ตอนที่ 29 สามเดือน NC +++หลังกลับจากปล่อยข่าว ก็ได้รับรู้เรื่องราวในหมู่บ้าน ถึงจะเป็นเพียงข่าวลือหรือเพียงเรื่องที่สงสัย แต่ทุกอย่างย่อมมีมูล หนิงหนิงรับฟังไว้ทั้งหมด แต่ไม่ได้เชื่อทั้งหมด บางเรื่องแค่เพียงรู้เท่านั้นพอ ไม่ออกความคิดเห็นและไม่ได้สนใจ สิ่งไหนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือมีผลกระทบกับตัวเองและครอบครัว สิ่งนั้นหนิงหนิงฟังไว้เท่านั้นเอง...วันนี้หนิงหนิงเผลอหลับไปตั้งแต่อาบน้ำเสร็จ ปกติแล้วเธอจะนอนดึกกว่านี้ แต่ช่วงนี้เธอทำงานหลายอย่างแล้วนอนน้อย จึงทำให้วันนี้เธอหลับไปก่อนสามี"เมียจ๋า... สามเดือนแล้วนะ" ฉิงหมิงกระซิบเบา ๆ ให้ภรรยาได้รับรู้ มีอย่างที่ไหน หนีนอนตอนครบรอบสามเดือน เขายอมไม่ได้เด็ดขาดเมื่อภรรยานอนนิ่ง... ฉิงหมิงผู้รอเวลาครบสามเดือนก็ไม่สนใจ ค่อย ๆ ล้วงเข้าไปใต้ชุดนอนของภรรยา เลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมาถึงน้องนุ่มนิ่มทั้งสองข้าง ถึงจะไม่ใหญ่มากแต่มันกลับพอดีมือ แค่สัมผัสลูบคลำเบา ๆ น้องชายเขาก็บิดขี้เกียจ ตื่นตัวพร้อมออกศึกแล้ว"อื้ออ... " หนิงหนิงที่หลับสนิทก็พยายามเบี่ยงตัวหนีจากการถูกรบกวนสามีปล่อยให้ภรรยาพลิกตัวไปตามที่ต้องการ ก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปากขบเม้มติ่งหูเบา
ตอนที่ 30 ไม่ใช่ข่าวลือวันนี้เป็นวันที่หนิงหนิงตื่นสายที่สุดตั้งแต่มาอยู่ในโลกใบนี้ เพราะกว่าจะได้นอนก็ตอนฟ้าสางนี่เอง ครั้งแรกในชีวิต อยากรู้อยากลอง ลืมนึกไปว่าหากคนเราใช้ร่างกายอย่างหนัก มันจะระบม ปวดเนื้อปวดตัว เหมือนการเริ่มออกกำลังกายครั้งแรก บางอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ทั้งเธอและสามีกลับไม่เป็นอย่างนั้น มีเท่าไหร่ใส่หมด ไม่มียั้ง ผลจากการไม่รู้จักประมาณตน คนที่ตื่นออกกำลังกายทุกวันนั้นแทบมองไม่ออกว่าใช้แรงทั้งคืน เขายังตื่นเช้ากว่าเธอ ทำงานเหมือนทุกวัน แต่แค่ไม่ได้ตื่นมาวิ่งในตอนเช้าเหมือนทุกวันเท่านั้นเอง..."พี่สาวไปไหนเหรอจ๊ะ" เหอเหรินชะเง้อมองหาพี่สาวนานแล้วก็ยังไม่มา ปกติแล้วพี่สาวต้องออกมาแล้ว"พี่สาวไม่ค่อยสบาย เลยให้นอนพัก แล้วนี่รู้ไหมว่าพี่สาวกำลังเพาะเห็ด อยากทำเองบ้างไหม" ฉิงหมิงตอบแล้วชวนคุยเรื่องอื่น เหมือนที่เคยชวนคุยในทุก ๆ วัน"พี่ชาย... ต้องมีเรื่องน่ายินดีใช่ไหมจ๊ะ" เหอเหรินเอียงคอมองหน้าคนที่กำลังคุยด้วย ใบหน้าพี่ชายนั้นเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา"พี่ว่าพี่ชายหมิงกำลังมีความสุข" ยิ้มตั้งแต่เช้า ยิ้มตลอดเวลา หากสุขก็คงสุขมาก ๆ ถึงไม่ยอมหยุดยิ้มสักที"ใช่ พี่กำ
ตอนที่ 31 แผนงานในอนาคตวันนี้หนิงหนิงอยู่คุยกับย่าและพ่อจนมืด สามีก็ยังไม่มารับ ได้คุยและรับรู้ว่าพ่ออาการดีขึ้น ถึงจะไม่มาก แต่พ่อยิ้มแย้มมากกว่าเดิม ชวนคุยตลอด เธอถามอะไร พ่อจะรีบตอบทุกคำถาม เพราะเหตุนี้ย่าเลยต่อว่าพ่อ... ว่าแต่ก่อนไม่พูดไม่จา พอมาตอนนี้พูดเก่งจนน่าเบื่อ แต่คำว่าน่าเบื่อของย่ากลับมีน้ำตารื้นด้วยความดีใจ...หนิงหนิงยังได้คุยกับย่าเรื่องหนี้สินที่ย่าไปยืมญาติมาด้วย เพราะเธอต้องการให้ย่าเอาเงินไปใช้คืนพวกเขา ถึงย้ายที่อยู่แล้วก็ยังมีโอกาสได้เจอกัน และที่สำคัญกว่านั้น เพราะเธอมีแผนงานที่จะทำในอนาคตจากที่ย่าเล่า เงินที่ยืมมาไม่เกินห้าสิบหยวน ย่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเท่าไหร่ เคยมีหนังสือจดไว้ แต่นานไปก็หาไม่เจอ คงต้องไปถามเขา และขอใช้เท่าที่พอจะใช้ได้เท่านั้นเองการใช้หนี้ที่หนิงหนิงแนะนำย่าคือ... คนหนึ่งไม่เกิน 10 หยวน เพราะหากมากกว่านี้ก็ไม่มีจ่าย อาจดูเหมือนว่าเอาเปรียบ แต่ให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อจำไม่ได้ นอกเสียจากเขามีหลักฐานมายืนยันว่ายืมไปเท่าไหร่อีกทั้งย่าบอกว่าไม่เคยมีใครให้ยืมเกินสิบหยวน เพราะเงินหายากมาก ซึ่งเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง ใครจะให้ยืมเงินมากขนาด
ตอนที่ 32 ฝันดี NC+++การบอกเล่าเกี่ยวกับการทำงานของสามี มีทั้งที่เขาบอก และหนิงหนิงถามเองด้วย แต่การบอกเล่าของเขานั้น มันวนเวียนอยู่กับการจูบ การกอด การดูด ตามร่างกายของเธอ บางทีต้องดันตัวออกห่าง ๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะล้วงอยู่แบบนั้น เลยไม่รู้ว่าเธอฟังไม่รู้เรื่องหรือเขาเล่าไม่รู้เรื่องตามที่หนิงหนิงเข้าใจคือ... ต่อไปนี้เขาจะทำงานตลอด เข้ามาที่ศูนย์หลักอาทิตย์ละ 1 - 2 วันเพียงเท่านั้น สามารถเอางานกลับไปทำที่บ้านได้ งานของเขาส่วนใหญ่คือเกี่ยวกับเอกสารราชการ การยื่นคำร้องเรียน ทั้งของเจ้าหน้าที่และของประชาชน เขาจะเป็นคนรวบรวมเอกสารข้อมูล แล้วส่งให้คนอื่นตรวจสอบอีกทีที่ฉิงหมิงยังทำงานอยู่ เพราะหน้าที่การงานของเขาไม่มีความเสี่ยงหรือเป็นอันตรายเลย และทางตระกูลจ้าวต้องการให้เขาอยู่ช่วยทำงาน เพราะเขามีความสามารถ อ่านออก เขียนคล่อง และพอที่จะพูดคุยสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ด้วย เลยทำให้เขามีโอกาสมากกว่าคนอื่น สิ่งเหล่านี้เขาเรียนรู้มาตั้งแต่พ่อแม่ยังอยู่ ส่วนมากพ่อเป็นคนสอนเขาเองทั้งหมดงานที่ทำมันจะเอื้อประโยชน์ให้ครอบครัว เขาเลยต้องการที่จะทำงานต่อ ยังไงมีเส้นสายหรือมีคนหนุนหลังย่อมดีกว่าไม่ม
ตอนที่ 33 เลือกทำสิ่งที่สำคัญก่อนตอนนี้หนิงหนิงนั่งอยู่กับคุณป้าทั้งห้าคน พูดคุยเกี่ยวกับข่าวสารของหมู่บ้าน หากอยากรู้อะไร ถามได้ ตอบได้แทบทั้งหมด และยังเป็นศูนย์กระจายข่าวสารที่ดีอีกด้วย เรื่องที่พ่อจะย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านก็ได้พวกป้าทั้งห้าคอยกระจายข่าว คอยสอบถาม พูดคุย จนกลายเป็นว่าพ่อกับย่าเป็นที่รู้จักของชาวบ้านตั้งแต่ยังไม่ย้ายมาเลยก็ว่าได้ นาน ๆ ครั้งหนิงหนิงถึงจะได้เข้ามาในหมู่บ้าน แต่ถึงยังไงเธอก็ตามทันข่าวสารความเป็นไปของหมู่บ้าน เพราะพวกป้าเหมือนกลัวว่าเธอจะตามไม่ทันเหตุการณ์ต่าง ๆ บางเรื่องเล่าแล้วก็ยังเล่าอีก เหมือนเรื่องของครอบครัวหัวหน้าชุมชนคนเก่าที่ถูกสืบสวนและถูกลงโทษ ทั้งยังโดนให้จ่ายค่าปรับอีกด้วยญาติพี่น้องที่ใช้แซ่เดียวกันก็โดนให้ออกจากงาน ทุกงานที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ จึงทำให้ลูกหลานหลายคนตกงาน ส่วนคนที่เตรียมตัวยื่นสมัครก็ต้องเปลี่ยนหางานอื่นทำแทน"เออ... รู้ไหมว่าลูกชายคนเล็กของหัวหน้า คนที่เป็นคู่หมั้นน้องสาวอาหนิง เขาไปสมัครงานในเมืองแต่ไม่มีใครรับ" เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็รีบบอกข่าวให้ทุกคนได้รับรู้"ฉันไม่รู้หรอก เรื่องเกี่ยว
ตอนที่ 34 ความเสียหายจากพายุหิมะเป็นไปตามที่ทางการแจ้งเตือนประชาชน มีพายุหิมะตกติดต่อกันเกือบอาทิตย์แล้ว บางวันตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา บางวันก็ตกเบา หิมะตกทุกวันทำให้มีหิมะสะสมจำนวนมาก ทำให้กระโจมผักของหนิงหนิงพังไปหลายหลังเลยทีเดียวก่อนหน้านี้เหอหยวนแนะนำให้เก็บผักทั้งหมด เขาจำได้ว่าหากมีการแจ้งเตือน นั่นหมายถึงหิมะจะตกติดต่อกันนานหลายวัน หากเขาแจ้งเป็นอาทิตย์ก็เตรียมรับมือเกือบสองอาทิตย์แต่ก่อนเธออยู่แต่ในบ้าน ไม่รู้ว่ามีแจ้งเตือนไหม เป็นแบบที่เหอหยวนบอกไหมเธอก็ไม่รู้ แต่เธอก็เชื่อคำแนะนำของเหอหยวน เก็บผัก จับปลา ส่งขายให้ตระกูลจ้าวจนหมด"กินน้ำขิงอุ่น ๆ ก่อนค่ะ" หนิงหนิงรีบยื่นชามน้ำขิงให้สามีที่เพิ่งกลับมาจากการตรวจดูพื้นที่หลังบ้าน"ผมกวาดหิมะลงจากหลังคากระโจมที่เหลือแล้ว" ตั้งแต่ไปทำงาน เขาไม่รับรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย เพราะตัวเองทำงานอยู่ในอาคารเสียส่วนใหญ่ ไม่เคยได้รับผลกระทบจากพายุหิมะ ผลกระทบที่เขาได้รับมากที่สุดคือ เดินทางลำบากเท่านั้นเอง"ตกหนัก ตกนานแบบนี้ บ้านเรือนคนอื่นจะเสียหายไหมคะ" บ้านเธอไม่เสียหายแน่นอน แต่บ้านคนอื่นไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน"คงมี แต่ไม่รู้ว่าม
ตอนที่ 35 เรื่องที่ไม่คาดคิดวันต่อมา สองสามีภรรยาพากันเข้าไปในเมือง ต้องใช้เวลาในการเดินเท้าออกจากบ้าน กว่าจะถึงที่รอรถประจำทางต้องใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าเดิมเดินไปด้วยสำรวจตามข้างทางไปด้วย จากที่เห็น ชาวบ้านได้รับผลกระทบแทบทุกครัวเรือน หนิงหนิงไม่ได้มีเวลาพูดคุยหรือสอบถามว่าในหมู่บ้านได้รับความเสียหายมากน้อยแค่ไหน เธอต้องรีบเข้าเมืองทำธุระตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน"เท่าที่เราเดินผ่านมา โดนกันทุกบ้าน... อีกไม่นานจะต้องมีปัญหาตามมาแน่นอน" ฉิงหมิงพูดแต่สายตายังจับจ้องถนน เพราะมีหิมะเต็มทางเดิน ต้องระวังค่อย ๆ เดินและคอยประคองภรรยาไว้ด้วย"อาหารและสิ่งปลูกสร้างใช่ไหมคะ" เพราะข้าวของเสียหายแทบทั้งหมด อาหารที่ตุนก็ต้องร่อยหรอลงเรื่อย ๆ"เราอาจต้องรอนาน กว่าที่จะได้สิ่งของมาสร้างกำแพง และเราต้องรอช่างอีกด้วย" ได้รับผลกระทบกันทุกครอบครัว ทุกคนก็ต้องซ่อมแซมบ้านของตัวเอง คงไม่มีเวลามารับจ้างหรือทำงานให้คนอื่นก่อน หากจะรับงาน อย่างน้อยบ้านของตัวเองต้องเรียบร้อยเสียก่อน"บ้านเราหลังใหญ่ ยังไงก็อยู่ได้ ถึงแม้พ่อกับย่าย้ายมาอยู่ด้วย มันก็ไม่ได้คับแคบจนเกินไป เราอยู่ได้อย่างสบาย" หากมันไม่สาม
