เมื่อเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแล้ว ทางฝั่งร้านอาหารจึงปรับลดจำนวนการทำอาหารลงมาเล็กน้อย แต่ลูกค้าก็ยังสั่งทั้งสองอย่าง กลับไปกินที่บ้านกับครอบครัวเช่นเคย พอผ่านไปได้สามวันลู่ชิงไม่ลืมให้ก้งเจี้ยนำน้ำยาสระผม สินค้าใหม่ไปส่งให้กับเถ้าแห่หงจำนวนห้าร้อยขวด เพื่อเป็นการเปิดตลาดสำหรับสินค้าชนิดนี้เป็นครั้งแรกหา
“อ้อ เจ้ากระปุกอันเล็กนี่คือเครื่องปรุงเพิ่มรสชาติของก๋วยเตี๋ยวขอรับ หากว่าชิมน้ำซุปแล้วพอใจในรสชาติก็ไม่ต้องปรุงเพิ่ม แต่หากชอบรสเผ็ดร้อนหรือจะเติมความเปรี้ยวและความหวาน สามารถตักเครื่องปรุงเหล่านี้เติมลงไปได้เลยขอรับ” คราแรกลูกค้าก็มีอาการสงสัยเช่นนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้เริ่มปรุงรสชาติที่ชอบกันเกือ
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับท่านอุตส่าห์มาเยี่ยมที่ร้านทั้งที ถือว่าพวกเราเลี้ยงต้อนรับก็แล้วกันขอรับครั้งนี้ไม่คิดเงิน” ลู่เวินคิดเช่นนั้นจริง ๆ เพราะไม่ง่ายเลยที่เจ้าเมือง จะมาร้านอาหารของชาวบ้านเช่นนี้ ซึ่งมันช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้มีมากกว่าเดิม“ไม่ได้หรอกเถ้าแก่ของซื้อของขาย ครั้งนี้ท่านเก็บเงินข้าไ
“ข้าเห็นด้วยกับชิงเอ๋อร์ในข้อนี้ อย่างน้อยการช่วยสามีหาเงิน อาจจะทำให้พวกเขามีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย” ฟางซินคิดว่าวิธีการนี้ของลู่ชิงนั้นสามารถช่วยครอบครัวของทหารเหล่านี้ได้“ขอบคุณพวกท่านมากจริง ๆ ขอรับ ที่ให้โอกาสกับทหารและครอบครัว ได้มีงานทำหาเลี้ยงครอบครัว ข้ากับสหายจะช่วยคัดเลือก คนที
เซียวหนิงหลงกับกองทัพเริ่มออกเดินทางกลับเมืองหลวงได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว เขาได้รับจดหมายที่เจียวมิ่งส่งมาบอกเล่าเรื่องการทำการค้าของลู่ชิงกับครอบครัว เพียงสงครามสงบได้ไม่ถึงสัปดาห์ นางก็มีสินค้าใหม่ส่งให้เถ้าแก่หงนำไปขายแล้ว ไหนจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเพิ่มอีก ยามนี้ยังมีแผนการขยายร้านเพิ่มที่เมืองหย่งจิ
“เจ้าหน้าที่กำลังไปแจ้งท่านเจ้าเมืองน่ะ อีกประเดี๋ยวคงจะออกมาแล้ว” ลู่เวินหันมาตอบฟางซินที่ตอนนี้พาลูก ๆ มายืนอยู่ด้านหลังของตนทุกคนแล้วทุกคนรออยู่ที่หน้าประตูไม่ถึงหนึ่งจิบชา เจ้าหน้าที่คนเดิมก็วิ่งกลับมาพร้อมกับแจ้งว่า ท่านเจ้าเมืองเชิญทุกคนเข้าไปพบ ที่ห้องโถงรับแขกของที่นี่ เจียวมิ่งให้ก้งเยว่ติ
“พวกเราตัดสินใจซื้อร้านนี้ ตามที่ท่านเจ้าเมืองแนะนำเลยขอรับ เรื่องเอกสารต้องรบกวนท่านเจ้าเมืองแล้ว” ลู่เวินเริ่มจะตื่นเต้นกับการได้กลับมาอยู่ในแวดวงการค้าอีกครั้ง แม้ว่าการค้าที่เริ่มต้นใหม่นี้จะเกี่ยวกับการทำอาหารก็ตาม“นี่เป็นเงินสำหรับซื้อร้านค้าเจ้าค่ะ ท่านเจ้าเมืองอุตส่าห์ลดราคาให้กับพวกเรา เช่
เพราะเสียงของฟางซินกับก้งเยว่ดังขึ้นพร้อมกัน ทำให้ลู่เวินรีบหยุดรถม้าทันที เพื่อจะถามกับทั้งสามคนที่อยู่ด้านใน ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เรียกชื่อของลู่ชิงด้วยเสียงที่ดังเช่นนี้“เกิดอะไรขึ้นน้องหญิง ชิงเอ๋อร์เป็นอะไรเหตุใดถึงได้เรียกเสียงดังขนาดนี้” ลู่เวินเปิดผ้าม่านที่ปิดประตูรถม้าขึ้นเพื่อถามเรื่องร
“เมื่อครู่พวกเจ้ายังไม่มีท่าทีจะยอมสักนิด ต้องให้เจ็บตัวเสียก่อนถึงจะยอมเปิดปากงั้นรึ หากทำตามที่บอกตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้” หลี่เมิ่งยังไม่ยอมหยุดบ่นใส่พวกสีว์เปียว ที่ดื้อด้านในตอนแรกแต่พอเจ็บตัวก็เปลี่ยนท่าทีทันใด“พวกข้าผิดเองที่ทะนงตนคิดว่าคงจะสู้พวกเจ้าได้ อยากให้ข้าตอบคำถามอันใดถ้าต
“ข้าจะคอยดูแลร้านระหว่างท่านไม่อยู่เอง หากมีปัญหาอะไรข้าย่อมไม่ปล่อยไว้หรอก” หลี่เมิ่งอยากจะเจอกับพวกที่มาก่อเรื่องนานแล้ว คนแบบนี้จะพูดดีไปทำไมกันเมื่อเยวี๋ยนจิ้งห้าวแยกตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกหลี่เฉียงกำลังจะกลับที่พักเช่นกันแต่กลับมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นเสียก่อน ทั้งสามคน จึงหยุดฟังว่ามันคือเสียงอะไร
หลังจากพาตัวอู๋เจียงสงออกไปส่งด้านนอก ชินอ๋องและคนอื่นจึงออกมาจากด้านหลังฉากกั้น การสนทนาเมื่อครู่นั้นล้วนได้ยินกันทั่วหน้า แต่ไม่มีใครอยากพูดถึงมันอีกในเมื่อมันจบไปแล้ว จากนี้คือการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงบ้านตระกูลสวีจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อปัญหาที่ค้างคาใจนั้นได้คลี่คลายแต่ที่แดนเหนือต
ให้ดี และประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเซียวหนิงหลง“มะ มะ ไม่จริง ปะ ปะ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ซื่อจื่อจะมาอยู่กับครอบครัวพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ไหนผู้คนที่เมืองหลวงบอกว่าซื่อจื่อติดตามท่านอ๋อง เพื่อไปตรวจความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามรับสั่งของฮ่องเต้” ตอนนี้อู๋เจียงสงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้วเขาพูดพึมพำก
“ถึงพวกข้าจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ครอบครัวพวกเราอยู่ที่นี่มีความสุขกันดี จะกลับไปตระกูลที่เห็นแก่ตัวของท่านทำไมกัน อาหารการกินก็แค่เศษของเหลือจากเรือนของท่าน เสื้อผ้าก็ไม่เคยได้ผ้าไหมอย่างดีเหมือนหลานคนอื่น ๆแม้แต่เรือนแยกพวกเรายังไม่มีให้อยู่ ท่านคิดว่านี่ม
“นายท่านขอรับพวกเราเดินตามไปเงียบ ๆ จะดีกว่า ดูท่าทางสองคนนี้จะพูดจริงทำจริงนะขอรับ ดูดาบที่อยู่ตรงเอวพวกเขาสิน่าจะคมมากทีเดียว ข้าว่าอย่าไปท้าทายตามที่พวกเขาเตือนไว้ดีกว่าขอรับ” พ่อบ้านอู๋ที่ขี้ขลาดพอตัวสังเกตเห็นดาบที่เอวของก้งคุน ก็ขนลุกขนชันเกรงว่ามันจะมาพาดอยู่ที่คอของเขาแทน“ขี้ขลาดไม่เข้าเรื่
การฉลองงานหมั้นหมายของสองครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนลิ้มลองสุราหมักท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ซึ่งย้ายสถานที่นั่งดื่มสุราขึ้นมายังชั้นสอง ที่ลู่ชิงทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมทิวทัศน์เอาไว้ โดยมีเพียงกลุ่มของเจียวมิ่งที่ขึ้นมาคอยดูแลส่วนเต๋อหลินต้องคอยดูแลกลุ่มที่ติดตามชินอ๋อง แต่รสชาติของสุราหมักทำ
“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็คิดจะลงมืออยู่แล้ว เมื่ออู๋เจียงสงกลับไปถึงเมืองหลวง อาจตายเพราะความตกใจจนเกินเหตุ หรือไม่ก็คงตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะจัดการให้เมืองหลวงไม่มีชื่อตระกูลอู๋อีกต่อไป” เซียวหนิงหลงพูดคำไหนคำนั้นและเขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ“ขอบคุณมากขอรับ รอให้ข้าฝึกวรยุทธ์ได้เก่งมากกว่านี
“ชิงเอ๋อร์เจ้ายื่นมือมาพี่จะช่วยสวมให้เจ้าเอง เมื่อใส่กำไลหยกชิ้นนี้แล้วก็ถือว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่ เป็นว่าที่สะใภ้ของราชวงศ์เซียวแห่งแคว้นฉู่ หากมีใครคิดปองร้ายเจ้าโทษของคนเหล่านั้น ย่อมร้ายแรงมากกว่าปกติหลายเท่าการลงโทษย่อมมีหนักเบา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจกฎเกณฑ์พวกนี้ บางครั้งเราไม่อาจใจดีกับคนที่