ซูเชี่ยวยืนขึ้น “ตอนนี้เขายังอยู่ที่ชั้นล่างหรือเปล่า? ฉันจะไปบอกให้เขากลับไป ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักสำเหนียกตัวเองเลยจริงๆ ใฝ่หาในสิ่งที่ไม่มีวันได้ซะได้” เมื่อเธอกำลังจะออกไป เธอก็ถูกเจียงฉูฉู่หยุดไว้ "รอเดี๋ยว" "ฉูฉู่?" ไม่มีใครคาดคิดว่าเจียงฉูฉู่จะยิ้มออกมาในวินาทีถัดไปและพูดเบาๆ "ให้เขาขึ้นมา" หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนในห้องผู้ป่วยก็มองเธอด้วยความตกใจและพูดพร้อมกัน "ฉูฉู่!?" “เธอลืมไปแล้วหรอว่าเขาเคยทำอะไรกับเธอบ้าง? ต้วนจื่อเย่เป็นแค่ไอ้ขยะคนนึงนะ ถ้าคุณปล่อยให้เขาขึ้นมา เธอจะไม่…” “ซูเชี่ยว” เสียงของเจียงฉูฉู่ฟังดูอ่อนโยนมาก “ไม่ว่าเมื่อก่อนเขาจะเคยทำอะไรกับฉันไว้บ้าง แต่ตอนนี้ที่ฉันได้รับบาดเจ็บ เขาสามารถสืบหาและมาเยี่ยมฉันถึงที่โรงพยาบาลได้ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นห่วงฉัน การกระทำแบบนี้ ฉันไม่ควรรู้สึกซาบซึ้งหรอ?จะไล่ให้เขากลับไปได้ยังไง?” คนอื่นๆในห้องผู้ป่วยไม่เห็นด้วย “ฉูฉู่ เขาเป็นห่วงเธอตรงไหน เขาก็แค่คิดอะไรแบบนั้นกับเธอ ถ้าเธอสนใจเขา เขาอาจจะเป็นบ้าขึ้นมาก็ได้ เราอย่าไปสนใจเขาเลยดีกว่านะ?” “ใช่ๆ ฉูฉู่ ฉันรู้ว่าเธอมีจิตใจดี แต่ฉันคิดว่ามีเขามาเยี
“ฉูฉู่ แผลของเธอเป็นยังไงบ้าง? เป็นอะไรมากไหม? ฉัน...ฉันซื้อช่อดอกไม้มาเยี่ยมเธอ ไม่รู้ว่าเธอชอบหรือเปล่า? ตอนแรกฉันจะซื้อผลไม้มาด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเธอชอบกินผลไม้ไหม” ต้วนจื่อเย่พูดกับเจียงฉูฉู่อย่างระมัดระวัง เมื่อเจียงฉูฉู่ได้ยิน เสียงของเขาหยาบและแหบแห้ง น้ำเสียงของเขาไม่มั่นใจเป็นอย่างมาก มันไม่น่าฟังเป็นอย่างยิ่ง แต่เธอก็ยังคงระงับความเศร้าใจไว้และยิ้มออกมา “แผลของฉันไม่เป็นไรมาก ที่จริงนายมาตัวเปล่าก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อของมาฝากฉันเยอะแยะหรอก” “จะให้มามือเปล่าหรอ? ไม่ได้หรอก ฉันรู้สึกแย่” คนอื่นๆให้ห้องทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ไม่ได้ให้นายมามือเปล่า แต่ถ้ามาทั้งทีก็ควรซื้ออะไรที่มันดีกว่านี้หน่อยไหม? ดูสิว่านายซื้อดอกไม้อะไรมา สีน่าเกลียดและฉูดฉาดมากขนาดนี้ ไม่ได้เก็บมาจากริมถนนใช่ไหม?” “ใช่สิ แบบนี้นายยังมีหน้ามาเยี่ยมฉูฉู่อีก” หลังจากได้ยินคำดูหมิ่นเหล่านั้น ดวงตาของต้วนจื่อเย่ก็หม่นลง มือที่ถือดอกไม้อยู่ก็กำแน่นขึ้นเล็กน้อย การกระทำเหล่านี้ล้วนอยู่ในสายตาของเจียงฉูฉู่ เธอเม้มริมฝีปากแล้วลองพูดดูว่า "พวกเธอหยุดพูดได้แล้ว เขาเต็มใจมาเยี่ยมฉัน มันก็เป็นควา
ทันทีที่พูดจบ ภายในห้องผู้ป่วยก็เงียบลงทันที อาจเพราะคิดไม่ถึงว่าซูเชี่ยวจะพูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหตุผลที่ทุกคนเงียบไปพร้อมๆกันก็เพราะคำพูดของซูเชี่ยว จู่ๆพวกเธอก็ตระหนักได้ว่าต้วนจื่อเย่ก็ไม่ได้จะไร้ประโยชน์ซะทีเดียว เขาเป็นนักเลงที่ต้องหนีไปทั่ว เรื่องจัดการใครสักคน ดูเหมือนการปล่อยให้เขาทำจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ทุกคนคาดไม่ถึงว่าซูเชี่ยวจะเปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้ ดูเหมือนว่าการทะเลาะกับเสิ่นหยินอู้ในงานเลี้ยงต้อนรับจะทำให้เธอเกลียดเสิ่นหยินอู้จนเข้าไส้จริงๆ หลังจากเงียบไปนาน เจียงฉูฉู่ก็พูดด้วยความตกใจ "ซูเชี่ยว เธอหมายความอะไรน่ะ? จะให้คุณต้วนทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน? คุณต้วน ซูเชี่ยวก็แค่พูดไร้สาระ คุณอย่าไปสนใจเลย" ต้วนจื่นเย่เปิดริมฝีปากของเขา "แล้วถ้าผมบอกว่าผมสนใจล่ะ? ฉูฉู่ ผมไม่เคยทำอะไรให้คุณมาก่อน แต่ผมเคยสาบานว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายคุณได้เด็ดขาด ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายคุณ มันจะอยู่ร่วมโลกกับผมต้วนจื่อเย่ไม่ได้ และผมจะไม่มีวันปล่อยคนๆนั้นไปอย่างเด็ดขาด” “คุณต้วน สถานการณ์ตอนนั้นวุ่นวายมาก มันไม่แน่หรอกว่าเสิ่นหยินอู้จะเป็นคนทำ” “ฉูฉู่” ซูเชี่ยวข
"โอเค งั้นฉันจะไปซื้อตั๋วเครื่องบินให้นะคะ คุณสามี" "ขอบคุณครับคุณภรรยา"ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างหวานชื่นพร้อมกับเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เหลือไว้ก็แต่คู่ที่แสนเย็นชาด้านหลัง เสิ่นหยินอู้และฉินเย่ต่างคนต่างเดิน เสิ่นหยินอู้มองดูพ่อแม่ของฉินเย่ที่เดินด้วยกันอย่างหวานชื่น ขณะที่เธอและฉินเย่กลับไม่มีความใกล้ชิดกันเลย ถ้าไปหาคุณย่าแบบนี้อาจไม่ดีเท่าไร เธอจึงหยุดเดินและพูดกับฉินเย่ว่า "ฉันจะไปรอคุณที่รถนะ" ได้ยินแบบนั้นนั้น ฉินเย่ก็หยุดเดินไปสักพัก เขามองเธอครู่หนึ่งและนึกถึงคำพูดที่ตัวเองยังไม่ได้พูดออกมา แต่ก่อนที่จะได้เปิดปากพูดออกมา เสิ่นหยินอู้ก็หันหลังเดินไปแล้ว สีหน้าของฉินเย่เปลี่ยนไป เขาตามเธอไปด้วยสีหน้าโกรธ ทางฝั่งคุณแม่ของฉินเย่เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินเสร็จแล้ว และกำลังหันกลับมาจะพูดกับทั้งสองคน แต่เห็นเพียงแค่แผ่นหลังฉินเย่ที่วิ่งตามเสิ่นหยินอู้ไป "เด็กสองคนนี้......" คุณแม่ฉินเย่ส่ายหน้าอย่างจนใจ แล้วโบกมือ "งั้นปล่อยพวกเขาไปก่อน เราไปหาคุณแม่กันเถอะ" "อืม เอาตามที่คุณว่าเลย"สำหรับลูกชายของเขา คุณพ่อฉินเย่ไม่ได้กังวลอะไรเลย เพราะลูกชายเขาโตแล้ว ไม่น่าจะจ
