ตอนที่ 62/3ณ วันงานครบรอบยี่สิบปีก่อตั้งบริษัท ซีวี รอยัล ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ มีคนในแวดวงธุรกิจมาร่วมงานมากมาย และมีนักข่าวจากหลายสำนักมารอทำข่าว เพื่อน ๆ ของชวิณมากันทุกคน เพราะวันนั้นฝากการ์ดเชิญเข้างานไปกับอติ นัยน์และกษิดิศจึงได้รับเชิญกันถ้วนหน้าน้ำค้างเองก็คอยทำหน้าที่อยู่ไม่ห่าง ขณะที่เพื่อน ๆ ทุกคนเดินไปนั่งตรงโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ ชวิณได้หยิบไวน์ที่บริกรถือมาเสิร์ฟยื่นต่อให้น้ำค้าง เธอยิ้มกว้างแล้วรีบรับมาด้วยความดีใจ เธอไม่เคยเห็นคุณวิณใจดีเท่าวันนี้มาก่อน ทว่าในขณะที่กำลังจะยกขึ้นจิบชวิณก็ได้พูดขึ้น"เอาไปให้ไอ้พศิน""คะ?" จู่ ๆ ก็อยากมีน้ำใจกับพี่ชายซะงั้น หญิงสาวยิ้มเจื่อนมีน้ำใจอย่างงั้นเหรอ? ที่เขาให้น้ำค้างเอาไวน์แก้วนี้ไปให้พศินเพราะอยากให้เธอได้ใกล้ชิดกับมันต่างหาก คนซื่ออย่างน้ำค้างตามไม่ทันแผนการของเขาหรอก เมื่อน้ำค้างเดินจากไปแล้วชวิณก็นั่งกับกลุ่มเพื่อน คอยสังเกตการณ์อย่างใจเย็น มองไปที่คนทั้งสองเห็นว่ากำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนม พศินยิ้มให้น้ำค้างอย่างเป็นกันเอง และยิ่งได้เห็นแววตาที่พี่ชายมองมองเลขาของตน ชวิณก็ยิ่งมั่นใจว่าพศินจะต้องเริ
ตอนที่ 63/3"ไม่ กูเคยพูดเอาไว้ว่าลี่จะต้องเสียใจที่ไม่เลือกกู"หลังจากพูดจบเสียงโห่ของบรรดาเพื่อนก็ไล่ตามหลัง ชวิณไม่สะทกสะท้าน หยิบไวน์ขึ้นมาจิบแก้วแล้วแก้วเล่าด้วยความสะใจ มองไปยังร่างของหนุ่มสาวที่กำลังเต้นรำท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่อง น้ำค้างไม่ประสีประสาอะไรเลย เต้นมั่ว ๆ แต่พศินก็พยายามประคับประคองจนจบเพลง ชวิณมองแล้วแค่นหัวเราะหึ...ช่างเหมาะสมกันจริง ๆหลังการเต้นรำจบลงน้ำค้างก็เดินกลับมาที่โต๊ะ เธออมยิ้มเหมือนสาวช่างฝันที่หัวใจดวงน้อยกำลังลอยลิ่ว แค่ได้เต้นรำกับไอ้พศินแค่เพลงเดียวต้องทำหน้าอิ่มเอมขนาดนั้นเชียว?"น้ำเต้นรำเป็นยังไงบ้างคะ""ไม่ได้มอง"เขาตอบแบบขอไปที แล้วก็ยกไวน์ขึ้นจิบอีกหลายอึก จนตอนนี้แก้มเริ่มขึ้นสี น้ำค้างยิ้มเก้อกวาดตามองเพื่อนแต่ละคน ได้รับรอยยิ้มเจื่อนกลับมาเช่นกัน คล้ายต้องการอยากบอกกับเธอว่าช่วยห้ามเจ้านายของเธอให้หยุดดื่มเสียที ประเดี๋ยวเมามายมากไปกว่านี้จะเสียงานใหญ่ งานวันนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ลำดับต่อไปจะเป็นพิธีกล่าวปิดงาน ซึ่งชวิณก็ต้องขึ้นไปบนเวทีนั้นด้วย"คุณวิณคะ พอก่อนดีกว่ามั้ยคะ เดี๋ยวลำดับต่อไปคุณวิณก็ต้องขึ้นไปบนเวทีแล้ว"พูดยังไม่ทันขาด
ตอนที่ 71/3พอชวิณพูดไปแบบนั้น เสียงของคนในงานยิ่งดังกระหึ่มยิ่งกว่าตอนศรุตประกาศเรื่องของพศินกับลิลลี่เสียอีก ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ลงจากเวทีไปหยุดยืนตรงหน้าน้ำค้าง เธอสบตากับเขาด้วยแววตางุนงง"มีอะไรเหรอคะ อุ๊บ!"ถามเพียงเท่านั้นเสียงหวานก็ถูกกลืนหายไป ชวิณดึงเธอเข้ามาจูบอย่างรวดเร็ว นักข่าวกระหน่ำเก็บรูปจนแสงแฟลชจ้าไปทั่วงาน ทุกคนต่างอึ้งและตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือนี่จะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่เขาพูดถึง!"