“ผมอยากเจอคนที่ชื่อพรายสมิง…”ผมเอ่ยบอกพี่เข้มไปอย่างจริงจัง พี่เข้มก็มองหน้าผมด้วยสีหน้าดุดัน“เอ็งจะไปอยากเจอมันทำไม?”พี่เข้มถามผมเสียงเขียวอย่างไม่พอใจ ทำให้ผมงุนงงหนักเพิ่มขึ้นไปอีกว่าทำไมพี่เข้มต้องไม่พอใจผมขนาดนี้ด้วย“ก็เป็นเพราะพรายสมิงไม่ใช่เหรอครับ…ที่ทำให้ผมมาที่นี่…เพราะฉะนั้นเขาจะต้องรู้วิธีที่จะทำให้ผมกลับไปยังที่ที่ผมมาได้สิครับ…”ผมว่าอย่างจริงจัง แววตามุ่งมั่นผิดกับพี่เข้มที่มองผมด้วยแววตาสั่นไหว“เอ็ง…ไม่อยาก..อยู่กับข้าเหรอ?”พี่เข้มเอ่ยถามผมเสียงสั่นไหวแววตาก็สั่นไหวเช่นกัน ทำให้วินาทีนั้นเหมือนสิ่งที่อยู่รอบๆตัวผมได้หยุดชะงักลงไปทั้งๆที่ลมยังคงพัดแรงกระหน่ำอยู่แท้ๆแต่พอได้ยินคำพูดที่เขาถามผมเสียงแผ่วเบาและสั่นไหวของพี่เข้มแล้วทำให้ผมเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะนั่นสิ ถ้าผมกลับไปยังที่ที่ผมจากมา ผมก็จะไม่มีวันได้เจอพี่เข้มของผมอีกแล้ว ใช่ไหม“ตอบข้าสิ…ว่าเอ็งไม่อยากอยู่ที่นี่กับ….ข้า…”พี่เข้มเอ่ยถามผมเน้นย้ำอย่างต้องการคำตอบ ผมก็จ้องมองเขาด้วยแววตาสั่นไหว อย่างคิดไม่ออกจริงๆว่าผมจะเลือกอะไรถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากกลับบ้านแต่ผมก็อยากอยู่กับพี่เข้มด้วยเหมือนกัน ผมเลือกไ
ผมพูดเสร็จก็โผเข้าสวมกอดร่างของพี่เข้มทันที“ฟอดดดด….ผมรักพี่นะครับ…ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอยู่ที่นี่กับพี่…”ผมพูดบอกพี่เข้าไปพลางสูดดมกลิ่นกายของพี่เข้มไปด้วย ด้วยความรัก“ผมอยากอยู่….แต่จะให้ผมเห็นแก่ตัวเห็นแก่ความสุขตัวเองและทิ้งคนอีกหลายร้อยคนให้ทุกข์ลำบากไม่ได้หรอกครับ….”“เหมือนที่บรรพบุรุษของเราไม่เคยทำให้เราต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานและลำบากเหมือนเช่นทุกวันนี้ยังไงล่ะครับ….”ผมอธิบายสิ่งที่ผมคิดและผมทำด้วยความเต็มใจให้พี่เข้มฟังผมมีบรรพบุรุษของผมเป็นไอดอล…ผมจะต้องยืนหยัดและมุมานะในหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตผม ผมก็ยอม“อืม….ข้าเข้าใจแล้ว…ข้าเข้าใจเอ็งแล้ว…”“ข้าขอโทษที่งี่เง่าและไร้เหตุผลกับเอ็งมากไป….”พี่เข้มกอดตอบผมแน่นและเอ่ยขอโทษผมมาพร้อมกับกดปลายจมูกสูดดมกลุ่มผมของผมอย่างรักใคร่“หึ…..นี่น่ะเหรอจุดอ่อนของเอ็ง…..”เสียงเข้มใหญ่ของผู้ชายเอ่ยขึ้นทำให้ผมและพี่เข้มได้สติว่าเราทั้งคู่ กำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่พรึบผมปล่อยมือออกจากร่างหนาของพี่เข้มก่อนจะมองไปยังต้นเสียงนั้น ก็แทบจะทำให้ผมเข่าทรุดกับภาพเบื้องหน้าเสือโคร่งลายพาดกลอนขนาดแปดศอกกำลังยืนจังกล้าอยู่ตรงหน้าข
