เป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วของปรายลดาในสมัยที่เธอได้ครองตำแหน่งนางงามโรงเรียน นางสงกรานต์ นางนพมาศประจำจังหวัดปทุมธานี ไม่ว่าปีไหน ๆ แม่อนงค์มักจะพาไปล่าเงินรางวัลได้ตลอดทว่าพอได้ตำแหน่งชนะเลิศทีไร ดันติดปัญหาอยู่บ่อย ๆ อย่างเช่นว่าขบวนแห่นางนพมาศล่มกลางคัน เพราะมีกลุ่มคนจุดประทัด ขบวนเชิดสิงโตผิดคิว บางปีกรรมการยกรางวัลให้รองชนะเลิศไปเฉย ๆแม่อนงค์เล่าให้ทุกคนบนโต๊ะรับประทานอาหารฟังว่าเป็นฝีมือใคร หล่อนยังบ่นเรื่องหนุ่ม ๆ เพื่อนร่วมชั้นเรียน ที่เป็นแฟนคลับตามเอาอกเอาใจ ซื้อน้ำ ซื้อขนมให้ เพราะแอบชอบพอปรายลดาเป็นการส่วนตัว จะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับพวกเขาเสมอ หนักกว่าสำหรับบางคนที่ย้ายโรงเรียนไปเลยยังมีเรื่องล่าสุด... เมื่อผู้ปกครองโทรโข่งเรียกนักศึกษาให้ไปจดทะเบียนสมรสกลางงานนิทรรศการของมหาวิทยาลัย!เพื่อน ๆ ชาวนักศึกษาลามไปถึงแม่ค้าที่ตลาดละแวกใกล้เคียงนินทากันอย่างสนุกปาก หล่อนไปได้ยินเข้าเพราะต้องไปจ่ายตลาดทุกวัน รู้อีกครั้งหนึ่งตอนลูกชายตัวดีมาบอกว่าจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแม่อนงค์ไม่ได้ดีใจเท่าไรนัก เพราะกำลังโมโห...“ไอ้นี่ นี่มันจริง ๆ นะ ฉันไม่รู้จะทำยังไง? อลัน คุณบอกมาให้หม
“ถ้ามดลูกน้องไม่ฝ่อ ยังไงก็ต้องท้อง อาจจะได้ลูกชายก็ได้...”แม่อนงค์ยิ้มระรื่น ก่อนจะเก็บอาการไว้ในสีหน้าเรียบเฉย แต่ก่อนนั้นหล่อนเป็นคุณครูสอนเด็กอนุบาล ปลดเกษียรมาหล่อนชอบที่จะอยู่กับเด็ก ๆ ถึงจะเหนื่อยอยู่สักหน่อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำในบ้านหลังใหญ่โตกว่าบ้านของปรเมษฐ์ อยู่อาศัยกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก สองครอบครัวไป ๆ มา ๆ มีเด็กน้อยวัยสามขวบ สี่ขวบสองคน อีกคนหนึ่งสิบห้าปี ทุกคนเป็นผู้หญิง... ในวัยช่างพูดช่างสงสัย“คุณยายคะ... มดลูกคืออะไร? ”“ย่าคะ... มินนี่อยากรู้... มดลูกอะไร?”“คุณอากับพี่พุทราเป็นพ่อลูกกัน... น้องออกมาจะไม่เอ๋อหรือคะ?”“ย่าคะ... ครูบอกว่าครอบครัวเดียวกันแต่งงานกันไม่ได้ ลูกออกมาจะเอ๋อ”“เขาเป็นพ่อเลี้ยง ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ เข้าใจกันบ้างป่ะ? เด็กพวกนี้...”“พ่อเลี้ยงก็เป็นครอบครัวเดียวกันนี่... น้องของมินนี่ต้องเอ๋อแน่ ๆ เลย”เสียงแหลมเล็กของทั้งเด็กน้อยเด็กสาวพาต่างคนผ่อนลมหายใจหนัก เด็กวัยสี่ขวบสองคนคงยังไม่เข้าใจคำว่าพ่อเลี้ยงนัก ปรเมษฐ์เองก็นาน ๆ ครั้งจะมารับประทานอาหารด้วยกัน ที่ผ่านมาเขาอยู่แต่เมืองนอกไม่ก็อยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้อาศัยอยู่กับพี่ชายปองกานต์ และ
หลายวันมานี้ เจ้าของบ้านมีเหตุจำเป็นให้ต้องไปสะสางงานในฟิลิปปินส์ ไม่สามารถปฏิเสธหรือส่งงานช่องทางออนไลน์ได้ ด้วยเป็นหน้าที่ของสถาปนิกที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างอาคารโปรเจคใหญ่ของรีสอร์ตหรูริมทะเล ซึ่งเขาต้องไปเข้าประชุม เพื่อประสานงานกับวิศวกรโดยตรงปรายลดาจึงใช้เวลาทั้งหมดในวันหยุดอยู่กับการส่งรายงานและทำเรื่องขอจบการศึกษาในเดือนหน้า เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ทำงานของตัวเองต่อในช่วงบ่ายเธอจ้างคนมาเพิ่มทั้งแอดมินตอบคำถามลูกค้าทางช่องทางโซเชียล คนส่งผ้า แม่ค้าขายของออนไลน์ การเริ่มต้นเป็นเจ้าของกิจการครั้งแรก เธอจึงกังวลตามประสา กลายเป็นคนย้ำคิดย้ำทำโดยไม่รู้ตัว มือกดโทรศัพท์ หยิบมันขึ้นดูแล้วดูอีกแต่สุดท้ายแล้วเธอกลับหยุดสายตาไว้ที่สติ๊กเกอร์น่ารักรูปเล็กบริเวณมุมจอโน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดที่พ่อเลี้ยงซื้อให้เธอเมื่อหลายปีก่อนใบหน้าหวานระบายยิ้มตื้นตันใจ อดคิดถึงบางคนไม่ไหว ถึงได้รับสายผ่านวิดิโอคอลเช้าเย็น ทั้งที่เขาไม่ค่อยจะได้ทำมันเมื่อคราวที่ทิ้งเธอไปอยู่บ่อย ๆเรื่องที่เขาได้พูดเอาไว้คือลูก... มันคงจะเป็นวินาทีอันแสนอัศจรรย์ใจ พอได้รับรู้ว่ากำลังจะมีเด็กตัวน้อย ๆ ที่หน้าตาเหมือนเธอหรือเขา..
“พี่เปา.. เล่นอะไรโลดโผนไม่เอานะ... อื้ม...!”ริมฝีปากสีชมพูถูกประกบปิดด้วยเรียวปากหนาหยักได้รูปหวังให้เธอเงียบเสียงลง กระชับคนในอ้อมแขนแน่น พาหญิงสาวขึ้นบันไดไปพร้อมรสจูบเร่าร้อน ขณะที่สองมือเรียวตวัดขึ้นโอบรอบคอแกร่งคล้ายมีความรู้สึกนึกคิดของมันเองปากของเขาไม่ต่างจากแม่เหล็กที่ดูดกลืนริมฝีปากของเธออยู่เรื่อยไป ปลายลิ้นหนาชอนไชเข้ามาได้ก็ถือโอกาสกระหวัดไปมา ตามหาความหอมหวานอย่างคนตะกละตะกลาม อดอยากปากแห้งมาแรมปีปรายลดายังคงไม่ประสีประสาไม่ว่าจะพยายามร่ำเรียนบทพิสวาสจากครูดีสักเท่าไร แต่เพียงไม่นานเขาก็ปล่อยเธอลงบนที่นอนนุ่ม เท้าข้อศอกลงล้อมร่างบางไว้ พร้อมมอบอ็อกซิเจนให้เธอต้องหอบมันเข้าปอด“พี่เปา... จะทำอะไร...? บอกพุดก่อน”“ทีแรกก็อยากจะเข้ามา ตอนนี้มากลัวอะไร?” เขาถามกลับ หลังจากที่พากระต่ายน้อยขี้กลัวเข้ามาตามคำขอ ในสภาพสะอาดไร้ฝุ่นโดยแม่บ้านที่จ้างมา ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของปรายลดาปากแดงเจ่อเพราะพิษจูบเม้มเข้าหากันแน่น เหตุด้วยสายตาคู่คมเหมือนว่าจะเรื่องเซอร์ไพรส์ เป็นเรื่องที่ต้องรู้จากเจ้าตัว น้ำเสียงเข้มขรึมเอ่ย“ตอนพี่ไม่อยู่... พุดไปโรงพยาบาลทำไม?”นิสัยของปรเมษฐ์อย่าง
