ไอรินตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน และก็เหมือนเคย ข้างกายของเธอไม่มีใครอยู่ด้วยเหมือนทุกครั้ง ที่นอนข้าง ๆ เย็นชืดจนชิน เมื่อคืนหลังจากที่ทุกอย่างจบลง บอสคงกลับไปนอนที่บ้านพักของตัวเองไอรินลุกขึ้นยืน พยุงร่างที่อ่อนแรงไปที่กระจกบานใหญ่ เธอเปิดม่านสีเข้มออกกว้าง ภาพตรงหน้าคือทะเลสีฟ้าครามที่ทอดยาวไปไ
“ชอบไหม”“ชอบสิคะ รินชอบอาหารทะเลที่สุด ขอบคุณนะคะ”ไอรินยิ้มกว้าง ดวงตาโตเฉี่ยวหยีลงเหมือนเด็กที่ได้อมยิ้ม รอยยิ้มของเธอเปล่งประกายเจิดจ้า ชวนให้ใครหลายคนลอบมองมาด้วยความสนใจพลชเริ่มรำคาญสายตาผู้ชายที่มองไอริน ตั้งแต่นุกุล มาร์ติน ฝรั่งนั่น แล้วไหนจะตอนนี้อีก เขารู้ว่าไอรินมีเสน่ห์ ทั้งสวยและน่ามอ
แม็กซ์เวล เป็นตระกูลเก่าแก่ ที่สืบเชื้อสายมาจากขุนนางชั้นสูงของอิตาลีเมื่อร้อยกว่าปีก่อน หลังจากราชวงศ์สิ้นสุดลง แม็กซ์เวลยังคงโลดแล่นอยู่ในเกมการเมืองเรื่อยมา จนกระทั่งรุ่นของฟิลิปโป แม็กซ์เวล พ่อแท้ ๆ ของพลชที่ไม่สนเรื่องการเมืองเหมือนบรรพบุรุษ เขาผันตัวมาเป็นพ่อค้า โดยไม่สนคนที่นินทาว่าเป็นขุนนาง
(แล้วเป็นใครล่ะลูก)พิมพ์ดาวถามด้วยความสงสัย ลูกชายเธอไม่เคยคบหากับใครจริงจังมาก่อน มีบ้างที่ปลดปล่อยตามประสาผู้ชาย แต่พลชไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครนาน ๆ ตอนนี้ที่เห็นก็มีแค่คนเดียวเลขาคนนั้น ไอริน“เธอชื่อแพทริเซีย ลูกสาวท่านทูตที่ผมไปงานเลี้ยงเมื่อคืนก่อนครับ”(ลูกสาวท่านทูตงั้นเหรอ)“ครับ”(ดีน ก่อน
“ภาพวาดนี้..”“อย่าบอกนะว่าภาพนี้รินก็รู้จัก”“ค่ะ รินจำได้ว่าภาพนี้เป็นภาพแรกของศิลปินท่านนี้เลย แรร์มากเลยนะคะ ไม่คิดว่าคุณแด๊ดจะเป็นคนเก็บเอาไว้”“มันอยู่กับแด๊ดเอง ภาพนี้แด๊ดได้มาตั้งแต่สมัยยังอยู่ที่อิตาลี ตอนที่แด๊ดซื้อจำได้ว่าราคาไม่กี่ยูโรเอง”“ตอนนี้ราคาหลายแสนยูโรแล้วนะคะ”“ผิด เป็นล้านแล้
“มัมกับแด๊ดรักกัน เพราะรัก.. พวกเราถึงได้ตัดสินใจแต่งงานกัน และดีนก็คือพยานความรักของมัมกับแด๊ด”สายตาของลูกชายอ่อนลง พิมพ์ดาวมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว เธอรีบพูดต่อ“ดีนรู้ไหม ว่าต่อให้มัมกับแด๊ดจะไม่เหมาะสมกันในสายตาของคนอื่น แต่พวกเราก็จะแต่งงานกันอยู่ดี มัมไม่รู้หรอกนะว่าใคร ที่ทำให้ลูกชายของมัมจำฝัง
“บอส!”“มาแล้ว”พลชขยับออกห่างจากไอรินเมื่อได้ยินเสียงบิดาดังมาแต่ไกล ส่วนไอรินก็รีบหันกลับไปล้างผักต่อด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ“อ้าว ดีน ทำอะไรอยู่เหรอ”“แด๊ดไปเอาอะไรมาครับ”พลชไม่ตอบคำถามแถมยังเปลี่ยนเรื่อง คนเป็นพ่อหรี่ตาลงน้อย ๆ แต่สุดท้ายฟิลิปโปก็ไม่ได้คาดคั้นต่อ เขาชูของในมือให้ลูกชายดู“ไวน์แดงขอ
