สถานที่นัดหมายดูตัวคราวนี้เป็นร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ในโรงแรมหรูใจกลางกรุง แคทรียาเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ชั่วครู่ก็ได้พบคู่นัดที่นั่งรออยู่ เธอจึงดูรูปถ่ายและลองกดโทรตามเบอร์ที่พ่อให้มาเพื่อยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายจนมั่นใจว่าใช่แล้วจริงจึงเดินตรงเข้าไปหา“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อแคทรียา”เธอแนะนำตัว พร้อมกับแอบสำรวจคู่ดูตัวคนล่าสุด ชายหนุ่มหน้าตาคมคาย ท่าทางสะอาดสะอ้าน แต่งกายภูมิฐานมีมาดเหมือนคุณชายผู้ดี แต่...ไม่ใช่สเปก!“สวัสดีครับ ผมชลธัช ยินดีที่ได้รู้จัก เชิญนั่งก่อนสิครับคุณแคทรียา”คนพูดลุกขึ้นยืนต้อนรับตามแบบสุภาพบุรุษ พร้อมกับส่งยิ้มผูกมิตรมาให้“เรียกแคทก็ได้ค่ะ”“ครับคุณแคท ตัวจริงคุณดูสวยกว่าในรูปภาพเสียอีกนะครับ” ชายหนุ่มชมจากใจ ทำให้คนถูกชมอดยิ้มไม่ได้“งั้นเหรอคะ”“อยากดื่มอะไรดีครับ น้ำส้มดีไหม”“แคทไม่ใช่นางเอกสักหน่อย ขอเป็นน้ำมะนาวเปรี้ยวๆ ดีกว่าค่ะ” ชายหนุ่มหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรให้ “สั่งอาหารเลยไหมครับ ผมไม่ทราบว่าคุณชอบรับประทานอะไร เลยรอคุณมาก่อนค่อยสั่ง นี่ครับเมนู”“แคทกินอะไรก็ได้ค่ะ คุณสั่งมาเถอะ”“งั้นก็ได้ครับ” ชายหนุ่มตอบรับพร้อมกับจัดการสั่งอาหารให้ บุคลิกท่าทางไ
“พี่ดิว...”“เพื่อนคุณแคทเหรอครับ” ชลธัชหันไปถามหญิงสาวอย่างแปลกใจ“เพื่อนงั้นหรือ ผมเป็นมากกว่าเพื่อนเสียอีก มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนไง...”“ไม่ใช่นะคะ เขาเป็นแค่พี่ชายที่เคยรู้จักกันเท่านั้น ไม่ได้สนิทอะไรกันมากนักหรอกค่ะ”คำตอบนั้นทำให้ดิฐกรบดสันกรามแน่น เขารู้ดีว่าเธอกำลังประชด หรือไม่ก็อาจกลัวคู่ดูตัวคนล่าสุดเข้าใจผิดล่ะสิ“ว้า...พี่เป็นได้แค่พี่ชายเองเหรอ นึกว่าเราเป็นกิ๊กกันอยู่เสียอีก แล้วคุณคือ...”“สวัสดีครับ ผมชื่อชลธัช เป็น...”“คู่ดูตัวรายล่าสุดของน้องแคท ผมเข้าใจถูกไหมครับ”แคทรียาขึงตาใส่แขกไม่ได้รับเชิญที่จงใจถือวิสาสะนั่งลงเบียดข้างๆ กายเธอบนโซฟาตัวเดียวกัน แถมยังยื่นแขนมาพาดพนักพิงของเธอราวกับโอบไหล่กรายๆ เสียด้วย“ผมชื่อดิฐกร หรือดิวครับ เป็นกิ๊กคนล่าสุดของน้องแคท และขอแก้ข่าวหน่อยว่าจริงๆ แล้ว เรายังไม่ได้เลิกกิ๊กกันอย่างที่เธอบอกคุณเมื่อครู่”“พี่ดิว! คิดจะทำอะไรเนี่ย” แคทรียาหันไปกระซิบถามลอดไรฟัน ชักสีหน้าใส่คนตัวร้ายที่คิดจะมาทำลายนัดดูตัวของเธออย่างไม่เกรงใจ“ก็กำลังช่วยเธอไง”“ช่วยเนี่ยนะ” แคทรียางุนงง ก็เห็นๆ อยู่ว่ามาป่วน นี่เขาช่วยเธอตรงไหนมิทราบ“ใช่สิ ช
แคทรียาอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง โดยมีชายหนุ่มที่อุ้มเธอเข้ามาโดยไม่แคร์สายตาผู้หญิงที่อยู่ในห้องน้ำแห่งนั้น เขาคอยช่วยลูบหลังลูบไหล่ให้ จนอาการค่อยทุเลาลง ทว่ายังวิงเวียนไม่หายดิฐกรมองใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดของเธออย่างเป็นห่วงระคนสงสัยอะไรบางอย่าง“เธอไม่ได้ท้องใช่ไหม”คำถามนั้นทำเอาแคทรียาสะดุ้งในใจ“ไปให้หมอตรวจหน่อยดีกว่า เดี๋ยวพี่พาไปเอง”“ไม่ต้องค่ะ แคทไปเองได้”“อย่าดื้อกับพี่” ชายหนุ่มกำราบด้วยเสียงดุเข้มหากเป็นในยามปกติ เธอคงไม่ยอมง่ายๆ แต่ในยามนี้เธอทั้งเวียนหัวคลื่นไส้ ร่างกายปั่นป่วนและอ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ไม่อาจต่อกรกับผู้ชายตรงหน้าได้“เดี๋ยวค่ะ แคทต้องไปบอกคุณชลก่อน”ดิฐกรฉุนกึก ตวัดสายตามองคนป่วยแทบคลาน แต่ยังไม่วายห่วงคู่ดูตัวหนุ่มหล่อนั่น“ทำไมล่ะ กลัวไม่ได้สามีหรือไง เอาตัวเองให้รอดก่อนไหม ส่องกระจกดูหน้าเธอตอนนี้สิ ซีดอย่างกับผีตายซาก ขืนออกไปสภาพนี้มีหวัง เจ้าหมอนั่นคงเผ่นหนีกระเจิงมากกว่าจะมาขอแต่งงาน เฮอะ”โอ้โห! นั่นปากหรือตำแยเนี่ยแคทรียาค้อนตาคว่ำ ได้แต่สูดหายใจเข้าออกแรงๆ เพื่อระงับความคุกรุ่นในอกไว้ไม่ให้เผลอโบกคนพูดให้หน้าแหกคามือ โทษฐ
ดิฐกรถึงกับนิ่งอึ้ง งุนงง เมื่อเห็นอากัปกิริยาของคนตรงหน้า และด้วยสีหน้าท่าทางของเขาทำให้หญิงสาวตีความเอาเองในวินาทีนั้นว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการมีลูกกับเธอ หรือไม่เขาก็คงกลัวว่าเธอจะเอาลูกมามัดมือชกบังคับให้เขาแต่งงานเพื่อรับผิดชอบเหมือนที่เคยโดนมิรันดาทำน่ะสิไร้สาระ!“พี่ดิวไม่ดีใจเหรอคะที่แคทจะมีลูก...” หญิงสาวแกล้งถามหยั่งเชิงเขา“...”การนิ่งของเขาถือเป็นคำตอบที่ตอกย้ำให้เธอยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเองมากขึ้น ผู้ชายตรงหน้าเหมาะเป็นกิ๊กเท่านั้น แต่ไม่เหมาะจะเป็นสามีหรือพ่อของลูกเธอหรอก“โอเคค่ะ แคทเข้าใจแล้ว”“เธอเข้าใจอะไร”“ก็เข้าใจว่าพี่ดิวไม่อยากมีลูกกับแคท ไม่พร้อมแต่งงาน ไม่อยากโดนผูกมัด เพราะพี่ยังรักและลืมพี่มี่ไม่ได้ใช่ไหม”คำพูดนั้นแทงใจดำของเขาอย่างจัง จนพูดไม่ออก“งั้นพี่ก็อย่าห่วงเลย เพราะแคทจะเป็นซิงเกิลมัม!”“หะ...หา!”“ระหว่างเราจะไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้น พี่กับแคทไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกพี่ เขาเป็นลูกของแคทคนเดียว พี่ไม่เกี่ยว สบายใจหายห่วงได้เลย จบนะคะ”ดิฐกรได้ฟังแล้วก็ถึงกับสะอึกอึ้งไป“ว่าไงนะ!”“ดีเหมือนกัน ถ้าลูกอยากมีพ่อ แคทก็จะหาพ่อหล่อๆ โปรไฟ
คนกำลังซาบซึ้งช็อตฟีลเสียดื้อๆ และถอนสายตาจากภาพหน้าจอก้มมองคนพูดตาเขียวปัด แต่หญิงสาวแกล้งทำเมินใส่ ไม่รู้ไม่ชี้ แล้วหันไปถามคุณหมอสาวที่ทำการอัลตราซาวน์ให้“คุณหมอคะ ฉันจะรู้เพศของลูกได้เมื่อไหร่หรือคะ”คำถามนั้นพลอยทำให้ดิฐกรหูผึ่งไปด้วย“ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติเราสามารถอัลตราซาวน์เพื่อทราบเพศได้เมื่ออายุครรภ์ประมาณสิบสองถึงสิบหกสัปดาห์ ค่ะ แต่หมอจะนัดคุณแม่มาตรวจครรภ์ทุกเดือนเพื่อดูพัฒนาการของเด็กในครรภ์อีกทีนะคะ ระหว่างนี้หากคุณพ่อคุณแม่พบว่ามีอาการผิดปกติก็ให้รีบมาตรวจที่โรงพยาบาลก่อนวันนัดได้”“แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ” ดิฐกรโพล่งถามขึ้นอย่างกระตือรือร้นโดยไม่สนใจสีหน้าตึงด้วยความหมั่นไส้ของว่าที่แม่ของลูก“ระหว่างที่ตั้งครรภ์คุณพ่อมีหน้าที่ต้องคอยดูแลสุขภาพคุณแม่ให้ดีค่ะ ในคู่มือที่หมอให้ไปจะมีวิธีดูแลตัวเองของคุณแม่ตั้งครรภ์อยู่ รวมถึงข้อควรระวังสำหรับการตั้งครรภ์ อาหารต่างๆ และเรื่องอารมณ์ของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ก็สำคัญนะคะ พยายามอย่าให้เธอต้องเครียดหรือมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจก็จะดีต่อเด็กในครรภ์ที่สุดค่ะ”สองหนุ่มสาวหันมาสบตากัน ก่อนที่แคทรียาจะเบือนหลบสายตาไปมองทางหน้าจออัลตร
ปลายสายมีเสียงขลุกขลักก่อนจะเปลี่ยนจากเสียงของมิรันดามาเป็นเสียงทุ้มของคีรินแทน“ผมขอคุยกับน้องแคทหน่อยได้ไหมครับ”“ไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาหลับอยู่”“พี่คิ...อุ๊บ!” มือหนาตะปบปิดปากที่เตรียมจะฟ้องพี่ชายให้เงียบลง และปรามด้วยสายตาดุ“งั้นแค่นี้ก่อนนะ”ดิฐกรกดวางสายหน้าตาเฉย ก่อนจะปล่อยมือจากปากหญิงสาว“พี่ดิวทำอะไร ทำไมไม่ให้แคทพูดกับพี่คิม”“ชู่ว์...พูดเบาๆ หน่อยได้ไหม เดี๋ยวลูกในท้องก็ตกใจหมดหรอก”แคทรียาฟังแล้วคันไม้คันมืออยากทุบคนตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอย่างที่คิด ก็มีเสียงประกาศเรียกชื่อให้ไปรับยาและชำระเงินที่เคาน์เตอร์เสียก่อน ทำให้ทั้งสองต้องสงบศึกชั่วคราว“นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ อย่าหนีไปไหน เดี๋ยวพี่มา”ชายหนุ่มกำชับสาวจอมดื้อก่อนจะเดินไปจัดการชำระเงินและรับยาให้จนเสร็จเรียบร้อย แต่ตอนจะเดินกลับไปหาหญิงสาวที่นั่งรออยู่ ไม่ทันเห็นใครบางคนที่เดินจ้ำมาจากอีกด้านจึงชนกันอย่างจัง“ว้าย! เดินภาษาอะไรเนี่ย ไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างเลย”“ขอโทษครับ” ดิฐกรรีบขอโทษ พลางก้มเก็บถุงยาขึ้นมาจากพื้น แต่ทว่าพอเขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าคู่กรณีชัดๆ เท่านั้นชายหนุ่มก็ถึงกับเบิกตาค้าง อุทาน
“นี่เธอหมายความว่ายังไง!” “แคท...ที่นี่โรงพยาบาลนะ อย่ามีเรื่อง” ดิฐกรรีบดึงมือแม่สาวขาลุยไว้ พลางกระซิบเตือนสติเกรงว่าจะเกิดเรื่อง ตอนนี้แคทรียาไม่ได้ตัวคนเดียว แต่ยังมีเจ้าตัวเล็กในท้องอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องคอยระวัง“พี่ดิวคะ ผู้หญิงคนนี้ใครเหรอคะ”“พี่ดิวขา...รีบตอบเขาไปสิคะว่าแคทเป็นใคร และเราเป็นอะไรกัน” ดิฐกรหันไปมองดวงหน้าหวานที่ส่งยิ้มร้ายๆ มาให้เหมือนจะบอกว่าหากเขาตอบไม่ดี อาจจะโดนดีได้“นี่แคทรียา...แม่ของลูกผมเอง!”คำนั้นทำให้เจนิสาถึงกับสะอึก อึ้งกิมกี่“แม่ของลูกเหรอคะ...”ดวงตาเขียวปัดหันไปมองชายหนุ่ม แม้คำตอบของเขาจะไม่หักหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอพอใจเสียทีเดียวสำหรับดิฐกร...เธอก็เป็นได้แค่แม่ของลูกเท่านั้นสินะแม่ของลูกที่ไม่ใช่เมีย!หญิงสาวหันไปทางดิฐกรด้วยสีหน้าตึง“ส่งยากับใบเสร็จของแคทมา เดี๋ยวจะโอนเงินคืนให้ทีหลัง แล้วถ้าอยากจะรำลึกความหลังต่อกับกิ๊กเก่าก็เชิญตามสบาย”แคทรียาว่าพลางคว้าถุงยาจากมือเขามาถือไว้แล้วรีบปิดจมูก เพราะกลิ่นน้ำหอมฉุนแรงจากกายของเจนิสากำลังทำให้ร่างกายเธอปั่นป่วนจนอยากอาเจียนขึ้นมาอีกครั้ง“อุ๊บ!”“แคทเป็นอะไรไป” ดิฐกรรีบถามอย่างห่วงใย แ
น่าเอ็นดูจังแฮะ มือหนายื่นไปลูบที่เส้นผมสวยเบาๆ“ทำอะไรของพี่เนี่ย ผมแคทยุ่งหมดแล้ว” หญิงสาวแหวใส่ พลางขยับหนีมือเขา ด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“ผู้หญิงคนนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ตั้งนานแล้ว และไม่มีค่าพอให้เราต้องเข้าใจผิดกันหรอก”“แล้วมาบอกแคททำไม ใครอยากรู้มิทราบ”“พี่อยากบอก เพราะยังไม่อยากถูกเธอเตะก้านคอสลบคาที่โทษฐานนอกใจ”“ทำไมแคทต้องทำแบบนั้นด้วย ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย...”“เป็นสิ ก็เป็นแม่ของลูกไง”“ฮึ” แคทรียาสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างหงุดหงิด“เอาเถอะ เลิกสนใจคนอื่นแล้วมาพูดเรื่องของเราดีกว่า เรื่องลูก...”“ทำไมคะ อย่าบอกนะว่าพี่จะให้แคทเอาลูกออก เพราะพี่ไม่ต้องการให้พี่มี่กับคนอื่นๆ รู้ว่ามีลูกกับแคท”“จะบ้าเหรอ ใครจะทำแบบนั้น” ดิฐกรเคาะหน้าผากมนเบาๆ เรียกสติ“ก็พี่ไง พี่ดิวบอกเองว่าเห็นแคทเป็นแค่น้องสาวไม่ใช่หรือไง”“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน เธอกำลังท้องลูกของพี่”“แล้วถ้าแคทไม่ท้องล่ะ พี่ก็จะเห็นแคทเป็นแค่น้องสาวอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม”“...”“งั้นพี่ก็อย่าเสียเวลาเลย บอกแล้วว่าลูกคนเดียวแคทเลี้ยงได้”“แต่ว่าพี่ก็เป็นพ่อ...”“แต่แคทไม่ได้อยากได้แค่พ่อของลูก” หญิงสาวโ
“น้องมิวไปหาถุงสวยๆ ใบใหม่มาให้แม่หน่อยนะคะคนเก่ง” เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่ายและวิ่งปรูดไปทางหลังบ้านทันทีคีรินยื่นมือไปเก็บสมุดฝากครรภ์ที่พื้นขึ้นมาดู พอเห็นชื่อที่หน้าปก เขาก็ใจหายวาบ นึกรู้คำตอบของอาการผิดปกติทั้งหมดของน้องสาวได้ทันทีไม่ใช่ท้องเสีย แต่กลับเป็น...“แคทท้องงั้นเหรอ”“พี่คิมคะ” มิรันดารีบลูบแขนของสามีหนุ่มไม่ให้เขาใจร้อนคาดคั้นกับน้องสาวจนเสียเรื่อง“พี่คิมช่วยไปดูลูกหน่อยสิคะว่าหาถุงเจอไหม เดี๋ยวทางนี้มี่จัดการให้เองนะคะ”คีรินมองใบหน้าภรรยาสาว ก่อนพยักหน้ารับและยอมผละไปทางหลังบ้าน เหลือเพียงสองสาวตามลำพัง“น้องแคท...ไม่ต้องคิดมากนะคะ ทำใจให้สบาย”“พี่มี่ก็อยากถามใช่ไหมคะว่าแคทท้องกับใคร”“แต่ถ้าน้องแคทไม่อยากบอก ก็ไม่เป็นไรนะ พี่เข้าใจ เรื่องนี้พี่เองก็เคยผ่านมาก่อน” แคทรียาเงยหน้ามองพี่สะใภ้ด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็อดอยากรู้ไม่ได้“ตอนพี่มี่ท้องน้องมิวรู้สึกยังไงบ้างเหรอคะ”“อืม...ตอนนั้นเหรอ พี่ก็ดีใจแล้วก็หนักใจไปพร้อมกันน่ะสิ เพราะต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่มันก็รู้สึกดีที่จะมีน้องมิว เขาเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตพี่เลยล่ะ”“แล้วพี่โกรธพ่อของน้องมิวไหมค
ปกติเขาไม่ค่อยสนิทหรือใส่ใจน้องสาวต่างมารดาทั้งสามคน แต่กับแคทรียาที่เป็นฝ่ายพาตัวเองเข้าหาเขาและมิรันดาก่อน แล้วก็ช่วยเป็นกาวใจให้เขากับบิดาจนฝ่ายนั้นค่อยๆ เปิดใจยอมรับมิรันดากับน้องมิว จึงทำให้เขาเปิดใจและรู้สึกสนิทกับน้องสาวคนเล็กมากกว่าน้องสาวคนอื่นๆ จนได้รับรู้ว่าลึกๆ แล้วแคทรียาก็มีบางอย่างที่เหมือนกับเขาในอดีตเด็กที่โหยหาความรักมาตลอดชีวิต!“ดื่มน้ำก่อนสิจ๊ะน้องแคท”“แคทมาเอากระเป๋ากับมือถือค่ะพี่มี่”“อ๋อ อยู่นี่จ้ะ พี่เก็บไว้ให้แล้ว ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าวันนี้น้องแคทไม่มาเอา พรุ่งนี้พี่ก็จะเอาไปให้ที่บ้าน” มิรันดาบอกพลางส่งของให้“เมื่อกี้พี่ดิวก็โทรมาถามว่าน้องแคทมาเอากระเป๋าไปหรือยัง อีกเดี๋ยวก็คงมาถึงที่นี่แล้วล่ะ”พอได้ยินแคทรียาก็รีบผุดลุกทันที“งั้นแคทกลับก่อนดีกว่า”“เดี๋ยวสิ เธอเพิ่งมาถึงจะรีบไปไหน น้องมิวอาบน้ำอยู่ เดี๋ยวก็คงลงมา เห็นบ่นว่าคิดถึงอาแคทด้วย อยู่เจอหลานก่อนสิ” คีรินบอกพลางจับสังเกตสีหน้าและอาการของน้องสาว “หรือว่า...เธอไม่อยากเจอใครที่นี่ล่ะ คุณดิวงั้นหรือ”ชื่อของดิฐกรทำให้ใบหน้าสวยถอดสีทันใด“ทำไมล่ะ หรือเขาแกล้งอะไรเราอีก บอกพี่มา เดี๋ยวพี่จะจัดการให้
เมื่อดิฐกรวนรถมาจอดที่ด้านหน้าล็อบบีของโรงพยาบาล ก็ไม่เห็นเงาของหญิงสาวที่รับปากว่าจะรอเขาเสียแล้ว ชายหนุ่มใจหายวาบ รีบคว้าโทรศัพท์จะกดโทรหา แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้แคทรียาไม่มีโทรศัพท์ แถมยังไม่มีกระเป๋าตังค์ด้วย แล้วเธอจะไปไหนได้ หรือว่าไปห้องน้ำ“คุณครับ เห็นผู้หญิงหน้าตาสวยๆ ใส่ชุดสีฟ้าๆ ที่เมื่อกี้นั่งรออยู่ตรงนั้นไหมครับ” ดิฐกรถามพนักงานรับรถที่ประจำอยู่ด้านหน้าเสียงร้อนรน“อ๋อ เห็นครับ เธอเพิ่งขึ้นรถแท็กซี่ออกไปได้เมื่อครู่นี้เองครับ”ชายหนุ่มใจหายวาบ“ขึ้นแท็กซี่ไปแล้วเหรอครับ”“ครับ”“ไปไหนของเขาอีกล่ะเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นอย่างหงุดหงิดระคนเป็นห่วง ในเมื่อเขาบอกให้เธอรอตรงนี้ โทรศัพท์ก็ไม่มี เงินก็ไม่มี แถมสภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์อีก หากเกิดแพ้ท้องหน้ามืด เป็นลมในแท็กซี่ขึ้นมาอีกล่ะจะทำยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วงขึ้นมา ตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียว แต่มีลูกของเขาอยู่ในท้องอีกคน แล้วยัยนั่นไปที่ไหนล่ะเนี่ยหรือว่าจะกลับบ้าน?