“อ้าว ไอ้ราม เข้ามาได้ไงวะ”คนถูกถามถอนหายใจ เป็นเอามากแฮะ“ก็ให้เขางัดห้องเข้ามาน่ะสิ ถามได้ กูก็นึกว่ามึงตายขึ้นอืดเสียแล้วไหมล่ะ”“อืม กูมันน่าตายจริงๆ”พิรามใจหายเมื่อได้ฟังน้ำเสียงอ่อนล้านั่น ดิฐกรที่เขารู้จักไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คนหล่อเหลาที่มั่นใจตัวเองสูงมากจนถึงขั้นหลงตัวเองก็ว่าได้ มาวันนี้กลับหมดสภาพ ทั้งที่ควรจะลัลล้าที่ได้เป็นอิสระจากเมียมันจะเพราะอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่“เฮ้อ...เรื่องน้องมี่เหรอ”“อืม...”“ก็มึงอยากเลิกกับเขาเอง อยากมีอิสระไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็ได้อย่างที่มึงต้องการแล้วนี่หว่า น้องเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรด้วย นอกจากเงินฝากที่เป็นส่วนของเขา แล้วมึงยังเอาอะไรอีก”“กูอยากได้มี่คืน กูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา กูไม่อยากเสียเขาไปแบบนี้” ดิฐกรระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเป็นชุดหลายวันที่ผ่านมา เขาได้คิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็พบว่าทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมด ต้นเหตุก็เพราะเขาคนเดียวที่มันโง่เองที่มองไม่เห็นความดีของมิรันดา มีของดีในมือยังเบื่อจะไปหาของใหม่ แล้วไงพอเกิดเรื่องเขาก็โดนทิ้งเหมือนหมาขี้เรื้อน คิดว่าผู้หญิงคนใหม่อย่างเจนิสาจะมาแทนมิรันดาได้‘เบื่อมากไหม’‘มากสิ.
หลายเดือนต่อมา อายุครรภ์ของมิรันดาเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย อีกเพียงไม่นานก็ถึงกำหนดคลอด หญิงสาวไม่ได้กลับไปทำงานประจำ แต่ตอนนี้เธอกลับมีงานอดิเรกใหม่คือเปิดช่องโซเชียลทำอาหารและขนมต่างๆ แล้วยังเปิดรับออเดอร์เค้กวุ้นแฟนซีตามสั่งอีกด้วยโดยไอเดียนี้เกิดขึ้นมาจากนิลุบลซึ่งต้องการหาเค้กวันเกิดให้ที่คนที่ทำงานที่แพ้แป้งและนม จึงมาปรึกษามิรันดาเพราะเห็นว่าเพื่อนทำอาหารและขนมอร่อยมาก มิรันดาจึงเสนอไอเดียเค้กวุ้นแฟนซีและช่วยทำให้ไปผลปรากฏว่าเจ้าของวันเกิดถูกใจมาก และช่วยเอาไปบอกแบบปากต่อปาก ทำให้มียอดออเดอร์สั่งเค้กเข้ามามากขึ้น จากที่ตอนแรกคิดแค่ว่าจะทำเล่นๆ เพราะท้องของเธอเริ่มโตขึ้นจึงไม่อยากจะหักโหม แต่ที่ไหนได้ยิ่งทำก็ยิ่งดัง จนตอนนี้ต้องจ้างลูกมือมาช่วย ไหนจะต่อเติมบ้านทำห้องครัวใหม่เพื่อรับออเดอร์โดยเฉพาะ รายได้ดีจนเธอตัดสินใจซื้อรถเล็กๆ คันหนึ่งเอาไว้ใช้งานเพราะงานที่ไหลเข้ามาไม่ขาดสายไหนจะลูกในท้องที่ต้องดูแล ทำให้ชีวิตเธอไม่มีเวลาว่างไปคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่น ชื่อของดิฐกรจึงค่อยๆ ห่างหายไปจากชีวิตของมิรันดามากขึ้นทุกทีๆ แต่กลับมีชื่อของใครอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิตแทน“คุณคิม! ซื้ออะไรมาเย