ฟิ้ววววววววววววววโฮก ฮาก(เสียวคำรามของเสือ)ลมพัดโหมกระหน่ำจนผมต้องหลับตาปี๋เพราะฝุ่นเข้าตาทั้งสองข้างของผม แต่เสียงคำรามของเสือโคร่งใหญ่โตแปดศอกนั่นยังคงร้องคำรามลั่นทั่วไปทั้งผืนป่าแห่งที่เป็นหุบลึกแห่งนี้พรึบและสักพักลมที่พัดแรงกระหน่ำก็หยุดลงราวกับเหมือนโดนใครสั่งให้หยุด ทำให้ผมค่อยๆลืมตามองไปยังเบื้องล่างต้นมะค่าใหญ่ที่ผมนั่งอยู่แทบจะทันทีด้วยความเป็นห่วงพี่เข้ม ภาพเบื้องหน้าที่ผมเห็นในตอนนี้คือพี่เข้มนั่งยองๆลงที่พื้นดินพร้อมกับเอามีดปลายแหลมด้ามสั้นกดแทงลงไปบนพื้นดินและปากก็พึมพำอะไรบางอย่างอยู่แต่ที่รู้ๆคือไอ้เสือโคร่งตัวนั้นมันกำลังแสดงท่าทางไม่พอใจพี่เข้มเป็นอย่างมากในตอนนี้ผมก็ยกปืนเล็งปากกระบอกพร้อมลั่นไกจ่อเล็งไปที่ร่างของเสือโคร่งตัวนั้น ถ้ามันกระโจนเข้าทำร้ายพี่เข้มเมื่อไหร่ ผมยิงมันแน่“หึ….เอ็งคิดว่าเอ็งจะทำอะไรข้าได้อย่างงั้นเหรอ…ไอ้เข้ม!”เสียงผู้ชายที่มีความดุดันเอ่ยออกมาทำให้ผมขมวดคิ้วงุนงงและสงสัยเพราะเสียงนั้น ดังออกมาจากเสือโคร่งใหญ่ตัวนั้น“หึ…ถึงวิชาอาคมของข้าจะไม่แกร่งกล้าถึงเอ็ง….แต่คนอย่างข้าก็ไม่เคยยอมแพ้คนที่เนรคุณอย่างเอ็ง!!”พี่เข้มผุดลุกขึ้นพร้อมก
“พอเถอะ…..!!!”ผมตะโกนฝ่ากลางเสียงของสายฝนไปอย่างดุดันและเข้มขรึม เพราะเสือสองตัวนั้นสู่กันมาเป็นชั่วโมงแล้ว และเสือดำก็เริ่มจะแย่แล้วแต่ดูเหมือนไอ้เสือลายพาดกลอนนั้นมันกะจะเอาเสือดำให้ตายไปเลย แต่เสียงของผมกลับกลายเป็นเพียงแค่อากาศธาตุเพราะเสียงของผมไม่ได้เข้าหูของเสือทั้งสองตัวนั้นเลย “โถ่เว้ย!!!” พรึบ ผมสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับทุบมือลงไปบนกิ่งไม้อย่างหงุดหงิด จิตใจของผมร้อนรุ่มดังมีเปลวไฟสุมอยู่ในอกผม ยิ่งผมเห็นเสือดำใหญ่นั้นเจ็บมากเท่าไหร่ ผมก็เจ็บตามไปด้วย แต่แล้วสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นสร้อยคอที่ผมสวมใส่อยู่ คำพูดของพี่เข้มดังกึกก้องเข้ามาในโสตประสาทของผม “หน้าผากเสือของอาจารย์ข้า…พออาจารย์ข้าสิ้น…ข้าก็นำหนังหน้าผากของท่านมาลงอักขระตามคำสั่งเสียของท่าน…” ผมเมื่อนึกได้แบบนั้นก็หยิบยกหน้าผากเสือขึ้นมากุมไว้พร้อมกับพนมมือยกไหว้ด้วยหัวใจที่เคารพ “ท่านอาจารย์ของพี่เข้มและพี่เข้ม…โปรดช่วยเสือดำตัวนั้นให้รอดพ้นจากเสือลายพาดกลอนใหญ่นั้นด้วยเถอะครับ…” “ขอให้กระสุนที่ผมจะยิงใส่เสือลายพาดกลอนใหญ่นั้นทะลุเข้าไปในร่างกายของมันได้ด้วยเถอะครับ….”ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพ
เช้าวันต่อมา…..บ้านพรานเข้ม….ดาวเหนือ…..พรึบ“โอ้ย….”ผมร้องออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วทั้งบริเวณร่างกายของผมเหมือนกับกระดูกของผมมันแตกหักออกเป็นชิ้นๆเลยล่ะพรึบ“อย่าเพิ่งขยับมาก…กระดูกเอ็งไอ้เข้มเพิ่งจะต่อให้…เดี๋ยวจะกลับไปหักอีก….”