นี่เธอกำลังหาเหาใส่หัวหรือเปล่านะ“หวานแค่นี้พอไหมครับดาร์ลิง” ดิฐกรกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พร้อมกับขยิบตาเบาๆ ให้เธออย่างท้าทายแคทรียาเหวอไปสองวิ คำว่า ดาร์ลิงจากปากเขาทำเอาเธอขนลุกแปลกๆ หญิงสาวรีบดึงสติกลับมาก่อนมันจะเพลี่ยงพล้ำไปไกล แล้วหันไปหยิบทิชชูใกล้มือยื่นไปที่แก้มหนุ่มที่ตอนนี้ยังมีคราบลิปสติกของเธอเลอะจนแดงเถือกเหมือนตูดลิง“จะทำอะไร” ดิฐกรกัดฟันถามอย่างไม่ไว้ใจ“ตอบแทนความหวานของดาร์ลิงไงคะ”รอยยิ้มหวานฉ่ำฟาดกลับเข้าเบ้าตาเขาไปทีหนึ่ง ก่อนที่มือเรียวงามจะตั้งหน้าตั้งตาเช็ดๆ ถูๆ แก้มขาวให้ราวกับหวังดี แต่หนักมือไปนิดทำเอาเจ้าของแก้มต้องถลึงตาใส่ รู้สึกเหมือนโดนขัดหน้าด้วยกระดาษทรายเบอร์ศูนย์ก็ไม่ปานภาพที่ออกมาดูเหมือนจะสวีตชวนฟิน หญิงก็สวย ชายก็หล่อ ช่างเหมาะสมกันราวกิ่งตำแยกับใบหนาดเหลือเกิน ให้ตายสิ!“จริงเหรอ เธอไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”ผู้จ้างวานเบอร์หนึ่งถึงกับตาโต เมื่อได้รับข่าวจากสายสืบที่ตัวเองส่งไปตามติดลูกชายตัวดีกับว่าที่ลูกสะใภ้ที่ตนหมายตา“จริงค่ะท่าน น้อยหน่าถ่ายคลิปมาเป็นหลักฐานด้วยนะคะ คุณดิวกับคุณแคทสวีตกันมากๆ เลยค่ะ นี่น้อยหน่ายังฟินไม่หายเลย”“สวีตกัน! เธอ
“โอ๊ย! พี่จะมาเรื่องมากอะไรตอนนี้ แคทเจ็บเท้าจะแย่แล้วเนี่ย”ดวงตาคมเข้มปรายมองที่รองเท้าส้นเข็มคู่สวยของอีกฝ่ายที่มีรอยแผลถลอกสีแดงห้อเลือดให้เห็น ก็บ่นออกมาอย่างรำคาญ“แล้วจะใส่มาทำไมรองเท้าส้นสูงๆ น่ะ”“ก็ใส่แล้วมันสวยนี่” หญิงสาวบ่นอุบ หน้ามุ่ย “ใครจะไปรู้ล่ะว่าต้องมาเดินมาราธอนแบบนี้ ไม่รู้ล่ะ แคทจะกินที่ร้านนี้แหละ เดินไม่ไหวแล้ว...เอ๊ะ!”จู่ๆ คนพูดก็ชะงักกึก หัวใจราวกับถูกกระชากหลุดไปจากอกจนวูบโหวง ตัวแข็งทื่อไปเสียดื้อๆ ดวงหน้าสวยถอดสีซีดเผือด“อะไรอีกล่ะ...”ดิฐกรถามอย่างรำคาญในความท่าเยอะ พลางหันไปมองตามสายตาของอีกฝ่าย แต่ทว่าภาพที่เห็นกลับทำให้เขาแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะฉิบหายเกิด!ภาพสองหนุ่มสาวคู่หนึ่งเพิ่งเดินควงแขนกันออกมาจากร้านอาหารญี่ปุ่นหรูตรงหน้าอย่างกระหนุงกระหนิงดูหวานชื่นราวกับย้อนภาพเดจาวูของตนกลับมาฉายซ้ำตรงหน้าอีกครั้ง ผิดแต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เขา ส่วนผู้หญิงนั่นก็หาใช่ใครอื่นแต่เป็น...คนเดิม!“เจนี่!”ชื่อนั้นทำให้แคทรียาหูผึ่ง หันขวับไปมองชายหนุ่มข้างกายตาวาววับทันที“พี่รู้จักผู้หญิงคนนั้นด้วยเหรอคะ”“อืม...ก็แค่เคยรู้จักน่ะ” ดิฐกรตอบอ้อมแอ้ม ใครจะกล้าบอกล่ะว
เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงค่อยๆ ระงับอารมณ์คุกรุ่น ตั้งสติแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายภาพและอัดคลิปจูบบันลือโลกของสองหนุ่มสาวตรงหน้าไว้เพื่อเก็บเป็นหลักฐานจนพอใจ แล้วจึงกดโทรออก ดวงตาคู่งามจ้องเป้าหมายเขม็งครั้งแรกตัดสายทิ้ง ครั้งที่สองก็ยังตัดสายทิ้งอีก ดวงตาคู่สวยวาวโรจน์ และกดโทรออกอีกครั้งและครั้งนี้แคทรียาก็เห็นแฟนหนุ่มถอนริมฝีปากจากแม่สาวผู้นั้นอย่างกะทันหัน สีหน้าดูหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะความสุข แต่พอเห็นหน้าจอว่าเป็นใคร เขาก็รีบกดรับสายและส่งสัญญาณกับเจนิสาให้เงียบเสียง“ว่าไงครับดาร์ลิง”“คุณอยู่ที่ไหนคะ ทำไมตัดสายแคททิ้ง”ดิฐกรเลิกคิ้วนิดๆ พลางหันไปมองหญิงสาวข้างกายอย่างแปลกใจ เมื่อได้ยินเสียงเรียบนิ่งสะกดอารมณ์ได้อย่างแนบเนียนคราวนี้ไม่ยักเรียกดาร์ลิงแฮะ“อยู่บริษัทครับ ผมกำลังประชุมอยู่ พอเห็นดาร์ลิงโทรมาก็เลยรีบขอตัวออกมารับสายก่อนนี่ไง คิดถึงคุณจะแย่แล้วเนี่ย...”เมื่อได้ยินคำหวานอ้อนมาตามสาย มุมปากของแคทรียาก็เหยียดยิ้มหยันออกมาจนผู้ชมข้างสนามแอบหนาวไส้แทนปลายสายขึ้นมาตงิดๆ“ถ้าคิดถึง งั้นแคทไปหาคุณที่บริษัทตอนนี้เลยดีไหมคะ”“โอ๊ะ! ไม่...ไม่ต้องครับ ให้ผมไปหา
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง พร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนจัดเซอร์ไพร์สวันเกิดให้เธอ และที่สำคัญที่สุดเขาคนนั้นคือชายผู้เป็นรักแรกและคนแรกของเธอ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของเจ้าของวันเกิด “อธิษฐานก่อนเป่าสิมี่” มี่ หรือ มิรันดา ยิ้มรับก่อนหลับตาลงเพื่ออธิษฐานขอพรวันเกิดในใจ...‘ขอให้พี่ดิวรักมี่คนเดียว และเราสองคนได้อยู่ร่วมฉลองวันเกิดแบบนี้ในทุกๆ ปีตลอดไป’เมื่ออธิษฐานเสร็จหญิงสาวก็รีบลืมตาขึ้น และเป่าเทียนวันเกิดจนดับทั้งหมด“สุขสันต์วันเกิดนะมี่ พี่มีของขวัญพิเศษให้ด้วยนะ หลับตาก่อนสิ” หญิงสาวมองหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่ก็ยอมหลับตาลงรอคอยหากแล้วอะไรบางอย่างก็ทาบลงที่ต้นคอของเธอเบาๆ ทำให้ลมหายใจสะดุด หัวใจเต้นรัวแรง เมื่อหูได้ยินเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างหูเบาๆ“เป็นแฟนกันนะมี่...”มิรันดาหัวใจกระตุกวาบรีบลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดีใจจนพูดไม่ออก ม
“พี่ดิว มี่ไม่ไหวแล้ว เร็วอีกหน่อยได้ไหม”คำร้องขอนั่นถูกตอบกลับด้วยการห่มสะโพกเข้าหากายสาวอย่างรัวแรงในเมื่อดิฐกรเองก็ใกล้จะถึงฝั่งฝันแสนวาบหวามเต็มทีแล้วเหมือนกัน มือหนาช้อนบั้นท้ายแน่นเด้งของแฟนสาวก่อนกดลงมากระแทกเร็วๆ แรงๆ อีกเพียงไม่กี่ที ทั้งเธอและเขาก็ทะยานขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดทั้งคู่“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”ชายหนุ่มบ่นอุบ ก่อนถอดถอนตัวตนออกจากความฉ่ำชื้นของดอกไม้งามที่ถูกเขาเชยชมจนหนำใจ ก่อนที่จะทิ้งตัวนอนตะแคงหันข้างให้ร่างอ้อนแอ้นของแฟนสาวที่ยังคงสั่นกระตุกจากแรงพิศวาสอันเร่าร้อนไม่หายมิรันดาปรายตามองคนรักหรือต้องเรียกว่าสามีก็คงได้ แม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน หรือจดทะเบียนกันอย่างเป็นทางการ แต่เขาและเธอก็เข้าหอกันมายาวนานนับตั้งแต่วันเกิดของเธอในปีนั้นพอความรัญจวนในกายค่อยๆ บรรเทาลง หญิงสาวก็หันไปกอดคนรักจากด้านหลัง“ฮื้อ...