มีคนออกหน้าช่วยฮูหยินแทนเขา มือสังหารคนนั้นถูกแรงถีบที่ดูอำมหิตที่สุดพาร่างหงายหลังไปถึงหนึ่งจั้ง [ประมาณ 3 เมตร] กระดูกกระเดี้ยวบริเวณซี่โครงคงไม่เหลือเป็นชิ้น ถูกฝ่าเท้านายท่านบดละเอียดไปแล้วกระมังเสียงอวิ๋นถูกฝ่ามือใหญ่จับข้อแขนดึงมาประชิดตัว กระบี่ยาวเงื้อเหนือศีรษะมาแต่ไกล เสียงอวิ๋นถูกแขนแกร่งกอดบริเวณเอวยกร่างนางขึ้นเหนือพื้น เขาพานางหลบกระบี่และสู้กับมือสังหารด้วยมือเดียว หลี่เฉียงถีบคนผู้นั้นออกไปแล้วสั่งการ “จับเป็น” คนของหลี่เฉียงหลั่งเข้ามาจำนวนมาก จับมือสังหารสองคนที่รอดชีวิตคุกเข่ามือไขว้หลัง “บีบยาพิษในปากพวกมันออก”“ไม่ทันแล้วขอรับนายท่าน”หลี่เฉียงกวาดตามองร่างไร้วิญญาณที่นอนระเนระนาดอย่างเย็นชา ตายหมดแล้วคิดว่าเขาจะสืบไม่ได้หรือ “สืบมาให้ได้ว่าเป็นผู้ใดลงมือ”เสียงอวิ๋นเสียดายเล็กน้อยที่จูเหวินไม่ออกมาช่วยนางยามนี้ เกิดอะไรขึ้นกับจูเหวินรึไม่นะ ทั้งที่เป็นโอกาสดีแต่ไม่ปรากฏตัว“เจ้าได้รับบาดเจ็บรึไม่” หลี่เฉียงมองสำรวจฮูหยินตัวเองเมื่อครู่ยามที่เขาเห็นมือสังหารคนนั้นกำลังแทงนาง โทสะก็พลุ่งพล่านอยากสังหารคนผู้นั้นที่จับข้อมือนางอยู่ ดูเหมือนฮูหยินของเขาจะไม่ค่อยพอใจ
ไม่คิดทบทวนสักเล็กน้อยเลย เมื่อก่อนพูดเรื่องหย่าต้องเอะอะโวยวาย แสร้งป่วยเพื่อดึงเขาไว้บ้าง ข่มขู่ฆ่าตัวตายเพื่อให้เขาสนใจบ้าง ครั้งนี้กลับรับปากอย่างรวดเร็ว ง่ายไปหน่อยไหม “แต่มีข้อแม้...ข้าจะสอนเจ้าเรียนรู้งานทุกอย่างในร้าน เจ้าต้องผ่านเกณฑ์ข้าถึงจะส่งมอบกิจการให้เจ้า” อยากหย่าหรือรอไปก่อนเถอะ ข้ายังรอมาได้ตั้งนาน หลังจากนี้ให้นางเป็นฝ่ายรอบ้าง ฮูหยินของเขาเปลี่ยนไปมากสุขุมเยือกเย็น ไม่เรียกร้องให้เขาสนใจ ไม่เสแสร้งแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขาอีกแล้ว“ท่านพี่จะมีเวลาสอนข้ารึ งานของท่านก็ยุ่งพอแล้ว หรือจะให้จางหมิงสอนข้าดีเจ้าคะ ดูแล้วจางหมิงก็มีความรู้เรื่องนี้อยู่พอสมควร”“ไม่ได้” ปฏิเสธอย่างรวดเร็วจนตัวเขาเองก็ประหลาดใจ หลี่เฉียงทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ เขาเป็นอะไรไปกันแน่ ช่วงนี้หงุดหงิดหัวเสียเพราะนางบ่อยมากเสียงอวิ๋นขมวดคิ้วหลี่เฉียงมีแผนการอะไรกันแน่ หรือเพราะม่านถิงลงมือไม่สำเร็จเขาจึงหาวิธีใกล้ชิดแล้วลอบสังหารยามนางเผลอ ไม่ได้การแล้วต้องรีบให้จูเหวินมาอยู่ใกล้ตัว ลองเสี่ยงพูดดูสักครั้งเผื่อเขาจะใจดีกับนางบ้าง “ท่านพี่เหตุการณ์วันนี้ทำให้ข้ากลัว ข้าอยากหาคนคุ้มกันสักคน ข้าขอเลือกเองด้