จริงๆแล้วฉินเย่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยากพูดอะไร เขาแค่มีอารมณ์บางอย่างอยู่ในอก จนเหมือนว่าจะระเบิดออกมาให้ได้ แต่ก็ยังไม่เจอทางที่จะระบายออกมา แต่เขารู้อย่างแจ่มแจ้งว่าคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้คือเสิ่นหยินอู้ ความกังวลนี้ทำให้ฉินเย่รู้สึกไม่สบายใจ เสิ่นหยินอู้เห็นฉินเย่ยังจับข้อมือตัวเองอยู่ เขาคิ้วขมวด ทำเหมือนไม่อยากปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป เธอจึงพูดอีกครั้งว่า "ไม่ว่าคุณจะอยากพูดอะไรตอนนี้ ช่วยบอกหลังจากคุณย่าผาตัดเสร็จแล้วก็คงไม่ต่างกันใช่ไหม?" ถ้าฉินเย่มีเรื่องอะไรที่อยากจะพูดกับเธอ ก็คงไม่พ้นเรื่องเขากับฉูฉู่ เหตุการณ์ที่ฉูฉู่ล้มครั้งก่อน ดูเหมือนไม่มีผลอะไรตามมา เขาไม่ได้มาพูดอะไรกับเธออีก อาจเป็นเพราะตอนอยู่บ้านต้องรักษาหน้าคุณย่าเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะลืมเรื่องนี้ไป แม้ฉินเย่จะบอกวันนั้นว่าเขารู้ว่าเจียงฉูฉู่ล้มลงไปเอง แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายหรือแก้ตัวให้เธอเหมือนกัน? ดังนั้นถ้าเจียงฉูฉู่คิดจะทำอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็คงเป็นหลังจากที่คุณย่าผ่าตัดเสร็จแต่ถึงตอนนั้นเสิ่นหยินอู้ก็คงหย่ากับฉินเย่แล้ว แล้วเธอจะต้องกังวลอะไรอีก? แต่ตอนนี้เธอไม่อยากจะพูดเรื่องฉู
หลังจากที่ฉินเย่จัดการเรื่องของคุณย่าเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถึงส่งข้อความไปหาเจียงฉูฉู่ บอกเธอเกี่ยวกับการเตรียมทำการผ่าตัดของคุณย่า เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่ได้รับสายเธอเดิมทีเจียงฉูฉู่คิดว่าฉินเย่กำลังหลบหน้าเธอ ดังนั้นถึงแม้ว่าต้วนจื่อเย่จะไปแก้แค้นให้เธอแล้ว แต่ถ้าฉินเย่ไม่อยู่เคียงข้างเธอ เธอก็ยังรู้สึกไม่มีความสุขอยู่ดี ดังนั้นเมื่อเจียงฉูฉู่ได้รับข้อความจากฉินเย่ อารมณ์ของเธอก็เริ่มดีขึ้นทันทีถ้าเป็นเพราะเรื่องของคุณนายฉินเขาเลยไม่ได้รับสายเธอ งั้นเจียงฉูฉู่ก็ไม่รู้สึกกังวลอีกต่อไป เธอโทรหาฉินเย่อีกครั้งด้วยความระมัดระวัง ครั้งนี้ฉินเย่รับสายอย่างรวดเร็ว "เย่" เสียงของฉินเย่ฟังดูเหนื่อยนิดหน่อย "อืม ช่วงนี้เธออยู่โรงพยาบาลพักผ่อนดีๆนะ เดี๋ยวฉันจะหาเวลาไปหาเธอ" "ฉันรู้ว่านายยุ่ง ไม่มีเวลาเข้ามาก็ไม่เป็นไร" น้ำเสียงของเจียงฉูฉู่อ่อนโยนเหมือนกับน้ำ "เมื่อเทียบกับเรื่องของย่าของคุณ แผลที่หน้าผากของฉันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย นายไปจัดการเรื่องของคุณย่าก่อนเถอะ" เดิมทีฉินเย่กังวลว่าเธออาจมีความรู้สึกที่ไม่ดีเพราะเขาไม่ได้เข้าไปหา แต่เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกสบ
"ครั้งที่แล้วก็เพราะการผ่าตัดถูกเลื่อนออกไป ฉันต้องรออีกนานแค่ไหนเนี่ย? ถ้าไม่ใช่เพราะการผ่าตัดถูกเลื่อน เย่กับเสิ่นหยินอู้ก็คงจะหย่ากันแล้ว และคงจะไม่มีเรื่องเกิดขึ้นตามมามากมายขนาดนี้" พูดมาถึงตรงนี้ เจียงฉูฉู่ก็จับข้อมือซูเชี่ยว "ซูเชี่ยว ฉันรู้ว่าเธอหวังดีกับฉันเสมอ แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้คุณนายฉินผ่าตัดให้เสร็จ ฉันกับเย่ถึงจะมีโอกาส ไม่อย่างนั้น......การที่ยืดเยื้อออกไปแล้วไม่หย่าสักทีนั่นคือสิ่งที่อันตรายที่สุด ฉันไม่รู้ว่าฉันจะเกลี้ยกล่อมต้วนจื่อเย่ได้ไหม เธอเก่งเรื่องการเจรจา เธอช่วยเกลี้ยกล่อมเขาให้ฉันหน่อยได้ไหม? บอกเขาว่าอย่าวู่วาม อย่าทำอะไรโง่ๆ รอให้ฉันเป็นภรรยาของฉินเย่ก่อน ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของเธอ" เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ซูเชี่ยวก็เหมือนได้รับคำสัญญา "ฉูฉู่ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะช่วยเธอแน่นอน" เจียงฉูฉู่มองเธอด้วยความซาบซึ้งทันที "ซูเชี่ยว ขอบคุณนะ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย" หลังจากออกจากโรงพยาบาล ซูเชี่ยวโทรหาต้วนจื่อเย่ให้ออกมาหาเพราะปกติพวกเธอมักจะดูถูกเขาเสมอ ดังนั้นนอกจากเจียงฉูฉู่แล้ว ต้วนจื่อเย่จึงไม่มีความรู้สึกดีต่อผู้หญิงคน
เขามีความทรงจำกับผู้หญิงคนนี้ แต่ก่อนเราเคยเรียนที่เดียวกัน เขาจำได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวย แต่ไม่คิดว่าเธอจะร้ายขนาดนี้ แน่นอนว่ามีแค่เจียงฉูฉู่ที่เขาชอบเท่านั้นที่จิตใจดี ผู้หญิงคนอื่นล้วนแต่เป็นแกะในคราบหมาป่า "โอเค งั้นก็แค่นี้ ถึงวันนั้นฉันจะติดต่อนายไป นายจะทำก็ทำ ไม่ทำก็ช่าง"ซูเชี่ยวพูดจบก็เดินจากไป เมื่อเธอเดินไปแล้ว ต้วนจื่อเย่ก็ถ่มน้ำลายลงพื้น ดวงตาฉายแววร้ายกาจ "ยัยผู้หญิงน่ารังเกียจ รอให้ฉันได้ตัวเจียงฉูฉู่มาอยู่ในมือก่อน พวกเธอไม่มีใครรอดแน่" -อาจเป็นเพราะการพูดคุยที่โรงพยาบาลกับฉินเย่ พอกลับบ้านแล้ว เสิ่นหยินอู้กับฉินเย่ก็มีช่วงเวลาที่สงบสุขแบบที่หาได้ยาก นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจียงฉูฉู่กลับมาเพราะคุณย่าต้องผ่าตัด ฉินเย่จึงไม่ออกไปไหน ยกเว้นบริษัทกับบ้าน เขาแทบจะใช้ชีวิตอยู่แค่สองที่นี้ เราทั้งคู่ต่างก็เหมือนกัน หลังจากการตรวจในวันนั้น หมอเฉินบอกว่าให้รอแจ้งผลตรวจให้ทราบอีกที พ่อของฉินเย่ไปต่างประเทศเพื่อจัดการเรื่องต่างๆ ส่วนคุณแม่ของฉินเย่ก็อยู่กับคุณย่า พาคุณนายฉินไปถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ ทุกวันเธอเป็นคนที่กระตือรือร้นมาก การอยู่กับเธอทำให้ค