ตอนที่ 36 ร่วมด้วยช่วยกันนับเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์ที่หนิงหนิงรู้ข่าวพ่อปลอม ๆ ลื่นตกจากหลังคา คนในหมู่บ้านไม่มีใครรู้ข่าวเรื่องนั้นเลย ช่วงเวลานี้ไม่ว่าจะมีข่าวอะไรก็ไม่มีคนสนใจสักเท่าไหร่ เพราะชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยและเรื่องอาหารการกิน ตอนนี้สนใจแต่เรื่องของตัวเองและครอบครัวเท่านั้นหากหนิงหนิงไม่ไปเจอโดยบังเอิญที่โรงพยาบาล เธอก็คงไม่รู้เช่นเดียวกัน วันนั้นเธอกลับมาก่อนที่พวกเขาจะย้ายเข้าห้องพัก และได้บอกทั้งพ่อและย่าไว้แล้ว กว่าจะได้เข้าเมืองอีกครั้งก็อีกหลายวันหรืออาจเป็นอาทิตย์ เพราะต้องกลับมาจัดการงานที่บ้านให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งทั้งสองคนก็เข้าใจเป็นอย่างดีหนิงหนิงยังคงรับบทนางผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รับรู้เรื่องที่พ่อปลอม ๆ ไม่สบาย ยังคงทำตัวปกติทุกอย่าง ถึงเข้าไปในหมู่บ้าน แต่ก็ไม่เคยพูดคุยเรื่องนี้เลย อาจเพราะปกติแล้วบ้านเดิมก็ไม่ได้สุงสิงกับใครด้วยฉิงหมิงคือคนที่เข้าไปในหมู่บ้านบ่อยที่สุด เพราะต้องเข้าไปแจ้งข่าวสารให้หัวหน้าชุมชนได้รับรู้ แต่พอเจอคุณป้าทั้งหลาย เขาก็บอกข่าวด้วยเช่นกัน มันไม่ใช่ความลับอะไร ข่าวที่ได้มาส่วนมากจะเป็นประโยชน์กับชาวบ้านทุกคน
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น
ตอนที่ 42 หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนมวันนี้เป็นวันแรกที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มวัยรุ่นฟันน้ำนมทั้งหลาย หนิงหนิงเตรียมเสื้อผ้าไว้หลายชุด เตรียมข้าวปลาอาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว เพื่อรอเด็ก ๆ โดยมีเหอเหรินกับเหอหมิงเป็นผู้ช่วยส่วนฉิงหมิงกับเหอหยวนไปช่วยกันทำในงานอยู่ตรงสวนหลังบ้าน เขาต้องรีบจัดการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่โตเร็วกว่าปกติให้เรียบร้อย เพื่อส่งขายให้ตระกูลจ้าวที่จะมารับสินค้าเย็นนี้ ผลผลิตชุดนี้เป็นชุดแรกของปี และเป็นชุดแรกที่มียอดผลผลิตจำนวนมาก ที่น่าอัศจรรย์ใจมากกว่าสิ่งอื่นนั่นคือ.. เห็ดที่ภรรยาเพาะมีจำนวนมาก แม้แต่ภรรยาที่เป็นคนทำยังตกใจกับผลผลิตที่ได้ส่วนคนที่ทำหน้าที่วิ่งเข้าออกหน้าบ้านหลังบ้านนั้นคือย่า เพราะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้เห็น สิ่งที่เรียกร้องความสนใจย่าได้มากที่สุดคือสวนผักที่อยู่หลังบ้าน บ่อปลา และโรงเพาะเห็ด จากตอนแรกไม่อยากจะมา หลีกเลี่ยงตลอด ตอนนี้กลับกำลังเพลิดเพลิน ไม่อยากกลับไปที่โรงพยาบาลอีกแล้วหนิงหนิงมองย่าทีไรก็ต้องยิ้มตามทุกครั้ง เพราะย่ามีสีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอด พอรู้ว่าจะมีเด็ก ๆ มา ย่ายิ่งชอบใจ เหมือนได้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างที่ย่าอยากทำ พอ
