จวนสกุลว่านฮ่าวจื่อหรงเดินทางมาส่งเยว่เฟยด้วยตนเอง เมื่อเดินเข้ามาในจวนก็พบกับซูหลิงและว่านหนิงลี่น้องสาวที่คอยท่าอยู่หน้าห้องโถงใหญ่“คิดไม่ถึงว่าองค์ชายแปดจะมาส่งคุณหนูใหญ่ด้วยตนเอง นางไปสร้างภาระให้พระองค์เสียหลายวันพร้อมกับเรื่องอื้อฉาวทั้งหลายนั่น ขอบพระทัยองค์ชายที่ทรงช่วยเหลือสกุลว่าน”“อนุซูเกรงใจไปแล้ว ข้ากับนางเป็นคู่หมั้นกัน มีสิ่งใดที่ถือเป็นภาระกัน หากว่าวันนี้เยว่เฟยไม่บ่นคิดถึงเสนาบดีว่านข้าคงไม่ยอมให้นางกลับจวนเป็นแน่”“อะไรนะเพคะ!! หมายความว่าอย่างไรกันพี่ใหญ่ท่าน…”ว่านหนิงลี่เผลอพูดออกมาด้วยความตกใจที่พึ่งทราบว่าทั้งคู่เป็นคู่หมั้นกันแล้ว อนุซูยังคงนิ่งเมื่อได้รับรู้เรื่องนี้“ลี่เอ๋อร์อย่าเสียมารยาท องค์ชายเพคะเรื่องนี้จะเอามาพูดเรื่อยเปื่อยไม่ได้ ลู่ฮูหยินถูกสังหารคดีความยังไม่ปิดคนร้ายก็ยังจับตัวไม่ได้อีกทั้งครั้งนี้…ยังมีชื่อของเยว่เฟยเข้าไปพัวพันเกรงว่าการหมั้นหมายนี้คงไม่ง่ายนัก”“อนุซูอย่าได้เป็นห่วงเรื่องนั้น ข้าย่อมมีวิธีการแก้ปัญหาแต่สำหรับข้าแล้วเยว่เฟยคือคู่หมั้นและจะเป็นพระชายาของข้าเพียงคนเดียว”“แต่ว่าก่อนหน้านี้พระองค์กับพี่ใหญ่…นางไม่มีอะไรคู่ควร”
สองวันถัดมา“คุณหนูเจ้าคะ”“อือ อะไรเสี่ยวชิงปลุกข้าแต่เช้าเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”“เร็วเข้าเถอะเจ้าค่ะเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”“เสี่ยวชิง คุณหนูตื่นหรือยัง”เยว่เฟยรู้สึกตกใจจริง ๆ ก็ตอนที่อี้ฝูวิ่งมาสมทบอีกครั้งเมื่อนางเปิดประตู สาวใช้ทั้งสองก็แทบจะหกล้มเพราะรอเข้ามาในห้องของนาง“เกิดอะไรขึ้นเหตุใดหน้าตาตื่นกันแต่เช้าเช่นนี้”“คุณหนูรองเจ้าค่ะ”“ว่านหนิงลี่ทำไมเหรอนางเป็นอะไร”“คุณหนูรองนอนป่วยไม่ได้สติอยู่ที่ห้อง เห็นบอกว่านาง…. ถูกวางยาพิษเจ้าค่ะ”“อะไรนะถูกพิษงั้นหรือ ถูกพิษอะไรแล้วเกิดเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่าข้าไม่ได้เห็นพวกนางสองคนมาสองสามวันแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ได้การรีบมาช่วยข้าแต่งตัวทีเร็ว ๆ เข้า”""เจ้าค่ะ""สาวใช้ทั้งสองรีบเร่งจัดเครื่องแต่งกายให้ระหว่างที่รอว่านเยว่เฟยล้างหน้าและทำธุระส่วนตัว ไม่นานนางก็เดินออกมาจากห้องแต่ก่อนจะถึงเรือนหลังของสองแม่ลูกก็พบกับองค์ชายแปดกับองค์ชายหกเสียก่อน“เยว่เฟย!!”“จื่อหรง…องค์ชายหก”“นั่นเจ้ากำลังจะไปที่ใด มาคุยกันก่อนเถอะ”ว่านเยว่เฟยหันไปมองหน้าฮ่าวจื่อหรงที่พยักหน้าให้นาง ดังนั้นพวกเขาจึงได้เปลี่ยนเส้นทางเดินไปที่ศ
เสนาบดีว่านตกใจไปเล็กน้อย องค์ชายทั้งสองรวมถึงว่านเยว่เฟยก็เช่นกัน ทุกคนลงความเห็นว่าครั้งนี้ซูหลิงมิได้โกหก ดังนั้นผู้ที่ส่งข่าวเข้าไปในวังหลวงต้องไม่ใช่นาง แต่เป็นผู้ใดกันแน่“เช่นนั้นเป็นฝีมือผู้ใดกันแน่”“เจ้ากลับไปก่อน องค์ชายแปดตอนนี้อาการของลี่เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าให้ยาถอนพิษนางไปแล้ว แต่ว่าต้องคอยป้อนทุก ๆ สองชั่วยามเพราะนางได้รับพิษโดยตรงเกรงว่าแม้จะถอนพิษได้ แต่จะสามารถพูดได้หรือไม่นั้น…ยังไม่แน่ใจ”“ว่าอย่างไรนะ นี่หมายความว่าลี่เอ๋อร์…จะกลับมาพูดไม่ได้อย่างนั้นหรือเพคะ”“ข้าไม่แน่ใจเพราะตอนนี้นางยังพอมีสติ แม้ว่าอยากจะพูดแต่กลับไม่อาจสื่อสารได้ คงต้องรอให้ยาถอนพิษเข้าไปสลายพิษภายในเสียก่อน ท่านเสนาบดีช่วงนี้ข้าคงต้องขอรบกวนพักอยู่ที่จวนของท่านสักระยะ”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะสั่งให้คนจัดห้องส่วนตัวให้พระองค์เดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้องลำบากมากนักหรอก ข้าอยู่ใกล้ ๆ กับเยว่เฟยได้เรือนนี้ห่างจากเรือนหลังไม่มากข้าสะดวกมากกว่า”“เอ่อ…เช่นนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”“น้องแปด ข้าจะกลับไปทูลเสด็จพ่อก่อนเจ้าอยู่ที่นี่ก็ระมัดระวังตัวด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ พี่หกอย่าลืมที่ข้าฝากเรื่อ
“อะไรนะ มันพูดชื่อออกมางั้นหรือ”“ใช่ แต่ว่า…”“อะไร”“ข้าฟังไม่ชัด ในตอนนั้นทั้งข้าและตัวมันก็สู้กันอยู่นานพอมันตายคามือของข้าจำได้ว่าสติของข้าน้อยก็ดับวูบไปเช่นกัน”“แย่จริง แล้วเช่นนี้ท่านจะทำเช่นไรต่อ สืบหาคนร้ายเช่นไรได้อีก”“ที่รู้แน่ ๆ คือท่านมิใช่คนร้าย เพราะมันสารภาพแล้วว่าผู้บงการสั่งให้พวกมันพูดว่าท่านอยู่เบื้องหลัง แต่คนที่บงการตัวจริงไม่ใช่ท่านดังนั้นข้าน้อยจึงเชื่อว่าท่านถูกใส่ร้ายเพียงแต่วันนั้นที่ศาลเฟิ่งหลี่ ข้ายังไม่รู้สึกตัวจึงมิอาจ…”“ข้าไม่โทษท่านในเรื่องนี้ ท่านไม่ต้องกังวลใจไปหรอก”“เช่นนั้นข้าน้อยคงต้องขอตัวกลับไปทูลฝ่าบาทก่อนว่าการสืบค้นไม่พบสิ่งใดผิดปกติ”“ขอบคุณท่านมากลู่อี้เทียน”“ท่านหญิง….”“ท่านมีสิ่งใดจะถามข้างั้นหรือ”“คือว่า เรื่องข่าวลือ...เอ่อ ระหว่างท่านกับองค์ชายแปดหมั้นหมายกันแล้ว เป็นความจริงหรือไม่”เป็นครั้งแรกที่ว่านเยว่เฟยรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องตอบคำถามนี้ต่อหน้าลู่อี้เทียน แต่ก็ยังดีกว่าที่จะให้ความหวังกับเขาทั้ง ๆ ที่นางก็ไม่เคยคิดอะไรกับเขามากกว่าคำว่าสหาย“ใช่ ข้าตอบรับคำขอหมั้นหมายกับองค์ชายแล้ว”แม้ว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่เมื่อได้รับฟังต
สายลมอ่อน ๆ พัดผ่าน กระดาษขาวดำปลิดปลิวไปตามสายลมราวกับเป็นการรับรู้ของผู้ล่วงลับเมื่อคำถามนี้สิ้นลงจากปากของฮ่าวจื่อหรง“พระองค์หมายความว่าอย่างไร เรื่องนี้กระหม่อมบอกท่านหญิงไปแล้ว”“อี้เทียนข้ากับน้องแปดรู้จักและเป็นสหายกับเจ้ามานับสิบปี คงไม่คิดว่าพวกเราจะเชื่อว่าเจ้าจะฟังคำสารภาพของคนร้ายที่ฆ่ามารดาของตัวเองพลาดหรอกนะ แม้ว่าเยว่เฟยจะเชื่อแต่เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้ากับน้องแปดจะเชื่อเรื่องนั้น”“เจ้าเป็นยอดฝีมือ แม้จะยังไม่กล้ายอมรับตำแหน่งแม่ทัพองครักษ์จากเสด็จพ่อที่เคยทาบทามมาหลายครั้ง ข้าก็เข้าใจว่าเจ้าคงจะมีเหตุผลส่วนตัวแต่เรื่องนี้ข้าต้องการคำตอบเพื่อจะได้สืบสาวถึงตัวคนร้ายได้ หวังว่าเจ้าจะให้ความร่วมมือ”ลู่อี้เทียนหันไปมองป้ายหลุมศพหินอ่อนที่พึ่งสลักขึ้นมาอย่างวิจิตรตรงหน้าก่อนจะค่อย ๆ ตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสกุลลู่ซึ่งแม้แต่ใต้เท้าลู่หวังก็ยังไม่เคยทราบมาก่อนให้องค์ชายทั้งสองฟัง“อี้เทียน เจ้าจะกลับลงไปพร้อมกับพวกเราหรือไม่”“กระหม่อมขอเวลาอยู่ตามลำพังกับท่านแม่สักครู่ พวกพระองค์เสด็จกลับไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“ลู่อี้เทียน…ขอบใจเจ้ามาก”หยางอวิ๋น องค์ชายหกค่อย
ฮ่าวจื่อหรงค่อย ๆ ช่วยนางสวมชุดคลุมก่อนที่จะหันมาสวมชุดของตัวเอง เมื่อหันมาเยว่เฟยก็จับเข็มขัดของเขามาช่วยสวมให้ซึ่งทำให้เขายิ้มไปกับความน่ารักและเอาใจใส่นี้ของนางจนอดไม่ได้ที่จะดึงนางมากอดอีกครั้ง“เยว่เฟย ข้าอยากให้เรื่องคดีนี้คลี่คลายไปได้เร็ว ๆ จะได้จัดพิธีแต่งงานแล้วอยู่กับเจ้าจริง ๆ ทุกค่ำคืนเสียที”“ท่านเล่าให้ข้าฟังสิเพคะว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านไปพบลู่อี้เทียนมาเขาบอกอะไรกับท่านหรือไม่”“เจ้าเองก็พอดูออกสินะว่าสิ่งที่เขาบอกเจ้าไปเมื่อวันก่อนนั้นเขาพูดไม่หมด”“แม้ว่าข้าจะพอเดาออกแต่ก็ยอมรับในการตัดสินใจของเขา ขอเพียงเขาเชื่อว่าข้าไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ข้าก็พอใจแล้ว บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลที่ยังไม่บอกข้าก็ได้”“วันนี้ข้ากับพี่หกรอสอบถามเขาที่สุสานสกุลลู่ ในตอนแรกอี้เทียนก็ลังเลแต่ในที่สุดก็ยอมพูด”“เขายอมบอกชื่อคนร้ายหรือเพคะ เช่นนั้น…”“ไม่ต้องรีบ ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”เขาพานางเดินออกมาที่ศาลาเพื่อจะคุยเรื่องนี้ แม้ว่าลู่อี้เทียนจะยอมบอกแต่เรื่องอื่น ๆ ก็ยังคลุมเครือและต้องรอข้อพิสูจน์อื่นมาประกอบกัน แต่จากเรื่องที่เขาเล่าก็พอจะทำให้ทั้งคู่มีแนวทางในการสืบเรื่องนี้ต่อ“เช่นนั้นแส
""อะไรนะ!!""องค์ชายทั้งสองและลู่อี้เทียนตกใจกับข่าวนี้มาก พวกเขารีบวิ่งออกจากจวนไปพร้อมกันทั้งสามคน ลู่ชิงอันเดินออกมาพร้อมกับสาวใช้ที่ยกชาและของว่างออกมาก็ตกใจเมื่อเห็นทั้งสามวิ่งออกไป“พี่ใหญ่!! ท่านจะไปที่ใด”“ชิงอันเจ้าอยู่ในจวนอย่าออกไปที่ไหนเป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่”“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะเหตุใดพวกท่านต้องรีบร้อนเช่นนั้น”“ท่านหญิงว่านถูกวางยาพิษในจวน แจ้งท่านพ่อให้ข้าด้วยพวกเจ้าอย่าได้ออกไปที่ไหนเป็นอันขาด”“แต่ว่า…พี่ใหญ่!!”ลู่อี้เทียนวิ่งตามองค์ชายทั้งสองออกไปแล้วพร้อมกับคว้าม้าของเขาและควบตามทั้งสององค์ชายออกไปที่สกุลว่านในทันที จวนสกุลว่าน“องค์ชายแปดมาแล้ว!!”“ฮือ ๆ ท่านหญิง”“แม่นมท่านออกมาก่อนเจ้าค่ะ”“องค์ชายเพคะช่วยท่านหญิงด้วยเพคะ”“พวกเจ้าหลบออกไปให้หมด!! เกิดอะไรขึ้นเหตุใดเยว่เฟยถึงได้ถูกพิษได้”“ทะ ทูลองค์ชาย ข้าเป็นคนยกน้ำชามาให้คุณหนู แต่…แต่ว่าในน้ำชานั่น…” / เสี่ยวชิง“อะไรนะพวกเจ้ามิได้ตรวจก่อนหรืออย่างไร!! ข้าบอกไปแล้วว่าให้ตรวจสอบอาหารและน้ำชาทุกจอกที่ส่งมาให้ทุกคนในจวนพวกเจ้าไม่ได้ฟังหรืออย่างไร!!”“น้องแปดเจ้าอย่าพึ่งโมโห รีบเข้าไปช่วยเยว่เฟยก่อน”“ออกไปให้ห
ข่าวว่าฝ่าบาทเสด็จมาเยี่ยมท่านหญิงว่านด้วยพระองค์เองเป็นที่เลื่องลือไปทั้งเมืองหลวงเพราะทุกคนลงความเห็นว่าหากว่านางอาการไม่ทรุดหนักฮ่องเต้คงไม่เสด็จมาเยี่ยมเช่นนี้จวนสกุลลู่ “นี่ท่านหญิงว่านอาการหนักถึงเพียงนั้นเลยหรือเทียนเอ๋อร์”“ขอรับท่านพ่อ ฝ่าบาทเสด็จมาเยี่ยมเมื่อช่วงบ่าย องค์ชายแปดใช้ยาและวิธีการทุกทางเพื่อยื้อชีวิตนางแต่เห็นว่าคงจะไม่ได้ผล นางคงจะมีเวลาเหลืออีกไม่นานแล้วขอรับ”“พี่ใหญ่ ข้าขอไปเยี่ยมนางได้หรือไม่”“อะไรนะ อันเอ๋อร์เจ้าจะไปเยี่ยมนางงั้นหรือ”“ท่านพ่อ ไหน ๆ ท่านแม่ก็เสียไปแล้ว อีกอย่างตอนนี้นางก็…กำลังจะได้ชดใช้กรรมแล้วดังนั้น…”“ชิงอัน ท่านหญิงไม่เกี่ยวข้องกับการตายของท่านแม่ เหตุใดเจ้ายังเอาแต่กล่าวโทษนางไม่เลิก”“ข้าไม่เชื่อ!! ในเมื่อนางเองก็กำลังจะตายครั้งนี้ข้าจะไปเยี่ยมนาง เป็นครั้งสุดท้าย”“สุดท้ายตำแหน่งพระชายาองค์ชายแปดนี้เหมือนกับคำสาปจริง ๆ เฮ้อ…”“ท่านพ่อ มันก็มิใช่แบบนั้นเสมอไปหรอกเจ้าค่ะ ผู้ที่ไม่คู่ควรก็แค่ต้องหลีกทางให้คนที่คู่ควรต่างหาก บุตรสกุลว่านสองคน คนหนึ่งถูกพิษนอนเป็นผัก อีกคนก็กำลังจะตาย เช่นนั้นตำแหน่งนี้ก็คงไม่เหลือผู้ที่เหมาะสมแล้วนอก
“ลู่หนิงลี่” ผลักประตูเข้ามาโดยพลการ หมอฮ่าวและเยว่เฟยที่อยู่ในห้องหันมาและจื่อหรงก็ดึงคู่หมั้นของเขามาใกล้ ๆ ทันที“หนิงลี่ เธอมาทำอะไรที่นี่ พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าหากไม่มีธุระก็ไม่ต้องมา”“พี่จื่อหรง พี่จะแต่งงานกับ...เธองั้นเหรอ”“ใช่ มีอะไรน่าตกใจกันล่ะ”“แล้วฉันล่ะ ฉันละคะพี่เอาฉันไปไว้ที่ไหนพี่จื่อหรงทั้ง ๆ ที่คุณพ่อของพี่ก็บอกว่าเรา…”“แต่พี่ก็บอกคุณพ่อไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอ พูดต่อหน้าเธอด้วยและวันนั้นเราก็คุยกันจบแล้ว คุณพ่อเธอก็รับรู้แล้วคุณพ่อพี่ก็เช่นกันดังนั้นระหว่างเราไม่มีอะไรเกินกว่าคำว่าคนรู้จัก”“แต่ว่าฉันรักพี่นะคะ”“ตายจริงใครมาวิ่งตามผู้ชายถึงที่นี่ล่ะเนี่ยเสียงดังออกไปถึงข้างนอก อ้อ เธออีกแล้วเหรอหนิงลี่”“พี่ชิงอัน!! ฉันเป็นน้องพี่นะ”ชื่อที่ถูกเรียกทำให้ว่านเยว่เฟยหันไปมองทันที “ลู่ชิงอัน” ในชุดกาวน์สีขาวเดินมามองหน้าผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าประตูและหันเอาแฟ้มมาวางที่โต๊ะของจื่อหรง“พี่หรงนี่รายงานที่ขอไปวันก่อน ไม่มีอะไรผิดปกติวางใจได้ เธอคือ…ว่าที่พี่สะใภ้ของน้องเหรอ”“ใช่แล้วชิงอัน จริงสิเยว่เฟยนี่ลู่ชิงอัน เจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ในโรงพยาบาลนี้”“อะไรนะ
คอนโดเยว่เฟย “คุณพักที่นี่เหรอ”“ค่ะ ฉันซื้อเอาไว้ตอนที่แม่เสียเมื่อหลายปีก่อน”“หรูจริง ๆ ด้วยแฮะ”“คุณหมอคงไม่รังเกียจคนว่างงานที่เอาแต่เขียนนิยายอย่างฉันหรอกใช่ไหมคะ”“คุณเคยเป็นหมอมาก่อนนี่ หมอศัลยกรรมสมองคนเก่งของโรงพยาบาลชื่อดังเสียด้วยทำไมคุณถึงลาออกล่ะ”“คุณสืบประวัติฉันเหรอคะ อยากโดนลงโทษเหรอคะคุณหมอ”“ไม่ใช่นะ ผมก็แค่… คุ้นชื่อคุณก็เลยไปสืบดูเท่านั้น ทำไมคุณถึงลาออกแล้วไปเป็นแอร์โฮสเตสละครับ”“อืม คงเพราะอยากจะพบคุณมั้งคะ สวรรค์คงจะกำหนดเอาไว้แบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว”“เยว่เฟย คำพูดของคุณทำไมดูโบราณจังเลยล่ะ”“อะไรนะ โบราณงั้นเหรอคะ”“ใช่ ผมว่าจะถามมานานแล้วแต่…”“เจ้าคือบุปผาในฤดู…”“เดี๋ยว!! อย่าพึ่งพูด”“หมอคะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่า แต่ผมเคยได้ยินประโยคนี้”“อะไรนะคะ”ว่านเยว่เฟยมองดูฮ่าวจื่อหรงที่ยืนขึ้นและจับเธอเอาไว้พร้อมกับสบตาเธออีกครั้ง“เจ้าคือบุปผาในฤดูใบไม้ผลิสำหรับข้าเสมอ เยว่เฟยของข้า”ว่านเยว่เฟยยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อมองไปที่เขาอีกครั้ง ฮ่าวจื่อหรงเองก็เผลอร้องไห้ออกมาเช่นกันโดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจแต่เขารู้สึกว่าประโยคนี้ควรจะพูดตอนนี้กับเธอคนนี้เพียงคนเดียว“
เธอขยับหนีเขาไม่ได้ ราวกับร่างกายถูกสะกดเอาไว้ให้หยุดนิ่งและเมื่อเขาเริ่มโน้มตัวเข้ามาใกล้ เธอก็เผลอตัวยื่นหน้าขึ้นไปรับสัมผัสที่คุ้นเคยเพราะในชาติก่อนว่านเยว่เฟยและท่านอ๋องฮ่าวจื่อหรงมักจะแสดงความรักต่อกันตลอดเวลาที่มีโอกาส ตลอดเวลาที่แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันมาเกือบหกสิบปี พวกเขารักกันจนลมหายใจสุดท้ายจริง ๆ“อือ…อ๊ะ หมอคะ”แทนที่เขาจะหยุดแต่กลับเลือกที่จะดันตัวเธอเข้าไปในห้องข้างในและเริ่มยกตัวเธอเข้าไปวางที่เตียงของเขา เสียงหายใจหอบถี่เพราะความตื่นเต้นจนเธอเองก็รู้สึกได้เพราะเธอเองก็เป็นเหมือนกับเขา“ว่านเยว่เฟย คุณเป็นแม่มดเหรอ”“คะ? คุณหมอคุณพูดอะไรนะคะ ฉัน…อื้อ”เธอกำต้นแขนเขาแน่น หมอฮ่าวยังสวมชุดกาวน์สีขาวอยู่ตอนที่วิ่งตามเธอออกมาจากโรงพยาบาลและตอนนี้ก็กำลังจูบเธออย่างกระหายและกำลังซึมซับบางอย่างพร้อมกับความสับสนของเขาที่เริ่มคลี่คลายเมื่อได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง“เยว่เฟย”“จื่อหรง…”“คุณต้องการผมหรือเปล่า”“ฉัน…”“เยว่เฟย ผมถามคุณว่า….”“อย่าถามอีกเลยค่ะ ฉันเป็นของคุณ… มาโดยตลอด”เสื้อกาวน์สีขาวและเสื้อโค้ชของเธอถูกโยนทิ้งไปคนละทาง ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เ
ว่านเยว่เฟยมองสบตาเขา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเธอจึงขยับหน้าเข้าไปใกล้เขาโดยไม่รู้ตัว ฮ่าวจื่อหรงเองก็ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างให้ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนกับคนไข้ของตัวเอง เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ทาบปิดกันสนิทและเริ่มขยับเข้าหากันอย่างเผลอตัว ภาพในหัวก็เกิดขึ้นในสมองของหมอฮ่าวทันที“เจ้าคือบุปผาในฤดูใบไม้ผลิสำหรับข้าเสมอ… เยว่เฟยของข้า”“อ๊ะ!!”ว่านเยว่เฟยตกใจเมื่อคุณหมอฮ่าวถอยออกและกึ่งผลักเธอออกมาทันทีด้วยท่าทางที่ตกใจเมื่อหันมามองหน้าเธอชัด ๆ อีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองและทำไมถึงได้เห็นภาพแบบนั้นในหัวเวลาที่เขาจูบเธอ และนี่เป็นสิ่งที่หมอไม่ควรทำกับคนไข้ของตัวเอง“ผม… ผมขอโทษ ขอตัวก่อน”“คุณ…”เยว่เฟยไม่ร้องตามเขาแม้ว่าอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สัมผัสจากริมฝีปากนั้นคุ้นเคยจนทำให้เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวที่จดจำเขาได้ไม่มีวันลืม“จื่อหรง… ท่านช่างใจร้ายนัก เหตุใดต้องปล่อยข้าเอาไว้เช่นนี้ หากรู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้ข้าไม่ตามท่านมาหรอกคนใจร้าย ฮือ…”“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!”ฮ่าวจื่อหรงยืนหน้าแดงอยู่ที่หน้าห้องคนไข้พิเศษของเขา สิ่งที่เขาเห็นตอน
แววตาของเธอรื้นไปด้วยน้ำตาทันที ไม่ใช่เพราะยังปรับแสงไม่ได้แต่เพราะชื่อที่พึ่งจะได้ยิน เธอพยายามลุกขึ้นมาและมองเขาใกล้ ๆ ชัด ๆ อีกครั้ง คุณหมอเห็นว่าเธอพยายามจะลุกขึ้นมาซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดที่คนไข้จะสามารถลุกขึ้นมาได้ทั้ง ๆ ที่หมดสติไปหลายวันอีกทั้งเธอยังบาดเจ็บตามตัวอยู่หลายแห่ง“คุณค่อย ๆ ลุกอย่าพึ่งรีบร้อน…คนไข้ครับ นี่คุณทำอะไร”“จะ…จื่อ…คุณ…. ชื่อ….”สายตาที่หันมามองสบตาเธอนั้นนิ่งไป และเมื่อทั้งคู่สบตากันก็เหมือนจะมีบางอย่างทำให้คุณหมอฮ่าวหยุดนิ่งไปเช่นกัน ทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเธอแบบนี้ และรู้สึกเหมือนกับเคยรู้จักเธอมาก่อนทั้ง ๆ ที่เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอเธอแน่ ๆ“ตอนนี้คนไข้รู้สึกยังไงบ้างครับ”“จื่อ.... หรง”หมอฮ่าวชะงักไปเมื่อเธอเรียกชื่อเขาเฉย ๆ อย่างคนคุ้นเคย เขาหันไปขมวดคิ้วและมองเธออีกครั้งด้วยความแปลกใจกึ่งสงสัย สีหน้าของเธอซีดเซียวแต่ยังคงสวยมาก ๆ เพราะเธอเป็นแอร์โฮสเตสละมั้งถึงได้มีหน้าตาที่สวยแม้แต่ตอนที่ป่วยก็ยังดูสวยอยู่“คุณ รู้จักผมเหรอครับ”เพียงคำถามนั้นก็ทำเอาเธอปากสั่นและน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาไม่หยุดจนเขาตกใจ กล่องทิชชูถูกยกมาวางที่ตรงหน้าและเขาก็รี