ยื่นกระดาษใส่มือจูเหวิน “เจ้าเอาไปส่งอีกรอบ หาคนไว้ใจได้ไว้จำนวนหนึ่งด้วย ถึงเวลาข้าจะส่งสัญญาณให้เจ้ารอทำตามแผนในนี้ก็พอ”จูเหวินขมวดคิ้วแผนอะไรของคุณหนูยังไม่ได้หารือกันเลย “พรุ่งนี้ยามอู่ที่โรงน้ำชาเมี่ยงเหมิง”“อืม” เสียงอวิ๋นพยักหน้าปิดหน้าต่าง แล้วยีผมทำหน้างัวเงียไม่อยากตื่นเดินไปเปิดประตู“เหตุใดนานนัก” พอประตูเปิดออกหลี่เฉียงก็เข้ามาในห้องทันที เขากวาดตามองโดยรอบแล้วเดินไปเปิดหน้าต่าง ในห้องมีกลิ่นอายบุรุษเขาไม่ได้คิดไปเองนางนัดพบบุรุษที่นี่เสียงอวิ๋นกำชายเสื้อแน่นเขาทำตัวราวกับมาจับผิดนาง “ท่านหาอะไร”“เมื่อครู่เจ้าอยู่กับใคร”“หมายความว่าอย่างไรท่านพี่ ท่านมารบกวนเวลานอนของข้าเพื่อถามว่าเมื่อครู่ข้าอยู่กับผู้ใดเช่นนั้นหรือ”หลี่เฉียงเดิมอ้อมมาที่โต๊ะหนังสือวางบัญชีสามเล่มลงบนโต๊ะ ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทันไม่ได้แปลว่าไม่สงสัย จูเหวินคนนั้นถูกปล่อยตัวออกมาแล้วต้องมาหานางแน่ การคาดการณ์เขาไม่เคยพลาด นับจากนี้นางจะทำอะไรต่อไปคงต้องจับตามองเข้มงวด หลี่เฉียงเลิกคิ้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่อยากได้แล้ว?กิจการตระกูลจู”“ท่านพี่นี่มันยามจื่อแล้ว [23:00-01:00น.] ท่านมาสอนหรือมากลั่นแกล้งข
สักวันหนึ่งหัวใจของนางคงด้านชาไปเอง ยามนี้ก็ก้าวข้ามความเจ็บปวดได้ก้าวหนึ่งแล้ว ไม่หน้ามืดตามัวไล่ตามความรักจากเขา ความเสียใจก็ดูจะน้อยลงหลิวมามาย่อตัวคำนับฮูหยินกล่าวขอบคุณแล้วปลีกตัวออกมา หันกลับมามองฮูหยินหลายครั้ง พลางคิดในใจผิดปกติเหลือเกินฮูหยินไม่อาละวาดจริง ๆหลี่เสียงกลับเข้าจวนก็ไปที่เรือนของม่านถิงตามปกติของทุกวันจันทร์ ม่านถิงลงมือทำอาหารที่เขาชอบไว้มากมาย คนที่เข้าใจเขาที่สุดก็คือนาง นับตั้งแต่ที่นางช่วยชีวิตหลี่เฉียงก็แวะเวียนไปหาม่านถิงบ่อยมาก ทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันตั้งแต่เขาอายุแปดขวบยามนั้นนางอาศัยอยู่กับป้าของนางบิดามารดาเสียชีวิตไปหมดแล้ว ยิ่งทำให้หลี่เฉียงเอ็นดู ยามอายุเก้าขวบเขาเริ่มดูแลการค้าช่วยบิดาจึงได้รับเบี้ยรายเดือน หลี่เฉียงใช้เงินส่วนนี้ส่งม่านถิงเข้าสำนักศึกษาฟ้งหยาซึ่งเป็นสำนักศึกษาของสตรีเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะดูแลม่านถิงอย่างดีตอบแทนที่นางช่วยชีวิต พอถึงวัยออกเรือนจะรับนางเป็นฮูหยิน ทว่าช่วงเวลาที่เขากำลังก่อร่างสร้างตัว มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ม่านถิงกลับถูกสหายเพียงหนึ่งเดียวในสำนักศึกษาสังหารป้าของม่านถิงไม่พบหน้าหลานสาวก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ การ
“ฮูหยินท่านรีบหาทางออกไปเถิดข้าน้อยจะแสร้งสลบเหมือนผู้คุ้มกันเหล่านั้น” จูเหวินกระซิบกระซาบเสียงอวิ๋นก็อยากออกไป หากแต่ยามนี้ไม่มีหนทางให้นางหนีออกไปได้ จะปล่อยให้เขาเข้ามาก็ไม่ได้อีก สายตาสอดส่องหาช่องหลบหนี ไม่มีที่ให้ไปแล้ว เสียงอวิ๋นย่องเบาไปทางห้องสุขา เหลือบเห็นมุมอับพาตัวเองไปแอบแนบชิดผนังราวจิ้งจก ที่ตรงนี้มืดมิดคับแคบ มีช่องให้นางเข้าไปซุกอยู่ได้พอดีตัว“นายท่านได้ตัวกงหยางมาแล้วขอรับ ยามนี้อยู่ที่ห้องข้างใต้ดิน นายท่านจะไปสอบสวนเลยรึไม่” เฉินอี้เดินเข้ามาเอ่ยรายงาน“รอก่อน ข้ารู้สึกว่าที่นี่มีกลิ่นน้ำอบที่ฮูหยินใช้”เสียงอวิ๋นกลั้นลมหายใจเมื่อหลี่เฉียงเดินเข้ามาใกล้ ใจของนางเต้นตึกตักแทบทะลุทรวงอก หากเขามาพบเจอนางยามนี้จะแก้ตัวอย่างไรดี หรือจะแสร้งสลบแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่อง ไม่ได้อีกนางอยู่ในชุดบุรุษ ใช่ นางอยู่ในชุดบุรุษติดหนวดเคล้ารุงรัง ไม่แน่ว่าเขาจะจำนางได้ หากไม่ได้ยินเสียงเขาก็อาจจะไม่รู้ว่าเป็นนางเรื่องลำบากใจตอนนี้คือนางไร้วรยุทธ์สู้กับเขาไม่ได้ เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที เสียงอวิ๋นกำมือแน่นกลั้นลมหายใจไว้“นายท่านขอรับฮูหยินถูกเว่ยเฉาจับตัวไป ยามนี้หัวหน้าจางต
จางหมิงหน้าหงอยครั้งนี้เขาผิดพลาดร้ายแรงจึงยอมรับโทษโดยไม่เถียงนายสักคำ “ข้าน้อยยอมรับโทษขอรับ”หลี่เฉียงรีบควบม้าออกไปด้วยความโมโห เขารู้สึกได้ว่าเสียงอวิ๋นยังอยู่ในจวน กลิ่นน้ำอบในห้องใต้ดินไม่ผิดแน่ นางไม่ได้ถูกจับนางกำลังวางแผนช่วยจูเหวิน เก่งดีนี่หลอกคนของเขาให้เชื่อได้ สตรีคนนี้ต้องถูกสั่งสอนให้หลาบจำสักครั้งที่กล้าปั่นหัวเขากลับมาถึงจวนอย่างเร่งรีบ โรงครัวมีไฟลุกโหมกระหน่ำ คิ้วของหลี่เฉียงกระตุกมุมปากยกขึ้นอย่างโมโห นางเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้เชียว กล้าดีนักบ่าวและผู้คุ้มกันที่เขาทิ้งไว้ต่างเร่งรีบช่วยกันดับไฟ หนึ่งในนั้นวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาหลี่เฉียง “นายท่านข้าน้อยเข้าไปช่วยภรรยาที่ติดอยู่ในโรงครัวมา เห็นฮูหยินถูกมัดกลิ้งออกมาจากตู้เก็บของขอรับ เปลวเพลิงก็รุนแรงมากตอนข้าน้อยออกมาไฟโหมไปทางฮูหยินแล้ว ข้าน้อย...”หลี่เฉียงไม่รอฟังบ่าวคนนั้นพูดจบก็พุ่งเข้าไปในห้องครัวทันที ใจของหลี่เฉียงร้อนรน กังวลยิ่งกว่าตอนที่เห็นมือสังหารเงื้อกระบี่ฟันนางเสียอีก เพราะยามนั้นเขาสามารถช่วยนางได้ทันที ทว่ายามนี้นางเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ เหตุใดต้องห่วงใยนางถึงเพียงนี้ หาก
หลี่เฉียงเดินเข้าไปกอดร่างอรชรที่ไร้สติไว้แน่น เขาอยู่ตรงนี้นานไม่ได้รีบแก้มัดแล้วอุ้มร่างนุ่มนิ่มฝ่าดงควันออกไปทางหน้าต่าง โชคดีเหลือเกินที่เสาหักครึ่งท่อนมาชนไม้ท่อนนั้นจนตกเลี่ยงไปจากตัวฮูหยินของเขา ถึงกระนั้นใจของเขาก็ยังอดสั่นไม่ได้อยู่ดี จากนี้ต่อไปต้องดูแลนางให้ดีเสียงอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อครู่นางไม่ได้หูฝาดใช่รึไม่ เสียงของหลี่เฉียงสั่นเครือสูดน้ำมูกราวกับร้องไห้ ไม่จริงหรอก น่าจะเพราะควันเยอะจนแสบจมูก เขาน่ะหรือจะห่วงนาง เขาเสี่ยงตายมาช่วยเหนือคาดจริง ๆ เสียงอวิ๋นไม่ได้สำลักควันมีบ้างที่สูดเข้าไป ทว่านางใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูกหนาแน่น