ตอนที่ 41 คุณรู้ไหม... คนเราสามารถอดอาหารได้หลายวันเหตุการณ์เติมเชื้อเพลิงปาระเบิดในครั้งนั้น ผลออกมาเป็นเช่นไร หนิงหนิงไม่ได้สนใจรอดูผลงานของตัวเอง เพราะเธอมีงานมากมายที่ต้องทำ คนพวกนี้เล่นสนุกได้เป็นบางครั้ง แต่อย่าเอามาทำให้เสียเวลาชีวิต จะรักกันหรือตีกันก็ตามสบาย เจอหน้าเมื่อไหร่ก็โยนเชื้อไฟให้เมื่อนั้นเท่านั้นเอง"น่าจะเรียกย่าไปร่วมสนุกด้วย... เสียดายจริง ๆ " ซูหรงได้ยินที่หลานสาวเจอกับคนบ้านเดิมทีไรก็เสียดายทุกครั้ง เธอชอบใจที่หลานสาวสู้คน มีการเอาคืน ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ "ฉันไม่รู้ว่าจะเจอพวกเขา พอเจอแล้วมันก็นึกถึงตอนที่ตัวเองโดนรังแก เลยไม่สามารถปล่อยผ่านได้จริง ๆ " หนิงหนิงบอกกับย่าพร้อมกับหัวเราะท่าทางการแสดงออกของย่าที่พร้อมสนับสนุนหลาน ทั้งที่หลานสาวจะไปมีเรื่องกับคนอื่น"ระวัง... อาหมิงรู้... " หลี่อี้เตือนลูกสาว เพราะรู้ว่าลูกเขยรักและห่วงใยลูกสาวเป็นอย่างมาก รักมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ ความยับยั้งชั่งใจเกี่ยวกับภรรยาไม่มีเลย ไม่เคยเขินอาย อยากกอดรัดภรรยาเวลาไหนก็ทำเลย ไม่ได้สนใจสถานที่หรือสนใจผู้คนรอบข้าง ไม่มีอายใคร ไม่มีเกรงใจหากคิดว่านั่นคือสิ่งที่ลูกเขยเป็นหนั
ตอนที่ 40 สวัสดีน้องสาวสุดที่รักนับเป็นเวลาเกือบเจ็ดเดือนที่พ่อรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการของพ่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถขยับขาได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเดินเองได้ เท่านี้ก็ถือว่าคนไข้ตอบสนองต่อการรักษาแล้วสองสามีภรรยารู้ดีว่าที่อาการพ่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั้นเพราะอะไร แต่ทั้งสองก็ได้แต่เงียบไว้เท่านั้นเองส่วนอาการของเย่อี้เตอยังไม่เห็นผลอะไรเลย ทั้งที่ตอนนี้มีการรักษาแบบเดียวกัน ต้องยอมรับว่าลูกชายคนโตของเขาเป็นคนที่ฉลาด รู้จักพูด รู้จักเข้าหาคนพอรู้เรื่องคนป่วยอีกคนที่มีอาการดีขึ้น หลีเฟิงเลยเข้าไปคุยกับหมอพร้อมเสนอแนวทางให้หมอช่วยรักษาแบบเดียวกัน จะได้มีการเปรียบเทียบว่า การรักษาแบบเดียวกันสามารถหายเหมือนกันได้ไหมซึ่งตอนนั้นหมอก็ต้องการคนไข้ที่มีอาการแบบเดียวกัน เพื่อเปรียบเทียบ เพื่อหาข้อบกพร่อง เพื่อที่จะได้แก้ไข จึงทำให้เย่อี้เตอกลายมาเป็นคนไข้พิเศษเช่นเดียวกันกับพ่อของหนิงหนิงด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลต่อได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังลำบากอยู่ดี เพราะว่าลูกชายคนโตยังทำงานเพียงคนเดียว แต่ต้องจ่ายค่ารักษาทั้งพ่อและแม่ในส่วนของแม่เลี้ยงนั้นอาการยังเหม