คำว่าเบา ๆ ของเขาเริ่มต้นด้วยจุมพิตแสนวาบหวาม แรงสั่นสะเทือนจากของเล่นอันจิ๋ว ลากไล้ไปตามเรือนกายเปลือยเปล่า ชุดนอนสีชมพูหวานที่ถูกเลิกขึ้นกองไว้เหนือสองเต้าเต่งตึง ทรวงอกงามเคลื่อนไหวขึ้นลงตามแรงหอบหายใจเสียงหนุบหนิบจากริมฝีปากคราวผละกันแต่ละครั้ง สร้างความรู้สึกรัญจวนประหลาดอย่างที่ว่าจูบของพ่อเลี้ยงเร่าร้อนขนาดไหน ยังไม่ลดระดับความร้อนลงแม้แต่น้อย แม้แต่มือหนาหยาบที่หยุดตัวสั่นสีชมพูลงบนปลายยอดแหลมมน“อื้ม...” สุ้มเสียงผ่านปากที่ถูกประกบปิดไว้ และถอดถอนออกไปอย่างนวยนาด เขายังสนุกอยู่กับปลายยอดสีชมพูหวานบนเต้าอวบอัดขยับตามกายสาวที่แอ่นขึ้นรับแรงสั่นสะเทือนใต้ร่างหนาที่หยัดกายคร่อมเท้าข้อศอกทั้งสองไว้เหนือพันธนาการของปลอกข้อมือสีดำสนิท เธอไม่ได้นึกรังเกียจหรือหวาดกลัวของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ พอได้เปิดใจที่จะเรียนรู้เรื่องราวแปลกใหม่จากชายหนุ่มทีละน้อยร่างบางบิดเร่าไปมา ความเสียวซ่านเกิดขึ้นราวพายุลูกใหญ่เมื่อมันกระตุ้นจุดอ่อนไหวอยู่อย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ช่องท้องวูบวาบเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ถึงชอบมันอยู่ แต่ด้วยความคิดถึงที่มีต่อเขา เสียงเรียกร้องของร่างกายและจิตใจคงอยากจะถูกเติมเ
ตาคมหรี่ลงมองเส้นผมสีดำขลับสยายกระจายอยู่บนหมอน เม็ดเหงื่อขึ้นแซมทั่วใบหน้าและลำคอเพรียวระหง พากลิ่นอายลึกลับของตัวเขาตลบอบอวลไปกับเรือนร่างงาม เป็นเรื่องที่เขาต้องการมันมาตลอดชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างหื่นกระหายครู่เดียว ก็ก้มหน้าลงจุมพิตลงบนกลีบปากบางนุ่ม มอบจูบเร่าร้อนกว่าในคราแรกนับสิบเท่า มือเลื่อนลงจับท่อนร้อนแข็งขึงโถมเข้าสู่เรือนร่างงามในอึดใจเดียวร่างบางสะดุ้ง รับรู้ได้ถึงตัวเองยามดูดกลืนท่อนอุ่นร้อนเข้าไปในกาย ราวกับว่ามันถูกสร้างมาเพื่อคนคนเดียว จากที่ได้เห็นและสัมผัสขนาดมหึมาของพ่อเลี้ยงมาหลายคราว เธอแทบไม่เชื่อว่ามันจะเข้าไปตัวของเธอได้แต่เขาก็ทำมันอยู่ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ!เสียงครางหวานในลำคอผสมไปกับอารมณ์หวามไหวของเธอกระตุ้นกำหนัดชายที่อยากจะกระแทกแก่นกาย สาดความกระหายให้สุดอย่างที่เคยทำ แต่เป็นเพราะยังเกรงใจเจ้าตัวน้อยข้างใน เขาไม่รู้ว่าเมียท้องตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไรจูบเร่าร้อนที่ผละออก เจ้าของวงหน้าคร้ามคมสะบัดศีรษะไปมา สูดปากซ่านสยิวกับช่องทางรักเปียกชุ่ม มันตอดรัดเสียจนหายใจแทบไม่ออก พร่ำบอกว่าเธอปรารถนามันอยู่มากเท่าไร เขาก้มหน้าลงมองใบหน้าเหยเก“พุด...
“เมื่อไรมึงจะเอาเงินมาจ่ายเฮีย?” น้ำเสียงแฝงไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด หลังจากที่ชายหน้าเหี้ยมสามคนถีบประตูไม้ของห้องเช่าสภาพเก่าตามราคาจนพังยับเยิน เจ้าของพาร์ทเม้น หรือแม้แต่เพื่อนบ้านคงไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งชายร่างกำยำหนึ่งในสามคน คนละแวกนี้รู้จักกันดีว่าเป็นนักมวยเก่า อีกสองคนนั้นเป็นนักทวงหนี้บ่อนยังทำงานให้ ‘เฮียซ้ง’ มานาน“กูบอก... เดือนหน้างาย... กูจ่ายทุกเดือน...” เสียงอ้อแอตอบ ในความหวาดกลัวที่เหมือนจะไม่มีอยู่เพราะไร้สติสัมปชัญญะ แววตาคู่คมฉายแววอ้างว้างว่างเปล่า กลิ่นเหล้าคละคลุ้งรอบกายชายร่างผอมเกร็ง ขณะปรือตาขึ้นมองชายหนุ่มที่มีหนวดเครารกรุงรัง วางท่าเผด็จการ“กูพูดถึงเดือนนี้! เฮียกู... ไม่ใช่องค์กรการกุศล มึงจ่ายมาแค่สองพัน มึงส่งเงินทำบุญบริจาคโลงศพ...?”“เออ ๆ เดี๋ยวเอาให้ อีกสามพัน...” หนุ่มวัยห้าสิบปีบอกปัดความรำคาญ มือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์หาน้องชาย... แต่ปลายนิ้วก็หยุดลงไปครู่ปรเมษฐ์ให้เงินเขาใช้เป็นเดือนไป เกินกว่านั้นไม่เคยที่จะโอนมาเพราะรู้ว่าพี่ชายอย่างเขาใช้ชีวิตเส็งเคร็งอยู่เท่าไร รับจ้างทำงานก่อสร้างพอแค่ค่าเช่าห้อง ได้เงินมากินเหล้าเข้าบ่
‘หนูสบายดีนะคะ... แม่ไม่ต้องห่วงนะ...’คำพูดผ่านใบหน้าระบายยิ้มจาง ๆ คงส่งไปถึงเถ้ากระดูกของหญิงสาวคนหนึ่งในโกศตรงหน้าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่ ถึงแม่จะจากเธอไปนานแล้ว ในวัยที่ยังจำความอะไรไม่ได้มาก รอยยิ้มหวาน ๆ ของแม่ยังอยู่ในห้วงความทรงจำมาเสมอ อาจจะเป็นความผิดของแม่ที่หลอกพ่อปองกานต์ เธอกลับไม่เคยคิดว่าแม่เป็นคนผิด และเธอไม่เคยโกรธพ่อพ่อผู้แสนดีของเธอได้ตายจากโลกนี้ไปนานแล้ว เช่นเดียวกันกับพ่อแท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดเธอที่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ร่างบางในชุดนักศึกษาผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะหยิบร่มในกระเป๋าสะพายผ้าใบโปรดมากางออก เมื่อเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายซึ่งเธอเพิ่งรู้สึกมันได้ไม่นาน เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหญ้ารกรุงรังบนพื้นที่ก้าวย่ำเหยียบอย่างระวัง ต้องใช้เวลาสักครู่กว่าจะไปถึงที่จอดรถยนต์ ด้านหลังวัดมีโกศรายเรียงอยู่มากมาย คนขับรถประจำตัวกำลังรออยู่ เขาทำหน้ายุ่งมองเธอที่ก้าวขึ้นรถนั่งที่ข้างคนขับ“ฝนตกทำไมไม่เรียกผมล่ะครับ?”“ไม่ได้ตกหนักค่ะ คุณอลัน แค่ปรอย ๆ รถอยู่ใกล้แค่นี้เอง” เหตุผลของเธอพอฟังขึ้นอยู่ หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้านายกำชับเรื่องบางอย่างไว้“แต่คราวหน้า