“ตอนแรกว่าจะบอกเธอตอนที่ทำสำเร็จแล้ว เพราะตอนนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม”“กรี๊ด” โจวชวงชวงกลับกรีดร้องใส่โทรศัพท์เมื่อเสียงกรีดร้องของเธอดังลั่นไปทั่วห้องครัวแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกดีใจที่ตนเปิดลำโพงไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นหูของตนต้องระเบิดแน่“เธอจะเปิดบริษัท ทำไมไม่บอกฉัน ถ้าเธอบอกก่อน ฉันจะให้เธอไปทำงานที่บริษัทฟู่อะไรนั่นไหม? เงินเดือนสูง เก็บไว้ให้เธอโดยเฉพาะอะไรนั่นจะสู้เปิดบริษัทเองได้ยังไง?”“ยังไม่สำเร็จสักหน่อย ถ้าพูดออกไปแล้วไม่สำเร็จ จะทำให้คนผิดหวังนะ”“ผิดหวังอะไร? ฉันไม่ผิดหวังแน่นอน ตั้งแต่เด็กจนโต เธอเคยทำอะไรที่ล้มเหลวบ้าง หยินอู้ เธอทำได้!”โจวชวงชวงให้กำลังใจเธอตลอด ฟังจนเสิ่นหยินอู้แทบจะบินแล้ว“ขอบใจนะ แต่ว่าฉินก็ล้มเหลวมาหลายครั้งเหมือนกันเถอะ แต่ขอแค่พยายามแล้วก็พอ”“ถ้างั้นเธอรีบพยายามเร็ว รอให้บริษัทเธอตั้งขึ้นได้สำเร็จ ถึงตอนนั้นฉันจะไปทำงานตำแหน่งสูง”“โอเค ฉันจะเหลือตำแหน่งไว้ให้นะ”“ดี ห้ามให้คนอื่นล่ะ”หลังจากนั้น ทั้งสองก็พูดคุยกัน รอให้เสิ่นหยินอู้ล้างจานเสร็จ โจวชวงชวงถึงจะวางสายไปหลังจากเก็บกวาดห้องครัวเสร็จแล้ว เสิ่นห
อีกอย่างทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงติดต่อเขาเวลานี้ เขาพอจะรู้สาเหตุคงเป็นเพราะจะคืนเงินที่เขาส่งของขวัญให้เท่านั้นหากเป็นเหตุผลไร้สาระแบบนี้ เขาจะสนใจไปทำไม?เงินที่ให้ไปแล้ว เขาไม่มีทางรับกลับคืนแน่สิ่งเดียวที่รับกลับคืนมา ก็คงจะมีแต่เมื่อห้าปีก่อน…เมื่อนึกถึงเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เขากลับมาถึงห้อง บัตรที่เขาให้เธอและบัตรที่แม่ของเขาเอาไว้ให้เธอล้วนถูกวางไว้ด้วยกันวางอยู่ตรงหน้าเขาไม่ว่าจะเป็นเงินที่เขาให้ หรือว่าเธอเป็นคนขอก็ไม่ถูกใช้เลยแม้แต่นิด เพียงแค่คืนเขาอย่างนั้นเหมือนกำลังประกาศว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก เธอไม่ติดค้างอะไรเขาแล้วด้วยถึงแม้จะผ่านไปห้าปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ ความโมโหในตัวของฉินเย่ก็รุนแรงมากผู้หญิงใจร้ายเพราะอาหารกลางวันถูกวางไว้นาน ทำให้รสชาติไม่อร่อยหลี่มู่ถิงเห็นว่าฉินเย่กินไปได้ไม่กี่คำก็วางตะเกียบลงแล้ว“ประธานฉิน เย็นนี้ยังมีประชุมอีก คุณต้องกินอีกหน่อยนะ”จากนั้นสิ่งที่ตอบเขามีเพียงเสียงปิดประตูจากฉินเย่หลี่มู่ถิงยืนอยู่กับที่ มองไปที่อาหารเหลือบนโต๊ะ เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วโทรเรียกพนักงานมาเก็บไป