คีรินมองอาหารบ้านๆ แต่รสชาติไม่ธรรมดาตรงหน้า ซึ่งทำให้เขาหาเหตุมาฝากท้องที่บ้านเธอเป็นประจำด้วยข้ออ้างว่าหาเพื่อนกินข้าว บางทีก็หาซื้อของสดมาฝากแม่ครัวเอกและอาสาเป็นลูกมือให้ด้วย เพราะไม่อยากเอาเปรียบเธอ“เป็นไงบ้างคะ วันนี้มี่ทำแต่ของง่ายๆ รสไม่ค่อยจัด ไม่รู้จะถูกปากคุณหรือเปล่า”“ไม่ใช่แค่ถูกปาก แต่ถูกใจผมมากเลยต่างหาก ฝีมือคุณนี่เปิดร้านได้สบายๆ เลยนะ” คีรินไม่ออมคำชม พลางตักไข่ตุ๋นทรงเครื่องเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย“เปิดร้านเลยเหรอคะ เท่าที่ทำเค้กวุ้นทุกวันก็ไม่มีเวลาแล้ว” หญิงสาวบ่นเสียงอ่อยปกติเธอก็ชอบทำอาหารกินเองเป็นประจำเพราะต้องการประหยัดค่ากับข้าว ทำทีก็กินได้ทั้งเช้าทั้งเย็น ไม่ก็ห่อไปกินที่ทำงานได้ ทำเองจนเคยชิน อร่อยไหมไม่รู้แต่เธอก็เห็นดิฐกรกินหมดทุกทีตอนที่อยู่ด้วยกัน“จริงๆ นะ ถ้าไม่เปิดร้านก็รับผูกปิ่นโตส่งรายเดือนก็ได้ ผมจะได้ขอสมัครเป็นลูกค้ารายแรกเลย”“แหม ไม่ต้องสมัครหรอกคะ สำหรับคุณคิมน่ะ อยากกินเมื่อไหร่ก็แวะมาได้เสมอ แต่มี่ทำเป็นแต่อาหารบ้านๆ นะคะ อาหารหรูๆ ทำไม่เป็น”“เท่าที่คุณทำก็หรูมากแล้วน่า สำหรับผมจะหรูไม่หรูอยู่ที่คนกินด้วยต่างหาก ได้กินข้าวกับคุณ แค่ไข
มิรันดาถูกส่งเข้าห้องคลอดในเวลาต่อมาเมื่อมีสัญญาณว่าเธอกำลังจะคลอดในอีกไม่ช้า“ถ้าคุณพ่อจะเข้าไปด้วย ต้องเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อทางนั้นก่อนนะคะ”พยาบาลคนหนึ่งบอกกับคีรินที่เดินตามเตียงเข็นมา มือเขายังคงจับมือมิรันดาไว้ราวกับเป็นเสาหลักให้เธอยึดเกาะไว้คลายความกังวล“ผมไม่ใช่...”“คะ...คุณคิม มี่กลัว...” ปากกำลังจะปฏิเสธแต่แรงบีบกระชับที่มือ พร้อมกับสายตาหวาดหวั่นที่ส่งมา ทำให้คีรินไม่อาจตัดใจทิ้งเธอให้เข้าไปคนเดียวได้“ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะอยู่ข้างๆ คุณไม่ไปไหน เดี๋ยวผมเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจะรีบตามเข้าไป”มิรันดามองตามแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปผ่านม่านน้ำตา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ตัวคนเดียว ถึงแม้คนตรงหน้าจะไม่ใช่พ่อของลูกตัวจริงก็ตาม พอคิดถึงพ่อของลูกตัวจริง มิรันดาก็นึกโมโหป่านนี้ดิฐกรคงลัลล้าตามประสาคนโสด หรือไม่ก็มีเมียใหม่ไปแล้วก็ได้ หากเขารู้ว่าเธอกำลังจะคลอดลูกของเขา ผู้ชายคนนั้นจะว่าอย่างไรนะจะว่าอะไรได้ ในเมื่อเขาไม่ได้อยากมีลูกกับเธอแต่แรก ก็ไม่ต้องรู้ต่อไปแล้วกันในห้องคลอดคีรินที่เปลี่ยนมาใส่ชุดปลอดเชื้อยืนอยู่หลังม่านสีเขียวที่บังตาไม่ให้เห็นคุณหมอที่กำลังช่วยทำคลอด แม้จะตื่นเต้นแต่
“อ้าว!” นิลุบลงงเป็นไก่ตาแตกอีกรอบ “ก็ไหนแกบอกว่าใจอ่อนให้เขาแล้วไง”“ก็ใจอ่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแฟนกันนี่”“งง...แล้วตอนนี้เขาอยู่ในฐานะอะไรล่ะ เขารักลูกแกและดีกับแกอย่างกับอะไรดี ดียิ่งกว่าผัวเก่าอย่างอีพี่ดิวของแกเสียอีก”พอพูดไปแล้วคนพูดก็คิดขึ้นได้“แก...ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ตั้งใจ”“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็เรื่องที่พูดถึงผัวเก่าแกไง...” นิลุบลอ้อมแอ้มตอบ พลางลอบสังเกตสีหน้าและแววตาของเพื่อนเงียบๆ ว่าจะมีปฏิกิริยากับชื่อของอดีตคนรักหรือไม่ หากสิ่งที่เห็นกลับทำให้เธอต้องแปลกใจ เพราะมิรันดาไม่ได้มีท่าทีหมองหม่นหรือเศร้าเหมือนตอนแรกๆ ที่เลิกกับดิฐกร“แล้วไงล่ะ”“นี่แกลืมอีพี่ดิวได้สนิทแล้วเหรอ”“เปล่า แค่ไม่อยากจำให้รกสมองต่างหาก”“เออ คิดได้แบบนี้ก็ดี แล้วนี่แกได้ข่าวพ่อน้องมิวบ้างไหม เขาไม่ติดต่อมาบ้างเหรอ”มิรันดาถอนหายใจ หลังจากวันที่โดนเขาหาเรื่องที่โรงพยาบาลจนถึงร้านอาหาร เธอก็ไม่เคยได้พบอดีตคนรักอีก ราวกับเส้นทางระหว่างเธอและเขาแยกกันเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้อีก“เขาติดต่อมาไม่ได้หรอก เพราะฉันเปลี่ยนเบอร์โทร บล็อกข้อความทุกอย่างหมดแล้ว”นิลุบลมองดวงตาแน่วแน่ของคนเป
พองานวันเกิดเลิกรา พร้อมกับที่เจ้าของวันเกิดสนุกจนหมดแรงผล็อยหลับซบอยู่กับบ่าของคุณลุงใจดี ส่วนนิลุบลและดาวก็ขอตัวแยกย้ายกันกลับก่อนเพราะไม่อยากเป็นกอขอคอ“มาค่ะ เดี๋ยวมี่อุ้มยัยหนูเข้าไปนอนเอง”มิรันดายื่นมือไป หากทว่ายังไม่ทันได้ถึงตัวลูกรักก็ถูกคนอุ้มดึงมือมากุมไว้เสียก่อน“คุณคิม”“ครับผม”ประกายวาวหวานในดวงตาคมคู่นั้นทำเอามิรันดาเผลอใจสั่น จนต้องรีบดึงสติตัวเองไว้“เดี๋ยวลูกตื่นค่ะ”“ไม่หรอกครับ วันนี้เล่นทั้งวัน คงเหนื่อยหลับปุ๋ยขนาดนี้ ไม่ตื่นมากวนเราง่ายๆ หรอก”คีรินคลี่ยิ้ม พลางโอบกระชับคนตัวเล็กในอ้อมแขนไว้มั่น มือที่กุมมือเธอไว้ทำให้มิรันดารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย แต่คราวนี้กลับมีความรู้สึกอื่นแทรกเข้ามาให้ใจเต้นแรงกว่าปกติ“พะ...พรุ่งนี้คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ กลับดึกเดี๋ยวพักผ่อนไม่พอนะคะ” หญิงสาวหาเหตุผลมาแก้เขิน“ก็ใครว่าผมจะกลับ”“คะ?” ดวงตาแป๋วแหววไม่ต่างจากเด็กหญิงของขวัญทำให้คีรินอดเอ็นดูไม่ได้“คุณลืมไปแล้วเหรอว่าพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ผมไม่ต้องไปทำงาน เลยว่าจะพาคุณกับลูกไปเที่ยวหาอะไรอร่อยๆ กินน่ะ”แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เขาจะไม่กลับบ้านล่ะ แต่ก็นั่นแหละ มิรันดาได้แต่เก็บควา
ในขณะที่คนหนึ่งกำลังจะมูปออนไปข้างหน้า แต่อีกคนกลับยังจมปลักวนเวียนอยู่กับอดีตที่ตัวเองทำพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย และโดนความสำนึกผิดโบยตีหัวใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมาเป็นเวลากว่าสี่ปีเข้าไปแล้วดิฐกรนั่งเหม่อลอยมองภาพถ่ายของเขากับมิรันดาในตอนที่ยังรักกันอยู่ ความรู้สึกคิดถึงโหยหาบาดลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจซ้ำๆ เจ็บจนเกินเจ็บไปนานแล้ว ตอนนี้ความเจ็บกลายเป็นด้านชานับจากวันที่พบกันครั้งสุดท้ายก็ผ่านมาห้าปีแล้วที่เขาไม่ได้พบมิรันดา ไม่ว่าจะตามหาแค่ไหนก็หาไม่พบ ราวกับว่าเธอล่องหนหายตัวไปจากโลกใบนี้แล้ว ไม่สิ ไม่ใช่โลกใบนี้ แต่เป็นโลกของเขาเองต่างหาก ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยละความพยายามที่จะตามหาเธอต่อไปไหนจะคอนโดรังรักเก่าที่เคยฝากเพื่อนสนิทขายให้ แต่เขาก็เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายตอนที่มีคนมาขอซื้อต่อเขาตัดใจขายที่นั่นไม่ได้ เพราะมันคือสิ่งสุดท้ายที่เก็บทุกความทรงจำระหว่างเราไว้ในตอนที่อยู่ด้วยกัน ทั้งทุกข์ ทั้งสุข หรือกระทั่งความรัก และการรอคอยที่ไม่รู้ว่าจะสมหวังได้อีกหรือไม่ แต่เขาก็ยังคงรอเธออยู่‘แกแน่ใจนะว่าจะเก็บที่นี่ไว้’‘อืม’‘เก็บทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาอาจไม่กลับมาแล้วงั้นเหรอ’คำถามของพิรามแท
ทว่าคราวนี้คงเลี่ยงยากหน่อย เพราะได้ยินว่าแม่หนูแคทของแม่คนนี้จะเป็นลูกสาวเพื่อนรักของพ่อ แถมตอนนี้แว่วว่ากำลังจะกลายมาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจรายใหม่ การแต่งงานของเขาถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่สองฝั่ง ฉะนั้นหากเขาหนีการดูตัวอีกครั้ง มีหวังโดนพ่อกับแม่ไล่ออกจากกองมรดกแน่ๆแล้วจะหาข้ออ้างอะไรดี นอกจากเรื่องงาน เขาก็ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาอ้างเพื่อเลี่ยงการดูตัวครั้งนี้ได้อีก หรือจะแกล้งป่วยดีวะ หรือจะใช้แผนแกล้งอาละวาดให้สาวหนีอีกดีในเวลาเข้าตาจนแบบนี้ ที่ปรึกษาคนเดียวที่เขาคิดถึงคือ...“ฮัลโหล ไอ้ราม มึงอยู่ไหนวะ”“กูพาลูกมาเที่ยวห้างว่ะ มึงมีอะไรว่ามา”“ห้างไหน กูอยากเจอหลาน” เขารีบเอาลูกเพื่อนมาอ้าง“ชิชะ ผีเข้าเหรอมึง อยู่ดีๆ ก็รักเด็ก อยากเจอลูกกูซะงั้น วันหยุดทำไมไม่นอนพัก หรือไปเที่ยวหาความสุขวะ เงินก็มีตั้งเยอะ ลูกเมียช่วยใช้ก็ไม่มี เป็นกูหน่อยไม่ได้ จะเปย์ให้หนำใจ ไหน...มีอะไรแอบแฝงสารภาพมา”“มึงจะตอบได้หรือยังว่าห้างไหน โยกโย้ทำไมวะเนี่ย”คนโดนแทงใจดำเรื่องลูกเมียแหวใส่เสียงเขียว แว่วได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย ปนกับเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ“เออๆ เดี๋ยวกูส่งโลเกช
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งของดิฐกรและลูกสาวเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้นคิดถึงวันเกิดครั้งแรกที่เขาเคยจัดให้“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของมิรันดา“อธิษฐานสิมี่”มิรันดาหันไปมองคนรอบข้างทั้งเพื่อนเธอแล้วยังมีครอบครัวของดิฐกรพร้อมหน้า ทำให้เธออดคิดถึงวันเกิดของดิฐกรในปีนั้นที่เธอต้องนั่งรอเขาคนเดียว ก่อนเลิกกัน มาวันนี้เขากลับเป็นคนถือเค้กออกมาให้เธออีกครั้งพร้อมกับลูกสาวสุดที่รักชีวิตเธอควรจะมีความสุขสมบูรณ์เมื่อมีทุกอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรมีแล้ว แต่ทว่ายังมีใครอีกคนที่เธอกำลังรอคอยอยู่ และอดลุ้นไม่ได้ว่าเขาคนนั้นจะยอมมาร่วมฉลองวันเกิดกับเธอไหมมิรันดาหลับตาอธิษฐานในใจ ก่อนจะเป่าเค้กวันเกิดจนดับ ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน“สุขสันต์วันเกิดครับมี่” ดิฐกรอวยพร พร้อมกับยื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ใบหนึ่งให้“อะไรคะ”“ลองเปิดดูสิครับ”มิรันดาทำตามที่เขาบอกและพบว่าของในกล่องคือ...สร้อยแทนใจเส้นนั้น“นี่มัน!”“ของขวัญชิ้นแรกที่พี่ให้มี่ไง” คำนั้นทำใ
แม้ชีวิตของเธอกับลูกจะมีสีสันมากขึ้น ทว่ากลับมีบางสิ่งที่หายไปแทน แม้กระทั่งคนรอบข้างเองก็ยังรู้สึก“แม่มี่ขา...” เจ้าของขวัญวิ่งตุ๊บตั๊บเข้ามากอดเอวอ้อนแม่ หลังจากที่เพิ่งส่งคุณปู่คุณย่าและลุงดลกลับไปเมื่อครู่“ขา...คนเก่ง”“เมื่อไหร่ลุงคิมจะมาบ้านเราอีกคะ น้องมิวคิดถึงม้ากมาก ทำไมคราวนี้ลุงคิมไปเมืองนอกนานจังคะ” คำถามนั้นทำให้เธอสะอึกอึ้งไป เพราะรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายหายไปดีกว่าใคร“นั่นสิแก นี่มันก็นานแล้วนะ คุณคิมเขาไม่บอกแกเหรอว่าจะกลับเมื่อไหร่ ถามยายดาวก็บอกไม่รู้” “เปล่า ไม่ได้บอก” หลังจากวันที่เขาบอกรักและจูบเธอวันนั้น คีรินก็หายหน้าไป หรือเขาจะถอดใจเสียแล้วนะ หรือเธอเล่นตัวมากไป“ยัยนิ ฉันถามหน่อยสิ”“อะไร ถามอะไร ทำหน้าเครียดแบบนี้ เรื่องใหญ่ล่ะสิ” “คือ...จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องฉันหรอก แต่เป็นเรื่องคนอื่นอีกที คือเขามีผู้ชายมาสารภาพรัก แล้วก็ขอแต่งงานน่ะ แต่เขายังเข็ดกับความรักที่โดนแฟนเก่าทิ้งจนกลัวจะมีรักใหม่เลยปฏิเสธผู้ชายคนนั้นไป”“นั่นไง ฉันว่าแล้วเชียว คุณคิมหายไปเพราะโดนแกปฏิเสธนี่เอง”“เฮ้ย! ไม่ใช่ฉัน”“แหม แต่สตอรี่ตรงเชียวนะยะ เฮ้อ...” นิลุบลค้อนเพื่อน “แล้วไง เขาหาย
“คุณ!” มิรันดาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นเพื่อนบ้านผู้ลึกลับตัวจริง ไม่ใช่คุณป้าที่เธอเคยพบแต่กลับเป็น...อดีตผัวเก่า!“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” คนถูกจับได้เลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูก“เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่เอาอาหารเช้ามาให้มี่กับลูก” คนฟังได้แต่กลอกตาไปมา เชื่อเขาเลย “ทำไมเป็นคุณได้ล่ะ แล้วบ้านหลังนั้นของใครกันแน่”เมื่อถึงคราวจนมุม จำเลยจึงต้องยอมรับสารภาพ“ของพี่เอง” “ว่าไงนะ แล้ววันนั้นคุณป้าที่ออกมารับขนมหน้าบ้านล่ะใครกัน”“นั่นแม่บ้านที่พี่จ้างมาทำความสะอาดน่ะ” เขาสารภาพเสียงอ่อย หน้าจ๋อยสนิทมิรันดาได้ฟังก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด “ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” “ก็ไม่นานนะ ยังไม่ถึงปี แค่เกือบๆ เอง” คนฟังเริ่มกำหมัด กัดฟันกรอด“มี่ใจเย็นๆ ก่อนนะ พี่ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับมี่และลูกของเราเลยนะ” “แล้วทำไปทำไม”“พี่ก็แค่อยากชดเชยความผิดที่ผ่านมาให้มี่กับลูกบ้าง แต่ถ้ามี่ไม่ต้องการพี่ก็จะไม่ทำอีกก็ได้นะ” มิรันดามองคนพูดที่ตอนนี้อ่อนเป็นงูกลัวเชือกกล้วย “มี่จ๋า...พี่สำนึกผิดแล้ว เมื่อไหร่มี่จะยอมให้อภัยพี่สักที อย่างน้อยก็ให้พี่ได้ทำหน้าที่พ่อบ้าง น้องมิวเป็นลูกพี่ ขนาดพ่อแม่พี่น้องของพี่ มี่ก
เสียงประตูเปิดเข้ามาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยทำให้ดิฐกรสะดุ้งหันขวับ หัวใจพองฟูอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็ถอนหายใจอย่างผิดหวัง“คุณพ่อให้แคทมาเยี่ยมพี่ดิวค่ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” ดิฐกรมองน้องสาวของศัตรูหัวใจที่มาเยี่ยมเขาเกือบทุกวัน พลางแอบบ่นในใจคนที่อยากให้มาก็ดันไม่มา ส่วนคนที่ไม่อยากเจอกลับขยันมาเสียจริงๆ ทำไมเขาจะไม่รู้แผนของบิดาสุดที่รักกับเพื่อนสนิทของท่านที่ต้องการจับคู่ให้เขากับผู้หญิงสุดเปรี้ยวเข็ดฟันตรงหน้าก็ถ้าหัวใจมันมูปออนกันได้ง่ายๆ เขาคงหาเมียใหม่ได้ไปนานแล้ว ไม่ต้องมานั่งรอเมียเก่าใจอ่อนให้อภัยมาจนถึงวันนี้รอเหมือนโดนสาป ขนาดเจอแล้วก็ยังต้องรอเหมือนเดิม“ผมดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้หมอก็ให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ คุณแคทไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้นะครับ”แคทรียาถอนใจอย่างลำไย เธอเองก็ใช่ว่าอยากมา แต่เพราะโดนพ่อกับแม่บังคับให้มาหรอก จะขัดก็ไม่ได้เดี๋ยวระเบิดลง แล้วเธอก็จะโดนตัดออกจากกองมรดกเสียก่อนแถมเรื่องราวของดิฐกรในงานวันเกิดของคุณเมธาก็ดังกระฉ่อนเข้าหูเธอขนาดนั้น ทำให้รู้ว่าที่แท
ฝ่ายคีรินที่พาสองแม่ลูกกลับมาส่งถึงบ้าน เขาก็ช่วยอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเข้าไปส่งถึงห้องนอน โดยมีมิรันดาเดินตามมาด้านหลัง“ขอบคุณพี่คิมมากนะคะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่วันนี้มี่ทำให้พี่ต้องพลอยวุ่นวายไปด้วย”“พี่ยินดีวุ่นวาย หากเป็นเรื่องของมี่กับลูก แล้วมี่ล่ะ...”“มี่ทำไมเหรอคะ”“มี่จะยอมให้พี่ผ่านโปรของเราได้หรือยังครับ” คำถามนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง“พี่รอได้ แต่ไม่อยากรอแล้ว เรื่องวันนี้ทำให้พี่อยากได้สิทธิ์ในการปกป้องดูแลมี่กับน้องมิว ไม่ให้ใครมาทำให้เสียใจได้อีก พี่รักมี่ แต่งงานกับพี่นะครับ”มิรันดาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้น คำที่เธอเคยอยากให้ดิฐกรพูดกับเธอมาตลอด แต่แล้วกลับเป็นผู้ชายตรงหน้าที่พูดมันออกมา เขาขอเธอแต่งงาน และบอกรัก ถึงจะไม่โรแมนติก แต่เมื่อมองสบตากันเธอก็รับรู้ได้ถึงความจริงในที่เขามีให้“มี่รังเกียจพี่หรือเปล่า หรือว่า...ยังรักเขาอยู่”“ไม่ค่ะ มี่ไม่ได้รักพี่ดิวแล้ว ไม่ได้รักนานแล้ว” คราวนี้หญิงสาวตอบอย่างมั่นใ
ดิฐกรถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินในเวลาต่อมา มิรันดาและคีรินที่พาเขามาส่งโรงพยาบาลนั่งรอหน้าห้อง ชุดเดรสแสนสวยตอนนี้มีคราบเลือดคราบเลอะติดเป็นหย่อมๆ หากเจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจ ในสมองยังคงคิดถึงภาพตอนที่คนเจ็บนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอย่างน่าตกใจเมื่อครู่ตอนแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว ทว่าโชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ คีรินจึงช่วยเรียกรถพยาบาลมารับได้ไว ชายหนุ่มไม่กล้าเคลื่อนย้ายเอง เพราะเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บหนักกว่าเดิม“แม่คะ คุณลุงคนนั้นจะตายไหมคะ” คำถามของลูกน้อย ทำให้ความกลัวแล่นเข้าจับหัวใจของมิรันดาจนสั่นสะท้านไปทั้งร่างเธอเกลียดในสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับเธอจนไม่อยากให้อภัยก็จริง แต่ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายตายจริงอย่างที่ลั่นปากไป“ไม่หรอกลูก คุณลุงต้องไม่เป็นอะไรนะครับ” คีรินปลอบขวัญ“คุณลุงคนนั้นเขาเป็นพ่อน้องมิว จริงๆ เหรอคะแม่มี่”คำถามนั้นเสียดลึกเข้าไปในอก กับความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะเลิกกันแล้ว แม้เขาจะเคยไม่ต้องการมีลูกกับเธอ แต่เด็กหญิงของขวัญก็คือลูกสาวของดิฐกร ไม่ม
“ทำไมหนูถึงว่าคุณลุงคนนั้นใจร้ายล่ะคะลูก” “ก็เขาเคยมาที่บ้านน้องมิว แล้วก็รังแกแม่มี่ของหนูจนร้องไห้เลย น้องมิวไม่ชอบเขา เขานิสัยไม่ดี” คุณดารณีได้ฟังก็งุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกจนต้อง หันไปมองหน้าลูกชายคนกลางอย่างคาดคั้น“นี่มันเรื่องอะไรกันตาดิว ลูกทำแบบที่น้องมิวว่าจริงเหรอ ทำไปทำไม” “ผม...เอ่อ...แม่ครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพ” คำนั้นทำให้ทุกคนนิ่งไป “มี่คือเมียผม แล้วก็น้องมิวก็เป็นลูกของผมแล้วก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณแม่ครับ” “หา! ว่าไงนะตาดิว” คุณดารณีเบิกตาค้างอย่างตื่นตะลึง โชคดีที่แขกเหรื่อเข้างานกันหมดแล้วเหลือแต่พวกเขาเป็นกลุ่มสุดท้าย “นี่มันเรื่องอะไรกันลูก” คีรินกุมมือหญิงสาวไว้แน่น มืออีกข้างก็เอื้อมไปจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยไว้ “มี่คือคนที่ผมเคยบอกแม่ เธอเป็นเมียผม แต่เราเลิกกันไปเพราะเข
“ตาคิมเขาพาแฟนมาอวดน่ะสิคุณดา คนนั้นไง” คำนั้นทำให้คุณดารณีหันไปมองที่หญิงสาวข้างกายคีรินทันที “เอ๊ะ! เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะหนู” มิรันดาเองก็จำได้ตั้งแต่เห็นหน้าอีกฝ่ายเช่นกัน“ใช่ค่ะ เจอกันที่โรงพยาบาล” “จริงด้วย ป้าจำได้แล้ว นี่ไงคะแม่หนูที่ฉันเล่าให้คุณฟังว่าช่วยฉันตอนโดนชนจนล้มข้อเท้าพลิกที่โรงพยาบาลไง ตายจริงโลกกลมเหลือเกิน ตาดลลูกก็จำน้องได้ใช่ไหม”“จำได้ครับแม่” ดลธวัชส่งยิ้มให้หญิงสาวผู้มีพระคุณของแม่“แล้วเจ้าแก้มยุ้ยคนนี้ใครจ๊ะ หน้าตาน่าเอ็นดูจริงเชียว” คนอยากมีหลานสาวรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก “แต่เอ...แม่เคยเห็นหน้าแบบนี้ที่ไหนนะ คุ้นๆ แต่นึกไม่ออก” คุณดารณีครุ่นคิด หากแล้วสายตาก็หันไปเห็นใครบางคนเดินตรงเข้ามาพอดีจึงคิดออก“นึกออกแล้ว หน้าเหมือนตาดิวตอนเด็
เขาอยากไปยืนตรงนั้นแทนที่คีรินเหลือเกิน แต่ยิ่งทำอย่างที่ใจต้องการ ทุกอย่างก็กลับพังไม่เป็นท่า ยิ่งใกล้ก็เหมือนเธอจะยิ่งไกลห่างออกไปทุกที ดูจากที่ร้านไอศกรีมวันนี้ ขนาดนั่งใกล้กันมิรันดายังแทบไม่มองหน้า ไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ เธอทำราวกับเขาเป็นเพียงอากาศไร้ตัวตน แล้วจู่ๆ คำพูดของพิรามก็ดังขึ้นในหู‘มูปออนง่ายกว่ามั้งเพื่อน’หรือเขาควรทำเช่นนั้น แต่จะให้ตัดใจจากเธอและลูกยังไง มือหนาหยิบสร้อยรูปจี้หัวใจขึ้นมาดูอย่างปวดใจ“ต้องทำยังไง มี่ถึงจะให้อภัยพี่เสียที พี่ต้องทำยังไง...” เย็นวันต่อมา คีรินก็มาถึงบ้านของหญิงสาวตรงตามเวลานัดเป๊ะ“ลุงคิมมาแล้ว โห...วันนี้หล่อจัง” เด็กหญิงของขวัญทำตาโตมอง ปกติเวลามาหาสองแม่ลูก เขามักจะสวมเสื้อเชิ้ตแบบไม่สวมสูทเพื่อเป็นกันเอง แต่วันนี้เขาใส่ทักซิโด้หล่อเต็มยศ“ไงครับคนสวยของลุง ไหนลองหมุนตัวให้ดูหน่อยได้ไหม”