โรงพยาบาล ติ๊ด ติ๊ด….. เสียงของใครคนหนึ่งที่คุยกับคนอีกหนึ่งหรือสองคนไม่แน่ใจเพราะสติที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เสียงที่ดังขึ้นมาแม้ว่าจะจับใจความอะไรไม่ได้แม้ว่าหูจะเริ่มได้ยินเสียงที่ชัดขึ้นแต่ร่างกายกลับยังไม่ตอบสนองอย่างที่ต้องการ เมื่อค่อย ๆ เริ่มหายใจ ลมเย็น ๆ ที่อยู่ปลายจมูกก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ต้องพยายามขนาดนั้น แม้ว่าจะมองไม่เห็นตัวคนพูดแต่เสียงที่เริ่มชัดขึ้นก็ทำให้ร่างที่นอนอยู่ค่อย ๆ กะพริบตาขึ้น ราวกับหลับไปนานแสนนานและแสงที่เริ่มไม่คุ้นเคยนี้ก็ทำให้ “ว่านเยว่เฟย” หลับตาลงไปอีกครั้ง “ข้าอยู่ที่ไหน เกิดใหม่อีกแล้วงั้นหรือ ท่านพี่ท่านพาข้ามาที่ใดข้าไม่อยากจากท่านไป นานเหลือเกินแล้วที่เราจากกัน แม้จะเพียงแค่ปีเดียวที่ท่านด่วนจากไปแต่ข้าไม่มีทางลืมท่าน จื่อหรง…พาข้าไปกับท่านด้วย” “เยว่เฟยยอดรักของข้า อีกไม่นานเราจะได้พบกัน…อีกครั้ง” “อย่าไปเพคะท่านพี่ รอข้าก่อนฮ่าวจื่อหรง อย่าไป!! รอข้าก่อน” “รอ…รอก่อน…หรง…จื่อหรง” เสียงงึมงำนั้นเรียกความสนใจของพยาบาลสาวที่กำลังปรับเครื่องช่วยหายใจอยู่ เมื่อคนไข้มีการตอบสนองเธอจึงเรียกคุณหมอทันที “คุณหมอคะ ดูเหมือนว่าคนไข้จะมีการตอบสนอ
เยว่เฟยไม่รอช้าเพราะนางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี นางผลักเขาลงไปและเริ่มใช้ลิ้นกับองค์ชายทันที อกแน่น ๆ ที่นางเฝ้าฝันว่าสักวันจะกัดจนเขาต้องร้องขอความเห็นใจ กล้ามท้องที่เป็นลอนทุกครั้งที่กระแทกเข้าออก ทั้งหมดนี้เป็นของนางเพียงคนเดียว“อ๊าา จื่อหรง อื้อ…”"เยว่เฟยเจ้างดงามยิ่งนัก เมื่อมองเช่นนี้แล้วข้าจะ…เริ่มทนไม่ไหว"“ท่าน…จะทนได้กี่ครั้งกันนะท่านพี่”“เจ้ายั่วข้าเช่นนี้ อย่าหวังว่าคืนนี้จะได้พัก”“อ๊าา ข้าเอง ข้าขยับเองเพคะ อ๊าา ท่านพี่ เสียวมาก อื้อ…”จื่อหรงเองก็เริ่มเกร็งหน้าท้องระหว่างที่นางขย่มเขาอยู่ด้านบน ทั้งท่วงท่าและลีลาที่ยั่วยวนนี้มีหรือเขาจะทนไหว ไม่นานเขาก็แตะทางสวรรค์จนนางสั่งให้เขาเป็นผู้ทำบ้างเพราะนางไม่ยอมหยุด เป็นครั้งแรกที่จื่อหรงรู้สึกว่าเยว่เฟยร้องขอเรื่องแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เพียงแค่สามรอบนางก็เริ่มอยากจะพักแล้ว“อ๊าา แน่นดีจัง โอ๊วว ท่านพี่ เสียวมาก ลึกมาก อ๊าา…”“รอบนี้จบเราควรจะพักได้แล้ว เจ้าต้องพักแล้วเยว่เฟย”“อื้อ ก็ได้เพคะ อ๊าา เร่งอีกนิดจะ…ไม่ไหวแล้วว อ๊าา”กว่าพายุรักจะสงบลงก็เกือบจะรุ่งสาง คู่บ่าวสาวที่พึ่งเข้าพิธีส่งตัวนอนซุกในอกของกันและกันบนเตี