แต่พวกเขาไม่รู้ ว่าประธานฉินเจรจาธุรกิจ ก็คือเจรจาธุรกิจ จะทำธุรกิจด้วยกันได้ไหมขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัท ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายมอบอะไรให้ ดังนั้นของที่ส่งมาเหล่านั้นล้วนถูกส่งกลับคืนไปในสภาพเดิมสัญญาครั้งนี้ใกล้จะสำเร็จแล้ว เหลือแค่เซ็นสัญญา อีกฝ่ายทำเซอร์ไพรส์เช่นนี้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่จริงๆระหว่างที่ครุ่นคิด หลี่มู่ถิงก็มาถึงหน้าห้องโรงแรมพร้อมกับฉินเย่หลี่มู่ถิงรีบหยิบบัตรห้องออกมา“ประธานฉิน เชิญครับ”ฉินเย่เม้มปากเดินเข้าไป ทว่าทันทีที่เดินเข้าไป ฝีเท้าของเขาก็หยุดชะงักลงหลี่มู่ถิงเห็นเขายืนนิ่งกับที่ไม่ขยับ จึงถามอย่างสงสัย“ประธานฉิน เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”สิ้นเสียง ร่างสูงบางตรงหน้าก็ถอยหลังไปหลายก้าว จนออกจากประตูห้องไปหลี่มู่ถิง “?”“กลิ่นแปลกๆ” ฉินเย่กล่าวด้วยลมหายใจไม่เป็นจังหวะ“หืม? กลิ่นอะไรครับท” ผู้ช่วยรีบยื่นคอออกมาดม แต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไรหน้าผากของฉินเย่เหงื่อแตก ทำได้เพียงทำหน้าบึ้งกล่าวว่า “เข้าไปอีก”หลี่มู่ถิงไม่รู้ถึงปัญหาจึงสูดดมต่อไปพลางกล่าวว่า “ประธานฉิน เหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ”ฉินเย่มองด้วยสายตาดูหมู “…นายเดินเข้าไปอีกสิ เข้าไป”
อาการของฉินเย่แย่มาก ดูเหมือนว่าเขากำลังจะทรุดลงไปกับพื้นในวินาทีถัดไป สาวผมสีทองที่เดิมทียังคงติดต่อกับหลี่มู่ถิงมองตามสายตาของเขาไป เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับฉินเย่ จากนั้นเธอจึงหยุดการกระทำที่น่าพิศวาสของเธอและตามหลี่มู่ถิงไปข้างหน้า ในตอนนี้ เธอยังคงพยายามสื่อสารกับหลี่มู่ถิงด้วยภาษาจีนที่ไม่ได้เรื่องของเธอ “เขาไม่เป็นไรใช่ไหม? ให้ฉันเรียกรถพยาบาลไหม?” หลังจากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่หุ้นส่วนส่งมา หลี่มู่ถิงก็อยากจะบอกให้เธอออกไป แต่เมื่อเห็นท่าทางของฉินเย่... "อย่ามาแตะต้องผม" อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าไปใกล้ๆ ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นต้องการช่วยหลี่มู่ถิงพยุงฉินเย่ขึ้นมา เธอก็ได้ยินฉินเย่ตวาดเธออย่างเย็นชา เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่มู่ถิงก็รีบตีมือของสาวผมทอง และรีบบอกเธอด้วยภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว “เราไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ คุณรีบออกไปจัดการธุระเถอะ” สาวผมทองมองชายตรงหน้าเธออย่างไม่เต็มใจ แม้ว่าเขาจะดูอ่อนแอ แต่เขาก็ยังมีความหล่อที่ไม่สามารถปกปิดไว้ได้ ผู้ชายแบบนี้ เป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยม แต่…… เมื่อมองดูท่าทางที่เปราะบางของเขา เกรงว่าต่อให้เธอจะยั
“แล้วถ้าเป็นครอบครัวของคุณชายฉินพูดล่ะคะ เขาก็ไม่ฟังหรอ?”เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่มู่ถิงก็มีสีหน้าหม่นหมอง“ไม่มีประโยชน์ ถ้าได้ผล ป่านนี้คงไม่เป็นแบบนี้แล้ว” “ก็จริงค่ะ” ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องนี้ บรรยากาศก็เริ่มจริงจังขึ้น ทันใดนั้น นักศึกษาฝึกงานก็เหมือนจะนึกอะไรออก ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา“แล้วคุณหนูเจียงล่ะคะ? ได้ยินว่าตลอดหลายปีมานี้นอกจากเธอแล้วก็ไม่มีใครอยู่ข้างๆ ประธานฉินเลย หรือว่าคุณหนูเจียงพูดเขาก็ไม่ฟังเหมือนกัน?”“เธอหมายถึงเจียงฉูฉู่เหรอ?”หลี่มู่ถิงถอนหายใจ "อย่าไปพูดถึงเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าจะได้ผล ถึงกับไปขอร้องคุณหนูเจียงให้ช่วย แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร"นักศึกษาฝึกงาน“คุณหนูเจียงยังช่วยไม่ได้...... ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีทางจริงๆแล้วแหละค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ประธานฉินของเราจะไม่เสียชีวิตก่อนเวลาอันควรหรอคะ?”"ถุ้ยๆๆๆ พูดบ้าอะไรของเธอ! เธอเป็นแค่เด็กฝึกงานอย่าไปสาปแช่งคนอื่นนะ!" นักศึกษาฝึกงานทำหน้าบึ้งเพราะถูกเขาบ่น“ผู้ช่วยหลี่ คุยกันแบบมีสติหน่อย นี่ฉันสาปแช่งเขาหรอคะ? ฉันเป็นห่วงประธานฉินต่างหาก คุณว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป แม้แต่คนที่แข็งแรงก็คงทนไม่ไหวใช่ไหม
ผ่านมาแล้วหนึ่งวันที่เขาไม่ได้ตอบข้อความของผู้หญิงคนนั้นตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว แอคเคาท์ของเด็กสองคนนั้นได้รับการดูแลเป็นอย่างดี หน้าโปรไฟล์ไม่มีอะไรเลอะเทอะ คำแนะนำก็เรียบง่าย แม้แต่โพสต์ก็มีน้อยนิด มีแค่บางครั้งที่มีวิดีโอตัดต่อแล้วโพสต์พร้อมกับเพลงและข้อความ ดูออกว่าคนที่ดูแลบัญชีนี้ไม่ได้มีเวลาว่างเท่าไหร่ ฉินเย่คลิกเข้าไปในวิดีโอหนึ่งทันที รอยยิ้มของเด็กสองคนก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ เมื่อเห็นรอยยิ้มของเด็กสองคน ฉินเย่ก็รู้สึกว่าความกังวลและความหงุดหงิดในใจคลายลงทันที เขานั่งพิงขอบเตียง เลื่อนนิ้วไปมาและดูเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง อารมณ์ของเขาค่อยๆ สงบลง ตอนที่หลี่มู่ถิงเปิดประตูเข้ามาหาเขา ความกังวลในใจของฉินเย่ก็หายไปแล้ว และอาการของโรคกระเพาะหลังจากที่กินยาไปก็ดีขึ้นแล้ว"ประธานฉิน ทำไมถึงตื่นมาตอนนี้ครับ?"หลี่มู่ถิงรีบเดินไปหาเขา "นึกว่าคุณกำลังพักผ่อนอยู่ซะอีก" แม้สีหน้าของฉินเย่ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ แต่สายตาของเขาชัดเจนขึ้นมากเขามองดูคนที่มาแล้วเม้มริมฝีปาก "มีเรื่องอะไร?" หลี่มู่ถิงเพิ่งจะนึกถึงจุดประสงค์ของตัวเองขึ้นมาได้ รีบพูดว่า "คืออย่างนี้ครับ