น้ำเสียงดุๆที่คุ้นหูผมเอ่ยขึ้นมาทำให้ผมหันไปมองหน้าลุงสิงห์ทันทีพลางขมวดคิ้วงุนงงสงสัยว่าสิ่งที่ลุงพูดเมื่อครู่นี้คืออะไรกันกระดูกผมหักเหรอ และพี่เข้มเพิ่งจะต่อให้ด้วย จะเป็นไปได้ยังไงกันก็ในเมื่อภาพความจำสุดท้ายก่อนที่ผมจะหมดสติไปผมนั่งอยู่บนต้นไม้มองลงมายังพื้นเบื้องล่างที่มีร่างของเสือดำใหญ่นอนบาดเจ็บเจียนตายอยู่และทันใดนั้นร่างของเสือดำก็แปรเปลี่ยนมาเป็นร่างของพี่เข้ม“ทำไมเอ็งทำหน้าตื่นตะหนกแบบนั้น?”ลุงสิงห์เอ่ยถามผมพร้อมกับมองหน้าผมอย่างสงสัย ผมก็มองหน้าแกด้วยสีหน้าเป็นกังวลและสงสัยกลับไป ผมก็ค่อยๆยันร่างของตัวเองลุกขึ้นนั่งโดยมีลุงสิงห์เป็นคนช่วยประคอง“มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”ผมเอ่ยถามลุงสิงห์ไป แกก็จ้องหน้าผมนิ่งแววตาสั่นไหว แกคงจะเข้าใจคำถามผมที่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมทำไมผมถึงมีอาการเจ็บแบบนี้“ตอนที่เอ็งหมดสติน่ะ…เอ็งได้พลัดตกลงมาจ
ยามดึกคืนนั้น……พรึบ“อื้อ….”ผมรับรู้ได้ถึงฝ่ามือที่เย็นเฉียบของใครสักคนที่กำลังใช้หัวแม่มือลูบไล้โครงแก้มของผมอยู่ในตอนนี้ ในขณะที่ผมกำลังหลับอย่างสบายทำให้ผมที่ไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปนานเท่าไหร่ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองเจ้าของฝ่ามือนั้น และสายตาของผมก็ประสานเข้ากับนัยน์ตาสีเหลืองที่กำลังจ้องมองผมอยู่ด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆให้ผม“เอ็งรู้สึกเป็นยังไงบ้าง…ยังเจ็บปวดกระดูกตรงไหนอีกหรือไม่?”น้ำเสียงอบอุ่นที่สื่อออกมาว่าเป็นห่วงผมอย่างสุดใจเอ่ยออกมา ผมก็จ้องมองบุคคลตรงหน้านิ่งไม่ยอมตอบคำถามเขาจนสีหน้าของพี่เข้มสลดลงก่อนจะค่อยๆละมือหนาของเขาออกไปจากโครงแก้มของผม“เอ็งคงจะกลัวข้าและรังเกียจข้าสินะ…ที่ข้ามันเป็นตัวประหลาด…”พี่เข้มเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาและตัดพ้อในน้ำเสียงของเขา ทำให้ผมใจสั่นไหวขึ้นมาที่พี่เข้มคิดแบบนั้นพรึบ“ผมไม่รังเกียจพี่เลยครับ….”“พี่น่ะเก่งและสุดยอดไปเลยนะครับ…ที่สามารถแปลงร่างเป็นเสือได้ด้วย^7^”ผมพูดเสียงร่าเริงที่กลั่นออกมาจากใจจริงๆ พี่เข้มก็มองหน้าผมด้วยแววตาตื่นตะหนก อย่างอึ้งๆที่ได้ยินคำพูดของผมผมจึงยันตัวค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆเพราะกลัวกระดูกที่พี่เข้ม
เช้าวันต่อมา….บ้านลุงสิงห์ดาวเหนือ….พรึบ“ฟอดดดด…..”สัมผัสหนักๆถูกกดลงบนโครงแก้มของผมและแช่ค้างไว้อยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานสองนานทำให้ผมถึงกับยิ้มกริ่มออกมาด้วยความสุขและหัวใจที่พองโตพรึบและตามด้วยสัมผัสที่กอดรัดร่างของผมแน่นจากด้านหลังทำให้ผมถึงกับยิ้มกว้างเพิ่มขึ้นไปอีก“หายปวดกระดูกแล้วหรือยัง?”เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแหบพร่าที่ข้างหูผม ผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนชำเลืองมองไปยังเจ้าของเสียงที่เขาเข้ามาหาผมตั้งแต่เมื่อคืนและไม่ยอมกลับไปนอนบ้านของตัวเอง“หายแล้วครับ…หายเป็นปิดทิ้งเลยครับ^_^”ผมตอบพี่เข้มไปพลางค่อยๆขยับตัวหันกลับมานอนตะแคงและจ้องหน้าพี่เข้มที่เขาเองก็กำลังจ้องมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้มอยู่ก่อนที่เขาจะค่อยๆยื่นมือมาลูบไล้โครงแก้มของผมอย่างแผ่วเบา“แล้วพี่ล่ะครับ…หายแล้วหรือยัง?”ผมถามพี่เข้มกลับไปทันทีกับอาการบาดเจ็บของเขา ที่เมื่อคืนนี้เขาไม่ยอมตอบผมและผมก็ง่วงเต็มทนทำให้ผมไม่ได้ซักไซ้อะไรเขาต่อ“ก็ยังคงเจ็บปวดอยู่….”พี่เข้มตอบผมมาเสียงอ่อนพร้อมกับยิ้มอ่อนๆให้ผม ผมก็ขมวดคิ้วมองหน้าเขาอย่างสงสัย ว่าทำไมทีบาดแผลของผมเขากลับรักษาให้ได้แต่ทำไมบาดแผลของเขา เขากลับรักษาเองไม่ได้?“
“พวกข้าไปช่วยตาก่อนนะจ๊ะพ่อ…”เด็กผมจุกคนแรกหันมาเอ่ยบอกพี่เข้ม พี่เข้มก็พยักหน้าแทนคำตอบ“อย่าไปเที่่ยวซนที่ไหนอีกล่ะ…”พี่เข้มเอ่ยขึ้นเสียงเข้มหน้าตาดุๆใส่เด็กสองคนนั้นไปอย่างเชิงขู่“จ้ะพ่อ^_^”เด็กสองคนนั้นก็เอ่ยรับคำพี่เข้มพร้อมกับยิ้มกว้างจนตาปิดและยกมือขึ้นมาโบกให้พี่เข้ม“พวกเราไปก่อนนะจ๊ะพ่อ…หายไวๆนะจ๊ะ…^_^”และเสียงนั้นก็ดังกึกก้องสะท้อนบ้านหลังนี้ทั้งๆที่เด็กสองคนนั้นได้อันตรธานหายไปแล้วต่อหน้าต่อตาผมพรึบผมรีบเกาะแขนพี่เข้มทันทีด้วยความหวาดระแวง“เด็กสองคนนั้น…เป็นเด็กผีเหรอพี่?”ผมเอ่ยถามพี่เข้มไปเสียงสั่น พี่เข้มก็ยื่นมือมาจับมือผมที่กอดแขสเขาแน่นก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆให้ผม“เอ็งนี่ก็ขี้กลัวผีเหมือนกันนะ…”“หรือเอ็งแกล้งกลัวเพราะจะอ้อนข้ากันแน่?”พี่เข้มเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยและเป็นประกายทำให้ผมทำหน้าเบ้ใส่เขาใครจะคิดแบบนั้นกัน ขี้ตู่ชะมัดเลยพี่เข้ม!พรึบผมปล่อยมือจากแขนพี่เข้มและขยับออกมาจากเขาเพื่อจะไปยังโต๊ะที่ทำจากต้นไม้ใหญ่ที่ลุงสิงห์นำถาดอาหารมาวางไว้ให้เราสองคนกิน“แสดงว่าจริง…เอ็งสะบัดสะบิ้งแบบนี้?”พี่เข้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแจ่มใสที่แซวผมได้ ผมก็สะบัดหน้าใส่เขาก่อ
"ครับ....ผมรับปาก"ผมเอ่ยบอกพี่เข้มไปแทบจะทันทีโดนไม่ต้องคิด เพราะสายตาที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองของพี่เข้ม มันช่างดุเหลือเกินน่ะสิครับ"ที่พิธีในค่ำคืนนี้ข้าร่ายมนต์บังตาไว้....จะไม่มีใครหาปรัมพิธีของข้าเจอ....เพราะฉะนั้นเอ็งไม่ต้องห่วงข้า""เข้านอนนะคนดีของข้า"*พี่เข้มเอ่ยขึ้นและลดเสียงเข้มลงเป็นเสียงอ่อน ก่อนจะยื่นมือมาจับแก้มผมและยิ่มบางๆให้ผมผมก็ยิ้มให้เขาก่อนจะพยักหน้าเป็นอันเข้าใจและรับรู้ทุกเรื่อง"ข้าต้องไปก่อน....