พลชนิยามสถานการณ์ในตอนนี้ได้แค่คำเดียวว่า.. เละชายหนุ่มวางร่างเลขาที่เมามายลงบนเบาะหนัง ไอรินบ่นงึมงัมเล็กน้อย ขดตัวเป็นก้อนกลม ๆ แล้วหลับไปแต่กว่าจะหลับก็เล่นเอาวุ่นวายกันทั้งบ้าน“ดีน ไม่นอนค้างที่นี่จริงเหรอ” ฟิลิปโปถามย้ำอีกครั้ง ก่อนจะเสมองไปทางอื่นเมื่อลูกชายหันมาสบตาคนที่รู้ตัวว่าทำผิดไม่ก
“ปะป๊าหล่อที่สุด” จู่ ๆ พาดาก็พูดขึ้น อินทัชรู้ทัน เขาหลุบตามองถ้วยไอศกรีมที่หมดเกลี้ยงแล้วส่ายหน้า“ไม่ต้องเลยครับ ปะป๊าไม่ให้เพิ่มนะครับ”“บู้ว! ปะป๊ารู้ทันอีกแล้ววว”..ช่วงเย็น คุณหมอได้รับสายจากอลิษาว่างานยังไม่เสร็จ และอาจจะกลับบ้านดึก ให้อินทัชพาลูกเข้านอนก่อนได้เลย คนเป็นสามีได้ยินแบบนั้นก็
อินทัชขับรถไปที่โรงเรียน เขารีบรับขุนเขาพาดาขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ลูกรอนาน และก็เป็นไปตามคาด ทันทีที่ขึ้นมาบนรถพาดาก็ทวงไอศกรีมจากปะป๊าทันที“ไอติม ไอติม”“ค่ะ เดี๋ยวปะป๊าพาไป แต่ตอนนี้พาดาต้องเบาเสียงหน่อยนะคะ น้องนอนอยู่”“พาดาขอโทษค่ะ โอ๋ ๆ นะสายหมอก หลับน้า”“คาดเข็มขัดกันด้วยครับ ไม่อย่างนั้นอดไ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไ
“เตเต้ว่าพาดาอ้วน บอกว่าของขวัญว่าขี้โรค”“เตเต้คะ” ได้ฟังแบบนั้นคุณครูจึงกดเสียงต่ำ เด็กชายตัวกลมเริ่มเกรงกลัวเพราะครูตัวสูงกว่ามาก“กะ ก็จริงนี่คับ”“เตเต้คะ” คุณครูย่อตัวลงให้เท่ากับส่วนสูงของเด็กชาย “พูดถึงรูปร่างคนอื่นแบบนั้นไม่ดีเลยนะคะ จะอ้วน จะผอม เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา ขอโทษเพื่อนนะคะ”“ไ
“ใช่แล้วค่ะ วันนี้มีข้าวผัดเบคอนของโปรดของหนู พี่ขุนหม่ำได้เลยครับ ส่วนพาดาเอาผ้ามาคลุมก่อนนะ เดี๋ยวจะเลอะเสื้อนักเรียน”พาดาทำตามที่หม่าม้าบอกอย่างแข็งขัน มือป้อม ๆ หยิบจับทุกอย่างอย่างคล่องตัวเพราะถูกฝึกให้ทำตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน มื้อเช้าเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยของพาดาจนจบมื้ออาหาร คุณปู
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกีย
“ปล่อยเขาเถอะลิษา ให้เขาได้เรียนรู้ ได้เลอะ ได้ลองเจ็บด้วยตัวเอง”“เฮ้อ คนนี้ซนได้ใครก็ไม่รู้”พาดาที่ว่าแสบแล้ว เจอสายหมอกเข้าไปกลายเป็นเด็กเรียบร้อยเลยทีเดียว เด็กชายสายหมอกในวัยสามขวบทั้งซนทั้งขี้อ้อน ทั้งปู่ย่า ยาย พ่อแม่และพี่ ๆ ต่างรุมเอาใจเพราะแพ้ลูกอ้อน อลิษาอยากบ่นคนอื่นแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่
“แม่เกือบมาไม่ทัน ติดสอนค่ะ”“พ่อก็ติดประชุม ปลีกตัวไม่ได้เลย”“ไม่เป็นไรค่ะ ลิษาคงยังไม่คลอดเร็ว ๆ นี้”“ปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้วคะ”“พี่อินบอกว่าแค่สองเซนเองค่ะ”“โธ่ ทนไหวไหมลูก ถ้าไม่ไหวก็ผ่าเถอะนะคะ” คุณหมออิงอรอดรู้สึกเจ็บแทนลูกสะใภ้ไม่ได้ มาโรงพยาบาลก็หลายชั่วโมงแล้ว แต่ปากมดลูกยังเปิดได้ไม่เ
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอด