เช้าวันใหม่เวียนมาถึงผู้มาจากแดนเหนือตื่นกันตั้งแต่เช้า พวกเขานอนไม่ค่อยหลับไม่ใช่เพราะไม่ชินกับสภาพอากาศ แต่เป็นความรู้สึกตื่นเต้นดีใจด้วยวันนี้จะได้เรียนการทำอาหาร เยวี๋ยนจิ้งห้าวหัวหน้ากลุ่มจากแดนเหนือได้พูดคุยกับเจียวมิ่ง เขามองเห็นถึงความชื่นชมนับถือจากสายตาของทุกคนและยังแอบกระซิบบอกกับตนอีกด้
“พวกข้าไม่รู้จะตอบแทนบุณคุณครอบครัวของคุณหนูอย่างไร ถึงจะเหมาะสมคู่ควรกับการช่วยเหลือในครั้งนี้”“ท่านอย่าคิดมากเรื่องเป็นบุญคุณอันใดเลย คุณหนูก็บอกแล้วนี่ว่าพวกท่านคือลูกจ้างของนาง เป็นการทำงานใช้แรงแลกเงินค่าจ้างพวกท่านก็แค่ทำงานให้ดีก็พอขอรับ”“พี่ชายเยวี๋ยนคุณหนูลู่ชิงให้มาตามไปด้านหลังห้องครัวข
“พวกข้าไม่แน่ใจว่าต้นมันจะมีอยู่เยอะหรือไม่ เอาเช่นนี้ได้ไหมคุณหนูถ้าพวกข้ากลับไปแดนเหนือ จะชวนเหล่าสหายที่นั่นขึ้นไปสำรวจบนเขาหาดูต้นของมัน หากพบว่ามันมีอยู่เยอะจะรีบส่งข่าวมาแจ้งให้ท่านทราบเป็นอย่างไร หลังจากนั้นค่อยส่งคนไปจัดการก็ยังทันนะขอรับ” เยวี๋ยนจิ้งห้าวแบ่งรับแบ่งสู้เพราะเขาเองก็ยังไม่มั่น
“เช่นนั้นแล้วเนื้อย่างกับซี่โครงอบน้ำผึ้งที่ทำวันนี้ พวกเราก็นั่งทานด้วยกันและแบ่งให้คนอื่นได้ชิมด้วยนะเจ้าคะ พรุ่งนี้จะเป็นรายการอาหารประเภทต้มยำที่จะทำให้พวกท่านติดใจอีกเช่นกันเจ้าค่ะ”และแล้ววันนี้การเรียนทำอาหารของกลุ่มเยวี๋ยนจิ้งห้าว ก็ผ่านไปด้วยดีหลังจากปิดร้านก็ยังได้นั่งทานมื้อเย็นร่วมกันอีก
กลุ่มของเยวี๋ยนจิ้งห้าวได้อยู่ที่ตำบลหย่งฝู เพื่อเรียนการทำอาหารเป็นเวลาสิบวันการเรียนโดยลงมือปฏิบัติจริงนั้นแค่สี่วัน โดยอาหารอย่างต้มยำที่ลู่ชิงได้สอนเพิ่มมีถึงสามรายการ และต้มจืดหนึ่งรายการคือต้มยำไก่ ต้มยำขาหมู ต้มแซ่บกระดูกหมูและต้มจืดไข่น้ำส่วนอีกหกวันจากนั้นคือการทดลองการทำงานในร้านอาหารไปใน
ส่วนเจียวมิ่งนั้นคิดว่าอยู่เฉยอีกไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ต้องรายงานจึงเขียนจดหมายถึงเซียวหนิงหลงอีกครั้ง โดยระบุไปว่าขอให้เซียวหนิงหลงส่งคนมาเพิ่มอีกสักหน่อยเถิด ว่าที่นายหญิงของพวกตนทั้งซุกซนทั้งคิดการใหญ่ ยิ่งมีการขยายสาขาร้านก๋วยเตี๋ยวยิ่งต้องมีคนคอยประสานงานกัน เจียวมิ่งร้องขอความเห็นใจจากเซียวหนิงห
พอมีคนพูดถึงเรื่องของราษฎร ก็แย้งว่าไม่สำคัญเท่าเรื่องสตรีข้างกายรัชทายาท จนฝ่าบาททรงกริ้วงดประชุมเป็นเวลาหนึ่งเดือน หากไม่มีเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับปากท้องของราษฎร ไม่ต้องถวายฎีกาขึ้นไปถึงพระองค์ให้เสียเวลา พ่อถึงได้มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ของเจ้าที่จวนอย่างไรเล่า”“ตาแก่พวกนี้อยู่นานเพราะเกิดก่อ
หลังจากส่งคนจากแดนเหนือกลับไปได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ลู่ชิงกับครอบครัวก็ได้ฤกษ์ย้ายเข้าบ้านใหม่ตรงกับวันหยุดพอดี จึงไม่ต้องกังวลเรื่องร้านอาหารมากเท่าไหร่นัก ทุกคนต่างลงความเห็นว่าทำพิธีตามธรรมเนียมก็พอ ไม่ต้องจัดงานเลี้ยงอะไรให้ยิ่งใหญ่แบบคนอื่นทุกคนเพียงช่วยกันทำอาหารและนำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน หากต้อ
“กระหม่อมเข้าใจชิงเอ๋อร์เป็นอย่างดี และไม่มีวันที่จะทำให้ชิงเอ๋อร์ต้องเสียใจ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามชิงเอ๋อร์อยากทำสิ่งใดกระหม่อมย่อมสนับสนุน คอยปกป้องนางให้พ้นภัยจากคนชั่ว รัชทายาทอย่าได้ทรงกังวลเรื่องนี้ หากเมื่อไหร่ชิงเอ๋อร์ต้องการไปเยือนตงเฉียน กระหม่อมจะเป็นคนพาไปด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ” “ก็ดี เปิ่นไท่
“แล้วเสี่ยวชิงเป็นอย่างไรบ้าง ทำสัญญาการค้ากับสี่แคว้น แค่วันเดียวก็ได้รับเงินแสนตำลึงแล้ว ยังไม่นับเงินส่วนต่างที่จะได้รับหลังกิจการในแต่ละแคว้นเปิดทำการอีก ต่อไปนี้ใคร ๆ ก็คงจะคิดหนักหากคิดจะจัดการตระกูลสวี” “ตอนนี้ชิงเอ๋อร์กำลังทำคู่มือสำหรับการเปิดกิจการสาขา และพ่อครัวที่ต้องเดินทางไปสอนการทำอา
เมื่อคนกลุ่มใหญ่จากสามแคว้นออกจากท้องพระโรงแล้ว ได้เสด็จตรงไปยังประตูวังหลวง เพื่อรอให้ข้ารับใช้ไปเก็บสัมภาระ ยังตำหนักรับรองที่ได้พำนักก่อนหน้านี้ รวมถึงรัชทายาทและพระชายาที่ต้องตามเสด็จกลับแคว้น แม้ภายในใจจะรู้สึกโกรธเคือง และไม่เห็นด้วยกับพระบิดาเพียงใดก็ไม่อาจแสดงออกได้มากนัก ยามนี้ยังอยู่ต่างแ
“เฮอะ มีฮ่องเต้คนใดบ้างที่ไม่มีสนม อย่างน้อยพวกนางก็ช่วยให้เรามีความสุขชั่วครั้งชั่วคราวก็ยังดี ขุนนางจะดีจะชั่วใช่ว่า จะมองออกได้ง่าย ๆ ท่านคงคิดว่าตนเองเก่งมาก ที่สามารถมองคนออกว่าคนไหนดีคนไหนไม่ดีเชียวรึ” ฮ่องเต้จากซีหนานตรัสประชดประชันอย่างน่าหมั่นไส้ “ฮ่องเต้ซีหนานท่านไม่อยากเป็นฮ่องเต้ ที่เ
“จริงรึ! นี่คงเป็นลิขิตสวรรค์ ที่ได้ส่งเด็กสาวคนนี้มาเกิดบนแผ่นดินแคว้นฉู่ แม้แต่วิธีแก้ปัญหาเล็ก ๆ แต่กลับช่วยผู้คนได้มากมายนัก ไว้แนะนำให้เจิ้นได้รู้จักนางบ้าง เผื่อจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กันสักครั้ง” “เสด็จพ่อทรงพักผ่อนสักนิดเถิด เย็นนี้จะได้ชิมอาหารสูตรของคุณหนูสวี แล้วจะทรงเข้าพระทัยว่าเหตุใด ล
เพราะเดินทางก่อนทำให้ฮ่องเต้ตงเพ่ยจวิน เสด็จมาถึงเมืองหลวงแคว้นฉู่เป็นพระองค์แรก โดยมีรัชทายาทมารอรับเสด็จพระบิดาที่หน้าประตูวังหลวง พร้อมด้วยฮ่องเต้เซียวถิงเฟิง ชินอ๋องและขุนนางอีกหลายคนที่มารอต้อนรับด้วยเช่นกัน “ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” “รัชทายาทเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นี่มีปัญหาอันใดหรือไ
“จือเค่อเจ้าไปสังหารฮ่องเต้ส่วนข้ากับลี่จ้งจะหาของมีค่า เผื่อฝ่าบาทจะนำมาด้วยระหว่างทางหลบหนี ยังต้องใช้เงินอีกมาก”“อืม ทำเงียบ ๆ เล่าอย่าได้ส่งเสียงดังเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเราสามคนคงหนีไม่พ้นเข้าใจไหม”“เชื่อมือพวกข้าสองคนเถิดน่างานนี้ไม่มีพลาดแน่นอน เจ้ารอส่วนแบ่งก็พอแล้วรีบลงมือกันเถิด”จือเค่อ
ส่วนองครักษ์เหยียนกลับคิดถึงเรื่องยาพิษมากกว่า “อย่าว่าแต่เรื่องพลังยุทธ์เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมนึกถึงยาพิษที่ฮองเฮาได้รับแล้วยังขนลุกได้ทุกครั้ง ยาพิษอันใดกันทำให้เจ็บปวดทรมานอยากตายก็ตายไม่ได้ แต่อยู่โดยมีพิษนี้อยู่ในร่างกายต้องทุกข์ทรมานยามตะวับลับขอบฟ้า น่ากลัวมากจริง ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนี้รัชท
ตลอดระยะเวลาที่ตัวประกันที่เป็นเชื้อพระวงศ์ และต้องพำนักอยู่ที่แคว้นฉู่มาพักใหญ่ แม้จะถูกจำกัดบริเวณที่ไปได้ แต่มิได้ทำให้ทุกคนซึมเซาหรือเคร่งเครียดแต่อย่างใด เพราะกิจการของตระกูลสวีดึงดูดความสนใจของทุกคน ยิ่งร้านน้ำหอมที่ได้เข้าไปเลือกชมด้วยตนเอง จนต้องเสียตำลึงเงินไปพอสมควร จะซื้อขวดเล็ก ๆ ได้อย่า