นอนแนบพื้นอยู่ควันส่วนใหญ่ถูกลมพัดไปอีกด้าน พอได้ยินเสียงสามีใกล้เข้ามา ก็เอียงหน้าให้ผ้าปิดจมูกตก แล้วนางก็กระดึ๊บเหมือนหนอนออกมาจากบริเวณนั้น จะตายได้อย่างไรไฟจุดบริเวณไหนนางรู้ดีเพราะสั่งการหลิวมามาไว้ ตอนแรกที่เข้ามาตัวของนางยังเปียกชุ่ม ทว่ายามนี้ความร้อนของไฟทำให้แห้งสนิทหมดแล้ว พอออกมาจากคุกใต้ดินนางก็สั่งหลิวมามา“หลิวมามาเจ้ารีบมัดมือข้า”“ฮูหยินอันตรายถึงชีวิตนะเจ้าคะ”“หากไม่ถึงชีวิตจะสมจริงได้อย่างไร”หลิวมามาใช้เชือกมัดข้อมือฮูหยินร
“แล้วนางรอดมาได้อย่างไร” ม่านถิงเจ็บใจที่ครั้งนี้เสียงอวิ๋นรอดมาได้อีกแล้ว มีคนคิดกำจัดเสียงอวิ๋นแทนนาง ต่อไปนางจะเป็นผู้ชมคอยรับผลประโยชน์ ไม่ต้องลงมือลงแรงให้เสี่ยงถูกจับได้“นายท่านช่วยออกมาเจ้าค่ะ”ม่านถิงกำมือแน่นหลี่เฉียงปากก็บอกว่าจะหย่ากับเสียงอวิ๋น แต่แววตาช่วงนี้ของเขามีหรือม่านถิงจะมองไม่ออก ทว่ายามนี้นางก็เป็นภรรยาคนหนึ่งของเขา เพียงแค่เรื่องเมื่อคืนทำให้นางตั้งครรภ์ หลี่เฉียงก็ต้องทำตามสัญญาหาทางหย่ากับเสียงอวิ๋น“มีเรื่องอะไรที่เจ้าสืบมาได้อีก”“เมื่อวานเฉินอี้จับคนมาขังที่ห้องใต้ดิน ข้าน้อยยัดเงินจำนวนหนึ่งให้ผู้คุ้มกันจึงรู้ว่าคนผู้นั้นชื่อกงหยาง”ร่างของม่านถิงนิ่งค้าง มือที่ถือจอกชาอ่อนแรงชั่วขณะจนจอกชาหล่นพื้น คนผู้นั้นไม่ยอมจัดการตามที่นางขอส่งมาเพียงยาแก้พิษ เช่นนั้นนางต้องลงมือเองเสียแล้ว “อาหย่งเจ้าไปสืบมาหน่อยว่าพี่หลี่เฉียงเข้าไปสอบสวนกงหยางรึยัง”“ยังเจ้าค่ะ ผู้คุ้มกันบอกว่าเมื่อคืนนายท่านยุ่งอยู่ที่เรือนฮูหยิน”“นอนกับข้าแล้วยังไปค้างกับนางปีศาจนั่นอีก” ม่านถิงกวาดป้านชาบนโต๊ะตกแตกกระจายบนพื้น ดวงตาโศกเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาเพิ่งร่วมรักกับนางไปหยก ๆ แทนที่
หลังจากส่งเว่ยเฉาหลี่เฉียงพาเสียงอวิ๋นกลับจวนเพื่อรับจิ่นซางเข้าวัง เนื่องด้วยขันทีข้างพระวรกายไท่ซ่างหวงมาตามเป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่รับราชโองการฝ่าบาทครั้งนั้นหลี่เฉียงก็ยุ่งกับแผนการกำจัดต้วนอ๋อง ทำให้ยังไม่ได้พาจิ่นซางและเสียงอวิ๋นไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงหลี่เฉียงคุกเข่าสองมือกุมหมัด “กระหม่อมถวายบังคมไท่ซ่างหวงขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี“หม่อมฉันขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีเพคะ” เสียงอวิ๋นเองก็คุกเข่าคำนับเต็มพิธีการ“ยายหนูพาจิ่นซางน้อยลุกขึ้นเถิด มาตรงนี้มาให้ปู่ดูหน่อยว่าเจ้าหน้าตาเหมือนใคร ฮ่าฮ่า จิ่นซางน้อยของปู่เจ้าเหมือนเหล่าเซี่ยมาก ดีแล้วที่เจ้าเหมือนปู่ของเจ้า ปู่ของเจ้ามีคุณธรรมโอบอ้อมอารี มีลูกศิษย์เยอะแยะมากมาย ไม่รู้ใครบางคนไปเอานิสัยแย่ ๆ มาจากไหน”หลี่เฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดไท่ซ่างหวงไม่บอกให้เขาลุกขึ้นบ้างเล่า แล้วพูดเช่นนั้นกำลังเหน็บแนมเขาหรือ เสด็จพ่อข้าเป็นบุตรบุญธรรมท่านนะ ท่านต้องเข้าข้างข้าถึงจะถูก หลี่เฉียงโอดครวญในใจ ยามนี้คุกเข่าจนขาเริ่มชาแล้ว ทว่าไท่ซ่างหวงกับเสียงอวิ๋นไม่มีใครสนใจเขาสักคน เอาแต่หยอกล้อบุตรชายหน้าเหม็นของเขาที่หั
“ฮูหยินอีกสักรอบเถอะ”“อีกรอบบ้านท่านสิ” เสียงอวิ๋นถีบหลี่เฉียงลงจากเตียง เมื่อมือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งอีกแล้ว สามวันมานี้เขาเคี่ยวกรำนางจนลงจากเตียงไม่ไหว พอลุกขึ้นจะไปหาจิ่นซางขานางก็สั่นก้าวไม่ออกมารราคะตนนั้นเท้าศีรษะมองนางแล้วยิ้มขำ บอกนางว่าจิ่นซางมีแม่นมดูแล จากนั้นก็อุ้มนางกลับมาที่เตียงและเริ่มบรรเลงเพลงรักอีกครั้งและอีกครั้งเสียงอวิ๋นรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นนางทรมานหลี่เฉียงน้อยเกินไป พอให้อภัยเขา เขาก็เรียกคืนนางจนร่างแทบแหลก เจ็บใจเสียจริง!!รู้แบบนี้ทำตามที่เว่ยเฉากระซิบก็ดี แสร้งหย่าแล้วเดินทางไปท่องเที่ยวกับเว่ยเฉา ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวอยู่ที่ต้าเยี่ยลำพังเป็นนางเองที่ใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของเขา เสียใจตอนนี้ไม่ทันแล้วถูกเขากินทั้งเนื้อทั้งตัวมาสามวันเต็ม“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้วมากินข้าว” ว่ากันว่าภรรยาถีบเพราะรักเขาไม่ถือสา เห็นนางไร้เรี่ยวแรงหลี่เฉียงทั้งสงสารทั้งเอ็นดู เดินเข้าไปหานางเพื่ออุ้มนางมากินข้าว พอเห็นท่าทางระแวดระวังของนางเขาก็อยากแกล้งนางอีกแล้ว “กินเจ้าก่อน...ค่อยกินข้าวก็ดีเหมือนกัน”คนบ้า!!หากยังกินนางอีกคงไม่มีแรงลุกไปส่งเว่ยเฉาเสียงอวิ๋นมอ
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไรนี่เป็นของแทนใจพ่อลูก เจ้าจะเข้าใจอะไรอย่าสอดปากดีกว่าหลี่เฉียงอยู่เฉย ๆ ข้าจะคุยกับลูกข้า”เรื่องใดก็ตามหลี่เฉียงล้วนสุขุมเยือกเย็นและมีแผนการล้ำลึก มีเพียงเรื่องฮูหยินกับบุตรชายที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ “เว่ยเฉาเจ้าเคยตายรึไม่หากยังข้าจะสนองให้”“หลี่เฉียงนั่นพ่อของจิ่นซางท่านเป็นคนอื่นไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ” เสียงอวิ๋นเอ่ยเสียงเยือกเย็นฮูหยินรักนี่คือการเอาคืนของเจ้าใช่รึไม่ เจ้าไม่ได้คิดเกินเลยกับเว่ยเฉาจริงใช่รึไม่ ให้ตายเถิดใจข้าเดือดปุด ๆ เหมือนน้ำร้อน อยากลงไม้ลงมือกับคนที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้าเสียจริงยามนี้เข้าใจแล้วที่เสียงอวิ๋นไล่ตบตีสตรีไปทั่ว ทำตัวไร้เหตุผลไม่น่ารัก ที่จริงนางเพียงรักเขาและอยากประกาศความเป็นเจ้าของเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาอยากซัดใบหน้าสหายดับความร้อนในใจ เข้าใจความรู้สึกของนางก็ยามที่มาเจอกับตัวเองเว่ยเฉายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหอมแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อยในอ้อมแขนจากนั้นก็โน้มกายไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเสียงอวิ๋น เขาคบกับหลี่เฉียงมานานย่อมรู้ว่าวิธีใดยั่วโมโหสหายได้“ไสหัวไป” หลี่เฉียงตวาดลั่นอยากอดรนทนไม่ได้อีก หลายวันมา
เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงอวิ๋นยังไม่ทันได้ไปที่ห้องเก็บฟืน ก็มีคนมารายงานว่าม่านถิงฆ่าตัวตายแล้วจนใจที่ยังไม่ได้กรอกยาพิษเอาคืนม่านถิงเลย นางก็วิ่งชนเสาฆ่าตัวตายเสียแล้วถือว่านางเลือกได้ดี คงรู้ตัวว่าจะถูกทรมานจึงเลือกทางนี้จูเหวินสืบข่าวเรื่องบุตรของม่านถิงมาได้ หลังจากคลอดม่านถิงก็เอาบุตรสาวไปทิ้งที่หน้าจวนตระกูลกง บุตรสาวที่น่าสงสารของม่านถิงจึงมีบิดาคอยดูแลอยู่ ถือว่าเป็นโชคดีของนางได้ข่าวว่ากงหยางรักและเอ็นดูบุตรสาวไม่น้อยส่วนหลี่เฉียงแม้จะมีความดีลบล้างความผิดไปบ้างแล้ว ก็ยังคงต้องชดใช้ให้นางอยู่ดี จูเหวินสืบมาได้ว่ายามนั้นเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนของเขา หลี่เฉียงได้ให้ยาแก้พิษกับกงหยางและต้านเป่าไว้แล้ว เพียงแต่มันออกฤทธิ์ช้าไปหนึ่งวัน เพื่อตบตาม่านถิงเขายังแสร้งไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของม่านถิง หลี่เฉียงก็ยังคงชั่วช้าสารเลว เจ้าเล่ห์ คาดเดายาก หลอกลวงเก่งไม่เปลี่ยนหลิวมามาเหลือบมองผู้เป็นนายอยู่หลายครั้ง ชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่ นายท่านจับไข้มาสามวันแล้วฮูหยินไม่เคยเข้าไปดูเลย หลิวมามาร้อนใจเหลือเกิน กลัวว่านายน้อยจะขาดครอบครัวอบอุ่น “ฮูหยินไปดูนายท่านหน่อยดีรึไม่เจ้าคะ”“หลิว
“นายท่านฮูหยินจับแม่นางม่านถิงโยนลงน้ำแล้วขอรับ” จางหมิงเข้ามารายงานหน้าตาตื่น นายหญิงกลับมาเป็นนายหญิงคนเก่าแล้ว กำลังเอาคืนคนที่เคยทำร้ายนางมาก่อน น่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงเรื่องพวกนี้ต้องเชิญนายท่านไปดูเสียหน่อย ถึงเวลาที่ฮูหยินเอาคืนนายท่านจะได้รับมือทันเพียงแต่ฮูหยินคงไม่เอาคืนนายท่านหรอกเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเลยจริง ๆ ได้ยินเพียงต้านเป่าเล่าว่าฮูหยินยามแทงปิ่นลงอกนายท่านเด็ดเดี่ยวเพียงใด เจ้าต้านเป่าที่อยู่แดนเหนือจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ไม่ได้พบกันหนึ่งปีแล้วจะสบายดีรึไม่หลี่เฉียงยิ้มมุมปากแล้วเดินไปยืนเคียงข้างฮูหยินของตน ยามนี้นางปรายตามองมาที่เขาเล็กน้อยแล้วไม่สนใจอีก คงจะลองใจเขาว่าจะกระโดดลงไปช่วยม่านถิงรึไม่ หากเขากล้ากระโดดลงไปจุดจบของเขาคงไม่ต้องคิดก็รู้ กว่าจะหลอกล่อให้นางยอมกลับจวนยากลำบากแทบตาย จะไม่ยอมผิดพลาดอีกเด็ดขาด “ฮูหยินร้อนรึไม่เดี๋ยวสามีพัดให้” หลี่เฉียงใช้มือโบกสะบัดให้ลมพัดใบหน้างดงามของฮูหยิน ที่ยามนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเพื่อบรรเทาความร้อนให้นาง“ฮูหยินแม่นางม่านถิงจมไปก้นสระแล้วขอรับ” เฉินอี้กล่าวเตือน“งมนางขึ้นมา ท่านพี่ท่านควรลงไปพาม่านถิงขึ้นมานะ”เหงื
“เพิ่งจะรู้ว่าเสี่ยวเสียงน้อยที่เอาแต่รังแกข้ายามเด็ก ก็ห่วงข้าเหมือนกัน” เหวยต้าเซียวถูกเหล่าองครักษ์บดบังจนมิด ยามนี้มีเสียงเปล่งออกมา องครักษ์ทั้งหลายก็แหวกทางให้เขา ร่างสูงโปร่งแผ่รัศมีราชันดูสูงส่งองอาจ ใบหน้าอ่อนโยนของฝ่าบาทยิ้มเล็กน้อยให้ทุกคน แล้วก้าวเดินมาหยุดยืนรวมตัวกับพวกหลี่เฉียง“นี่ พวกท่านจะเล่นละครช่วยแจ้งข้าก่อนได้รึไม่ ข้าหัวใจแทบหยุดเต้นแล้ว” เสียงอวิ๋นตวาดอย่างโมโหมีนางคนเดียวสินะที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ไม่สิยังมีอีกคนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ นั่นก็คือต้วนอ๋อง“พะ พะ พวกเจ้า” ต้วนอ๋องชี้หน้าอีกฝ่ายมือสั่น หมากกระดานนี้เขามั่นใจนักว่าจะชนะ แต่แพ้ยับเยินให้พวกหมาป่าเจ้าเล่ห์ ยามนี้คนที่จับกุมฮ่องเต้ก่อนหน้านั้นหันมาจับกุมเขาแทน คนพวกนี้เป็นสิบคนที่ตามคุ้มกันจูฮูหยิน แสบนักเจ้าเด็กพวกนี้วางแผนได้แนบเนียนจนเขาดูไม่ออก “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแพ้แล้ว ตอนไหนกันที่เจ้ามาสับเปลี่ยนตัวฝ่าบาทหลี่เฉียง” เขามั่นใจนักว่าแผนเขาล่มไม่เป็นท่าเช่นนี้ มือมืดที่อยู่เบื้องหลังก็คือเสนาบดีแห่งต้าเยี่ยที่คอยขัดแข้งขัดขาเขาไว้ตลอดนั่นเอง“ท่านอ๋องอย่าลืมว่ายังมีองค์รัชทายาทแห่งแคว้นฉินอีกคน เรื่องน
“องค์รัชทายาทท่านควรสังหารหลี่เฉียงเหตุใดถึงร่วมมือกับเขาหักหลังข้า” ต้วนอ๋องเอ่ยด้วยใบหน้าดุร้ายเหี้ยมโหด ยามนี้เขาถูกล้อมจับ ทว่าเขายังมีไม้ตายไม้สุดท้ายเหลืออยู่ และหมากกระดานนี้เขาต้องพลิกกลับมาชนะให้ได้“ท่านอ๋องตบตาคนได้แนบเนียนเสียจริง ข้าหลงเข้าใจผิดมานานว่าหลี่เฉียงสังหารเหนียวเหนี่ยว ความจริงแล้วเป็นท่านต่างหาก บัญชีแค้นวันนี้อย่างไรต้องชำระให้สิ้น หากข้าไม่พบเหนียวเหนี่ยวมาก่อน คงโง่ให้ท่านหรอกใช้ต่อไปเพราะความแค้นบังตา”“ฮ่าฮ่าฮ่า ใครใช้ให้นางรู้ความลับมากมายในค่ายทหารของข้ากัน หากนางอยู่ในส่วนของนางดี ๆ ข้าจะคิดสังหารนางหรือ นางขโมยความลับในค่ายของข้าไป คงเป็นหลี่เฉียงสินะที่จัดฉากการตายนี้ขึ้นมา เจ้าเด็กวายร้ายนี่ตบตาคนเก่งนักข้าเชื่อสนิทใจว่าองค์หญิงตายแล้วไม่เคยคิดป้องกันมาก่อน คิดว่าความลับนั้นได้ตายไปกับองค์หญิงแล้ว หลักฐานพวกนั้นทำให้เจ้าหวาดระแวงข้าและก้าวออกมาตัดทางรุกของข้าก่อนหนึ่งก้าวเสมอ ใช่รึไม่หลี่เฉียง”“ท่านอ๋องเดาถูกแล้ว ยามนั้นเหนียวเหนี่ยวมาหาข้า และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง หนทางเดียวที่จะทำให้นางปลอดภัยคือการตาย ข้าจึงจัดฉากนี้ขึ้นมา” หลี่เฉียงเอ่ยกับต้วน
