“พี่เปา! คนบ้า หื่นที่สุด... ปล่อยพุดลงนะ!”“พี่รักพุดมาก... พี่ก็ต้องหื่นกับพุดสิ หืม... ไม่หื่นกับพุดจะให้พี่ไปหื่นกับใคร?”หัวใจดวงน้อยปั่นป่วนรุนแรงกับคำบอกรักแสนหวาน ร่างบางจึงค่อยสงบลงซึ่งเขาก็ปล่อยให้ขาของเธอลงสัมผัสพื้นหินเย็นเฉียบ ดวงตาคู่สวยกลอกไปมาอย่างหวาดหวั่น“ไม่เอาเชือกแดง ๆ นั่นนะ พุดยังไม่พร้อมจะโดนมัด ขอเวลาทำใจก่อนสักวันสองวัน”ชายหนุ่มแค่นหัวเราะเบา ๆ “พุดหมายถึงเชือกชิบาริ [1] ในห้องพี่? อืม... เป็นเด็กตาดีจริง ๆ”ว่าแล้วก็หยิบของแดงที่ว่าออกจากกระเป๋ากางเกงขาสั้น ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างทันทีที่เห็นของซึ่งเธอน่าจะเข้าใจผิดไปมันเป็นกล่องกำมะหยี่สีแดงที่มีเพชรเม็ดงามจรัสตาอยู่ข้างใน เขาเปิดมันออกแล้วพันธนาการเธอไว้บนนิ้วเรียวเล็ก สวมมันแล้วก็ยังกอบกุมมือของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม“พุดเรียนจบเมื่อไร... แต่งงานกับพี่นะ พี่ไม่ขอ... พี่บังคับว่าพุดต้องแต่ง มีลูกให้พี่ด้วยสักคน”ดวงตาคู่หวานสั่นระริกพรั่งพรูน้ำตาแห่งความตื้นตันออกมาไม่ขาดสาย ก่อนที่เธอจะเอี้ยวตัวไปสบตาคม เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“พี่เปาอายุเยอะแล้วนะ... จะมีลูกจริงเหรอ?”“อืม... พี่อยากมีลูกพุทร
หลังเสร็จสิ้นการออกบูธในช่วงบ่ายของเหล่านักศึกษาสาขาวิชาการจัดการการตลาด ซึ่งต่างคนได้ช่วยกันระดมความคิดการจัดแสดงงานสินค้าของไทย หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ได้รับการตอบรับที่ดีจากอาจารย์และผู้บริหาร ผู้ชมทั่วไปที่เดินทางผ่านบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยปรายลดายังคงวุ่นวายอยู่กับการเก็บของจุกจิกใส่ลังกระดาษ ทำความสะอาดโต๊ะสีขาวที่วางรายเรียงกันไปเป็นแถวยาว กับเพื่อนนักศึกษาทั้งสามคนรวมไปถึงนัชชา เนื่องจากว่าจะมีนิทรรศการแสงสีเสียงต่อในโซนพื้นที่ของกลุ่มเธอ ขณะที่บางบูธนั้นสามารถที่จะขายของต่อ พวกเขาก็นำเสนอผลงานกันเต็มที่‘ทางนี้ครับ ๆ พี่ป้าน้าอา แวะเข้ามาชม... งานแฮนเมดของเราชาวคณะนิเทศฯ’เสียงโทรโข่งดังจากนักศึกษารุ่นพี่คณะอื่น ๆ เป็นความใจดีของอาจารย์ที่อนุญาตให้เรียกลูกค้าได้แต่ไม่ให้ดังจนมากเกินไป บางบูธมีเพลงสนุก ๆ เปิดอย่างพอเหมาะสมให้นักศึกษาและผู้คนทั่วไปสนุกสนานไปกับบรรยากาศของนิทรรศการ“ดีจัง น้ำผลไม้เราหมดไว้ไว! ไม่ต้องยืนนาน ๆ ให้เมื่อยขา เครื่องประดับทำมือนี่ก็ขายหมดแว้บเดียว เพราะมีคนมาเหมา” นัชชาเอ่ยปากชมเพื่อนสาวที่หลุบตาหนี สาเหตุของการขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีนายปิง หนุ่มนักศึก
