กลับมาจากฮันนีมูนก็เจอเข้ากับกองงานที่สูงท่วมหัว ทั้งอินทัชและอลิษาจัดการงานที่ค้างไว้จนแทบไม่มีเวลาให้กัน หนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ที่อลิษาไม่ได้ไปนอนที่ห้องคุณหมอ ได้เจอหน้าแค่ไม่กี่นาทีก็ต้องจำใจแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง“คุณหมออินทัช เป็นอะไรไปคะ”รุ้งแพร เพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่อินทัชพอจะสนิทด้วยเอ่ยถามระหว่างที่นั่งทานมื้อเที่ยงด้วยกัน เธอสังเกตว่าตั้งแต่กลับมาจากลาพักร้อน เขาก็มีท่าทางแปลก ๆ ไปปกติแล้วหมออินทัชเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงออกเท่าไหร่ แต่ช่วงนี้ดูเหมือนจะเจอเรื่องที่ไม่ถูกใจเข้า หัวคิ้วเข้มถึงได้พันกันให้เห็นอยู่บ่อย ๆ“เปล่าครับ”“ค่ะ แต่ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็ระบายออกมาได้เสมอเลยนะคะ”“ขอบคุณครับ”อินทัชตอบรับ แต่เขาไม่คิดจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง คนที่ทำงานยังไม่มีใครรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว นอกจากครอบครัวก็มีแค่มิตาคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ และรู้จักกับอลิษาจริงสิ มิตา....อินทัชแวะไปพบเพื่อนสนิทหลังเลิกงาน มิตาที่ไม่ได้เจออินทัชมาเป็นเดือนรีบเดินเข้ามาต้อนรับ ดวงตาหลุบมองนิ้วนางข้างซ้ายโดยอัตโนมัติ เมื่อไม่เห็นเครื่องประดับที่แสดงถึงสถานะ หัวใจดวงเล็ก ๆ ก็พองโตขึ้นอ
“อิน! ทำแบบนั้นไม่ได้นะ จะเทน้ำตาลทั้ง ๆ ที่ไม่ตวงไม่ได้ แล้วเทขนาดนั้นอยากให้เป็นเค้กเชื่อมน้ำตาลหรือไง”เสียงดุ ๆ จากเพื่อนสนิททำเอาคุณหมอสะดุ้งสุดตัว อินทัชยืนเก้ ๆ กัง ๆ อย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก มือยังถือหลักฐานอย่างถุงน้ำตาลไว้ด้วยซ้ำ“คือ..”“แล้วนั่นอะไรน่ะ เราบอกให้ใช้ไฟร้อยแปดสิบ อินใช้แค่นั้นเค้กจะสุกได้ยังไง โอ้ย!”“มิตาอย่าเพิ่งหงุดหงิดสิ ผมก็พยายามอยู่นี่ไง” คุณหมอได้แต่พูดเสียงอ่อยเขาพยายามมากจริง ๆ แต่ยิ่งทำก็ยิ่งเละ ยิ่งทำก็ยิ่งใช้ไม่ได้ แต่อินทัชไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้เสียหน่อยเค้กที่ตั้งใจทำให้ภรรยา จนถึงตอนนี้แม้แต่ขั้นตอนตวงน้ำตาลอินทัชยังทำผิด ๆ ถูก ๆเวลาก็กระชั้นเข้ามาทุกที ยิ่งใกล้วันคุณหมอก็ยิ่งเครียด เครียดกว่าตอนเรียนไม่รู้กี่เท่า“ถ้าอินยังทำไม่ได้อินก็จะไม่มีเค้กให้คุณลิษานะ อีกแค่สามวันเอง พยายามหน่อยสิ”“ก็มันยาก”“งั้นก็สั่งทำเอาล่ะกัน!” เชฟสาวที่หัวฟูกับการเข็นคุณหมอขึ้นภูเขาเริ่มทนไม่ไหว“ไม่เอา ผมอยากทำเอง”“อิน!”มิตากุมขมับแน่น เธอสนิทกับอินทัชก็จริง แต่สาบานได้ว่าไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน มุมที่ดื้อแพ่งเอาแต่ใจ มุมที่ทำเรื่องง่าย ๆ ล้มเหลว