ไวเท่าใจคิด ดิฐกรจึงรีบขึ้นรถและขับออกไปทันที/////“มี่! แคทไปหาที่บ้านหรือเปล่า” มิรันดามุ่นหัวคิ้วเมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนจากอดีตคนรักเก่าถามถึงน้องสาวของสาม
น่าเอ็นดูจังแฮะ มือหนายื่นไปลูบที่เส้นผมสวยเบาๆ“ทำอะไรของพี่เนี่ย ผมแคทยุ่งหมดแล้ว” หญิงสาวแหวใส่ พลางขยับหนีมือเขา ด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“ผู้หญิงคนนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ตั้งนานแล้ว และไม่มีค่าพอให้เราต้องเข้าใจผิดกันหรอก”“แล้วมาบอกแคททำไม ใครอยากรู้มิทราบ”“พี่อยากบอก เพราะยังไม่อยากถูกเธอเตะก้านคอสลบคาที่โทษฐานนอกใจ”“ทำไมแคทต้องทำแบบนั้นด้วย ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย...”“เป็นสิ ก็เป็นแม่ของลูกไง”“ฮึ” แคทรียาสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างหงุดหงิด“เอาเถอะ เลิกสนใจคนอื่นแล้วมาพูดเรื่องของเราดีกว่า เรื่องลูก...”“ทำไมคะ อย่าบอกนะว่าพี่จะให้แคทเอาลูกออก เพราะพี่ไม่ต้องการให้พี่มี่กับคนอื่นๆ รู้ว่ามีลูกกับแคท”“จะบ้าเหรอ ใครจะทำแบบนั้น” ดิฐกรเคาะหน้าผากมนเบาๆ เรียกสติ“ก็พี่ไง พี่ดิวบอกเองว่าเห็นแคทเป็นแค่น้องสาวไม่ใช่หรือไง”“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน เธอกำลังท้องลูกของพี่”“แล้วถ้าแคทไม่ท้องล่ะ พี่ก็จะเห็นแคทเป็นแค่น้องสาวอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม”“...”“งั้นพี่ก็อย่าเสียเวลาเลย บอกแล้วว่าลูกคนเดียวแคทเลี้ยงได้”“แต่ว่าพี่ก็เป็นพ่อ...”“แต่แคทไม่ได้อยากได้แค่พ่อของลูก” หญิงสาวโ
“นี่เธอหมายความว่ายังไง!” “แคท...ที่นี่โรงพยาบาลนะ อย่ามีเรื่อง” ดิฐกรรีบดึงมือแม่สาวขาลุยไว้ พลางกระซิบเตือนสติเกรงว่าจะเกิดเรื่อง ตอนนี้แคทรียาไม่ได้ตัวคนเดียว แต่ยังมีเจ้าตัวเล็กในท้องอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องคอยระวัง“พี่ดิวคะ ผู้หญิงคนนี้ใครเหรอคะ”“พี่ดิวขา...รีบตอบเขาไปสิคะว่าแคทเป็นใคร และเราเป็นอะไรกัน” ดิฐกรหันไปมองดวงหน้าหวานที่ส่งยิ้มร้ายๆ มาให้เหมือนจะบอกว่าหากเขาตอบไม่ดี อาจจะโดนดีได้“นี่แคทรียา...แม่ของลูกผมเอง!”คำนั้นทำให้เจนิสาถึงกับสะอึก อึ้งกิมกี่“แม่ของลูกเหรอคะ...”ดวงตาเขียวปัดหันไปมองชายหนุ่ม แม้คำตอบของเขาจะไม่หักหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอพอใจเสียทีเดียวสำหรับดิฐกร...เธอก็เป็นได้แค่แม่ของลูกเท่านั้นสินะแม่ของลูกที่ไม่ใช่เมีย!หญิงสาวหันไปทางดิฐกรด้วยสีหน้าตึง“ส่งยากับใบเสร็จของแคทมา เดี๋ยวจะโอนเงินคืนให้ทีหลัง แล้วถ้าอยากจะรำลึกความหลังต่อกับกิ๊กเก่าก็เชิญตามสบาย”แคทรียาว่าพลางคว้าถุงยาจากมือเขามาถือไว้แล้วรีบปิดจมูก เพราะกลิ่นน้ำหอมฉุนแรงจากกายของเจนิสากำลังทำให้ร่างกายเธอปั่นป่วนจนอยากอาเจียนขึ้นมาอีกครั้ง“อุ๊บ!”“แคทเป็นอะไรไป” ดิฐกรรีบถามอย่างห่วงใย แ
ปลายสายมีเสียงขลุกขลักก่อนจะเปลี่ยนจากเสียงของมิรันดามาเป็นเสียงทุ้มของคีรินแทน“ผมขอคุยกับน้องแคทหน่อยได้ไหมครับ”“ไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาหลับอยู่”“พี่คิ...อุ๊บ!” มือหนาตะปบปิดปากที่เตรียมจะฟ้องพี่ชายให้เงียบลง และปรามด้วยสายตาดุ“งั้นแค่นี้ก่อนนะ”ดิฐกรกดวางสายหน้าตาเฉย ก่อนจะปล่อยมือจากปากหญิงสาว“พี่ดิวทำอะไร ทำไมไม่ให้แคทพูดกับพี่คิม”“ชู่ว์...พูดเบาๆ หน่อยได้ไหม เดี๋ยวลูกในท้องก็ตกใจหมดหรอก”แคทรียาฟังแล้วคันไม้คันมืออยากทุบคนตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอย่างที่คิด ก็มีเสียงประกาศเรียกชื่อให้ไปรับยาและชำระเงินที่เคาน์เตอร์เสียก่อน ทำให้ทั้งสองต้องสงบศึกชั่วคราว“นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ อย่าหนีไปไหน เดี๋ยวพี่มา”ชายหนุ่มกำชับสาวจอมดื้อก่อนจะเดินไปจัดการชำระเงินและรับยาให้จนเสร็จเรียบร้อย แต่ตอนจะเดินกลับไปหาหญิงสาวที่นั่งรออยู่ ไม่ทันเห็นใครบางคนที่เดินจ้ำมาจากอีกด้านจึงชนกันอย่างจัง“ว้าย! เดินภาษาอะไรเนี่ย ไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างเลย”“ขอโทษครับ” ดิฐกรรีบขอโทษ พลางก้มเก็บถุงยาขึ้นมาจากพื้น แต่ทว่าพอเขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าคู่กรณีชัดๆ เท่านั้นชายหนุ่มก็ถึงกับเบิกตาค้าง อุทาน
คนกำลังซาบซึ้งช็อตฟีลเสียดื้อๆ และถอนสายตาจากภาพหน้าจอก้มมองคนพูดตาเขียวปัด แต่หญิงสาวแกล้งทำเมินใส่ ไม่รู้ไม่ชี้ แล้วหันไปถามคุณหมอสาวที่ทำการอัลตราซาวน์ให้“คุณหมอคะ ฉันจะรู้เพศของลูกได้เมื่อไหร่หรือคะ”คำถามนั้นพลอยทำให้ดิฐกรหูผึ่งไปด้วย“ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติเราสามารถอัลตราซาวน์เพื่อทราบเพศได้เมื่ออายุครรภ์ประมาณสิบสองถึงสิบหกสัปดาห์ ค่ะ แต่หมอจะนัดคุณแม่มาตรวจครรภ์ทุกเดือนเพื่อดูพัฒนาการของเด็กในครรภ์อีกทีนะคะ ระหว่างนี้หากคุณพ่อคุณแม่พบว่ามีอาการผิดปกติก็ให้รีบมาตรวจที่โรงพยาบาลก่อนวันนัดได้”“แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ” ดิฐกรโพล่งถามขึ้นอย่างกระตือรือร้นโดยไม่สนใจสีหน้าตึงด้วยความหมั่นไส้ของว่าที่แม่ของลูก“ระหว่างที่ตั้งครรภ์คุณพ่อมีหน้าที่ต้องคอยดูแลสุขภาพคุณแม่ให้ดีค่ะ ในคู่มือที่หมอให้ไปจะมีวิธีดูแลตัวเองของคุณแม่ตั้งครรภ์อยู่ รวมถึงข้อควรระวังสำหรับการตั้งครรภ์ อาหารต่างๆ และเรื่องอารมณ์ของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ก็สำคัญนะคะ พยายามอย่าให้เธอต้องเครียดหรือมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจก็จะดีต่อเด็กในครรภ์ที่สุดค่ะ”สองหนุ่มสาวหันมาสบตากัน ก่อนที่แคทรียาจะเบือนหลบสายตาไปมองทางหน้าจออัลตร
ดิฐกรถึงกับนิ่งอึ้ง งุนงง เมื่อเห็นอากัปกิริยาของคนตรงหน้า และด้วยสีหน้าท่าทางของเขาทำให้หญิงสาวตีความเอาเองในวินาทีนั้นว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการมีลูกกับเธอ หรือไม่เขาก็คงกลัวว่าเธอจะเอาลูกมามัดมือชกบังคับให้เขาแต่งงานเพื่อรับผิดชอบเหมือนที่เคยโดนมิรันดาทำน่ะสิไร้สาระ!“พี่ดิวไม่ดีใจเหรอคะที่แคทจะมีลูก...” หญิงสาวแกล้งถามหยั่งเชิงเขา“...”การนิ่งของเขาถือเป็นคำตอบที่ตอกย้ำให้เธอยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเองมากขึ้น ผู้ชายตรงหน้าเหมาะเป็นกิ๊กเท่านั้น แต่ไม่เหมาะจะเป็นสามีหรือพ่อของลูกเธอหรอก“โอเคค่ะ แคทเข้าใจแล้ว”“เธอเข้าใจอะไร”“ก็เข้าใจว่าพี่ดิวไม่อยากมีลูกกับแคท ไม่พร้อมแต่งงาน ไม่อยากโดนผูกมัด เพราะพี่ยังรักและลืมพี่มี่ไม่ได้ใช่ไหม”คำพูดนั้นแทงใจดำของเขาอย่างจัง จนพูดไม่ออก“งั้นพี่ก็อย่าห่วงเลย เพราะแคทจะเป็นซิงเกิลมัม!”“หะ...หา!”“ระหว่างเราจะไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้น พี่กับแคทไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกพี่ เขาเป็นลูกของแคทคนเดียว พี่ไม่เกี่ยว สบายใจหายห่วงได้เลย จบนะคะ”ดิฐกรได้ฟังแล้วก็ถึงกับสะอึกอึ้งไป“ว่าไงนะ!”“ดีเหมือนกัน ถ้าลูกอยากมีพ่อ แคทก็จะหาพ่อหล่อๆ โปรไฟ
แคทรียาอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง โดยมีชายหนุ่มที่อุ้มเธอเข้ามาโดยไม่แคร์สายตาผู้หญิงที่อยู่ในห้องน้ำแห่งนั้น เขาคอยช่วยลูบหลังลูบไหล่ให้ จนอาการค่อยทุเลาลง ทว่ายังวิงเวียนไม่หายดิฐกรมองใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดของเธออย่างเป็นห่วงระคนสงสัยอะไรบางอย่าง“เธอไม่ได้ท้องใช่ไหม”คำถามนั้นทำเอาแคทรียาสะดุ้งในใจ“ไปให้หมอตรวจหน่อยดีกว่า เดี๋ยวพี่พาไปเอง”“ไม่ต้องค่ะ แคทไปเองได้”“อย่าดื้อกับพี่” ชายหนุ่มกำราบด้วยเสียงดุเข้มหากเป็นในยามปกติ เธอคงไม่ยอมง่ายๆ แต่ในยามนี้เธอทั้งเวียนหัวคลื่นไส้ ร่างกายปั่นป่วนและอ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ไม่อาจต่อกรกับผู้ชายตรงหน้าได้“เดี๋ยวค่ะ แคทต้องไปบอกคุณชลก่อน”ดิฐกรฉุนกึก ตวัดสายตามองคนป่วยแทบคลาน แต่ยังไม่วายห่วงคู่ดูตัวหนุ่มหล่อนั่น“ทำไมล่ะ กลัวไม่ได้สามีหรือไง เอาตัวเองให้รอดก่อนไหม ส่องกระจกดูหน้าเธอตอนนี้สิ ซีดอย่างกับผีตายซาก ขืนออกไปสภาพนี้มีหวัง เจ้าหมอนั่นคงเผ่นหนีกระเจิงมากกว่าจะมาขอแต่งงาน เฮอะ”โอ้โห! นั่นปากหรือตำแยเนี่ยแคทรียาค้อนตาคว่ำ ได้แต่สูดหายใจเข้าออกแรงๆ เพื่อระงับความคุกรุ่นในอกไว้ไม่ให้เผลอโบกคนพูดให้หน้าแหกคามือ โทษฐ