“พี่ได้ยินว่าเป็นโปรเจคจบนี่... ตกลงจบวันไหน?”“ไม่รู้...”“ไม่รู้ได้ไง? พี่เพิ่งไปคุยกับอาจารย์มา บอกว่าเดือนหน้าสอบเสร็จแล้ว”นั่นคือเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ได้พบอาจารย์สาวรุ่นป้าเข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตร ตอนมารับนักศึกษากลับบ้าน จากนั้นปรายลดาก็ทำท่าว่าไม่พอใจที่เขาเข้าไปยุ่งวุ่นวาย เธอมองค้อนวงโตอมแก้มตุ่ย“รู้แล้วจะถามทำไมคะ?”“พี่อยากมีลูก!” ฟังชัดทุกถ้อยคำจนผู้คนที่เดินผ่านไปมามองขวับเป็นตาเดียว ปรายลดาก้มหน้าลงซุกซ่อนใบหน้าแดงซ่านลงกระซิบว่าในลำคอ“พี่เปา...! พุดอายนะ พูดเบา ๆ สิ”ด้วยเครื่องแบบนักศึกษาแล้วถึงไม่ใช่เรื่องประหลาดมากกับการที่บางคนจะมีครอบครัว เรียนหนังสือไป เพียงแต่มันไม่ใช่เรื่องสมควรเปิดเผยในที่สาธารณะ ทว่าเขากลับพูดมันออกมาหน้าตาเฉย“ไปจดทะเบียนกับพี่นะพุด... วันนี้เลย”“อะไรเล่า... จดทะเบียนอะไรของพี่?”“จดทะเบียนสมรสไง พี่แพลนเรื่องลูกไว้ทุกอย่างแล้ว เก็บของเสร็จหรือยัง? ไปเร็ว... อำเภอปิดสี่โมง” ในน้ำเสียงเข้มขรึมจริงจัง หญิงสาวลอบมองซ้ายขวา เริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อหลายวันมานี้เขายังเซ้าซี้เรื่องเดิม ๆพักหลังมานี้พ่อเลี้ยงที่ไม่ใช่พ่อเลี้ยงอีกต่อไปยังเอาแ
เป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วของปรายลดาในสมัยที่เธอได้ครองตำแหน่งนางงามโรงเรียน นางสงกรานต์ นางนพมาศประจำจังหวัดปทุมธานี ไม่ว่าปีไหน ๆ แม่อนงค์มักจะพาไปล่าเงินรางวัลได้ตลอดทว่าพอได้ตำแหน่งชนะเลิศทีไร ดันติดปัญหาอยู่บ่อย ๆ อย่างเช่นว่าขบวนแห่นางนพมาศล่มกลางคัน เพราะมีกลุ่มคนจุดประทัด ขบวนเชิดสิงโตผิดคิว บางปีกรรมการยกรางวัลให้รองชนะเลิศไปเฉย ๆแม่อนงค์เล่าให้ทุกคนบนโต๊ะรับประทานอาหารฟังว่าเป็นฝีมือใคร หล่อนยังบ่นเรื่องหนุ่ม ๆ เพื่อนร่วมชั้นเรียน ที่เป็นแฟนคลับตามเอาอกเอาใจ ซื้อน้ำ ซื้อขนมให้ เพราะแอบชอบพอปรายลดาเป็นการส่วนตัว จะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับพวกเขาเสมอ หนักกว่าสำหรับบางคนที่ย้ายโรงเรียนไปเลยยังมีเรื่องล่าสุด... เมื่อผู้ปกครองโทรโข่งเรียกนักศึกษาให้ไปจดทะเบียนสมรสกลางงานนิทรรศการของมหาวิทยาลัย!เพื่อน ๆ ชาวนักศึกษาลามไปถึงแม่ค้าที่ตลาดละแวกใกล้เคียงนินทากันอย่างสนุกปาก หล่อนไปได้ยินเข้าเพราะต้องไปจ่ายตลาดทุกวัน รู้อีกครั้งหนึ่งตอนลูกชายตัวดีมาบอกว่าจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแม่อนงค์ไม่ได้ดีใจเท่าไรนัก เพราะกำลังโมโห...“ไอ้นี่ นี่มันจริง ๆ นะ ฉันไม่รู้จะทำยังไง? อลัน คุณบอกมาให้หม