เว่ยเฉาหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ฟังสหายรักเอ่ยปากจบ เมื่อก่อนเขากับหลี่เฉียงเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย ด้วยปณิธานอันแรงกล้า จึงออกมาหาประสบการณ์ต่างแคว้น ยามนั้นเขาเจอโจรป่ารุมทำร้ายและได้หลี่เฉียงช่วยไว้ จากนั้นหลี่เฉียงก็พาเขามาส่งให้อาจารย์ที่วังยารี หุบเขาลั่ววั่งเป็นสถานที่ในความทรงจำของเขาและหลี่เฉียงเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกยุทธ์ การเล่าเรียนพวกเขาล้วนฝึกฝนมาด้วยกัน หลังจากสิ้นอาจารย์เว่ยเฉาจึงดูแลเขาลั่ววั่งสืบต่อมาทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากเหนียวเหนี่ยวตามมาสมทบ เขาเห็นหลี่เฉียงลงมือสังหารเหนียวเหนี่ยวกับตาแล้วโยนนางลงเหวลึกอย่างเลือดเย็นเขาค้นหาเหนียวเหนี่ยวพลิกแผ่นดินใต้หุบเหวที่มีแต่เศษซากกระดูกมนุษย์ เนื้อหนังบางส่วนของซากศพถูกแร้งกากัดแทะกระจัดกระจาย ยามนั้นเว่ยเฉาสาบานกับตัวเองว่าต้องแก้แค้นให้น้องสาวให้ได้เขาไม่มีหน้ากลับไปพบเสด็จพ่อเสด็จแม่ หากไม่ได้ตัดศีรษะหลี่เฉียงมาสังเวยน้องสาว เขาหาร่างไร้วิญญาณของเหนียวเหนี่ยวอยู่สามวัน ไม่รู้ว่านางถูกสัตว์ร้ายแทะกินเหลือแต่กระดูก หรือร่างอาจเละหาชิ้นส่วนไม่เจอเพราะตกจากที่สูง เขาไม่พบร่างสมบูรณ์ของนางพบเพียงป้ายหยกประจำกายองค์ห
“ข้าปล่อยเวลาล่วงเลยมานานแล้ว เมื่อถึงเวลาเหมาะสมย่อมต้องสะสาง ข้าอยากเจอเจ้าอยากคุยกับเจ้า จึงใช้วิธีสิ้นคิดเช่นนี้ เสี่ยวเสียงไปกับข้าเถิด ข้าจะให้เจ้านั่งเคียงข้างข้าในจุดสูงสุด เจ้าจะเป็น...”“สูงเกินไปก็เหน็บหนาว เว่ยเฉาข้าเห็นเจ้าเป็นสหายที่ดี”คำตอบของนางชัดเจน ปิดกั้นเขาไว้ทุกทางไม่ให้โอกาสเขาเข้าไปเดินเล่นในใจนางแม้แต่น้อย “เฮ้อ!!เจ้าเลือกแบบนี้ไม่เสียดายหรือ จิ่นซางก็ยังเด็กข้าว่าเจ้าเลือกใหม่เถิดนะ เลือกข้า...เจ้ากับลูกถึงจะปลอดภัย” รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นที่ริมฝีปากหยักได้รูป“องค์รัชทายาท”บุรุษวัยกลางคนสวมใส่ชุดทหารเดินเข้ามาคุกเข่ากำหมัดคำนับเว่ยเฉา รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างกำยำองอาจ แค่ชายผู้นี้มองมา สายตาก็โหดเหี้ยมราวกับมัจจุราชมาแย่งชิงชีวิต เขาผู้นี้คือต้วนอ๋อง แม่ทัพรักษาการแดนเหนือของต้าเยี่ย ที่ถูกแต่งตั้งโดยฮ่องเต้องค์ก่อนต้วนอ๋องเป็นสหายร่วมรบและก่อตั้งต้าเยี่ยขึ้นพร้อมฮ่องเต้องค์ก่อน ซึ่งยามนี้ฮ่องเต้องค์ก่อนสละราชบัลลังก์กลายเป็นไท่ซ่างหวงในปัจจุบัน และไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องในราชสำนักอีก ปล่อยให้โอรสเพียงองค์เดียวจัดการสะสางไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในรา