่าพวกเขาจะไป เสิ่นหยินอู้จึงค่อยๆกินข้าวที่เหลือในชามจนหมดเฉียวลี่ซือที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ตั้งแต่ที่เธอบอกให้เด็กทั้งสองเก็บกระเป๋าเดินทางก็นั่งอยู่ที่เดิมราวกับไร้จิตวิญญาณจนกระทั่งเสิ่นหยินอู้กินเสร็จและลุกขึ้นเก็บจาน เธอถึงได้สติกลับมารีบขอโทษหยินอู้"หยินอู้ ขอโทษนะ"สีหน้าเสิ่นหยินอู้พูดออกมาอย่างยิ้มๆนิ่งๆ: "ไม่เป็นไร แกนึกถึงฉันนี่เนอะ เดี๋ยวๆดึกๆฉันจะไปหาโม่ไป๋" จริงๆแล้วหลังจากที่เฉียวลี่ซือพูดออกไป เธอก็รู้สึกเสียใจทีหลัง แต่ตอนนี้ได้ยินว่าหยินอู้จะไปหาโม่
ตอนที่มาถึงโรงแรมนั้นยังเช้าอยู่ เสิ่นหยินอู้จองห้องสวีทหนึ่งห้อง เช็คอินเป็นเวลาครึ่งเดือน หลังจากทุกๆอย่างเรียบร้อยแล้ว พนักงานของโรงแรมก็พาเธอขึ้นไปชั้นบน “คุณผู้หญิงคะ ห้องสวีทที่จองไว้มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งเป็นของตัวเอง แต่เนื่องจากตอนนี้เป็นฤดูหนาว สระว่ายน้ำจึงไม่เปิดให้ใช้งาน อีกทั้งคุณผู้หญิงพาเด็กมาด้วยสองคนด้วย ดังนั้นการไม่เปิดใช้งานจึงเป็นทางที่ดีที่สุดค่ะ” "ค่ะ" เสิ่นหยินอู้พยักหน้าด้วยความซาบซึ้งที่อีกฝ่ายให้คำเตือนอย่างระมัดระวัง "เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ" สภาพห้องสวีทของโรงแรมดีมาก เมื่อเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปจะมีกลิ่นหอมจางๆ ไม่มีกลิ่นความชื้นในอากาศ พนักงานเดินเข้าไปเช็คสิ่งอำนวยความสะดวกและสระว่ายน้ำที่พูดถึงเมื่อครู่ จากนั้นจึงออกไปหลังจากที่แน่นอนแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรภายในห้อง เสิ่นหยินอู้หยิบสิ่งที่เธอต้องการออกมาและจัดวางให้เรียบร้อย เด็กผู้ชายตัวเล็กทั้งสองคนป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆเธอ เมื่อเธอหยุด พวกเขาก็หยุดตาม จากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบนตักของเธอ จากนั้นก็เงยหน้าเล็กๆนั้นแล้วถามเธอ “แม่ฮะ แม่ทะเลาะกับป้าลี่ซือมาหรอฮะ?” เสิ่นหยินอู้ไม่อยากให้ลูกๆรู้ว่