“ถ้ามดลูกน้องไม่ฝ่อ ยังไงก็ต้องท้อง อาจจะได้ลูกชายก็ได้...”แม่อนงค์ยิ้มระรื่น ก่อนจะเก็บอาการไว้ในสีหน้าเรียบเฉย แต่ก่อนนั้นหล่อนเป็นคุณครูสอนเด็กอนุบาล ปลดเกษียรมาหล่อนชอบที่จะอยู่กับเด็ก ๆ ถึงจะเหนื่อยอยู่สักหน่อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำในบ้านหลังใหญ่โตกว่าบ้านของปรเมษฐ์ อยู่อาศัยกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก สองครอบครัวไป ๆ มา ๆ มีเด็กน้อยวัยสามขวบ สี่ขวบสองคน อีกคนหนึ่งสิบห้าปี ทุกคนเป็นผู้หญิง... ในวัยช่างพูดช่างสงสัย“คุณยายคะ... มดลูกคืออะไร? ”“ย่าคะ... มินนี่อยากรู้... มดลูกอะไร?”“คุณอากับพี่พุทราเป็นพ่อลูกกัน... น้องออกมาจะไม่เอ๋อหรือคะ?”“ย่าคะ... ครูบอกว่าครอบครัวเดียวกันแต่งงานกันไม่ได้ ลูกออกมาจะเอ๋อ”“เขาเป็นพ่อเลี้ยง ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ เข้าใจกันบ้างป่ะ? เด็กพวกนี้...”“พ่อเลี้ยงก็เป็นครอบครัวเดียวกันนี่... น้องของมินนี่ต้องเอ๋อแน่ ๆ เลย”เสียงแหลมเล็กของทั้งเด็กน้อยเด็กสาวพาต่างคนผ่อนลมหายใจหนัก เด็กวัยสี่ขวบสองคนคงยังไม่เข้าใจคำว่าพ่อเลี้ยงนัก ปรเมษฐ์เองก็นาน ๆ ครั้งจะมารับประทานอาหารด้วยกัน ที่ผ่านมาเขาอยู่แต่เมืองนอกไม่ก็อยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้อาศัยอยู่กับพี่ชายปองกานต์ และ
หลายวันมานี้ เจ้าของบ้านมีเหตุจำเป็นให้ต้องไปสะสางงานในฟิลิปปินส์ ไม่สามารถปฏิเสธหรือส่งงานช่องทางออนไลน์ได้ ด้วยเป็นหน้าที่ของสถาปนิกที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างอาคารโปรเจคใหญ่ของรีสอร์ตหรูริมทะเล ซึ่งเขาต้องไปเข้าประชุม เพื่อประสานงานกับวิศวกรโดยตรงปรายลดาจึงใช้เวลาทั้งหมดในวันหยุดอยู่กับการส่งรายงานและทำเรื่องขอจบการศึกษาในเดือนหน้า เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ทำงานของตัวเองต่อในช่วงบ่ายเธอจ้างคนมาเพิ่มทั้งแอดมินตอบคำถามลูกค้าทางช่องทางโซเชียล คนส่งผ้า แม่ค้าขายของออนไลน์ การเริ่มต้นเป็นเจ้าของกิจการครั้งแรก เธอจึงกังวลตามประสา กลายเป็นคนย้ำคิดย้ำทำโดยไม่รู้ตัว มือกดโทรศัพท์ หยิบมันขึ้นดูแล้วดูอีกแต่สุดท้ายแล้วเธอกลับหยุดสายตาไว้ที่สติ๊กเกอร์น่ารักรูปเล็กบริเวณมุมจอโน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดที่พ่อเลี้ยงซื้อให้เธอเมื่อหลายปีก่อนใบหน้าหวานระบายยิ้มตื้นตันใจ อดคิดถึงบางคนไม่ไหว ถึงได้รับสายผ่านวิดิโอคอลเช้าเย็น ทั้งที่เขาไม่ค่อยจะได้ทำมันเมื่อคราวที่ทิ้งเธอไปอยู่บ่อย ๆเรื่องที่เขาได้พูดเอาไว้คือลูก... มันคงจะเป็นวินาทีอันแสนอัศจรรย์ใจ พอได้รับรู้ว่ากำลังจะมีเด็กตัวน้อย ๆ ที่หน้าตาเหมือนเธอหรือเขา..
“พี่เปา.. เล่นอะไรโลดโผนไม่เอานะ... อื้ม...!”ริมฝีปากสีชมพูถูกประกบปิดด้วยเรียวปากหนาหยักได้รูปหวังให้เธอเงียบเสียงลง กระชับคนในอ้อมแขนแน่น พาหญิงสาวขึ้นบันไดไปพร้อมรสจูบเร่าร้อน ขณะที่สองมือเรียวตวัดขึ้นโอบรอบคอแกร่งคล้ายมีความรู้สึกนึกคิดของมันเองปากของเขาไม่ต่างจากแม่เหล็กที่ดูดกลืนริมฝีปากของเธออยู่เรื่อยไป ปลายลิ้นหนาชอนไชเข้ามาได้ก็ถือโอกาสกระหวัดไปมา ตามหาความหอมหวานอย่างคนตะกละตะกลาม อดอยากปากแห้งมาแรมปีปรายลดายังคงไม่ประสีประสาไม่ว่าจะพยายามร่ำเรียนบทพิสวาสจากครูดีสักเท่าไร แต่เพียงไม่นานเขาก็ปล่อยเธอลงบนที่นอนนุ่ม เท้าข้อศอกลงล้อมร่างบางไว้ พร้อมมอบอ็อกซิเจนให้เธอต้องหอบมันเข้าปอด“พี่เปา... จะทำอะไร...? บอกพุดก่อน”“ทีแรกก็อยากจะเข้ามา ตอนนี้มากลัวอะไร?” เขาถามกลับ หลังจากที่พากระต่ายน้อยขี้กลัวเข้ามาตามคำขอ ในสภาพสะอาดไร้ฝุ่นโดยแม่บ้านที่จ้างมา ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของปรายลดาปากแดงเจ่อเพราะพิษจูบเม้มเข้าหากันแน่น เหตุด้วยสายตาคู่คมเหมือนว่าจะเรื่องเซอร์ไพรส์ เป็นเรื่องที่ต้องรู้จากเจ้าตัว น้ำเสียงเข้มขรึมเอ่ย“ตอนพี่ไม่อยู่... พุดไปโรงพยาบาลทำไม?”นิสัยของปรเมษฐ์อย่าง
คำว่าเบา ๆ ของเขาเริ่มต้นด้วยจุมพิตแสนวาบหวาม แรงสั่นสะเทือนจากของเล่นอันจิ๋ว ลากไล้ไปตามเรือนกายเปลือยเปล่า ชุดนอนสีชมพูหวานที่ถูกเลิกขึ้นกองไว้เหนือสองเต้าเต่งตึง ทรวงอกงามเคลื่อนไหวขึ้นลงตามแรงหอบหายใจเสียงหนุบหนิบจากริมฝีปากคราวผละกันแต่ละครั้ง สร้างความรู้สึกรัญจวนประหลาดอย่างที่ว่าจูบของพ่อเลี้ยงเร่าร้อนขนาดไหน ยังไม่ลดระดับความร้อนลงแม้แต่น้อย แม้แต่มือหนาหยาบที่หยุดตัวสั่นสีชมพูลงบนปลายยอดแหลมมน“อื้ม...” สุ้มเสียงผ่านปากที่ถูกประกบปิดไว้ และถอดถอนออกไปอย่างนวยนาด เขายังสนุกอยู่กับปลายยอดสีชมพูหวานบนเต้าอวบอัดขยับตามกายสาวที่แอ่นขึ้นรับแรงสั่นสะเทือนใต้ร่างหนาที่หยัดกายคร่อมเท้าข้อศอกทั้งสองไว้เหนือพันธนาการของปลอกข้อมือสีดำสนิท เธอไม่ได้นึกรังเกียจหรือหวาดกลัวของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ พอได้เปิดใจที่จะเรียนรู้เรื่องราวแปลกใหม่จากชายหนุ่มทีละน้อยร่างบางบิดเร่าไปมา ความเสียวซ่านเกิดขึ้นราวพายุลูกใหญ่เมื่อมันกระตุ้นจุดอ่อนไหวอยู่อย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ช่องท้องวูบวาบเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ถึงชอบมันอยู่ แต่ด้วยความคิดถึงที่มีต่อเขา เสียงเรียกร้องของร่างกายและจิตใจคงอยากจะถูกเติมเ
“พ่อกินข้าวมารึยัง?” เสียงหวานถามอย่างดีอกดีใจ หลังพ่อปองกานต์ก้าวผ่านประตูบ้านมาได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้นตาคมหลุบมองหน้าท้องเนินนูนของลูกสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเก่า ไม่อวบอ้วนจนเกินไป หน้าตาสดใสมีความสุขดี“ยังเลย มีอะไรให้พ่อกินบ้างล่ะ?”“กับข้าวเต็มโต๊ะเลยพ่อ พี่เปาซื้อมา พ่ออาบน้ำ โกนหนวดก่อนไหมคะ? หรือพ่อจะกินข้าวก่อน” ทั้งน้ำเสียงและแววตาแลดูเป็นห่วงเป็นใยพ่อเสียเหลือเกิน แม้แต่คนที่เดินข้างกันเข้าบ้านแล้วยังรู้สึกได้ตั้งแต่ปองกานต์ทิ้งบ้านไปตอนลูกสาวอายุได้ประมาณห้าขวบ จะกลับมาก็แค่ปีละหนสองหน ยังไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แม้ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันทางสายเลือดหรืออยู่ด้วยกันตลอด มีหลาย ๆ ครั้งที่ปรายลดาคิดถึงพ่อพอคนพ่อเดินตามไปถึงห้องรับประทานอาหาร ติดห้องรับแขกกว้างขวาง ลูกสาวตักข้าวร้อน ๆ ให้ใส่จาน“เป็นยังไงบ้างล่ะ? ปวดขา ปวดหลังไหม ลูกดิ้นหรือยัง?”“ดิ้นแล้ว... ชอบดิ้นตอนกลางคืน ปวดขา ปวดหลังค่ะ แต่ว่ามีคนนวดให้” วงหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ก้มหน้าเอียงอายมองทัพพีในมือเหมือนข้าวในหม้อจะโรยน้ำตาล“ไม่ได้เรื่องหรอก พ่อนวดเก่งกว่าเยอะ เดี๋ยวพ่อกินข้าวเสร็จ พ่อนวดเท้าให้ลูกดีไหม?
“แม่จัดการหนี้ให้หมดแล้ว อย่าไปก่อเรื่องอีกล่ะ มีพ่อที่ไหนเขาต้องให้ลูกเลี้ยงอายุแค่ยี่สิบกว่า ๆ มาโอนเงินให้ตลอด เหล้าน่ะกินมันเข้าไป ไว้หนวดไว้เครายังกับโจร เมื่อไรแกจะทำตัวเป็นผู้เป็นคนสักที” อนงค์บ่นน้ำไหลไฟดับ ก้าวฉับ ๆ เดินฝ่าแดดร้อนจัดข้างชายที่อยู่ในสภาพเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเก่า ๆ ต่างกันกับตัวเธอ การแต่งตัวนั้นก็ออกไปทางวัยรุ่น ด้วยกางเกงยีนส์เสื้อยืด ไม่ได้นุ่งผ้าซิ่นแบบคนเฒ่าหากพูดเรื่องความกระฉับกระเฉงของสาววัยเจ็ดสิบสองที่ดูแลตัวเองสม่ำเสมอเป็นคนละเรื่องกับลูกชายวัยห้าสิบปี เขาดันดูแก่กว่าแม่เสียอีก“เรื่องของผมเปล่าแม่...”คนได้ยินมองขวับตาขวาง โทสะเดือดพล่านขึ้นมาในทันที “เรื่องของแก มันเป็นปัญหาของฉันไหมล่ะ? ไอ้ที่ต้องมาโรงพักเพราะเจ้าหนี้มันจะฟ้องฉ้อโกง มันไม่ใช่เรื่องของฉันตรงไหน.. ฮะ”“ผมหมายถึงเรื่องหนวด... มันหนวดผม” ปองกานต์ชี้ไปที่หนวดแล้วก็ทำเมินเฉย ปล่อยให้แม่โมโหอยู่อย่างนั้นทีแรกเขาก็นึกว่าพวก ‘เฮียซ้ง’ จะจ้างคนมาทำร้ายหรือไปรังควานลูกสาวของเขา กลายเป็นลากมาขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวัน ยื่นฟ้องฐานฉ้อโกง เพื่อเอาครอบครัวเข้ามาเอี่ยว คู่กรณีอย่างเขาจึงต้องจ่ายเ
‘ผู้หญิงของเจ้านายคุณน่ะ ระวังตัวไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ฉันโทรมาเตือนครั้งสุดท้าย’คำขู่ของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความริษยาในตัวลูกเลี้ยงเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาไม่สบายใจอลันทำการสืบสาวเรื่องราวบางอย่างมาได้สักพักว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับปิ่นแก้ว และรายงานเจ้านายไปก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่องที่เธอไปหาปองกานต์ ยังไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกู้หนี้นอกระบบ บ่อน ซึ่งเขาได้สั่งให้ลูกน้องแอบตามไปสัญชาติญาณเลขาฯ ไฟแรงเขาคงอยากลุกขึ้นมาสะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงของเจ้านายให้เรียบร้อย คนที่หยุดปลายเท้าลงข้างเตียงดันทักขึ้นเสียก่อน“คุณอลัน... กินข้าวต้ม กินยาให้ครบ ไม่ไหวก็ไม่ต้องลุก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ” ในน้ำเสียงกึ่งสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวราวกระดาษมองกลับไปยังร่างบางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นงานแบรนด์สมฐานะคุณหนูนัชชาถึงเป็นเด็กปากร้ายไปสักหน่อย เธอกลับรับผิดชอบในการกระทำ ตั้งแต่นอนเฝ้าไข้เขาอยู่ข้างเตียงคนป่วยในโรงพยาบาล ขับรถยนต์ให้แทนเพื่อพาเขากลับมาส่งถึงคอนโดฯ ยังคอยดูแลเรื่องยาและอาหารให้ไม่แปลกที่ฝรั่งไร้ญาติจะเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดาย จู่ ๆ เขาซึ่งอยู่คนเดียวมาตลอดดันอยากให้เธออยู่ด้วยกันเรื่อย ๆ
ตั้งแต่ทุกคนออกจากบ้านไปแล้วหญิงสาวกลับมาแค่สองคน ได้เรื่องว่าเลขาฯ หนุ่มโดนหมอจับล้างท้องจนไม่เหลือเรี่ยวแรงยังต้องนอนหยอดน้ำเกลือ เขาคงจะต้องโมโห จึงพยายามติดต่อเจ้าตัวซึ่งหายเข้ากลีบเมฆ ยังไม่รับสายหลังก่อเรื่องเอาไว้ทันทีที่ประตูบ้านปิดลงพร้อมการจากไปของนัชชาซึ่งรับปากว่าจะไปดูแลอลัน ให้แทน เนื่องจากว่าลูกครึ่งหนุ่มบราซิลไม่มีญาติที่ไหนร่างสูงในชุดทำงานก้าวพรวดไปสอดลำแขนเข้าประคองเอวเล็ก สัดส่วนโค้งเข้าพอดี หน้าท้องเนินนูนเพียงเล็กน้อยตามอายุครรภ์เพียง 13 สัปดาห์ ปรายลดาเริ่มใส่เดรสของคนท้องบ้างในบางวันยังติดเข็มกลัดไว้ตามที่แม่อนงค์บอก“พุทรา... พวกเขาไปกันหมดแล้ว หมดเรื่องแล้ว พุดไม่ต้องกังวลนะ พี่ไม่อยู่เฉย ๆ กับเรื่องนี้แน่” ปลายเสียงเด็ดขาด แน่ว่าเขาจะต้องเอาเรื่องในภายหลัง หล่อนไม่มีวันได้มาเหยียบบ้านของเขาอีก!ตอนนี้เขายังคิดอยู่ว่าถ้าสตรีมีครรภ์รับประทานยาปลุกเซ็กส์เข้าไป ตามฉลากห้ามรับประทาน เด็กในท้องคงได้รับอันตราย ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเป็นพวกมักมากอย่างเขาที่โดนกับคนอื่นก็คงจะทนไหว แต่กับสาวน้อยในความดูแลแล้วเท่าไรคงไม่พอ...“พี่ไม่ได้เจอเมียมาเป็นอาทิตย์แหนะ”“แล้ว
“กรี๊ด!”ต่างคนปิดยกมือขึ้นปิดหูแม้กระทั่งคนกรี๊ดเอง เว้นแค่ปรายลดาที่ยืนหัวเราะเพื่อน เห็นอยู่ว่านัชชาจงใจตะเบ็งเสียงคอแทบแตกใส่หน้าปิ่นแก้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“โดนตัดออกจากกองมรดกแล้วค่ะ ปริมแค่แวะมาบอก โตแล้วเนอะจะไปไหนก็ได้นี่ ไปกันดีกว่า พุด...”“พุด... รอไปพร้อมพี่” ชายหนุ่มแทรกขึ้นมาแล้วเดินไปคว้ามือเรียวไว ๆ แต่ก็ถูกสะบัดออกด้วยสีหน้าดื้อรั้นซึ่งเลือนหายไปในอีกครู่ เป็นรอยยิ้มใส ๆ“พุดไปกับปริมดีกว่าค่ะ พุดรีบ เดี๋ยวไปไม่ทัน วันนี้อาจารย์หมอมาด้วย พุดมีคำถามตั้งเยอะแยะ พี่ทำงานไปก่อนเถอะ เรื่องลูกเมื่อไรก็ได้” พูดแล้วก็คว้ามือเพื่อนสาว รีบเดินหนีเจ้าของบ้านไป ปรายลดาโมโหอย่างไรยังสำรวมกริยา ถึงเธออยากจะกรี๊ดใส่หน้าใครสักคนให้ได้อย่างนัชชาสักแค่ไหนคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังหัวใจกระตุกวูบ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว และเขาก็ไม่อยากจะทำงานต่อ“เดี๋ยวผมให้วิศวกรดูหน้างานอีกที สระว่ายน้ำกับร้านอาหาร ผนังต้องให้ลูกค้าเลือกก่อนว่าจะเอาผนังปูนเปลือย บล็อกอิฐแก้ว หรือกระจก คุณเป็นหัวหน้างานสถาปนิกคุมทีมก่อสร้าง มีอะไรคุณตัดสินใจไปเลยละกัน”เพราะคำว่า ‘หัวหน
ปรเมษฐ์ มาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมปิ่นแก้วที่หอบงานโปรเจคใหญ่กลับมาทำต่อ มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งผ่านขอบจอโน๊ตบุ๊คไปยังบุคคลทั้งสองในบ้าน พวกเขากำลังยืนอยู่หน้ากระดานแบบงานหน้าบ้านหน้าตาคร่ำเครียด“ฉันกลับมาขายเสื้อกับแกต่อได้มั้ย?” คนถามนั่งเท้าคางอย่างเซ็ง ๆ ขณะที่ปรายลดาไม่ตอบอะไรฮอร์โมนคนท้องทำให้เธอกลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ยังหงุดหงิดตลอดวัน ดีหน่อยตรงที่ไม่แพ้ท้องมาก นัชชายังอยู่เป็นเพื่อนตลอด หลังจากที่เจ้าตัวไม่มีไข้แล้ว อาการดีขึ้นตามลำดับเรียกได้ว่าเกือบหายดี“แกไม่ฟังที่ฉันพูดเลย หึงผัวล่ะสิ ให้ฉันจัดการเหอะ”“ไม่เป็นไร... ขอบใจนะ ปริม แกเอาตัวแกเองให้รอดเหอะ” ย้อนคำคนที่มีกำลังปัญหาความรักและชีวิตครอบครัวขนาดว่าไม่ยอมกลับบ้าน ก่อนจะหันมองใบหน้าสดสวยสลดเศร้าลงจนต้องถาม“ตกลงแกทะเลาะอะไรกับพี่ธาม ร้องไห้จนหลับ ไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังสักอย่าง”“เรื่องมันยาวอ่ะ
ในรุ่งเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่า นัยน์สีฟ้าครามเข้มเบิกโพล่งตะลึงตื่นจากนิทรา พลันผลักผ้านวมหนาที่คลุมห่มตัวอยู่อย่างงุนงง เมื่อคืนที่หลับไปทั้งชุดทำงานเขาไม่ได้หยิบจับอะไรสักอย่าง ผ้าห่มลายตุ๊กตาน่ารักจะเป็นฝีมือใครหากไม่ใช่เมียเจ้าของบ้าน!ร่างสูงในเชิ้ตสีดำยับยู่ยี่หยัดกายลุกขึ้นนั่ง พอดีกับที่โทรศัพท์สั่นดังจากข้างหมอน สายจากปรเมษฐ์โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบของลูกเมีย และงานเฝ้าของเขาว่าเรียบร้อยดีไหม พร้อมส่งข่าวมาว่ากำลังจะกลับในวันพรุ่งนี้ทำให้ตื่นเต็มตาได้ไม่ยากทว่าพอวางสายจากเจ้านายหนุ่ม อลันมีความคิดบางอย่างเมื่อเหลือบมองตามบันไดทางขึ้นไปชั้นสองของบ้านสไตล์โมเดิร์นโทนสีเทาอบอุ่นทำไมบ้านเงียบ? พุทราก็ไม่มาเรียกเขาสักคำเพราะนิสัยของปรายลดาเป็นคนช่างห่วง ยังดูแลทุกคนรอบตัวเป็นอย่างดี เขาไม่ลังเลที่จะถือวิสาสะบุกห้องนอนตามหน้าที่ ก้าวขายาว ๆ เหยียบย่องขึ้นบันไดไปชั้นสองมีสามห้องนอน ห้องโถงกลาง และห้องนอนสำหรับเล่นสนุกซุกซนของเจ้านาย ซึ่งคนเป็นเลขาฯ มานานถึงสิบปีต้องรู้ความลับเรื่องรสนิยมทางเพศของปรเมษฐ์เป็นอย่างดี ถึงเจ้าตัวจะเลิกราจากคู่ขาประหลาด ๆ ไปเพราะความรักในตัวลูกเลี้ยงห้องนอน