“อย่ามัวแต่พูด เข้ามาเสียทีข้ารอนานแล้ว อ๊าา….”สิ้นเสียงเรียกร้องนั้นเขาก็ตอบสนองนางทันทีเพราะตัวเขาเองก็อดทนรอเวลานี้มาแสนนานแล้วเช่นกัน หลายวันที่เกิดเรื่องขึ้นพวกเขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลยแม้ว่าจะอยู่ในห้องเดียวกันก็มิอาจทำเรื่องเช่นนี้ได้เพราะเกรงคนจะสงสัย“อาา แน่นมาก...”แรงกระแทกและเสียงครางดังกว่าทุกครั้งและความต้องการของทั้งสองคนก็มีมากเช่นเดียวกัน“อ๊าา ลึกอีกเพคะ อ๊าา เสียวมากเลย อื้อ…”“เยว่เฟยข้าจะทนไม่ไหว ขอแก้ตัวอีกรอบนะไม่ไหวแล้ว อาา…”ไม่นานหลังจากนั้นองค์ชายแปดก็เกร็งตัวขึ้นมา เยว่เฟยเองก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะถึงสวรรค์เร็วเช่นนี้ ดูท่าคืนนี้นางคงต้องเหนื่อยอย่างที่เขาพูดเอาไว้จริง ๆ เพราะองค์ชายแปดอัดอั้นมานานหลายวัน คืนนี้คงไม่ปล่อยในนางนอนกอดเขาอย่างเดียวดังเช่นหลายคืนที่ผ่านมาเป็นแน่“จื่อหรง ข้าขอพัก อ๊ะ!! อย่าพึ่งเข้ามา ข้า อ๊าา จื่อหรง”“อีกทีนะ ไม่นานหรอกรอบนี้… เยว่เฟยเจ้ารัดข้าแน่นเกินไปแล้ว”“ก็บอกแล้วว่าขอพักก่อนท่านก็ไม่ยอม อ๊าา ต้องโดนเช่นนี้แหละ”“เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับสามี ไม่กลัวว่าข้าจะเอาคืนหรือ อาา เยว่เฟยทนไม่ไหวแล้วข้า…อาา!!”“แฮก แฮก…”“ข้ายังไม่เหนื่อ
“ชิงอัน… ชิงอัน!! ไม่นะ”องค์ชายแปดจับชีพจรของลู่ชิงอันและค่อย ๆ จับไหล่ของลู่อี้เทียนเป็นเชิงปลอบ เขารู้ทันทีว่านางจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีกแล้ว ลู่อี้เทียนกอดร่างน้องสาวเอาไว้แน่น ร่างของซูหลิงถูกยกออกมานอกห้อง บัดนี้เรื่องราวและคดีที่ต้องไขกระจ่างจนหมดสิ้นอีกทั้งตัวผู้บงการ ฆาตกรก็ล้วนแต่จบชีวิตลงที่นี่ในวันนี้จนหมดสิ้น“เยว่เฟย… เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“จื่อหรง…”“มันจบแล้วเยว่เฟย มันจบแล้ว”“ข้าส่งนางไปได้แล้ว…”ฮ่าวจื่อหรงกอดเยว่เฟยเอาไว้แน่น นางตัวสั่นไปทั้งตัวเพราะไม่เคยเห็นเรื่องเช่นนี้มาก่อนในชีวิตนี้หรือแม้แต่ชีวิตก่อนหน้านี้เองก็ตาม หลังจากข่าวการตายของซูหลิงแพร่ออกไปราวกับว่านหนิงลี่เองก็จะรับรู้ ไม่นานหลังจากนั้นนางเองก็จากไปอย่างสงบเช่นกันเพราะพิษที่นางได้รับนั้นกัดกินภายในจนมิอาจช่วยได้ อีกอย่างเมื่อไม่มีซูหลิงหนิงลี่ก็ไม่ต่างกับผู้ที่ไร้หลักยึด นางจึงไม่มีกำลังใจจะสู้ต่อ “ท่านพ่อเจ้าคะ”“พ่อดีใจที่จนถึงตอนนี้ พ่อไม่เคยทำผิดต่อท่านแม่ของเจ้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก่อนหน้านั้นพ่อรู้สึกผิดกับท่านแม่ของเจ้าและเจ้ามาโดยตลอด”“ท่านพ่อ เรื่องทุกอย่างมันผ่านไปหมดแล้วนะเจ้าคะ ท่านก็อย่า