ใกล้จะได้ฤกษ์แล้ว""ครับ""เอ็งเข้าบ้านได้แล้ว""ครับ"ผมเอ่ยบอกพี่เข้มเสร็จและก็กำลังจะหันหลังเดินเข้าบ้านอีกครั้งตามคำสั่งของพี่เข้มแต่คราวนี้ร่างของผมก็โดนพี่เข้มคว้าเอวสอบของผมไปให้หันไปหาเขาโดยที่ผมตั้งตัวไม่ทันอีกครั้งรู้ตัวอีกที ริมฝีปากของผมก็โดนครอบครองด้วยริมฝีปากขอพี่เข้มเป็นที่เรียบร้อยแล้วพรึบเขาดันร่างของผมจนแผ่นหลังของผมแนบชิดไปกับไม้ฝาของบ้านพี่เข้มและเขาก็มอบจุมพิตที่เร้าร้อนและร้อนแรงให้ผมจนผมเริ่มเคลิ้มตามและจูบตอบเขาเราสองคนเกี่ยวตวัดปลายลิ้นหยอกเย้ากันไปมาโดยที่ผมเองก็ใช้ปลายลิ้นตวัดเลียน้ำลายและชิมความหวานละมุนในโพรงปากของพี่เข้มราวกับว่ามันเป
กลับมาที่ ภูดาวในปี พุทธศักราช 2466Part.ดาวเหนือ "เอ็งเดินให้มันดีๆหน่อยได้ไหม!!!"พี่เข้มตะโกนเสียงดังใส่ผม จนผมที่เดินนำหน้าเข้าอยู่ต้องหันกลับไปหาเขาอย่างเอาเรื่อง"นี่ผมก็เดินดีแล้วและมันไม่ดีตรงไหน?!"ผมเอ่ยถามเขาไปด้วยท่าทางจริงจังพลางยกมือขึ้นมาเท้าเอวจ้องหน้าพี่เข้มอย่างไม่วางตาพี่เข้มที่ถือตะเกียงอยู่ในมือก็เดินมาถึงตัวผมพอดี"ถ้าเอ็งยังไม่เลิกยั่วโมโหข้า....ข้าจะจับเอ็งกินเดี๋ยวนี้!!!"เสียงเข้มพร้อมหน้าตาดุๆมองจ้องผมอย่างไม่วางตาและสายตานั่นของพี่เข้มทำให้ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอดังอึกใหญ่อย่างยากลำบาก"ใช่สิ....เอ๊ะอ๊ะก็จะกิน....คิดว่าผมกลัวเสืออย่างพี่เหรอไง?"แต่ปากของผมกลับพูดในสิ่งที่ใจผมไม่ได้คิดแบบนั้น และเพราะไอ้น้ำเมานี่ทำให้ผมมีความกล้ามากกว่าเดิม และปากไวมากขึ้นอีกด้วยนี่สินะของมึนเมาทำให้คสเราขาดสติสัมปชัญญะน่ะไอ้เหนือนะไอ้เหนือ"ไม่ใช่ว่าข้าเป็นเสือแล้วจะกินเอ็ง....แต่ที่กล้าหมายถึงคือ"พี่เข้มว่าทิ้งท้ายก่อนจะทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมองร่างกายของผมที่เขามองนานที่สุดก็คงจะเป็นพรึบ"อย่าเก่งแต่พูดครับ.....อยากโดนกินจะแย่"ผมล่ะอยากจะเอาหัวตัวเองไปกระแทกกับต้นไม้ที
"สะเสือสมิง?"คุณหญิงพรทิพย์เอ่ยเสียงสั่นออกมาพลางหายใจไม่ทั่วท้องแข่งขาอ่อนแรงจนโยรินจึงรีบถลามาประคองคุณหญิงไว้ในอ้อมแขนเธออย่างรวดเร็ว"ไร้สาระน่ะ....ถ้าคุณไม่หยุดพูดเรื่องโกหกผมจะแจ้งความจับคุณข้อหาป่วนการทำงาาของเจ้าหน้าที่!!!"พลตำรวจเอกพงศพัศษ์เอ่ยเสียงเข้มหน้าตาจริงจังอย่างโกรธจัดชี้หน้าพรานโต พรานโตก็ยิ้มอ่อนให้พงศพัศษ์"ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะมาป่วน....แต่แค่จะมาชี้ทางสว่างให้กับคุณและคุณ"พรานโตว่าพลางชี้นิ้วไปที่พลตำรวจเอกพงศพัศษ์และคุณหญิงพรทิพย์"พวกคุณลองคิดดีๆ....ว่าถ้าไม่ใช่อย่างที่ผมบอก...ลูกของพวกคุณและพวกโจรจะเดินไปทางไหน....""ในเมื่อรอยเท้าพวกนี้ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินออกไปจากที่ตรงนี้.....ถ้าพวกเขาไม่ได้บินขึ้นฟ้าไป""เลิกพูดจาไร้สาระสักที....นี้มันยุคสมัยไหนแล้วมันจะมีเรื่องแบบที่คุณว่าเกิดขึ้นได้ยังไง!!!"พลตำรวจเอกพงศพัศคำรามเสียงดังลั่น อย่างข่มใจตัวเอง เพราะเขาเองก็เริ่มที่จะคิดตามคำพูดของพรานโตไปแล้ว เพราะร่องรอยรองเท้า ของคนนับสิบคนมันบ่งบอกแบบนั้นจริงๆ"คุณนั้นแหละค่ะที่ต้องหยุด!!!"เป็นคุณหญิงพรทิพย์ที่ตะโกนเสียงเข้มใส่พงศพัศษ์สามีที่ดำรงตำแหน่งเป็นถึงผู้บังค
กลับ ปัจจุบันพุทธศักราช 2566หุบเขาภูดาว"ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนหลายคนหายไปจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้!!"เสียงเข้มที่ทรงอำนาจเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจและดุดันจากผู้บัญชาการใหญ่ที่มีดาวสีทองประดับอยู่เต็มบ่าทั้งสองข้าง ที่ติดยศพลตำรวจเอกพงศพัศษ์ที่ยืนเท้าเอวสั่งลูกน้องหลายสิบรายให้ไล่หาลูกชายเพียงคนเดียวของเขาที่หายไปนับสัปดาห์พวกเขาปูพรมค้นหาทั่วทั้งหุบภูดาวมาเป็นอาทิตย์แต่ยังก็ไร้วี่เเววของคนอีกหลายสิบคนที่หายไปอยู่ดีเหลือเพียงแค่เต็นท์หนึ่งหลังใหญ่และของกลางมากมายที่มีทั้งยาเสพติดผงเฮโรอีนและอาวุธสมครามมากมายถูกวางจัดเรียงไว้เป็นอย่างดีแต่ไร้ซึ่งคนสักคนเดียว"ฮืฮๆๆๆๆๆ"เสียงร่ำไห้โฮที่ร้องไห้ไม่ขาดติดต่อกันมาเป็นเวลานับชั่วโมงตั้งแต่ที่เธอมาถึงที่นี่ เธอคือภริยาของผู้บังคับบัญชาการใหญ่ข้างกายเธอมีหญิงสาวรูปร่างผอมเพียวหุ่นบางอยู่ในชุดเดรสสีขาวแขนตุ๊กตาผมยาวสยายของเธอพัดปลิวไหวไปด้านข้างตามกระแสของลมมือของเธอก็โอบกอดร่างของคุณหญิงพรทิพย์เพื่อทำการปลอบโยนเธอ"ไม่เป็นไรนะคะคุณป้า....พี่เหนือเป็นคนเก่งค่ะ...พี่เขาต้องเอาตัวรอดได้อยู่แล้วเชื่อโยนะคะ"เสียงหวานไพเราะเอ่ยขึ้นอย่างปลอบประโยนคนข้า
จนวิชาในตัวผมเสื่อมและหมดไปดีไม่ดีผมอาจจะกลายเป็นเสือสมิงขึ้นมาอีกตัวก็ได้เพราะผมร่ำเรียนวิชาเสือเย็นมา เสือเย็นก็ไม่ต่างจากเสือสมิงแต่เสือเย็นไม่กินเนื้อของสัตว์และของคนรักษาศีลห้าอยู่เสมอและผมเองก็เป็นคนอยู่ในศีลด้วย "เอ็งเลิกเซ้าซี้ข้าเสียที.....ข้าไม่มีทางรักเอ็ง""ข้ามีคนรักอยู่แล้ว.....ซึ่งคนนั้นไม่ใช่เอ็งเเน่นอน"ผมยื่นคำขาดน้ำเสียงจริงจังบอกเเสงเดือนไป เธอก็หน้าเสียและซีดสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเธอทำสีหน้าที่ตกใจและไม่พอใจ แต่ทำไงได้ ในเมื่อผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้วที่ผมรักเธอหรือรักคนอื่นไม่ได้เพราะมันเหมือนผมรอคอยใครสักคนมานานแสนนาน คนที่ผมคุ้นเคยกับเขามานาน เหมือนเราเคยพบเจอกันมาก่อน และเหมือนมีบางอย่างมันสั่งให้ผม รอคนคนนั้น ในใจผมบอกเองว่า เมื่อเขามา ผมจะรู้ได้เอง และมันก็จริงเมื่อผมพบเจอหน้าดาวเหนือหัวใจที่ไม่เคยหวั่นไหวกับหญิงหรือชายใด ก็เต้นวูบวาบขึ้นมา มันตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่เห็นหน้าเขาหรือได้แตะสัมผัสตัวเขามันอยากกอดอยากหอมทุกครั้งที่ได้กลิ่นกายเขาหรือเขาอยู่ใกล้ๆนี่สิน่ะ ที่ผมรอคอยมาเกือบครึ่งชีวิต......"ถึงพี่เข้มจะไม่มีวันรักฉันแต่ยังไงๆเราก็ต้องแต่งงานกันอยู
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นPart พรานเข้ม.....พรึบ"ฟอดดดดดด ฟอดดดดด"ผมหลับตาพร้อมกับเอาขาเกี่ยวกอดร่างของดาวเหนือและพรมจูบหอมไปทั่วบนพวงแก้มของเขาอย่างรักใคร่แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องแปลกใจและรีบลืมตาเบิกดูทันทีว่าคนที่ผมกำลังกอดก่ายร่างของเขาและเอาหน้าซุกไซ้หอมไปเมื่อกี้นี้ไม่ใช่ดาวเหนือเพราะเป็นร่างเล็กเนื้อตัวนุ่มนิ่มและอรชรมันเป็นร่างของผู้หญิงแน่นอน"พี่เข้มอื้อออออย่าสิจ๊ะฉันจั๊กกะเดียมนะ"และยิ่งเสียงนี้ก็ทำให้ผมมั่นใจทันทีว่าคนที่ผมเผลอจูบหอมไปนั้นไม่ใช่ดาวเหนือแน่นอน"อีเดือน!!"ผมร้องตะโกนชื่อของผู้หญิงที่ผมกอดก่ายไปเมื่อครู่เพราะคิดว่าเป็นดาวเหนือที่เขาบอกผมเขาจะไปเอาข้าวมาให้ผมกิน พอกินเสร็จก็จะเช็คตัวให้ผม ผมที่เห็นว่าดาวเหนือไปนานแล้วก็เลยคิดว่าต้องเป็นเขาแน่ๆที่เป็นคนมาเปิดประตูและเข้ามาในบ้านของผมแต่ทำไมกลับเป็นแสงเดือนไปได้ล่ะพรึบตุ๊บ"โอ้ย!!!ฉันเจ็บนะพี่เข้มไม่เห็นต้องโยนร่างฉันออกมาแบบนี้เลย"แสงเดือนที่นั่งอยู่บนพื้นไม้แคร่ของบ้านผมร้องโอดครวญขึ้นมาพร้อมทำใบหน้าที่เหยเกและเอามือลูบบั้นท้ายของตัวเองไปด้วยผมที่มีสีหน้าแตกต่างและตกใจและนึกโกรธตัวเองที่ไม่รอบคอบทำอะไรที่น่
แสงเดือนได้รับข่าวว่าพี่เข้มบาดเจ็บหนัก เธอจึงอาสามาดูแล และค่ำคืนนี้ เธอก็คงจะนอนเฝ้าพี่เข้มแน่นอน เห็นแสงดาวบอกผมแบบนั้นนะเพราะพ่อของเธอหรือผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านนี้ หมายตาอยากให้พี่เข้มเป็นผู้ใหญ่บ้านแทนแกต่อไป เพราะในหมู่บ้านนี้พี่เข้มเป็นคนมีฝีมือและเชี่ยวชาญวิชาไสยเวทย์และคาถาอาคมมากกว่าใครเพื่อนผมเองก็เพิ่งรู้ว่าผู้ชายในหมู่บ้านนี้ทำอาชีพเป็นพรานออกล่าสัตว์เอาเนื้อไปขายในเมือง ทุกคนล้วนมีวิชาอาคมติดตัว แต่ไม่ได้เก่งเท่าพี่เข้มสักคนเห็นแสงดาวบอกว่า พี่เข้มเป็นคนมีพรสวรรค์ เขาเลยเป็นพรานที่เก่งที่สุดในหมู่บ้านและหล่อที่สุดด้วยและสาวๆในหมู่บ้านนี้ก็หมายตาพี่เข้มไว้เยอะเหมือนกัน แต่แสงเดือนยื่นคำขาดว่าห้ามใครยุ่งกับพี่เข้มของเธอเด็ดขาด ไม่งั้นจะได้เห็นดีกับเธอแน่และความที่เธอเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้าน จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าท้าทายกับเธอและขัดคำสั่งของเธอเวลาโพล้เพล้ผมทอดสายตามองเหม่อไปทั่วน้ำตกแห่งนี้ แววตาคุ้นคิดและไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสามชั่วโมงแล้ว ก็ตั้งแต่แสงดาวขอตัวกลับบ้านไปหุงหาทำกับข้าวเย็นให้กับพ่อแม่ของเธอที่บ้าน ผมก็เห็นว่าแสงเดือนยังไม่ออกม
"พี่เข้มอื้อออออย่าสิจ๊ะฉันจั๊กกะเดียมนะ"เสียงหวานครางกระเส่าดังออกมาจากในบ้านของพี่เข้ม ผมที่มือกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูบ้านก็ต้องหยุดชะงักลงอย่างตกใจและยืนตัวแข็งทื่ออยู่แบบนั้นอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูกมือเท้ามันชาไปหมดรวมถึงใบหน้าเองก็ด้วยคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวผม แต่ก่อนที่ผมจะได้คิดอะไรเองไปมากกว่านี้เสียงของใครอีกคนก็ดังขึ้นข้างหลังผมมา"พี่คงจะเป็นญาติของลุงสิงห์สินะจ๊ะ"เสียงหวานไพเราะของผู้หญิงเอ่ยขึ้น ทำให้ผมต้องหันไปมองยังต้นตอของเสียงก็พบเข้ากับผู้หญิงผมยาวสวยสยายสีดำสนิทคิ้วหนาตาโตจมูกโด่งริมฝีปากสีชมพูแต่งกายด้วยเสื้อสีขาวแขนตุ๊กตาและสวมใส่ผ้าถุงสีเขียวยาวปิดถึงตาตุ่ม เธอกำลังยืนมองผมด้วยความสงสัยก่อนที่เธอจะคลี่ยิ้มให้ผมเป็นรอยยิ้มที่หวานละมุน ผมก็ยิ้มตอบเธอไป"อ้อใช่ครับ""พี่คงมาจากในเมืองสินะจ๊ะ....""ก็ก็คงงั้นมั้งครับ"ผมตอบเธอไปอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่นัก เพราะผมกำลังโกหกเธออยู่หนิครับ และผมก็ไม่ชอบการโกหกซะด้วยสิ แต่กลับต้องมาโกหกเสียเองว่าแต่เธอคนนี้เป็นใครกันล่ะเนี่ย ทำไมถึงมาอยู่ที่บ้านของพี่เข้มได้อีก"อ้อข้าชื่อแสงดาวจ้ะเป็นน้องสาวของพี่แสงเดือนน่ะจ้
"ที่ข้าไม่หายใจเพราะว่าวิญญาณข้าหลุดออกจากร่าง""แล้วนั้นไม่เรียกตายเหรอครับ!!!"ผมเสียงดังใส่พี่เข้มอย่างคนที่ตกใจและไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงเรื่องการตายได้หน้าตาเฉยไร้ความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง ผิดกับผมที่พอรู้ว่าเขาไม่หายใจผมแทบจะบ้าตาย"หึ....ข้าดีใจนะที่เอ็งกลัวข้าตายจนอารมณ์เสียแบบนี้""ยังจะมาเล่นอีกนะครับ"ผมพูดเสียงเข้มหน้าตาเข้มขรึมบ่งบอกว่าผมไม่ตลกด้วยกับสิ่งที่พี่เข้มกำลังพูดอยู่ในตอนนี้"อ่ะๆๆข้าอธิบายก็ได้....ที่วิญญาณของข้าออกจากร่างทำให้ร่างกายของข้าหยุดหายใจไปชั่วขณะเพราะข้าร่ายมนต์ถอดจิตเพื่อให้ร่างกายของข้าไม่ตายเพราะบาดแผลที่ฉกรรจ์แบบนั้น""ให้ร่างกายของข้าทนพิษและรับบาดแผลไหวข้าถึงต้องถอดจิตออกมา""เอ็งรู้ไหมว่าเวลานั้นที่ข้ายืนมองเอ็งร้องไห้และกดหน้าอกช้าเพื่อช่วยชีวิตข้าพร้อมกับที่เอ็งร้องไห้ไปด้วยมันทำให้หัวใจข้าเจ็บแทบจะขาด"พี่เข้มเอ่ยออกมาพร้อมกับทำสีหน้าที่เจ็บปวดแววตาของเขาสั่นไหว ผมก็จ้องหน้าเขานิ่ง เพราะมันจริงอย่างที่เขาว่า ผมร้องไห้อย่างคนบ้าใจผมเองก็แทบจะขาดเหมือนกัน"ข้าเพิ่งจะเข้าใจในวันนี้ที่เขาบอกว่ามันเจ็บแทบใจจะขาดมันเป็นแบบนี้นี่เอง"พี่เข้มเอ่ยออกมาด้