“ลืมตาได้แล้วครับ”เสียงกระซิบเบา ๆ บอกให้อลิษาค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น เธอใช้เวลาปรับโฟกัสหลายวินาทีกว่าจะมองเห็นชัด ภาพที่เห็นคือคุณหมออินทัชคนเดิม ต่างกันที่คนตัวสูงไม่ได้ยืนเหมือนในตอนแรก เขาคุกเข่าลงบนพื้นตรงหน้าเธอ ในมือมีแหวนวงเล็กที่ล้อมไปด้วยเพชรเม็ดงามส่องประกายระยิบระยับล้อแสงไฟ“อะ อะไรคะเนี่ย”คนถามหัวใจเต้นแรง เธอมึนงง สับสน ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ หมออินทัชก็มานั่งคุกเข่าแล้วยื่นแหวนให้เธอแบบนี้หมายความว่ายังไง“เราเป็นสามีภรรยากันมาซักพักแล้วนะครับ ทั้งทางนิตินัย และพฤตินัย แต่ผมกลับรู้สึกว่าเราขาดอะไรบางอย่างไป”อินทัชจับมือนุ่มมากุม นิ้วหัวแม่มือนวดคลึงบริเวณนิ้วนางข้างซ้ายที่ว่างเปล่าเบา ๆ“มันว่างเกินไป ลิษาไม่รู้สึกเหรอครับ”“ตะ แต่ว่า.. ลิษา”อลิษากลายเป็นคนติดอ่าง เธอเอาแต่ขยับปากอ้า ๆ หุบ ๆ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออกคุณหมอ.. ทำแบบนี้ไม่กลัวลิษาหัวใจวายเหรอคะ“ลิษาครับ เรามาแต่งงานกันจริง ๆ ดีไหมครับ”“อะ อะไรนะคะ”“ผมคิดมาซักพักแล้วครับ ไม่รู้สิ ผมไม่ชอบที่คนอื่นคิดว่าคุณยังโสดแล้วตามจีบคุณแบบนั้น”“คุณหมอหมายถึง คุณไตรภพ?”“ผมไม่สนใจจะจำชื่อเขาหรอกคร
“คุณพัฒน์มีอาการยังไงบ้างนะครับ”อินทัชถามย้ำ พลางจดข้อมูลที่ได้รับจากผู้ป่วยชายอายุสามสิบแปดปี นักธุรกิจชื่อดังที่ลั่นระฆังวิวาห์กับแฟนสาวมาได้ราวห้าปีกว่าแต่ยังไม่มีบุตรเสียที เมื่อปีก่อนทั้งสองตัดสินใจเข้าปรึกษากับอินทัช และใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์เข้าช่วยจนกระทั่งฝ่ายภรรยาตั้งท้องได้สมใจ ตอนนี้อายุครรภ์ราวสิบสัปดาห์แล้ว“ผมบอกไม่ถูก แต่อาการมันคล้ายกับตอนที่เครียดเรื่องงานมาก ๆ เลยครับ เวียนหัว อาเจียน อ่อนเพลีย”“ครับ”“แต่แม่ภรรยาบอกว่าอาการแบบนี้มันเรียกว่าอาการแพ้ท้องแทนเมีย ผมไม่เคยเชื่อว่ามันมีจริงเลยนะ แต่พอมานั่งคิดก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะช่วงนี้เรื่องงานไม่ได้ตึงเครียดเลย แต่ผมก็ยังมีอาการอยู่ดี”“ครับ” อินทัชพยักหน้ารับ “แล้วคุณเจนมีอาการแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ”“นี่แหละครับที่ทำให้แม่เจนเขาปักใจเชื่อเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะเจนไม่มีอาการแพ้ท้องเลย ท่านก็เลยมั่นใจว่าเป็นเพราะผมแพ้แทนให้แล้วแน่ ๆ”อินทัชนิ่งฟังอย่างตั้งใจ อาการของคนไข้เหมือนคนแพ้ท้องจริง ๆ แต่ส่วนตัวแล้วเขาไม่เชื่อเรื่องนี้ถึงจะมีงานวิจัยรองรับ แต่สำหรับอินทัชมันค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ การที่อีกคนจะมีอาการเจ็
อินทัชรอจนกระทั่งภรรยาฟื้น และทันทีที่ลืมตาอลิษาก็มีอาการเวียนหัวและอาเจียนอีกครั้ง แต่ในท้องไม่มีอะไรให้ออกมาแล้วจึงได้แต่ส่งเสียงโอ้กอ้ากกอดกระโถนที่อินทัชหามาให้อย่างอ่อนแรงเขาสงสารอลิษาจับใจ วันแรกของการแพ้ท้องย่ำแย่เกินไป ไม่มีอาการก่อนหน้า ไม่มีสัญญาณเตือนอะไรทั้งนั้น แต่พอเป็นปุ๊ปก็หนักทันที“คุณหมอ ลิษาเป็นอะไรไปคะ”ว่าที่คุณแม่ที่ยังไม่รู้ตัวว่าจะมีเบบี๋ถามเสียงพร่า จิบน้ำที่อินทัชป้อน ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง“ผมอยากให้คุณอัลตร้าซาวด์”“โรคร้ายเหรอคะ” อลิษาน้ำตาคลอทันที ความอ่อนไหวมากมายจากไหนไม่รู้ทำให้เธออยากร้องไห้ขึ้นมาดื้อ ๆอินทัชส่ายหน้า เขาจูบหน้าผากเนียนปลอบขวัญภรรยา และเลือกที่จะยังไม่บอกเรื่องผลเลือดกับอลิษา เพราะเขาอยากมั่นใจกว่านี้ด้วยการอัลตร้าซาวด์ เขาไม่อยากเห็นอลิษาผิดหวังอีก ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้จะสูงถึง 90% แล้วก็ตาม“ลองซาวด์ก่อนนะครับ แล้วผมถึงจะตอบได้”“ก็ได้ค่ะ”คุณหมอจูบหน้าผากภรรยาอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวไปเตรียมอุปกรณ์ ระหว่างนั้นมีพยาบาลมาถอดน้ำเกลือ ก่อนจะให้อลิษานั่งรถเข็นแล้วพาเธอไปที่ห้องตรวจภายในห้องตรวจไม่กว้างมาก มีอุปกรณ์ที่อลิษาไม่รู้จ
“อึก..”อลิษายกถังขนาดเล็กที่พยาบาลเตรียมไว้ให้ขึ้นมา จากนั้นก็..“อ้วก!”ดูเหมือนว่าอาการแพ้ท้องของอลิษาจะไม่ดีขึ้นเลย อินทัชจ่ายยาที่พอจะช่วยให้ภรรยาดีขึ้น รวมถึงวิตามิน B6 ให้กิน แต่อาการคุณแม่ลูกสองกลับดีขึ้นเพียงนิดเดียวแค่นิดเดียวเท่านั้นอลิษาอาเจียนจนน้ำตาไหล หลังจากวางถังลงเธอก็ทิ้งตัวนอนอย่างหมดแรง อะไร ๆ ที่กินเข้าไปถูกพ่นออกมาจนหมด ในท้องเธอตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย“เด็ก ๆ”คนเป็นแม่ลูบท้องที่ยังแบนราบเบา ๆ เอ่ยพูดกับลูกแม้จะรู้ว่าพวกเขายังไม่ได้ยิน“ใจดีกับแม่หน่อยได้ไหมคะลูก อย่างน้อย ๆ ก็ให้แม่กินอะไรได้บ้าง หนูจะได้ไม่หิวไงคะเด็กดี”อลิษาทนไหวกับอาการแพ้ท้อง จะอาเจียนหนักแค่ไหนเธอไม่เคยบ่น ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้เธอกินอะไรได้บ้าง เพราะในร่างกายนี้มีอีกสองชีวิตที่กำลังเจริญเติบโต และทั้งสองชีวิตนี้ก็ต้องการสารอาหารที่มากกว่าน้ำเกลือจากหนึ่งวันเป็นสามวัน จากสามวันเป็นอาทิตย์ อลิษาต้องอยู่ในห้องนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว อินทัชไม่ไว้ใจให้ภรรยากลับบ้าน ถึงที่นั่นจะมีหมอเก่ง ๆ ถึงสามคน แต่อุปกรณ์และยาไม่ได้มีพร้อมเหมือนที่นี่ส่วนอินทัชเองก็กินนอนกับอลิษา เช้ามาเขาลงไปทำงาน ตกเท
อลิษาตื่นแต่เช้าพร้อมกับใบหน้าที่สดชื่นกว่าทุก ๆ วัน หันไปมองเตียงที่อินทัชใช้นอนก็พบว่าคุณหมอหายไปแล้วตื่นเร็วกว่าเธออีกแล้วเพราะว่าวันนี้จะได้กลับบ้านอลิษาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หลังจากดูอาการมาเป็นเวลาสิบวันเต็ม คุณหมออินทัชก็ไว้ใจให้คุณแม่ของแฝดกลับไปพักที่บ้านได้ อาการแพ้ของอลิษาลดน้อยลงมากหลังจากอัลตร้าซาวด์เมื่อสี่วันก่อน เธอสามารถกินอาหารได้ไม่ต้องให้น้ำเกลืออีกแล้ว ไม่ได้แพ้ท้องทั้งวันจนอ่อนแรง จะแพ้ก็เฉพาะช่วงเช้าที่ตื่นนอนเท่านั้น“อึก!”แค่นึกถึงอาการก็มา อลิษาหยิบถังที่ช่วงนี้กอดบ่อยกว่าสามีขึ้นมากอดพร้อมโก่งคออาเจียน อาหารมื้อเย็นที่ยังไม่ย่อยถูกดันออกมาจนหมดอีกแล้ว พออาเจียนเสร็จท้องก็ร้องครวญครางหาอาหารมาเติมเต็มทันทีก๊อก ก๊อก“ลิษา ผมเองนะครับ”“อึก! คุณหมอ”“ลิษา!”อินทัชเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมถุงหูหิ้วในมือ เห็นภาพที่ภรรยานั่งกอดถังอาเจียนก็รีบปรี่เข้ามาดูแล เอาถังไปทำความสะอาดโดยไม่รังเกียจ ช่วยประคองร่างเพรียวเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว ล้างหน้าล้างปากจนสดชื่นขึ้น“ดีขึ้นไหมครับ”“ค่ะ แต่ลิษาหิวจัง”“อีกซักพักอาหารก็มาแล้วครับ อดทนหน่อยนะ”อลิษาพยักหน้ารับเพร
น่าแปลก.. พอเข้าสัปดาห์ที่แปด อาการแพ้ท้องก็หายไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นไม่มีอาการเวียนหัวตอนเช้า รู้สึกอยากอาเจียน หรือกินอะไรไม่ได้อีกต่อไป แม่ลูกสองกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เหมือนชดเชยช่วงเวลาสองสัปดาห์กว่า ๆ ที่กินอะไรไม่ได้ให้เต็มที่อินทัชไม่ค่อยกล้าห้ามเพราะกลัวว่าภรรยาจะโกรธอีก รวมถึงอลิษาก็ชอบยกลูก ๆ มาอ้างว่าที่กินเยอะเพราะลูกหิว กินกันเก่งจนจะกลายเป็นหมูในท้องเธออยู่แล้ว เขาจนปัญญาเลยได้แต่เตือนกลาย ๆ ไป ยังดีที่คนท้องอ่อนไม่ได้ดื้อดึงอะไรที่ไม่ดีต่อลูกน้อยทั้งสอง อลิษาไม่ทำยกเว้นเรื่องเดียว..“เอางานมาทำที่บ้านก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอลิษา คุณจะรีบกลับไปทำงานทำไม ยังท้องอ่อน ๆ อยู่เลยนะครับ”“แต่ถ้าลิษาท้องโตกว่านี้คุณหมอก็จะบอกว่าห้ามไปเพราะท้องแก่ใช่ไหมคะ” อลิษาดักอย่างรู้ทัน อยู่กันมาจนถึงป่านนี้ถ้าไม่รู้ก็คงไม่ใช่ผัวเมีย คุณหมออินทัชน่ะขี้กังวลเกินไป กังวลกับทุกเรื่องทั้ง ๆ ที่บางเรื่องมันไม่ได้น่ากังวลขนาดนั้น“ผมเป็นห่วงคุณ”“คนท้องไม่ใช่คนปกติลิษารู้ แต่คนท้องก็ไม่ใช่คนป่วยติดเตียงนะคะ” อลิษาสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวสอบ “ให้ลิษาไปทำงานเถอะนะคะ อยู่แต่บ้านลิษาเบื่อ ลิษา
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก
อลิษาพลิกตัวไปมาเป็นรอบที่สิบ เวลาเดินมาถึงเที่ยงคืนตรงแต่ดวงตาโตเฉี่ยวยังคงเปิดโพลง จนกระทั่งสบเข้ากับดวงตาของสามีที่มองมา“พี่อิน ลิษาขอโทษค่ะ ลิษาทำให้พี่อินตื่นใช่ไหมคะ”“เปล่าครับ พี่ยังไม่หลับ” อินทัชตอบเสียงนุ่มตามอุปนิสัย “ลิษาเครียดเรื่องพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”อลิษาหน้าเจื่อนลง “ลิษาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“นอกจากจะดูง่ายแล้ว พี่ยังรู้สึกไม่ต่างจากลิษาเท่าไหร่ด้วย”“พี่อิน..”คนเป็นพ่อแม่มองตากันในความมืด ก่อนที่อลิษาจะซุกใบหน้าเข้าหาอกกว้าง เหมือนกับทุกครั้งที่จิตใจไม่สงบ“ลิษากลัวค่ะ”มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มเบา ๆ เขาปล่อยให้ภรรยาระบายความไม่สบายใจออกมา“ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยห่างจากอกลิษาเลย แต่นี่พวกเขากำลังจะได้ไปเจอกับโลกใบใหม่ โลกที่กว้างกว่าเดิม ลิษากลัวว่าโลกภายนอกจะทำร้ายพวกเขาค่ะ”“พี่ก็กลัว” อินทัชสารภาพตามตรง“ถ้าอย่างนั้นเราให้ลูกเรียนโฮมสกูลดีไหมคะ หรือไม่.. พวกเราก็สอนทั้งสองคนเอง ลูกแค่สองคนลิษาสอนได้สบายมาก”“แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการปิดกั้นลูก ๆ จากโลกภายนอก มันไม่โหดร้ายไปเหรอครับ”ถึงจะกลัว แต่อินทัชก็เข้าใจดีว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่มีทางจะปกป้องลูกได้ตลอดไป เขาเ