"หม่ามี๊บอกว่า ต้องกินข้าวให้ตรงเวลาถึงจะดูแลสุขภาพให้ดีได้ ดังนั้นทุกคนต้องกินข้าวให้ตรงเวลาน้า~ " นี่คือ......เสียงของเด็กคนนั้นที่ชื่อเหมิงเหมิง ไม่คิดว่าเขาจะนึกถึงเสียงของเด็กคนนี้ในเวลาแบบนี้ มันเป็นการบอกใบ้อะไรเขาหรือเปล่า? แม้จะกินยาโรคกระเพาะไปแล้ว แต่ก็ยังคงปวดอยู่ ฉินเย่เม้มริมฝีปาก เรียกหลี่มู่ถิงก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องนอน "เดี๋ยวก่อน" หลี่มู่ถิงหยุดเดิน หันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าหมดหวัง"ครับ ประธานฉิน?""เมื่อกี้คุณพูดถึงข้าวต้มใช่ไหม?" หลี่มู่ถิงที่เดิมทีตามืดมนไร้ความหวังกลับมีประกายขึ้นมาทันที เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว "ใช่ครับประธานฉิน ร้านอาหารจีนข้างล่างต้มข้าวต้มให้เป็นพิเศษเลยครับ"ฉินเย่คิดอยู่ครู่หนึ่ง "เอาเข้ามา""ได้ครับ ผมจะรีบไปเอา" ตอนที่หลี่มู่ถิงออกจากห้อง จางเถากำลังรออยู่ข้างนอกอย่างกระวนกระวาย"ผู้ช่วยหลี่ เป็นไงบ้างคะ? คุณฉินยอมทานอะไรบ้างรึยัง?""เขายอมแล้ว เอาข้าวต้มมาให้ผมเร็ว""โอเคค่ะ" จางเถายื่นชามข้าวต้มเล็กๆ ให้หลี่มู่ถิงหลังจากได้รับข้าวต้มแล้ว หลี่มู่ถิงก็รีบวิ่งไปที่ห้องนอนทันที กลัวว่าถ้าช้าไปนิดเดียวฉินเย่จะเ
พูดตามตรง คำตอบนี้แบบนี้ไม่ว่ายังไงก็ดูแปลกถ้าไม่ใช่เพราะว่าแอคเคาท์เยี่ยมู่เฉินจี้ให้ของขวัญกับเหมิงเหมิงและเหนียนเหนียนมานาน โดยไม่แสดงความคิดอะไรออกมาเลย เสิ่นหยินอู้ก็คงไม่สนใจเขาเลยแต่ยังไงก็เถอะ เธอเป็นคนติดต่อเขาไปก่อนเองเวลาตอนกลางคืนมีค่ามาก เสิ่นหยินอู้ไม่อยากเสียเวลา จึงถามข้อมูลติดต่อของอีกฝ่ายตรงๆเธอถามอย่างตรงไปตรงมา"ขอเพิ่มช่องทางการติดต่อที่สะดวกในการคุยได้ไหมคะ?"ฉินเย่มองประโยคนี้อยู่นาน แล้วพิมพ์ข้อมูลติดต่อของตัวเองลงไปเสิ่นหยินอู้ดูข้อมูลติดต่อที่อีกฝ่ายส่งมา แล้วเปิด WeChat ของตัวเองและเพิ่มเขาเป็นเพื่อนบัญชีที่ค้นเจอดูเรียบง่าย ชื่อเล่นเป็นตัวอักษร Y ง่ายๆ ส่วนรูปโปรไฟล์เป็นรูปชายหาดตอนกลางคืนมันสอดคล้องกับชื่อใน TikTok ของเขาเธอเพิ่มเขาเป็นเพื่อนอย่างรวดเร็วหลังจากฉินเย่ส่งข้อความไปแล้ว รออยู่ซักพักอีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบกลับมาเขาเม้มริมฝีปากบาง มองดูเวลาแล้วคิดว่า ที่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับเพราะดึกมากแล้วและหลับไปแล้วหรือเปล่า?เขาคิดไปพลางเปิดเข้าไปใน WeChat แต่พบว่ามีข้อความขอเพิ่มเพื่อนเข้ามาเขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วกดตกลงหลังจากเพิ่มแล้ว ระบบ