ใคร ๆ ต่างก็ว่านัชชาเป็นลูกผู้ดีตีนแดงที่มีนิสัยก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเอง รวมไปถึงอลันซึ่งไม่เคยชอบขี้หน้าเธอเลยเหตุการณ์ทั้งหมดมันเริ่มต้นเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเด็กสาววัยสิบเอ็ดขวบ แต่งตัวแก่แดดเกินวัย ทาปากแดงเป็นผู้ใหญ่ เปรยคำหนึ่งขึ้นมาลอย ๆ ว่า ‘เด็กเส้น’ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มทำงานให้ปรเมษฐ์มันเป็นเรื่องจริงด้วยว่าหนุ่มวัยยี่สิบปีกำลังฝึกงานไป เรียนไป ทางด้านสายงานบริหารฯ ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในรัฐแคลิฟอร์เนียร์ คงยุ่งรัดตัวและไม่มีประสบการณ์มากพอ ไม่อาจเป็นเลขาฯ ให้เจ้าของรีสอร์ตระดับห้าดาว สถาปนิกหนุ่มคนดังได้ หากไม่ใช่เพราะบารมีของคุณปู่ฝากฝังให้ช่วยงานคนรู้จักกันเด็กน้อยที่มีกริยามารยาทดี มีกาลเทศะรู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด“โตขึ้นเยอะนะเรา มาหาพุทรา มีแผนจะพากันไปไหนล่ะ?” เสียงเข้มทัก อลันทำตัวเหมือนเป็นบ้านตัวเอง เพราะมาบ้านเจ้านายอยู่บ่อย ๆ ปรายลดาเอาผ้าเช็ดตัว ผ้านวมมาให้เพื่อนคลายหนาวร่างสั่นเทาจึงรับผ้าขนหนูสีชมพูผืนโตมาเช็ดผมเป็นอย่างแรก โดยไม่ได้สนใจคำถามของเขาเลยสักนิด นัชชาเพิ่งตั้งสติได้ว่าไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จะต้องหวาดกลัวฝรั่งยักษ์อีกต่อไปชาย
‘หนูสบายดีนะคะ... แม่ไม่ต้องห่วงนะ...’คำพูดผ่านใบหน้าระบายยิ้มจาง ๆ คงส่งไปถึงเถ้ากระดูกของหญิงสาวคนหนึ่งในโกศตรงหน้าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่ ถึงแม่จะจากเธอไปนานแล้ว ในวัยที่ยังจำความอะไรไม่ได้มาก รอยยิ้มหวาน ๆ ของแม่ยังอยู่ในห้วงความทรงจำมาเสมอ อาจจะเป็นความผิดของแม่ที่หลอกพ่อปองกานต์ เธอกลับไม่เคยคิดว่าแม่เป็นคนผิด และเธอไม่เคยโกรธพ่อพ่อผู้แสนดีของเธอได้ตายจากโลกนี้ไปนานแล้ว เช่นเดียวกันกับพ่อแท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดเธอที่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ร่างบางในชุดนักศึกษาผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะหยิบร่มในกระเป๋าสะพายผ้าใบโปรดมากางออก เมื่อเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายซึ่งเธอเพิ่งรู้สึกมันได้ไม่นาน เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหญ้ารกรุงรังบนพื้นที่ก้าวย่ำเหยียบอย่างระวัง ต้องใช้เวลาสักครู่กว่าจะไปถึงที่จอดรถยนต์ ด้านหลังวัดมีโกศรายเรียงอยู่มากมาย คนขับรถประจำตัวกำลังรออยู่ เขาทำหน้ายุ่งมองเธอที่ก้าวขึ้นรถนั่งที่ข้างคนขับ“ฝนตกทำไมไม่เรียกผมล่ะครับ?”“ไม่ได้ตกหนักค่ะ คุณอลัน แค่ปรอย ๆ รถอยู่ใกล้แค่นี้เอง” เหตุผลของเธอพอฟังขึ้นอยู่ หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้านายกำชับเรื่องบางอย่างไว้“แต่คราวหน้า