ร้อน! ยังไม่อิ่มอีกหรือไง พอเถอะวันนี้พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าด้วย มี่เลิกกวนได้ไหมพี่ขอล่ะ”มิรันดาชะงักกึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นเช่นนี้ เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นแฟนกันใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีอะไรกันเสร็จ ดิฐกรก็จะนอนกอดเธอแล้วหลับไปพร้อม
พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่สิยาก‘ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ งั้นแกต้องเอาด้วยกล แกรู้ไหมว่ายัยมุกมันได้แต่งงานเพราะอะไร’ คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์‘เพราะอะไรล่ะ’‘ท้องไง มันปล่อยท้อง แล้วก็ค่อยบอกผัว ผัวมันก็เลยต้องยอมแต่งด้วย แกก็ลองใช้วิธีนี้ดูสิเผื่อได้ผล’‘บ้า! แต่ฉันไม่ได้ท้องจริงๆ นี่’จะเอาอะไรมาท้อง ในเมื่อเขาป้องกันตลอด ส่วนเธอก็กินยาคุมไม่เคยขาด‘เอาน่า อยู่กินกัน ทำการบ้านทุกวันมันก็ต้องท้องซักวันสิน่า’“พี่ดิว มี่อยากแต่งงาน ถ้าพี่ยังไม่พร้อมเราไปจดทะเบียนกันก่อนก็ได้นะ มี่โอเค...”คำนั้นทำให้คนที่บอกเหนื่อยและง่วงถึงกับผุดลุกขึ้นหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด“แต่พี่ไม่โอเค พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้”คำนั้นทำให้มิรันดาถึงกับหน้าเสีย“พี่หมายความว่ายังไง ไม่พร้อมคืออะไร ถ้าหมายถึงเงิน มี่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพี่นี่คะ”มิรันดาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอเสียไปเมื่อหลายปีก่อน เธอต้องอยู่กับยาย แต่ไม่นานท่านก็เสียไปด้วยโรคมะเร็งอีกคน ทำให้เธอไม่เหลือใครอีก ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน จนมาพบเขา ชีวิตถึงได้ดีขึ้นบ้าง“พี่บอกยังไม่พร้อมก็คือยังไม่พร้อมสิ จะถามเซ้าซี้อะไรมากม
เรื่องที่เพื่อนพูดมามันก็มีเหตุผล บางทีหากเราได้ห่างกันสักพัก ไม่แน่ว่าอะไรๆ มันก็คงดีขึ้น ความรู้สึกที่เคยมีให้กัน เมื่ออยู่ใกล้มากไปมันก็จืดจางทำให้เบื่อหน่ายกันได้เหมือนกัน พอเว้นระยะให้กันเสียบ้างอะไรๆ คงดีขึ้น ชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางออกในใจ“ทำแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอแก”มิรันดาถามปลายสายพลางมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างลังเลใจ“แกจะคิดมากทำไมวะ ลองดูก็ไม่เสียหายนี่หว่า ก็แกบอกเองว่าผัวแกเขาเปลี่ยนไป ก็ลองใช้วิธีนี้ เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้นก็ได้นะ”“แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะ”“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้น่า ลองดูก่อน แกแค่นี้นะ ลูกฉันร้องหิวนมแล้ว”มิรันดาถอนหายใจเฮือก เมื่อปลายสายกดตัดการติดต่อไปดื้อๆ ทิ้งให้เธอว้าวุ่นคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรักมันทำให้เธอหวั่นไหวและกลัวใจเหลือเกินว่าเขาจะขอสะบั้นความสัมพันธ์ของเราลงวนวันใดวันหนึ่ง หากเธอไม่หาทางผูกเขาไว้ ก็คงต้องเสียเขาไปสักวัน“เอาวะ ลองดูก็ไม่เสียหลายนี่” หญิงสาวเรียกความเชื่อมั่น พลางหยิบของในมือใส่ถุงซิปล็อกและหย่อนลงในกล่องของขวัญที่เธอเตรียมไว้พลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่มหลังจากที่เธอเอ่ยปากเรื่องแต่งงานกับดิฐกร
“พอดีวันนี้ที่แผนกเขามีกินเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่น่ะ แล้วก็เลยฉลองวันเกิดให้ พี่เลยกลับดึกไปหน่อย”มิรันดาชะงักไป ในขณะที่เธอรอเขา แต่เขากลับไปมีความสุขกับคนอื่นโดยไม่คิดบอกกันก่อนสักคำเนี่ยนะ“งั้นเหรอคะ”“มี่...” ชายหนุ่มเผลอเรียก เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย“มี่เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ด้วยนะ” มิรันดาฝืนยิ้มให้คนรัก ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวด พลางหันไปหยิบกล่องของขวัญส่งให้“นี่ไงคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”“มี่...พี่มีเรื่องอยากคุย...”“พี่ดิวลองเปิดดูสิคะ ว่าชอบไหม” หญิงสาวรีบตัดบทไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมากลบสองตาไว้ได้อีกต่อไป ริมฝีปากสั่นระริกพยายามแย้มยิ้มให้เขาดิฐกรใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาคนรัก เขาไม่ได้ยื่นมือไปรับของขวัญกล่องนั้นมา ได้แต่ยืนนิ่งขึง สมองคิดทบทวนคำพูดของเพื่อนรัก‘ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม’“มี่...เราลองห่างกันสักพักดีไหม แยกกันอยู่สักพัก เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”คำนั้นราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกหน้า
เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงค่อยๆ ระงับอารมณ์คุกรุ่น ตั้งสติแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายภาพและอัดคลิปจูบบันลือโลกของสองหนุ่มสาวตรงหน้าไว้เพื่อเก็บเป็นหลักฐานจนพอใจ แล้วจึงกดโทรออก ดวงตาคู่งามจ้องเป้าหมายเขม็งครั้งแรกตัดสายทิ้ง ครั้งที่สองก็ยังตัดสายทิ้งอีก ดวงตาคู่สวยวาวโรจน์ และกดโทรออกอีกครั้งและครั้งนี้แคทรียาก็เห็นแฟนหนุ่มถอนริมฝีปากจากแม่สาวผู้นั้นอย่างกะทันหัน สีหน้าดูหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะความสุข แต่พอเห็นหน้าจอว่าเป็นใคร เขาก็รีบกดรับสายและส่งสัญญาณกับเจนิสาให้เงียบเสียง“ว่าไงครับดาร์ลิง”“คุณอยู่ที่ไหนคะ ทำไมตัดสายแคททิ้ง”ดิฐกรเลิกคิ้วนิดๆ พลางหันไปมองหญิงสาวข้างกายอย่างแปลกใจ เมื่อได้ยินเสียงเรียบนิ่งสะกดอารมณ์ได้อย่างแนบเนียนคราวนี้ไม่ยักเรียกดาร์ลิงแฮะ“อยู่บริษัทครับ ผมกำลังประชุมอยู่ พอเห็นดาร์ลิงโทรมาก็เลยรีบขอตัวออกมารับสายก่อนนี่ไง คิดถึงคุณจะแย่แล้วเนี่ย...”เมื่อได้ยินคำหวานอ้อนมาตามสาย มุมปากของแคทรียาก็เหยียดยิ้มหยันออกมาจนผู้ชมข้างสนามแอบหนาวไส้แทนปลายสายขึ้นมาตงิดๆ“ถ้าคิดถึง งั้นแคทไปหาคุณที่บริษัทตอนนี้เลยดีไหมคะ”“โอ๊ะ! ไม่...ไม่ต้องครับ ให้ผมไปหา
“โอ๊ย! พี่จะมาเรื่องมากอะไรตอนนี้ แคทเจ็บเท้าจะแย่แล้วเนี่ย”ดวงตาคมเข้มปรายมองที่รองเท้าส้นเข็มคู่สวยของอีกฝ่ายที่มีรอยแผลถลอกสีแดงห้อเลือดให้เห็น ก็บ่นออกมาอย่างรำคาญ“แล้วจะใส่มาทำไมรองเท้าส้นสูงๆ น่ะ”“ก็ใส่แล้วมันสวยนี่” หญิงสาวบ่นอุบ หน้ามุ่ย “ใครจะไปรู้ล่ะว่าต้องมาเดินมาราธอนแบบนี้ ไม่รู้ล่ะ แคทจะกินที่ร้านนี้แหละ เดินไม่ไหวแล้ว...เอ๊ะ!”จู่ๆ คนพูดก็ชะงักกึก หัวใจราวกับถูกกระชากหลุดไปจากอกจนวูบโหวง ตัวแข็งทื่อไปเสียดื้อๆ ดวงหน้าสวยถอดสีซีดเผือด“อะไรอีกล่ะ...”ดิฐกรถามอย่างรำคาญในความท่าเยอะ พลางหันไปมองตามสายตาของอีกฝ่าย แต่ทว่าภาพที่เห็นกลับทำให้เขาแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะฉิบหายเกิด!ภาพสองหนุ่มสาวคู่หนึ่งเพิ่งเดินควงแขนกันออกมาจากร้านอาหารญี่ปุ่นหรูตรงหน้าอย่างกระหนุงกระหนิงดูหวานชื่นราวกับย้อนภาพเดจาวูของตนกลับมาฉายซ้ำตรงหน้าอีกครั้ง ผิดแต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เขา ส่วนผู้หญิงนั่นก็หาใช่ใครอื่นแต่เป็น...คนเดิม!“เจนี่!”ชื่อนั้นทำให้แคทรียาหูผึ่ง หันขวับไปมองชายหนุ่มข้างกายตาวาววับทันที“พี่รู้จักผู้หญิงคนนั้นด้วยเหรอคะ”“อืม...ก็แค่เคยรู้จักน่ะ” ดิฐกรตอบอ้อมแอ้ม ใครจะกล้าบอกล่ะว
นี่เธอกำลังหาเหาใส่หัวหรือเปล่านะ“หวานแค่นี้พอไหมครับดาร์ลิง” ดิฐกรกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พร้อมกับขยิบตาเบาๆ ให้เธออย่างท้าทายแคทรียาเหวอไปสองวิ คำว่า ดาร์ลิงจากปากเขาทำเอาเธอขนลุกแปลกๆ หญิงสาวรีบดึงสติกลับมาก่อนมันจะเพลี่ยงพล้ำไปไกล แล้วหันไปหยิบทิชชูใกล้มือยื่นไปที่แก้มหนุ่มที่ตอนนี้ยังมีคราบลิปสติกของเธอเลอะจนแดงเถือกเหมือนตูดลิง“จะทำอะไร” ดิฐกรกัดฟันถามอย่างไม่ไว้ใจ“ตอบแทนความหวานของดาร์ลิงไงคะ”รอยยิ้มหวานฉ่ำฟาดกลับเข้าเบ้าตาเขาไปทีหนึ่ง ก่อนที่มือเรียวงามจะตั้งหน้าตั้งตาเช็ดๆ ถูๆ แก้มขาวให้ราวกับหวังดี แต่หนักมือไปนิดทำเอาเจ้าของแก้มต้องถลึงตาใส่ รู้สึกเหมือนโดนขัดหน้าด้วยกระดาษทรายเบอร์ศูนย์ก็ไม่ปานภาพที่ออกมาดูเหมือนจะสวีตชวนฟิน หญิงก็สวย ชายก็หล่อ ช่างเหมาะสมกันราวกิ่งตำแยกับใบหนาดเหลือเกิน ให้ตายสิ!“จริงเหรอ เธอไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”ผู้จ้างวานเบอร์หนึ่งถึงกับตาโต เมื่อได้รับข่าวจากสายสืบที่ตัวเองส่งไปตามติดลูกชายตัวดีกับว่าที่ลูกสะใภ้ที่ตนหมายตา“จริงค่ะท่าน น้อยหน่าถ่ายคลิปมาเป็นหลักฐานด้วยนะคะ คุณดิวกับคุณแคทสวีตกันมากๆ เลยค่ะ นี่น้อยหน่ายังฟินไม่หายเลย”“สวีตกัน! เธอ
“เอ๊ะ! ไม่ได้สิคะ พี่มี่เขาแต่งงานกับพี่คิมไปแล้ว พี่ทำแบบนี้ก็เท่ากับจ้องจะแย่งเมียชาวบ้าน มันบาปนะคะ ผิดศีลข้อสาม เข้าข่ายประพฤติผิดในกาม ต้องตกนรกหมกไหม้ตกกระทะทองแดงด้วยนะ”หญิงสาวยกบุญบาปมาขู่ฟ่อ ใจเริ่มนึกห่วงพี่สะใภ้และพี่ชายต่างมารดาขึ้นมาตงิดๆ เรื่องนี้แน่นอนว่าเธอย่อมไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำสำเร็จดังหวังง่ายๆ หรอก“หรือเธอจะยอมถูกจับแต่งงานมาเป็นเมียฉันแทนล่ะ จะได้จบๆ ไป”คำประชดนั่นทำเอาทั้งคนฟังและคนพูดต่างชะงักอึ้งไปพร้อมกัน ดิฐกรที่เผลอพลั้งปากออกไปไม่ทันคิดหันไปมองสบตากับผู้ประสบภัยโดนที่บ้านบังคับคลุมถุงชนเหมือนกันนิ่ง“เอ่อ...เมื่อกี้ฉันแค่ประชด ล้อเล่นน่ะ อย่าคิดมาก...”“เอ๊ะ!” หญิงสาวดีดนิ้วเปาะ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้“ไม่เลวนะคะ!”“หืม...อะไรคือไม่เลวของเธอ” ชายหนุ่มถามอย่างงุนงง ทีแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะปรี๊ดแตกด่ากลับเสียอีก“ก็วิธีที่พี่ว่าเมื่อกี้ไง เข้าท่า”“อะไร...เธอจะยอมเป็นเมียฉัน?”“ไม่ใช่ค่ะ” แคทรียาค้อนตาคว่ำใส่ ก่อนทำมือส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ๆ เพราะเกรงว่าเสียงของเขาจะทำให้เหล่าสายสืบของพวกพ่อๆ แม่ๆ ได้ยินแล้วจะเสียเรื่อง“งั้นเ
“ไม่ใช่แค่พ่อเธอหรอก นั่น...คนของคุณนายดารณีแม่ฉัน” ใบหน้าหล่อเหลาพยักพเยิดไปอีกด้านของร้านด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้กันเมื่อเห็นผู้ช่วยของมารดานั่งหลบมุม ‘ส่อง’ มือถือมาทางพวกเขาอย่างไม่เนียนนัก “บ้าบออะไรเนี่ย”“นั่นเธอจะทำอะไร” ดิฐกรถามเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าทำท่าจะลุกไปเอาเรื่อง“ก็จะไปถามให้รู้เรื่องน่ะสิคะว่าสะกดรอยตามแคทมาทำไม”“ก็ตามมาดูเราสองคนนี่ไง ถามได้ โง่จริง”คนถูกหลอกด่าตรงๆ หันขวับ สีหน้าเอาเรื่อง สงสัยจะได้เปิดศึกหยุมหัวกับเขาก่อนนี่แหละ ดูท่าแล้ว“ไหน...งั้นคนไม่โง่ลองบอกหน่อยสิคะว่าพวกเราควรทำยังไงกับเรื่องบ้าๆ พวกนี้ดี แคทเบื่อจะแย่แล้ว เมื่อไหร่พวกพ่อกับแม่ของเราจะเลิกจับคู่ดูตัวมั่วซั่วแบบนี้สักที”ดิฐกรกลอกตา เขาเองก็อยากถาม ไม่สิ เคยถามไปแล้ว คำตอบก็เหมือนเดิม‘แม่ก็แค่หวังดี อยากให้ลูกมูฟออนกับผู้หญิงดีๆ สักคน หนูแคทเองก็น่ารักดีออก อีกอย่างบ้านเรากับบ้านเขาก็สนิทกัน แม่ก็แค่อยากให้ลูกลองทำความรู้จักน้องดู…’ชายหนุ่มทอดตามองคนน่ารักที่แม่อยากให้รู้จักมักจี่ พลางถอนใจ ให้เขาแต่งกับยัยนี่ เขายอมแต่งกับลิงชิมแปนซีใส่วิกผมดีกว่าแต่ก็นั่นแหละ หากไม่ทำอะไรสักอย่า
จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณโทรเข้ามา ทำให้แคทรียาต้องละสายตาจากชายหนุ่มตรงหน้า รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างไว ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรมา ก็รีบกดรับสายพร้อมกับหันไปยักคิ้วให้คนไม่มีแฟนอย่างเยาะเย้ย“ว่าไงคะดาร์ลิง คิดถึงแคทเหรอ”ดิฐกรชะงัก เมื่อนึกถึง ‘ดาร์ลิง’ ของยัยตัวแสบตรงหน้า ภาพผู้ชายคนนั้นจูบกับเจนิสาอดีตกิ๊กเก่าของเขาที่บังเอิญไปพบที่ผับในคืนนั้นก็แว่บเข้ามาในหัวถ้าดาร์ลิงของยัยแสบนี่เป็นคนเดียวกับไอ้หมอนั่นล่ะคนเคยหลงผิดจนเสียเมียรัก ได้แต่ครุ่นคิด ตามองว่าที่มิรันดาคนต่อไปนิ่ง ทำไมเขาต้องไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ของชาวบ้านด้วยวะ รู้ก็บอกไม่ได้ ถึงบอกได้อย่างกับว่ายัยนี่จะเชื่อ เผลอๆ ก็จะหาว่าเขาใส่ร้ายแฟนตัวเองอีกน่ะสิ“คิดถึงก็มาหากันสิคะ หรือจะให้แคทไปหาคุณที่คอนโดไหมล่ะคะ วันนี้แคทว่างนะ ไปกินข้าวกันไหม เดี๋ยวแคทไปรับ อะไรนะคะ ติดประชุมอีกแล้วเหรอคะ แต่นี่มันวันหยุดนี่นา...” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวังนิดๆ เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายทำโอทีวันหยุด“โอเคค่ะ เอางั้นก็ได้ ไว้ว่างๆ เมื่อไหร่ค่อยนัดเจอกันก็ได้ค่ะ แคทก็คิดถึงดาร์ลิงเหมือนกัน คิดถึงที่สุดเลย ไว้พบกันนะคะ
แคทรียาหันไปสบตากับคนที่โพล่งออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายราวกับวัวสันหลังหวะ จังหวะโบ๊ะบ๊ะสุดๆ ไม่เนียนไม่ว่า ตอนนี้พิรุธมาเต็มมาก หูได้ยินเสียงปลายสายดังแว่วมา“มวยปล้ำอะไรกันคะลูก”“ก็มวยปล้ำ แบบที่นอนทับกันไงคะ วันนั้นพ่อดิวกับอาแคทเล่นกันสนุ๊กสนุกค่ะ น้องมิวชอบเล่นมวยปล้ำ”แคทรียารู้สึกอยากเอาหน้ามุดหนีหายไปจากโลกเสียเดี๋ยวนั้น“ไม่ใช่นะคะพี่มี่ คือ...วันนั้นมันไม่มีอะไร เราก็แค่...”ปรายตาไปมองคู่กรณีที่เหวอๆ ไม่น้อยกว่ากัน พลางแอบจิกที่ท่อนแขนล่ำใต้โต๊ะ หวังให้ตัวต้นเหตุช่วยแก้ต่างให้ แต่แล้ว...“ก็แค่เล่นมวยปล้ำกันขำๆ น้องมิวอยากเล่นก็รีบกลับมาหาพ่อดิวสักทีสิครับลูกรัก พ่อคิดถึงลูกใจจะขาดแล้วเนี่ย หรือจะให้พ่อบินตามไปหาดีไหมคะ”แคทรียาหันไปมองคนสตรอว์อ้อนลูกอย่างหมั่นไส้ รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไรหนอย...คิดจะไปเป็นกอขอคอพี่ชายกับพี่สะใภ้เธอน่ะสิจะมีอะไร พวกหมาหวงก้างเอ๊ย!“น้องมิวขา...อาแคทก็คิดถึงน้องมิวน้า แต่ยังไม่ต้องรีบกลับนะคะ เที่ยวกับแม่มี่แล้วก็พ่อคิมให้สนุกก่อน แล้วอย่าลืมถ่ายรูปส่งมาให้อาแคทดูเยอะๆ ด้วยนะคะลูก”ดิฐกรฟังคำอ้อนของหญิงสาวแล้วหันไปจิกตาใส่ รู้ทันว่าอีกฝ่
“ไปถึงญี่ปุ่นแล้วเหรอคะพี่คิม เป็นไงบ้างคะ ทางนั้นหนาวหรือเปล่า แล้วนี่น้องมิวกับพี่มี่ล่ะคะ”เสียงหวานสดใสถามถึงพี่สะใภ้และหลานสาวคนโปรดกับพี่ชายตัวเองที่อยู่บนหน้าจอวีดิโอคอลของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าราคาแพงตรงหน้าตอนนี้คีรินพามิรันดาผู้เป็นภรรยาและลูกสาวไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นโดยยังไม่มีกำหนดกลับเพราะอาจจะไปเที่ยวที่ประเทศอื่นต่อ ตอนนี้น้องของขวัญปิดเทอมอยู่ทั้งสองจึงพาลูกไปเที่ยวด้วย หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ มีหรือที่แคทรียาจะพลาดทริปน่าสนุกแบบนี้“ที่รักครับ น้องแคทถามถึงแน่ะ” คำว่าที่รักทำให้ดวงตาสวยเฉี่ยวเบิกกว้างและหลิ่วมองพี่ชายต่างแม่ที่ชอบหวานเรี่ยราดกับภรรยาไม่เกรงใจคนโสดอย่างเธอสักนิด“สวัสดีค่ะน้องแคท” มิรันดาทักทายน้องสามีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสอย่างคนมีความสุขล้นเปี่ยม“โมชิโมชิค่ะพี่มี่...”แม่สาวเปรี้ยวทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่น พร้อมโบกไม้โบกมือให้พี่สะใภ้คนสวย โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีเงาทะมึนของใครมาหยุดยืนค้ำศีรษะด้านหลังเงียบๆ“โมชิโมชิค่ะอาแคทคนสวย” คราวนี้เสียงเล็กๆ ใสแจ๋วแทรกขึ้นมา ทำให้คนโดนชมยิ้มจนแก้มปริให้หลานสาวคนโปรดที่ปากหวานถูกใจคนบ้ายอเป็นที่สุด“โมชิโมชิจ้า มิว
“โวยวายทำไมเนี่ย...ว้าย!” แคทรียาถึงกับกรี๊ดลั่นเมื่อเหลือบมองตามสายตาของเขาแล้วพบว่าชุดเกาะอกดีไซน์เซ็กซี่เจ้ากรรมบัดนี้ได้เลื่อนลงมากองใต้ทรวงอกอิ่มเพราะโดนทับเมื่อครู่ หญิงสาวรีบกอดอกไว้แน่น แต่ไม่อาจบดบังความอะร้าอร่ามของทรวงอกอวบอิ่มของตนได้“พี่มองอะไรน่ะ หันไปทางอื่นสิคนลามก”เจ้าของส้มโอคู่แฝดแหวใส่เมื่อเห็นสายตาพราวระยับของเขาที่ยังพุ่งมาอย่างตกตะลึงลานในความใหญ่โตมโหฬารตรงหน้า แม้เธอจะเซฟด้วยบราปีกนกซิลิโคนสีเนื้อแบบแปะจุกแน่นหนาไม่ได้เห็นอะไรมากไปว่าเต้าทั้งลูก แต่กระนั้นมันก็ใช่เรื่องไหมที่จะให้ใครมามองนมตัวเองแบบนี้ โดยเฉพาะผู้ชายผีบ้าตรงหน้า“เฮอะ! ใครเขาอยากมองนมเหี่ยวๆ ของเธอกันยัยแห้ง” ชายหนุ่มแกล้งว่าอ้อมแอ้มแก้กระดาก พลางกระชากสายตาตัวเองกลับมา หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ แต่อีกใจก็อดสงสัยของจริงหรือเปล่าวะ หรือว่าทำมา ตัวนิดเดียวแต่ ‘นมใหญ่ไม่ใช่เล่น’ แฮะเมื่อเห็นเจ้าของสวนส้มโอที่ทั้งขาวทั้งอวบรีบดึงเกาะอกขึ้นอย่างทุลักทุเลเพราะความฟิตของชุด อีกทั้งยังเกรงว่าเจ้าตัวเล็กจะเห็นภาพที่ไม่ควรให้เด็กเห็น ดิฐกรจึงแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการยืดกายขึ้นกางแขนบังสายตาลูกสาวไว้ด้