“มาม่ะ”“ขาคนสวย อยากได้อะไรคะ”“ปาป่ะ”“ปะป๊ายังไม่เลิกงานค่ะ”“ขูน ขูน”“พี่ขุนระบายสีอยู่ตรงนี้ไงคะ”“ย่า ปู่ หนิง”"สรุปหนูจะหาใครกันแน่คะ หืม? ไหน มาให้หม่าม้าฟัดพุงหน่อยสิ”อลิษาจับร่างอ้วนกลมมาฟัดพุงด้วยความมันเขี้ยว จนสาวน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี“คิก อ๊าย มาม่ะ คิก ๆ”อลิษาฟัดพุงลูกจนหนำใจก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มยุ้ยแทน นับวันพาดาก็ยิ่งน่ารักน่าฟัด ยิ่งอายุใกล้ครบหนึ่งขวบก็ยิ่งพูดเก่ง เรียกหาคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยเจือยแจ้วทั้งวันหนูน้อยตัวอ้วนกลมเพราะกินเก่ง แก้มกลมสีขาวอมชมพูน่าฟัด ดวงตาโตและขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก นิสัยก็น่ารักน่าเอ็นดู ใครมาเยี่ยมหาเป็นต้องหลงพาดากันทุกรายส่วนขุนเขา หนุ่มน้อยจอมขรึมของทุกคน ขุนเขาเป็นเด็กชายที่มีแววหล่อเหลามาตั้งแต่เกิด บวกกับบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัว สนใจแต่สิ่งที่ชอบ ทำให้ไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก แต่ลึก ๆ แล้วขุนเขาเป็นเด็กอารมณ์ดี ว่าง่าย ไม่เคยอารมณ์เสียหรือเอาแต่ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“วันเกิดปีแรกอยากได้อะไรคะ” อลิษาถามลูกทั้งสอง อีกสองวันก็ครบรอบวันที่หมูน้อยทั้งสองลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แล้วจะว่าเร็วก็เร็ว จะบอกว่าช้าก็
จากดินเนอร์หรูบนเรือสำราญกลางแม่น้ำ กลายเป็นดินเนอร์ง่าย ๆ ในครัวที่บ้าน และมีอาหารธรรมดา ๆ อย่างไข่เจียวกับแกงจืดเพียงสองอย่างถ้าให้เทียบความโรแมนติกของบรรยากาศ ในครัวที่ยังมีกลิ่นไอของน้ำมันและเครื่องปรุง มันเทียบไม่ได้กับลมเย็น ๆ บนเรือที่วิ่งไปตามแม่น้ำ แต่ถ้าเทียบกับความพิเศษ อินทัชคิดว่ารสมือของภรรยา ยังไงก็อร่อยกว่าเชฟจากโรงแรมห้าดาวเป็นไหน ๆ“พี่เก็บเอง ลิษาไปอาบน้ำเถอะครับ”ภรรยาเป็นฝ่ายปรุงอาหารแล้ว สามีอย่างเขาก็ต้องช่วยอะไรเธอบ้าง เขาอาสาล้างจานทุกอย่างด้วยตัวเอง อินทัชจะไม่ทิ้งจานค้างคืนเพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่ถ้าให้เรียกคนงานในบ้านก็เกรงใจ ป่านนี้คงนอนกันหมดแล้ว เขาจึงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างระมัดระวัง“อย่าทำจานแตกนะคะ”“พี่ล้างจานเก่งนะครับ”“ค่า ลิษาเชื่อ” อลิษาหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “พี่อิน คืนนี้เรานอนห้องข้างล่างนะคะ”“หืม ทำไมล่ะครับ”“เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบสองต่อสองมานานแล้วนี่คะ”อลิษาสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวสอบ แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างเพื่อออดอ้อน“อีกอย่าง.. พี่อินยังไม่ได้ทานของหวานของลิษาเลย”“แล้วลูก..”“ลิษามีนมให้ลูกเต็มตู้ หนิงก็นอนเป็นเพื่อนเด็ก