พี่ผู้ชายที่มารับเขาไม่ตอบคำถามอะไรเลย พาฉันมาที่ตึกแห่งหนึ่ง มันใหญ่โตมโหฬาร หรูหรามาก ๆ คาดว่าที่นี่น่าจะเป็นคอนโด มาถึงเขาก็พาฉันขึ้นลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้นบนสุด
“ที่นี่เป็นคอนโดของเครือคุณธนดลครับ มีคอนโดสิบแห่งในอังกฤษ คอนโดนี้เป็นคอนโดที่พรีเมียมที่สุดในเครือ”
คุณธนดลคือคนที่มอบทุนการศึกษาให้ฉันกับเพื่อน เป็นพ่อของคุณเพลิง ฟังแล้วมันก็รู้สึกขนลุกให้กับความรวยของเขา ชาตินี้ทั้งชาติฉันก็คงไม่มีโอกาสได้สัมผัสความรวยแบบนี้
“ตามผมมาครับ” เมื่อลิฟต์เปิดออกเขาก็หันมาบอกก่อนจะเดินนำ ฉันเองก็รีบเดินตาม
พี่เขาพามาหยุดที่หน้าห้อง ๆ หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก
“มาถึงแล้วครับนาย”
ฉันได้แต่ยืนตัวสั่นเทาเพราะความตื่นเต้นกับการมาทำงานในที่สุดหรูแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต
ที่ผ่านมาเคยทำแต่งานเสิร์ฟในร้านอาหาร ล้างจานอะไรพวกนี้ ไม่เคยทำในที่หรู ๆ แบบนี้เลย
“คุณเอยเปิดประตูเข้าไปได้เลยครับ” พี่ผู้ชายคนที่มาส่งพูดขึ้นแล้วทำเหมือนจะเดินจากไปฉันจึงเรียกเอาไว้ “ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอคะ”
“ผมมีหน้าที่แค่มาส่งคุณเอยครับ”
“อะ… อ๋อค่ะ ๆ” ฉันพยักหน้าตอบแล้วพี่เขาก็เดินไปที่ลิฟต์
ส่วนตัวฉันเองก็ยืนจับสายกระเป๋าสะพายแน่นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเอื้อมมือที่สั่นเทาไปเปิดประตู
เมื่อขาก้าวเข้ามาในห้อง ความเย็นของเครื่องปรับอากาศมันก็กระทบลงมาบนผิวเนื้อ ทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“… เปิดแอร์หนาวจัง” ฉันลูบแขนตัวเองไปมาแล้วบ่นพึมพำ ก่อนจะใช้สายตาสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง แต่ไม่เจอใคร
แล้วฉันต้องทำยังไง คุณเพลิงให้มาทำความสะอาดห้องงั้นเหรอ แค่ทำความสะอาดห้องมันได้เงินเดือนเป็นแสน ๆ เลยเหรอเนี่ย
“มาเร็วดี”
“อ๊ะ!” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากทางด้านหลังใกล้ ๆ กับใบหู เมื่อหันมาแล้วเจอใบหน้าของคุณเพลิงที่อยู่ใกล้แค่คืบก็รีบขยับหนีทันที
ไม่รู้ว่าคุณเพลิงเดินมาเมื่อไหร่ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ตอนนี้เขาอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีดำ มันดูน่าเกรงขามมาก ๆ แล้วฉันก็ค่อนข้างอายที่เห็นเขาอยู่ในชุดนี้จึงรีบเบือนหน้าหนี
“ไปอาบน้ำ”
“… คะ ?” จู่ ๆ ก็ถูกบอกให้ไปอาบน้ำ ทำเอาฉันงุนงงจนต้องหันมามองคุณเพลิงอย่างไม่เข้าใจ “เอยอาบมาแล้วค่ะ ก่อนจะมานี่เอง ให้เอยเริ่มงานเลยไหมคะ”
“ดูท่าเธอจะใจร้อนมากกว่าฉันซะอีกนะ”
“เอยอยากทำงานแล้วนี่คะ ^_^” ตอนนี้ฉันพร้อมลุยเต็มที่งานอะไรขอให้บอกไม่ว่าจะเป็น กวาดห้อง ถูห้อง ล้างจาน เช็ดกระจก ล้างห้องน้ำ ฉันทำได้ทุกอย่าง
“ฉันให้เธอเลือกว่าอยากทำที่ไหนในห้อง โซฟาห้องโถง ริมระเบียง ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน”
ฉันคิดครู่หนึ่งให้เลือกทำไมกัน หรือให้เลือกว่าอยากจะเริ่มทำความสะอาดส่วนไหนในห้องก่อนแบบนี้หรือเปล่านะ
“เริ่ม… ที่ห้องโถง ต่อด้วยห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน จากนั้นก็ปิดท้ายที่ริมระเบียงก็ได้ค่ะ ^_^” ฉันเรียงตามจุดทำความสะอาด
“เธอไหว ?” คุณเพลิงขมวดคิ้วเข้มถาม มันน่าแปลกมากเลยเหรอเขาถึงได้ดูแปลกใจมากขนาดนั้น
“ไหวสิคะงานถนัดเอยเลยนะ ^_^”
“เคยทำมาแล้ว ?”
“เคยสิคะ อย่าดูถูกเอยเชียวนะ เอยน่ะทำมาตั้งแต่อายุสิบห้าเลยมั้งคะจริงๆ ๆ ก็จำไม่ค่อยได้ ตอนแรก ๆ ก็เหนื่อยแต่พอทำจนชินตอนนี้เอยสู้ตายค่ะ ^_^”
“ครั้งแรกของเธอตอนอายุสิบห้า ?”
“ใช่ค่ะ หรือสิบสี่นะเอยลืม ๆ เพราะนานมาแล้ว”
ไม่รู้ว่าฉันพูดมากไปหรือเปล่าแต่ตอนนี้คุณเพลิงเงียบไปเลย
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าออกซะ” เขาพูดแบบไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่ที่น่าตกใจคือทำไมต้องให้ฉันถอดเสื้อด้วยล่ะ
“ถะ… ถอดเสื้อทำไมคะ”
หัวคิ้วหนาขมวดชนกันยุ่งเหยิงอีกครั้งพร้อมกับแววตาเย็นยะเยือกที่จ้องมองฉันเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่
“ที่พูด เธอหมายถึงเรื่องอะไร ?”
“พูดเรื่องทำความสะอาดห้องค่ะ คุณเพลิงจ้างเอยมาทำความสะอาดห้องไม่ใช่เหรอคะ”
ฉันสังเกตเห็นว่าตินนี้คุณเพลิงกำลังขบกรามแน่นก่อนจะพ่นหายใจออกมาหนัก ๆ “ใครเป็นคนบอกว่าฉันจ้างเธอมาทำความสะอาดห้อง”
“…” จู่ ๆ ฉันก็สัมผัสได้ถึงความอำมหิตจากน้ำเสียงเข้มที่เอ่ยถาม ทำเอาไม่กล้าอ้าปากตอบกลับเลย
“เมื่อวานเธอได้อ่านเอกสารที่ส่งไปให้เซ็นหรือเปล่า”
“มะ ไม่ได้อ่านค่ะ” ฉันก้มหน้าตอบ
“หึ! ดี ฉันชอบคนที่ไม่รอบคอบ”
“คะ ?” ปกติได้ได้ยินแต่คนว่าชอบคนที่รอบคอบ แต่ที่คุณเพลิงพูดมันสวนทาง หรือเขาจะอยู่ต่างประเทศนานจนลืมภาษาไทยไปแล้วนะ จะท้วงก็ไม่กล้าว่าเขาพูดผิด
“อยากอ่านเอกสารหรือเปล่าฉันจะเอามาให้อ่าน”
“ค่ะ เอยอยากอ่าน”
คุณเพลิงเดินหายไปในห้องนอน ไม่นานเขาก็เดินกลับมาพร้อมกระดาษแผ่นสีขาวในมืออก่อนจะยื่นมันมาให้ฉัน
“อ่านซะ”
ฉันรับเอกสารมาเมื่อวานไม่ได้อ่านพอคุณเพลิงรู้เขาคงจะไม่พอใจจึงให้มาอ่านอีกรอบ
เมื่อบรรจงอ่านมันก็รู้สึกแปลกใจกับข้อความที่พิมพ์ลงมาในใบกระดาษ ระบุคร่าว ๆ ว่า สัญญาว่าจ้างจนกว่าฉันจะจบการศึกษา โดยที่ฉันต้องยินยอมมีเซ็กส์และไม่ขัดขืนใด ๆ ไม่ว่าคุณเพลิงจะทำอะไร เอกสารนี้เป็นความลับห้ามบอกใครเด็ดขาด หากต้องการยกเลิกสัญญาต้องจ่ายหนึ่งล้าน
นะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมข้อความในกระดาษถึงเขียนออกมาแบบนี้ คุณเพลิงต้องหยิบผิดมาแน่ ๆ
“ยะ หยิบเอกสารมาผิดใบหรือเปล่าคะ” มือของฉันมันสั่นเทาเมื่อจับใจความข้อความในกระดาษใบนี้ได้ แต่บางทีมันอาจจะมีอะไรผิดพลาด
“ถ้ามีลายเซ็นของเธออยู่แปลว่าฉันหยิบมาไม่ผิด”
ฉันรีบก้มมองที่แผ่นกระดาษอีกครั้ง มันมีลายเซ็นของฉันอยู่จริง ๆ ด้วย
“อะ… เอยขอไม่รับงานนี้ค่ะ” สัญชาตญาณทำให้ฉันรีบปฏิเสธออกไปเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติ
“ได้สิ… ถ้าเธอจ่ายหนึ่งล้าน”
ฉันมองคุณเพลิงอย่างหวาดกลัว เขาน่ากลัวมาก ๆ ทำไมถึงหลอกฉันแบบนี้ ภาพลักษณ์ที่ดูดีมันต่างจากความอำมหิตของเขาสิ้นเชิง
“แต่เอยยังไม่ได้รับเงินจากคุณเพลิงเลยนะคะ เพราะฉะนั้นเอยสามารถยกเลิกสัญญาได้” ฉันพยายามพูดทุกอย่างด้วยเหตุผล ถึงแม้จะรู้สึกกลัวผู้ชายตรงหน้าเอามาก ๆ“เธอไม่รับแต่ยายเธอรับไปแล้ว เห็นว่าน้องชายเธอค้างค่าเทอมไว้ป่านนี้คงเอาเงินนั้นไปจ่ายค่าเทอมแล้ว”“คะ… คุณเพลิงเอาเงินให้ยายเอยได้ยังไงคะ รู้ที่อยู่ของเอยได้ยังไง” มันเริ่มกลัวมากขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น“ฉันรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ”“หลอกเอยอยู่ใช่ไหมคะ เอยขอร้องอย่าทำอะไรเอยเลยนะคะ เอยจะช่วยทำงานทุกอย่าง ไม่เอาเงินเลยสักบาทก็ได้แต่คุณเพลิงช่วยยกเลิกสัญญานั่นได้ไหม” ฉันลองขอร้องดูเผื่อผู้ชายตรงหน้าจะเห็นใจ แต่สายตาของเขามันบ่งบอกว่าต่อให้พูดไปก็เท่านั้น“ถ้าไม่เชื่อเธอก็โทรไปถามยาย เมื่อวานหลังจากที่เซ็นเอกสารฉันให้ลูกน้องที่ไทยจัดการเอาเงินส่วนหนึ่งไปให้ยายเธอ”“…” ฉันเม้มปากแน่น อยากจะโทรไปถามยายแต่ก็กลัวคำตอบ“เห็นว่าน้องชายเธอค้างค่าเทอมอยู่ฉันอุตส่าห์ใจดีช่วย คำขอบคุณสักคำก็ไม่มีเธอนี่ใจดำซะจริง ๆ”“… เอยไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น หนึ่งล้านสำหรับเอยมันเยอะมาก ๆ” ฉันบอกไปอย่างหมดหนทาง ไม่อยากให้คุณเพลิงใจร้ายทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันอุตส่า
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทาแล้วกดโทรไปหายาย แต่คนที่รับสายคือโอมน้องชายของฉัน(ฮัลโหลพี่เอย)“ยายล่ะโอม พี่ขอคุยกับยายหน่อย”(ยายกำลังจ่ายค่าเทอมให้ผมอยู่ พี่เอยมีอะไรหรือเปล่า)“บอกยายว่าอย่าเพิ่งจ่ายเงินนะ” ฉันรีบค้านขึ้นทันที(ยายจ่ายไปแล้วพี่เอยมีอะไรหรือเปล่า ถ้าผมไม่รีบจ่ายอาจจะโดนไล่ออกเพราะค้างคาเทอมมาหลายเดือนแล้ว)“ยายบอกหรือเปล่าว่าได้เงินมาจากไหน”(ทำไมพี่เอยถามเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้ล่ะครับ ยายบอกว่าเงินก้อนนี้เจ้านายพี่เอยฝากคนเอามาให้ เป็นเงินล่วงหน้าที่หัวหน้างานจ่ายให้ก่อน)ฉันค่อย ๆ เอาโทรศัพท์ลงจากหูแล้วกดตัดสายมันเหมือนโลกใบนี้กำลังแคบลงเรื่อย ๆ ฉันไม่โทษที่ยายเอาเงินไปใช้ เพราะยายคิดว่าเป็นเงินจากการทำงานของฉัน ครั้งล่าสุดที่คุยโทรศัพท์ด้วยกันฉันเป็นคนบอกยายเองว่าได้งานแล้วและเจ้านายใจดีมาก ๆอีกอย่างค่าเทอมของโอมฉันก็ผลัดมาหลายเดือนเพราะยังหาเงินไปจ่ายไม่ได้ ยายคงกลัวว่าทางโรงเรียนจะไล่โอมออกจึงรีบนำเงินไปจ่าย“โทรหายายแล้วเธอสบายใจขึ้นหรือยัง ?” คุณเพลิงที่เงียบฟังฉันคุยโทรศัพท์เอ่ยถามขึ้นมา สายตาที่ร้ายกาจคู่นั้นจับจ้องมองฉันอยู่ตลอดเวลา“…” เข
ฉันกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือดเมื่อไร้หนทางหนีและไม่สามารถหาเหตุผลมาเป็นข้อยกเว้นที่ตัวเองทำพลาดไม่อ่านเอกสารได้สีหน้าคุณเพลิงดูจะมีความสุขที่ในตอนนี้เขาถือไพ่อยู่เหนือกว่าฉันทุกทาง“เอยขอทำใจก่อน…”“ฉันไม่มีเวลาให้เธอมากขนาดนั้น”“แต่มันคือครั้งแรกของเอย ตอนนี้เอยยังไม่พร้อม”ลมหายใจร้อนผ่าวถูกพ่นออกมาก่อนที่คุณเพลิงจะพันเชือกเสื้อคลุมเอาไว้เหมือนเดิม “เธอจะทำอะไร ?”“เอยอยากดูทีวีค่ะ”“อืม ไปสิ”ฉันค่อย ๆ ขยับขาคลานลงจากเตียงอย่างระแวง กลัวว่าจะถูกกระชากอีกพอออกมาข้างนอกห้องนอนเห็นว่าคุณเพลิงไม่ตามออกมาฉันจึงรีบวิ่งไปที่ประตูก่อนจะเอื้อมไปจับลูกบิด แต่ทว่าทำยังไงมันก็เปิดไม่ออก“ทีวีอยู่ตรงนั้น ที่เธอจับอยู่เรียกว่าประตู”เฮือก!! ร่างของฉันสะดุ้งโหย่งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเข้มเอ่ยขึ้นมาด้านหลัง ก่อนจะค่อย ๆ เอามือออกจากลูกบิดช้า ๆ“อ… เอยอยากจะเข้าห้องน้ำ ไม่ใช่ประตูนี้เหรอคะ”“คิดว่าฉันโง่ ?”ฉันกัดริมฝีปากแน่นอีกครั้งอยากจะเอาหัวกระแทกกับผนังห้องแรง ๆ สักทีที่เผลออ้างอะไรแบบนั้นออกไปทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่านั่นไม่ใช่ประตูห้องน้ำ“จะเดินไปดูทีวีดี ๆ หรือจะให้ฉันลากเธอไป”“…” พอได้ยินค
ในตอนนี้ฉันกำลังนอนขดอยู่บนเตียงโดยมีผ้าห่มผืนใหญ่คลุมตั้งแต่ช่วงคอลงไป ส่วนคุณเพลิงเขากำลังใส่เสื้อผ้าอยู่“ไม่คิดจะลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าหรือเธออยากต่ออีกรอบ ?” เขาหันมาถามฉันเสียงเย็นพร้อมกับเดินมานั่งลงบนเตียงขณะที่กำลังสวมใส่แค่กางเกงพอคุณเพลิงมานั่งข้าง ๆ ฉันที่กำลังนอนอยู่ก็รีบขยับหนี แต่ทว่ากลับถูกฝ่ามือใหญ่กระชากแขนเอาไว้แล้วบีบแน่น“โอ้ย~ คุณเพลิง เอยเจ็บ”“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าทำเหมือนรังเกียจฉัน”“…” เขามันใจร้าย ใจร้ายที่สุด ทำกับคนที่ไม่เต็มใจแบบนี้ได้ยังไง“เอาเลขบัญชีของเธอมาฉันจะโอนเงินให้”“ม… มันจะไม่มีครั้งต่อไปใช่ไหมคะ”“แน่นอนมันต้องมีครั้งต่อไป” คำตอบที่ได้รับมันสวนทางกับสิ่งที่ฉันอยากได้ยินคุณเพลิงปล่อยแขนฉันให้เป็นอิสระก่อนจะลุกขึ้นไปแต่งตัวต่อ“ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าซะ ก่อนที่ฉันจะทำอะไร ๆ ต่อถ้าเธอยังไม่ยอมลุกขึ้นไป”“อ… เอยรอคุณเพลิงแต่งตัวเสร็จก่อนดีกว่าค่ะ”“จะอายทำไมร่างกายเธอฉันเห็นหมดแล้ว”ฉันเม้มปากแน่น ไม่ว่าจะเห็นยังไงเขาก็ไม่ควรเอามาพูด ฉันมันไร้ค่าขนาดนั้นเลยหรือไงกัน“เอยขอไม่รับเงินแล้วก็ขอให้ทุกอย่างจบลงแค่นี้ ส่วนเงินที่ยายเอาไปใช้เอยจะทำงานแล้ว
“แกใครน่ะหล่อมากเลย” เสียงชะเอมพูดขึ้นมาอย่างหลงไหลเมื่อได้เห็นใบหน้าของคุณเพลิง“มีผู้ชายหล่อขนาดนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอเนี่ย” มีนยกมือขึ้นมาป้องปากตกตะลึงในความหล่อของคุณเพลิงที่ลงมาจากรถสปอร์ตคันหรูเขาหล่อ มันไม่แปลกที่เพื่อนของฉันจะพากันชื่นชมและตกตะลึง เพราะฉันก็เคยตกอยู่ในอาการนั้นมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความหล่อและความดูดีมันก็เป็นแค่เปลือกภายนอก เพราะเขานั้นโหดร้ายที่สุด“คุณธนดลรอเราอยู่นะ รีบไปกันเถอะ” ฉันกระซิบบอกเพื่อนสองคนที่เอาแต่ต้องมองคุณเพลิงสายตาคมกริบของคุณเพลิงกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะจ้องมาหยุดที่ฉันกับเพื่อน ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อถูกสายตาแบบนั้นมองมาเหตุการณ์วันนั้นมันผุดเข้ามาในหัวอัตโนมัติ ทั้งที่พยายามจะลืม พยายามไม่คิดถึงแล้วแท้ ๆ แต่พอเจอหน้าฉันกลับห้ามความคิดเอาไว้ไม่ได้“แกเขามองมาทางนี้” ชะเอมหวีดขึ้นมาอย่างกับเจอดารามองตัวเอง“ไปกันได้แล้ว” ฉันดึงรั้งเพื่อนทั้งสองคนให้เดินตาม คุณเพลิงยังเอาแต่จ้องมองมาทางนี้จนฉันไม่กล้าสบตาเขา “ยัยเอย แกจะรีบดึงมาทำไมเนี่ย” มีนหันมาถาม“ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอมันดูไม่ดีนะ” ฉันดุเพื่อน“ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นเ
วันต่อมา#มหาวิทยาลัยฉันกับเพื่อนต่างตื่นเต้นกับการเปิดเทอมวันแรกเราสามคนทำตัวไม่ค่อยถูกเพราะที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทยด้วยจึงทำให้รู้สึกเกร็ง ๆ แต่เพื่อน ๆ ที่คณะก็เอ็นจอยดี ทุกคนเป็นกันเองมาก ๆ เลยทำให้ฉันกับเพื่อนคลายความเป็นกังวลไปได้บ้างพอคนอื่น ๆ รู้ว่าเราเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนต่างก็อยากเข้ามาคุยด้วย ตอนแรกฉันคิดว่าจะไม่มีใครอยากคุยกับพวกเราซะอีกเราได้เพื่อนใหม่ด้วยเป็นฝาแฝดชายหญิง ชื่อจัสตินกับจัสมิน ทั้งสองคนเป็นกันเองและน่ารักมาก ๆ ช่วยสอนภาษาให้ฉันกับเพื่อนด้วย“วันนี้ไปปาร์ตี้ที่บ้านฉันไหม” จัสมินชวนฉันกับเพื่อน ทั้งที่เพิ่งพูดคุยกันแต่ด้วยความเฟรนลี่ของเธอจึงชวนพวกฉันอย่างสนิทสนม“คงไม่ได้หรอกจัสมิน พวกฉันต้องทำงานพาร์ทไทม์กันหลังเลิกเรียน” มีนตอบ“อ๋อ งั้นไม่เป็นไรเอาไว้ไปวันหยุดก็ได้ ^_^”“นี่ ๆ ขอถามหน่อยสิ” ชะเอมขยับเข้าไปถามใกล้ ๆ จัสมิน แล้วพูดแบบกระซิบ “จัสตินมีแฟนหรือยัง”ฉันกับมีนมองหน้ากัน ถึงชะเอมจะชอบหวีดผู้ชายหล่อ ๆ แต่ก็ไม่เคยถามแบบนี้กับใคร“ฮ่า ๆ บื้อแบบนั้นชาตินี้คงไม่มีแฟนหรอก” จัสมินตอบแล้วมองค้อนพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง พอรู้ว่าจัสตินไม่มีแฟนชะเอมก็ยิ้มน้อยยิ
ในขณะที่รถกำลังแล่นอยู่ฉันก็เอาแต่เงียบและใช้ความคิดหาวิธีหนี แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเสียงจากโทรศัพท์ของฉันเองฉันหันมองคุณเพลิงที่เหลือบตามามองเหมือนจะรำคาญเสียงโทรศัพท์ของฉันจึงรีบหยิบมันขึ้นมาเพื่อจะกดรับสาย แต่ทว่าไอ้หน้าจอนี่สิสัมผัสยากรูดนิ้วเป็นสิบครั้งก็ยังรับสายไม่ได้“ปิดเสียงโทรศัพท์ซะ” พอเสียงเรียกเข้ามันดังต่อเนื่องคุณเพลิงก็พูดขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ“ค่ะ”ฉันรีบกดปิดเครื่องไปเลย จะได้จบ ๆ เพราะปุ่มปิดเสียงด้านข้างมันหลุด ต้องหาไม้เล็ก ๆ มาจิ้มถึงจะลดเสียงได้คุณเพลิงมองโทรศัพท์ในมือของฉันก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองหน้า จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ“ไปห้างก่อน” เสียงของคุณเพลิงพูดขึ้นอีกครั้ง เขาสั่งคนขับรถมันโล่งอกที่ได้ยินคำสั่งนี้ เพราะอย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ถูกเอาตัวไปทำเรื่องที่ไม่ดีก่อน การไปห่างอาจจะมีหนทางให้หนีรถหรูมาจอดในที่ห้าง มอง ๆ ไปก็คล้ายที่ไทย“ถ้าคุณเพลิงจะไปซื้อของงั้นเอยขอรออยู่ที่รถได้ไหมคะ” ฉันทำใจดีสู้เสือลองขอดู แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาอำมหิตและน้ำเสียงที่เกี้ยวกราด “ลงมา”สุดท้ายฉันก็จำใจลงจากรถเดินตามคุณเพลิงเข้ามาใน
ฉันวิ่งออกมาจากห้างโดยไม่สนสายตาใครถึงแม้จะถูกมองอย่างประหลาด พอวิ่งมาที่หน้าห้างแล้วก็รีบเรียกแท็กซี่กลับโรงแรมโชคดีที่พูดอังกฤษได้ไม่อย่างงั้นฉันคงกลับไม่ถูกแน่ ๆ#โรงแรม“ยัยเอยแกกลับแท็กซี่เหรอ ?” มีนที่กำลังยืนประจำหน้าฟอนต์ของโรงแรมเอ๋ยถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ “แกทำแผนกนี้เหรอ?” ฉันเพิ่งรู้ว่าเอมได้ทำแผนกนี้“เปล่า ๆ พอดีพี่คนที่ยืนประจำไปเข้าห้องน้ำฉันก็เลยมาเฝ้าแทนให้”“อ๋อ…”“ว่าแต่แกเถอะ ไหนบอกจะมีรถของโรงแรมไปรับ ไหงได้ขึ้นแท็กซี่มา”“อ… เอ่อ” จะตอบไปว่ายังไงดีนะฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบตอบเมื่อหาข้ออ้างได้แล้ว “รถโรงแรมช้าน่ะฉันเลยกลับแท็กซี่”“อ๋อ ๆ แล้วนี่แกต้องไปทำงานไหม”“อื้อไปสิ” ฉันอ้างไปเพื่อให้เพื่อนไม่ต้องสงสัย ถ้าบอกว่าไม่ทำคงจะถูกจี้ถามหลายอย่าง“เลิกงานกี่ทุ่ม ฉันกับชะเอมว่าจะไปกินข้าวห้องแก”“ประมาณสามสี่ทุ่มน่ะ เดี๋ยวฉันรีบขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”“โอเคเลิกงานเจอกันนะ”ฉันยิ้มแห้งให้เพื่อนแล้วรีบสับขาเดินมาขึ้นลิฟต์ มีนกับชะเอมคงไม่สงสัยอะไร นี่สินะความรู้สึกของคนที่มีอะไรปิดบัง มันกลัวไปซะทุกอย่างเฮ้อ…พอมาถึงห้องฉันก็หยิบคีย์การ์ดขึ้นมาสแกน
ผู้ชายที่ชื่อลีวายมารับมิลินจริง ๆ เหมือนทั้งสองจะมีปัญหากัน แต่สุดท้ายมิลินก็ยอมกลับไป ไม่สิไม่ใช่ยอม เรียกว่าจำใจมากกว่า“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเหมือนเฮียไม่มีผิด”คุณเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก่อนจะถาม “ยังไง?”“ก็เป็นพวกดุร้ายแถมยังชอบบังคับ ดูท่าทางแล้วคงจะใจร้ายมาก ๆ มิลินถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้แบบนั้น”“นั่นมันฉันในเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”“ถ้าเฮียกลับมาทำนิสัยแบบนั้นหนูจะหอบลูกหนีไปไกล ๆ เลยคอยดูสิ”คุณเฟยดึงตัวฉันมาสวมกอดแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ… แต่ตอนนี้เรามาทำเรื่องที่ค้างไว้กันต่อดีกว่านะ”“ทะ... ทำได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ค่อนข้างกังวลเพราะฉันก็ศึกษามาบ้างว่าการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงต่อการแท้ง“ได้สิ ฉันจะค่อย ๆ ทำ”“รอคลอดก่อนแล้วเราค่อยทำ…”“ถ้าต้องให้รอนานขนาดนั้นก็ตัดของฉันทิ้งไปเลยดีกว่า”“หือ! นี่ถึงขนาดยอมตัดทิ้งเลยเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นมาป้องปากทำตาโต“ฉันแค่พูดประชด!!”คุณเฟยทำหน้าตึงใส่ จากนั้นก็อุ้มฉันพาเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง#ภายในห้องคุณเฟยวางฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แต่พอจะถูกถอดเสื้อผ้าฉันก็รีบรั้งมือหนาเอาไว้“ทำไม?”“หนูขอทำ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจังของคุณเฟยทำให้ฉันแอบรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ทำยังไงได้บอกมิลินไปแล้วนี่นา“ยะ... อย่าดุหนูสิคะ เดี๋ยวถ้ามิลินกลับหนูจะจัดชุดใหญ่ให้นะคะ ^_^”“ฉันต้องการ… ตอนนี้”“ตอนนี้ไม่ได้เพื่อนหนูมาเฮียเข้าใจหน่อยสิ”“เธอทำกับฉันเกินไปแล้วนะน้ำอิง”“นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้เฮียผิดหวัง ^_^”“ครึ่งชั่วโมง ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง”“รับทราบค่ะ ^_^”“ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปอุ้มเธอขึ้นห้อง”คุณเฟยพูดทิ้งท้ายพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากตัวฉัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ฉันเองก็รีบแต่งตัวเพราะมิลินโทรมาสามสายแล้วหลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยฉันก็เดินมารับมิลินที่หน้าประตูบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหา…”“น้ำอิง อึก~”มิลินโผล่เข้ากอดฉันแล้วร้องไห้โฮออกมา ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก“มิลินเป็นอะไร เธอร้องให้ทำไม”“ฉัน อึก~ ฉันรู้สึกแย่จัง ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเธอแบบนี้เลยน้ำอิง อึก~”“เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ” ฉันดันกอดออก มิลินพยักหน้าแล้วเดินตามฉันมาที่ห้องรับแขกฉันไม่รู้จะเริ่มปลอบเพื่อนยังไงดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้หนักขนาดนี้ มิลินเอาแต่พูดว่าตัวเ
คุณเฟยผละใบหน้าขึ้นแล้วมองฉันตาหวานเยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยวนไปมาตรงพวงแก้มของฉันเบา ๆ“เจ้าเล่ห์”“ฉันเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้วเธอจะรับมือยังไง”“หนูจะ… รับมือยังไงดีน้า” ฉันใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออก ภาพที่เห็นทำให้คุณเฟยยิ้มอย่างพอใจคุณเฟยจับปลายคางฉันเงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากค่อย ๆ สำรวจไปจนทั่วภายในโพรงปาก ความนุ่มนวลทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ในขณะที่จูบกันอย่างดูดดื่มคุณเฟยก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย แล้วถอดเสื้ออกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีถึงแม้เสื้อตัวนั้นราคาจะแพงขนาดไหนเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปทีละชิ้น ๆ จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังเขินสายตาของคุณเฟยที่กำลังมองเรือนร่างของฉันอยู่แบบไม่กะพริบตา“เฮียมองแบบนี้หนูก็เขินเป็นนะคะ”“ภรรยาของฉันสวยขนาดนี้ ไม่ให้มองได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ค่อย ๆ ดันตัวเองลงมาตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มหน้าลง ฉันจึงรีบใช้มือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้“ฮะ... เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”“ฉันกำลังจะทำให้เธอมีความสุข”คุณเฟยจับมือที่ฉันเอาปิดตรงนั้นของตัวเองออกไปให้
ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม คำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า… ท่านยอมรับฉันแล้วอย่างนั้นเหรอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่นานท่านยังไม่มีท่าทียอมรับฉันเลย จู่ ๆ พูดแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆคุณเฟยเอามือมากุมมือฉันไว้เราสองคนต่างยิ้มให้กัน ความทุกข์ในใจที่ทำให้คิดมากมานาน วันนี้ทุกอย่างถูกปลดล็อกแล้ว ไม่มีเรื่องต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับผู้หญิงที่ผมรัก”“แกเลือกแล้วฉันจะขัดอะไรได้ อย่างน้อยเมียแกก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้เห็นแก่เงิน เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามเสนอเงินมากมายเท่าไรเมียแกก็ไม่ยอมรับ”ฉันยิ้มแห้ง ๆ หลังจากได้ยินคำที่ท่านพูด เพราะตอนแรกฉันก็ขายตัวแลกเงิน ถ้าท่านรู้เบื้องหลังต้องไล่ฉันตะเพิดแน่ ๆ เลยท่านละสายตาจากคุณเฟยมาโฟกัสฉันแทน แล้วถาม “ฉันรู้มาว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน ใช่หรือเปล่า”“ค่ะ” เอาเข้าจริงพอถูกยอมรับแล้วมันทำให้รู้สึกเกร็งมาก ๆ“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยเรื่องค่าสินสอดกับเธอเลยก็แล้วกัน”“… ค… ค่าสินสอดเหรอคะ”“อืม เธออยากได้เท่าไรบอกมาสิ”“เอ่อคือหนูว่าไม่ต้อง…” กำลังจะปฏิเสธแต
ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ก่อนหน้านี้ถึงจะมีความกล้าแต่ทว่าพอถูกพ่อของคุณเฟยเชิญมาที่บ้านด้วยตัวเองก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก“เป็นอะไรไปมือเย็นเฉียบเชียว” คุณเฟยหันมาถามหลังจากที่จับมือของฉัน“หนู... หนูรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กลัว…” คุณเฟยจับปลายคางของฉันให้หันมา จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบฉันตกใจรีบผละตัวออกแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบลงมาหนัก ๆ“จะทำอะไรก็ไว้หน้าฉันด้วย ไม่รู้จักอายบ้างรึไง” เสียงทุ้มท้วงขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันกับคุณเฟยจึงรีบผละตัวออกจากกัน“คะ... คุณท่านสวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ถ้าฉันไม่โทรไปบอกให้แกมา แกก็คงไม่โผล่หัวมาใช่ไหม”“ครับ”“ตาเฟย!!”“เฮีย” เห็นว่าคุณท่านเริ่มมีอารมณ์ฉันจึงรีบหันมาท้วงคุณเฟย ไม่อยากให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ฟังจากคำพูดแล้วคุณท่านคงไม่ยอมรับฉันง่าย ๆพอท้องแล้วรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยคุณเฟยถอนหายใจเบา ๆ ข่มอารมณ์ก่อนจะถาม “ให้ผมมาทำไมครับ”“ตามฉันมา”คุณท่านเดินนำเราสองคนเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนฉันกับคุณเฟยเรามองหน้าก
ผ่านไป 2 อาทิตย์ฉันแพ้ท้องหนักพอสมควร แค่ได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้กินอะไรก็อ้วกออกจนหมด โชคดีที่คุณเฟยคอยอยู่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลิ่นหอมจากตัวคุณเฟยทำให้อาการที่ฉันเป็นทุเลาลงบ้าง“กูสั่งให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยวแต่มึงซื้อมะม่วงหวานมา อยากตายรึไงฮะ!!”“ขอโทษครับนายผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้ครับ”“กูให้เวลาสิบนาทีถ้ายังไม่กลับมากูไล่มึงออก”เสียงคุณเฟยตวาดลูกน้องดังก้อง พักนี้เขาหงุดหงิดง่ายมาก ๆ แล้วก็ชอบกินของเปรี้ยวเป็นที่สุด“แค่ซื้อมาผิดไม่เห็นต้องดุเขาขนาดนั้นเลยเฮีย” ฉันเดินมากอดแขนคุณเฟยที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอหันมามองฉันสายตาที่เคยเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นละมุนทันที“ถ้าไม่ดุมันก็จะเคยตัว”“แล้วถ้าหนูทำผิดล่ะคะ”“ฉันก็จะลงโทษเธอทั้งคืน”“…” ที่เงียบไม่โต้ตอบเป็นเพราะฉันกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวเอามาก ๆ กับคำพูดเมื่อครู่ของคุณเฟยพอห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนาน ๆ ได้ยินคำพูดอย่างว่าเมื่อไรใจมันหวิว ๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทุกที“คิดอะไรอยู่หน้าแดงเชียว”“นะ... หนูไม่ได้คิดเรื่องสิบแปดบวกนะ”“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”“…” ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุดเลยตอนนี้คุณ
ละ... ลูกของเราเมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมหรือว่านี่คือความฝัน ใช่!! ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่แน่ ๆ“ฉันอยากมีลูกมากขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย”“ไม่นี่ ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ คุณเฟยก็เอานิ้วมาดีดหน้าผากฉันเสียงดังแปะ มันไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ เจ็บด้วย“โอ๊ย... เฮียหนูเจ็บนะ” พอถูกทำให้เจ็บตัวฉันก็ตวัดสายตาจ้องคุณเฟยเขม็งทันที โกรธจริง ๆ นะ ดีดมาได้แรงขนาดนี้ นี่ฉันเป็นภรรยาเขานะ“ใช่ฝันหรือเปล่า?”“เฮียบ้า!!”“คงมีแค่ฉันที่ดีใจ เฮอะ! ใช่สิเธอไม่ได้อยากมีลูกกับฉันก็เลยไม่ดีใจ” พูดจบคุณเฟยก็ลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งไปอีกมุมของห้อง ความโรแมนติกเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว“ดะ... เดี๋ยวนะคะ ทำไมคิดแบบนั้นตัดสินเองเออเองโกรธเองใช้ได้ที่ไหนกัน”“ฉันเลี้ยงลูกเองก็ได้”“เฮีย! ไปกันใหญ่แล้วนะ”“จิ๊!!”“จู่ ๆ มาบอกว่าหนูท้อง ไม่ให้เวลาตกใจหน่อยเหรอคะ” ดูสิพูดแบบนี้แล้วยังเมินใส่ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าตอนผู้หญิงมีประจำเดือนอีกนะสามีฉันฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองแรง พร้อมกับพูด “มาตรงนี้”“เฮียหนูบอกให้มาตรงนี้ไงคะ” พูดครั้งที่สองแล้วคุณเฟยยังทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันจึงใช้คำเด็ดขาด “ถ้า
มาถึงโรงพยาบาลคุณเฟยก็บอกให้หมอตรวจร่างกายของฉันให้ละเอียด สีหน้าแววตาที่คอยมองฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ มันพองโตขึ้นเรื่อย ๆขณะที่หมอตรวจก็รู้สึกเวียนหัวหน้ามืดตลอดเวลาแถมยังพะอืดพะอมจะอ้วกใส่หมอไปหลายครั้งแต่ดีที่กลั้นไว้ได้ผลตรวจรอบแรกออกมาว่าร่างกายของฉันปกติดีทุกอย่างต่างจากอาการที่เป็น แน่นอนว่าคุณเฟยโวยวายให้หมอตรวจอีกครั้ง จนหมอต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากตรวจรอบสองเรียบร้อยก็ต้องรอผล ตอนนี้ฉันกำลังเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างของคุณเฟย เมื่อวานก็ปกติไม่เป็นอะไรแต่มาวันนี้เหมือนร่างกายไม่มีแรงอยากจะกลับบ้านนอนมาก ๆ“กลับไปรอผลตรวจที่บ้านได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้ว” ฉันบอกเสียงเบา ตาก็คล้อยจะหลับเต็มที“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันยิ่งเป็นห่วง นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนดีไหม”“ตอนนี้หนูเหม็นกลิ่นยาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว ถ้าต้องนอนที่โรงพยาบาลหนูตายแน่ ๆ เลยค่ะ”คุณเฟยมองด้วยสายตาเป็นห่วงปนเอ็นดู จากนั้นก็ลุกยืนเต็มความสูงแล้วช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว“อื้อเฮีย นี่มันโรงพยาบาลนะคะวางหนูลงเดี๋ยวนี้เลย”“หน้าซีดขนาดนี้จะมีแรงเดินเองได้ยังไง”คุยกันเหมือนตรงนี้มี
คุณเฟยหันมามองหน้าฉันแล้วยกหางคิ้วขึ้นเหมือนมีคำถาม ทั้งที่พูดไปเมื่อกี้ว่าจะอ้วกไม่ได้ยินหรือไง“พาหนูไปห้องน้ำหน่อย อึก~”“อ๋อ เธอกำลังแพ้ท้องสินะ” คุณเฟยพยักหน้ายิ้มกริ่มก่อนจะประคองฉันขึ้น“อึก~”“ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีภรรยาของผมกำลังท้อง ช่วงนี้เธออ้วกบ่อย ๆ”“เร็ว ๆ อึก~ มันจะออก อึก~” ฉันทำตาดุใส่คุณเฟยที่เอาแต่ยิ้มพูดไม่ยอมพาเดินไปห้องน้ำซักที ถ้าขืนยังไม่ยอมไปจะอ้วกมันตรงนี้ซะดีไหมเนี่ยไม่รู้ว่าเผลอกินอะไรเข้าถึงได้พะอืดพะอมขนาดนี้ แต่จะว่าไปก็กินแบบเดิม ๆ ทุกวัน เพิ่งจะมามีอาการตอนเข้ามาในงาน คนเยอะแล้วเวียนหัว พอนั่งลงที่โต๊ะพวกกลิ่นอาหารมันตีขึ้นจมูกเหม็นมาก ๆ#ห้องน้ำพอเห็นประตูห้องน้ำมันเหมือนเห็นทางขึ้นสวรรค์ ฉันรีบวิ่งพุ่งตัวมานั่งตรงหน้าชักโครกแล้วอ้วกออกมาอย่างทรมาน“ไม่ต้องอ้วกเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นก็ได้ ตรงนี้มีแค่เธอกับฉัน”“อึก~ พะ... พูดอะไรคะ”แปะ แปะ แปะ จู่ ๆ คุณเฟยก็ปรบมือเสียงดัง ก่อนจะพูด “เมียฉันนี่การแสดงดีเยี่ยมจริง ๆ”“หนูไม่ อ้วกก~อึก แสดง~ อึกอ้วก~”“เลิกแกล้งได้แล้วน้ำอิง”“ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง ออกไปไกล ๆ เลยนะคะ อ้วกกก~” ฉันหันมาตวาดคุณเฟยที่เอา