ถ่ายไว้ ๆ ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่""นี่น่ะเหรอผู้หญิงที่จะเป็นเจ้าสาวคุณชวิณ""จูบกันขนาดนี้ยังจะกล้าถาม""รีบถ่ายไว้เร็วเข้า มัวอึ้งอะไรอยู่"เสียงนักข่าวจากหลายสำนักโต้กันไปมา ศรุตที่ยืนอยู่บนเวทีก็ตกตะลึงไม่แพ้คนอื่น ๆ เรียกได้ว่าตกใจจนแทบหงายหลัง ผู้คนในงานไม่มีใครไม่ตกใจกับสิ่งที่ชวิณทำ กลายเป็นว่าเซอร์ไพรส์ใหญ่ที่แท้จริงคือเรื่องของชวิณไม่ใช่เรื่องของพศินเมื่อเขาคลายจุมพิต น้ำค้างรู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม เธออยากหยิกแขนตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าเมื่อครู่นี้เรื่องจริงหรือฝัน ทว่าแสงแฟลชที่สาดเข้ามาเป็นเครื่องหมายยืนยันได้ดีว่านี่ไม่ใช่ความฝัน และกลิ่นแอลกอฮอล์จากชว
ตอนที่ 72/3"เงื่อนไขข้อแรก ตอนนี้แม่ของน้ำเป็นผู้ป่วยติดเตียงค่ะ ค่าใช้จ่ายก็เยอะมากพอสมควร น้ำเลยจะขอให้คุณวิณจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่ของน้ำทุกเดือนตลอดระยะเวลาหนึ่งปีด้วย และย้ายแม่ของน้ำไปอยู่โรงพยาบาลดี ๆ ส่วนเงินห้าล้านที่บอกไว้น้ำลดให้เหลือแค่สี่ล้านก็ได้ค่ะ คนกันเองถือว่าหยวน ๆ กันได้""นี่ผมต้องมองว่าคุณใจดีมากสินะถึงลดให้"เขาประชดประชันแล้วแค่นเสียงหัวเราะ เห็นหงิม ๆ แบบนี้น้ำค้างก็หัวหมอไม่เบา ดีไม่ดีค่ารักษาพยาบาลแม่ของเธออาจจะราคาสูงกว่าส่วนลดที่เธอบอกว่าลดให้เขาเสียอีก"ถ้าต้องรับผิดชอบเรื่องแม่คุณด้วยผมให้เหลือสองล้านห้า""งั้น น้ำก็ไม่แต่งค่ะ""โอเค๊! ได้...ก็ได้!"ชวิณขึ้นเสียงสูงกัดฟันกรอด จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อเขาผูกปมขนาดมหึมาเอาไว้แล้ว หากน้ำค้างไม่เต็มใจแต่งจะบังคับขู่เข็ญเอาก็ไม่ได้ จะว่าไปเงินจำนวนนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขานักหรอก แค่รู้สึกหมั่นไส้ในความหัวหมอของผู้หญิงคนนี้ก็เท่านั้น ในเมื่อเธอกล้าหัวหมอกับเขาก่อน แล้วทำไมเขาจะมีข้อแลกเปลี่ยนบ้างไม่ได้ล่ะ"ผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของแม่คุณทุกอย่าง ส่วนเงินที่คุยกันไว้คุณจะได้ก็ต่อเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาหนึ่ง
ตอนที่ 73/3พศินพึมพำ เขาเพิ่งจะเริ่มชอบน้ำค้างได้ไม่นาน ยังไม่ทันได้สานสัมพันธ์ก็ถูกชวิณคาบไปเสียแล้ว จริงอยู่ที่เขามีพันธะสัญญาต้องหมั้นหมายกับลิลลี่ แต่เขาก็ไม่ได้คิดไปถึงขั้นลั่นประตูวิวาห์กับเธอ มีวูบหนึ่งที่พศินคิดว่าตนเองยังมีหวังกับน้ำค้าง แต่แล้วทุกอย่างก็อันตรธานหายไปหมดสิ้น เพราะความคิดแผลง ๆ ของชวิณคนเดียวแต่งทำไม? แต่งเพราะอะไร? น้ำค้างจะปฏิเสธชวิณก็ย่อมได้ แล้วทำไมถึงไม่ปฏิเสธล่ะ คงไม่ใช่ว่าเธอรักมันหรอกนะพองานแต่งจบสิ้นลง แขกทุกคนก็ทยอยแยกย้ายกันกลับจนหมด รวมถึงขจีพรและคนอื่น ๆ ตอนนี้เหลือเพียงน้ำค้างและเจ้าบ่าวหมาด ๆ ภายในห้องหอชวิณกระชากโบว์หูกระต่ายออกแล้วโยนทิ้งลงตะกร้า จากนั้นปลดกระดุมคอลงเพื่อที่จะได้หายใจโล่งขึ้น เขาอึดอัดกับชุดเจ้าบ่าวนี่มาทั้งวัน อีกทั้งยังต้องปั้นหน้าฉีกยิ้มและยกมือไหว้คนไม่รู้จักตั้งมากมาย ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นนักการเมืองที่กำลังหาเสียงอย่างไรอย่างนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาโอดครวญ ที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่ออยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ศรุตจะได้เห็นว่าเขาพูดจริงและกล้าทำจริง แค่คิดถึงหน้าผู้เป็นพ่อตอนเดินมารดน้ำสังข์ชวิณ
ตอนที่ 81/3เมื่อกลับเข้ามาในห้องน้ำค้างรีบก็อาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนจากชุดเจ้าสาวเป็นชุดนอนหลวม ๆ ซึ่งชุดที่เธอหยิบมาใส่เป็นกระโปรงยาวเสมอเข่ากระดุมผ่าหน้า พอหวีผมและบำรุงผิวเสร็จแล้วก็เปิดประตูเดินออกมาชะเง้อมองหาชวิณ เห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ที่โซฟา เขายังคงสวมชุดเจ้าบ่าว ในมือถือแก้วเหล้าสีเหลืองอำพัน เธอเดินมาหาแล้วนั่งลงโซฟาเดี่ยวใกล้ ๆ ตาก็เพ่งมองไปที่แก้วในมือของชายหนุ่ม ตลอดชีวิตนี้น้ำค้างยังไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์เลยสักครั้ง พอมองแล้วก็ทำหน้าคิดตามว่ารสชาติเหล้าแพง ๆ จะเป็นอย่างไร"มีอะไร" เขาถามเสียงห้วนก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก"ปกติคุณวิณดื่มทุกวันมั้ยคะ"เขาไม่ใช่นักดื่มตัวยง แต่พักหลังค่อนข้างดื่มหนักเพราะปัญหาหัวใจ ชวิณไม่ตอบคำถามแต่ยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดอีกครั้ง"เอามั้ยล่ะ""เอาอะไรคะ...ไม่เอาค่ะ" น้ำค้างส่ายหน้ารัว ๆ เพราะคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน"หมายถึงเหล้า"ชวิณหงายแก้วอีกใบที่วางอยู่ในถาดขึ้นมา แล้วคีบน้ำแข็งก้อนกลมใส่ไปหนึ่งก้อน จากนั้นรินเหล้าใส่ลงไปแค่ก้นแก้วแล้วยื่นมาตรงหน้าหญิงสาว เธอยื่นมือออกมารับพลางทำสีหน้ากล้า ๆ กลัว ๆ"เอาสิ ดีนะ""หลอกเด็กมั้ยคะ""ไม่ลองจะรู้เหรอ
ตอนที่ 82/3ชวิณอุ้มหญิงสาวเข้าไปในห้องนอน แล้วปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ด ก่อนจะก้มลงซุกใบหน้าคมกับซอกคอขาว กลิ่นสบู่อ่อน ๆ กระตุ้นให้เขาอยากสัมผัสมากยิ่งขึ้น เธอไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังมีภัย ยังคงหลับตาพริ้มอย่างไร้เดียงสา เมื่อชายหนุ่มยืดตัวขึ้นมามองหน้าเธออีกครั้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ ชวิณยกยิ้มก่อนจะโน้มตัวลงไปเพื่อจุมพิตริมฝีปากอิ่ม ทว่าก่อนที่ริมฝีปากทั้งสองจะบรรจบกันเขาก็ผละตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว...ทำไม่ได้ ชวิณทำไม่ลง ถึงเขาไม่ใช่คนดีแต่ก็ไม่ได้ชาติชั่วอะไรขนาดนั้นเธอดูซื่อเกินไป เพียงแค่เขาหลอกมอมเหล้าไปไม่กี่แก้วก็สลบเหมือดแล้ว จริงอยู่ที่เธอทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน และเขาเองก็ควรจะรังเกียจคนเห็นแก่เงินแบบเธอด้วยซ้ำ แต่เอาเข้าจริงชวิณกลับรู้สึกสงสาร มีวูบหนึ่งที่นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน จนท้ายที่สุดก็ต้องเดินออกจากห้องไปแล้วปิดประตูลงด้วยความหงุดหงิดเช้าวันรุ่งขึ้นน้ำค้างตื่นขึ้นมาด้วยอาการอยากจะอาเจียน เธอกวาดตามองไปรอบห้องก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องนอนของชวิณ เมื่อไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดก็จำได้ว่าตนเองดื่มกับชวิณเมื่อคืน แต่เขาและเธอนั่งดื
3/3 เรื่องเดียวที่อยากขอ"วันนี้คุณวิณจะออกไปไหนมั้ยคะ""ไม่ คุณเองก็หยุดงานสักสามวันเถอะ เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย""สงสัยอะไรคะ""ก็เพิ่งแต่งงานเมื่อวาน ถ้าวันนี้รีบร้อนไปทำงานเลยไม่แปลกหรอกเหรอ คู่รักปกติเขาทำแบบนั้นกันมั้ยละ"แปลก...และไม่มีอะไรแปลกไปกว่าความคิดของเขาอีกแล้วล่ะ น้ำค้างยิ้มเจื่อนแล้วสนใจอาหารในจานต่อ เธอใช้ปลายส้อมเจาะลงไข่แดงจนไหลเยิ้ม ชวิณมองแล้วก็เบือนหน้าไปทางอื่น หยุดคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้จริง ๆ จึงต้องรีบกินให้อิ่มเพื่อที่จะได้ลุกออกไปทำอย่างอื่นหลังมื้อเช้าผ่านไป น้ำค้างเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว พอเดินออกมาที่ห้องรับแขกเห็นชวิณกำลังนั่งดูทีวีอยู่ เธอจึงเดินเข้ามาหาฉีกยิ้มให้เขาอย่างอารมณ์ดี แต่ฝ่ายนั้นเพียงแค่ปรายตามองและไม่ได้ยิ้มตอบ"น้ำจะออกไปข้างนอกค่ะ เย็นจะกลับ""ไปไหน" พอนึกได้ว่ากำลังถามเหมือนอยากรู้อยากเห็นมากเกินความจำเป็น เขาจึงหันไปสนใจหน้าจอทีวีต่อก่อนจะพูดขึ้นใหม่ "แค่ถามเฉย ๆ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวก็ไม่ต้องตอบก็ได้""ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอะไรหรอกค่ะ น้ำแค่จะไปโรงพยาบาล อยากไปดูว่าหลังจากที่คุณวิณย้ายแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลใหม่แม่เป็นไงบ้าง""แค่นั้นเหรอ"
บทส่งท้ายหลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงผ่านไป ลิลลี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบเที่ยง เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาผู้ชายที่นอนด้วยกันเมื่อคืน ทว่าหนุ่มรูปหล่อโปรไฟล์ดีกลับหายไป เมื่อคืนนี้ลิลลี่นั่งจิบไวน์ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งกับหนุ่มนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่วัลลภติดต่อมาให้ เธอรู้สึกว่าชื่นชอบเขาคนนั้นและคุยกันถูกคอจึงชวนมาต่อที่โรงแรม สุดท้ายจบลงที่การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง"อาร์บี" ลิลลี่เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเริ่มไม่ชอบมาพากล รีบลุกขึ้นจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบกาย จากนั้นเดินไปเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอีกครั้งที่หน้าห้องน้ำ"อาร์บีคะ อาร์บี อยู่ในนั้นรึเปล่าคะ" ทว่าเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำกลับไร้คน "หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำแล้วเดินกลับมาที่เตียง ปลายระยะสายตาเหลือบไปเห็นลิปสติกและของใช้อื่นๆ ซึ่งควรจะอยู่ในกระเป๋าวางเกลื่อนอยู่ เธอรีบปรี่เข้าไปรวบของทุกอย่างแล้วกวาดสายตามองหากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบละเกือบล้าน ที่น่าตกใจที่สุดแม้แต่กระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมก็หายไปด้วย ในนั้นมีเงินสดอยู่พอสมควรแต่ไม่ได้มากเท่าราคากระเป๋า"มะ ไม่จริง...ไม่จริง!"สิ่งที่ผู้ชายคนน
แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกหญิงสาวให้ตื่น มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว พอนึกขึ้นได้ว่ากุญแจร้านเบเกอรีอยู่ที่ตนเองก็เริ่มลนลาน กลัวว่าลูกน้องจะเข้าร้านไม่ได้แล้วยืนคอยนาน น้ำค้างรีบคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันกายแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอกลับออกมาเห็นชวิณนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์แล้วรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าอย่างจัง เขาหว่านล้อมจนเธอยินยอมให้ค้างคืน อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด และแน่นอนว่าชวิณไม่ได้นอนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน แต่รวบหัวรวบหางจนเธอยอมคล้อยตามอย่างว่าง่าย สุดท้ายก็จบที่การได้เสียกันเหมือนตอนเป็นสามีภรรยาตามเคย"คุณวิณตื่นเดี๋ยวนี้เลย!"เขาลืมตาขึ้นมาแล้วแกล้งทำท่าทีงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ห้านาทีก่อนแล้ว พอลุกขึ้นได้ก็เดินโทง ๆ เข้ามาซุกจมูกคมกับซอกคอขาว"หอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ""รีบหน่อยค่ะ น้ำต้องรีบไปเปิดร้าน ป่านนี้น้อง ๆ คงกำลังยืนรอที่หน้าร้านแล้วแน่เลย""อา...เข้าใจละ"เมื่อรถมาจอดหน้าร้าน มะเฟืองและพนักงานอีกคนก็กำลังยืนรออยู่หน้าร้านจริง ๆ พอเห็นน้ำค้างลงมาจากรถของชวิณต่างมองเป็นตาเดียวกัน พวกเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าของร้านคบหาก
"คุณว่าพ่อกับแม่ผมเค้ารักกันมั้ย"หลังจากขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งชวิณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำค้างเอียงหน้ามองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของชายหนุ่มแล้วยิ้มบาง ๆ"ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะ""ไม่รู้สิ""คุณขจีพร""คุณแม่"ยังไม่ทันได้พูดจบเขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้เธอเรียกแม่ของเขาใหม่ ตอนอยู่ที่บ้านก็ยังเห็นเรียกขจีพรว่าคุณแม่เสียงเจื้อยแจ้ว พออยู่กับเขาสองคนทำไมถึงเรียกคุณขจีพรซะแล้วล่ะ"คุณแม่ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงหย่าร้างกับคุณศรุตได้ก็""ทำไมไม่เรียกพ่อผมว่าคุณพ่อด้วย""ตอนที่ยังไม่หย่าก็เรียกคุณพ่อนะคะ ตอนนี้หย่าแล้วไม่ว่าน้ำจะเรียกคุณขจีพร คุณศรุต หรือคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ผิด""ย้ำจังว่าหย่าแล้ว" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว"เอาแต่ขัดแบบนี้ตกลงที่ถามนี่จริงจังมั้ยคะ""จริงจังสิครับ คุณคิดว่าไงล่ะ""น้ำคิดว่าถึงคุณแม่เดินไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอก ต่อให้เลิกกับคุณพ่อไปก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง ถ้าได้กลับไปใช้นามสกุลเดิมก็ถือว่ายังเป็นผู้ดีเก่าอยู่ แต่ที่คุณแม่ไม่ไปไหน ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคุณพ่อ เค้าสองคนน่าจะมีเยื่อใยแก่กันอยู่ บางคู่อยู่กันไปแบบทั้งรักทั้งแค้น แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จ
ทั้งสองอยู่คุยกับขจีพรราวชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็ขอตัวกลับ พอเข้ามาในรถแล้วน้ำค้างก็รีบถอดสร้อยใส่กล่องไว้คืน ชวิณมองสีหน้าเป็นกังวลของเธอแล้วอมยิ้ม"ไม่ใช่ถูก ๆ นะ น่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน ขอบอกว่าเส้นนั้นแม่ผมรักมาก ไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ""งั้นวันหลังคุณวิณเอาไปคืนคุณแม่เลยนะคะ"หญิงสาวอ้าปากค้าง มือที่ถือกล่องกำมะหยี่สั่นเทาเพราะกลัวว่าจะเผลอทำหาย ถ้าซุ่มซ่ามทำหายไปล่ะแย่เลย เธอจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนตั้งสามสิบล้าน"เรื่องอะไรล่ะ ได้ของแม่มาแล้วก็ต้องรับผิดชอบลูกชายเค้าสิ"น้ำค้างหน้างอ รีบเก็บกล่องกำมะหยี่ใส่กระเป๋าแล้วกอดเอาไว้แน่น อยู่ดีไม่ว่าดีหาเหาใส่หัวเอาของล้ำค่าแบบนี้มาดูแล ต่อไปเธอต้องเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำแน่ ๆ เพราะคิดว่าเก็บไว้ที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยพอ ไม่เอาแล้วได้มั้ยสร้อยประจำตระกูลผู้ดีเนี่ยขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านบ้านใหญ่ น้ำค้างเหลือบเห็นศรุตนั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ใต้เงาร่มไม้ในสวน เธอจึงสะกิดแขนชวิณให้หยุดรถก่อน เขามองตามปลายนิ้วเรียวที่กำลังชี้ไปที่ชายสูงวัยแล้วเลิกคิ้วสูง"มีอะไรครับ""คุณศรุตนั่งอยู่ตรงนั้นค่ะ เราเข้าไปทักทายท่านกันเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว"เขาทำหน
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น วันนี้เป็นวันหยุด ชวิณบอกว่าจะมารับน้ำค้างที่คอนโดแล้วพาไปพบใครบางคน น้ำค้างลงมารอไม่ถึงสามนาทีรถของเขามาก็มาถึง พอเข้ามานั่งในรถแล้วชวิณเอี้ยวตัวมาหอมแก้มเธอเบา ๆ น้ำค้างไม่ค่อยชินกับคุณวิณในโหมดอ่อนโยนจึงรีบโยกตัวหลบ"ทำอะไรคะ""แค่ดมดูเฉยว่าใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร""ใครเขาฉีดน้ำหอมที่หน้า""เหรอ ไม่ได้ฉีดจริงด้วย"เขาเอี้ยวตัวฉวยโอกาสหอมแก้มเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้น้ำค้างเสียท่าหลบไม่ทัน"แล้วหอมกลิ่นอะไรนะ""แป้งเด็กค่ะ""แป้งเด็กจริง ๆ ด้วย ผมชอบกลิ่นนี้จัง"เขายิ้มจนตาหยีแล้วออกรถสู่ถนนกว้าง ใช้เวลาราวสี่สิบนาทีก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ น้ำค้างเคยมาที่นี่หนึ่งครั้งตอนที่ถูกศรุตเรียกพบ แต่ชวิณไม่ได้พาไปที่บ้านหลังที่ศรุตอาศัยอยู่ เขาขับรถเลยไปอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในที่ดินแปลงเดียวกัน เป็นบ้านขนาดกลางมีสวนกุหลาบโอบล้อม เมื่อจอดรถแล้วชายหนุ่มก็จูงมือเธอให้เดินเข้าไปด้านในผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นในมือถักโครเชต์เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้าง ขจีพรยังมีใบหน้าสวยงามแม้ว่าจะมีร่องรอยของกาลเวลาให้เห็นบ้าง หากเธอไม่ใช่คนพ
ในคืนหนึ่ง ขณะที่น้ำค้างปิดร้านกำลังจะกลับบ้าน แสงไฟจากรถยนต์สาดเข้ามาทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง ชวิณเปิดประตูลงจากรถเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ"ไปส่งมั้ย""เรียกรถแล้วค่ะ"น้ำค้างหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันดูเวลาที่รถจะเข้ามารับ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะถูกกดยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว ชวิณที่หลุบมองมือถือเห็นแล้วยกยิ้มมุมปาก"มาเถอะ ไม่คิดค่าโดยสาร"เขาเดินนำหน้าไปเปิดประตูรถข้างคนขับเพื่อให้น้ำค้างเข้าไปนั่ง พอเธอนั่งลงแล้วชวิณก็จัดการรัดเข็มขัดให้ ใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ น้ำค้างเอนหลังจนชิดพนักเบาะ ได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้โชยเข้าจมูกบาง ๆ"น้ำทำเองค่ะ"มือเรียวผลักอกเขาออกเบา ๆ แล้วคว้าเข็มขัดมารัดเอง พอมาถึงหน้าคอนโดชวิณจอดให้เธอลง ส่วนเขาเดินตามหลังไปส่งจนเกือบจะถึงประตูเข้าทางเข้า เธอได้หันกลับมาเพื่อกล่าวขอบคุณเขา"ขอบคุณที่มาส่งค่ะ"ชวิณยิ้มบาง ๆ แล้วดึงเธอเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว น้ำค้างเห็นว่ามีสายตาหลายคู่มองมาก็รู้สึกอายจึงพยายามผลักไสเขาออก แต่เขายิ่งกอดแน่นมากขึ้นไปอีก"คุณวิณ!""ขออยู่อย่างนี้แค่นาทีเดียว ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะไม่มาให้เจออีกแล้ว""มะ หมายความว่า...""ไม่ใช่ว่
"ก็...เดาเอา" ปกติเป็นคนพูดตรงเหมือนขวานผ่าซาก เวลาที่โกหกจึงดูออกง่ายจะตายไป"คุณสะกดรอยตามน้ำเหรอคะ""...""โรคจิต"น้ำค้างเดินออกมายืนกอดอกรอรถอยู่ริมฟุตบาท ชวิณเดินตามหลังมาหยุดยืนข้าง ๆ"ไม่ให้ไปส่งเหรอ""เรียกรถมารับแล้ว"พอพูดจบรถก็มาจอดเทียบพอดี เขาได้แต่มองตามหลังตาละห้อย น้ำค้างเอาจริงขึ้นมาก็ดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน บางคำพูดที่เธอพูดกับเขาก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยได้ยินจากปากเธอเลยด้วยซ้ำ เธอไม่เคยเถียงไม่เคยต่อว่าเขาด้วยคำพูดเหล่านี้ เมื่อครู่ถูกต่อว่าว่าเป็นพวกโรคจิตชวิณถึงกับสะอึกไปเลยทีเดียวหลังจากวันนั้นชวิณก็หายไปสองวัน เนื่องด้วยมีธุระมาทำแถวนี้เขาจึงแวะเข้ามาในเวลากลางวัน พอเปิดประตูเดินเข้าไปในร้านมะเฟืองเห็นหน้าเขาปุ๊บก็รีบวิ่งแจ้นไปหาน้ำค้างด้วยความกลัว สาววัยรุ่นกระซิบกระซาบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง"คนนี้แหละพี่น้ำ ที่หนูบอกว่าเห็นมาด้อม ๆ มอง ๆ ที่หน้าร้านหลายวันแล้ว หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นโรคจิตเลย เรารีบแจ้งตำรวจเถอะค่ะ""ไม่ต้องแจ้งหรอก คนนี้เค้าเป็น...เอ่อ อาจจะเป็นลูกค้าก็ได้"เรื่องอะไรจะบอกว่าเป็นสามีเก่า ชวิณไม่ควรมีอิทธิพลในร้านหรือพนักงานของเธอ ขืนบอกไป
"พี่น้ำคะหนูสังเกตเห็นผู้ชายคนนึงมาด้อม ๆ มอง ๆ หน้าร้านหลายวันแล้ว ชอบมาตอนค่ำ ๆ มืด ๆ พี่น้ำต้องระวังตัวนะคะ"มะเฟืองพนักงานพาร์ตไทม์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเป็นกังวล หลายวันมานี้เธอมักจะเห็นผู้ชายท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ชอบมาจอดรถนั่งมองในเวลาใกล้จะปิดร้าน จึงรู้สึกเป็นห่วงน้ำค้างที่ชอบอยู่ร้านจนดึกดื่นคนเดียวเป็นประจำ ที่อยู่ดึกไม่ใช่ว่าร้านเปิดขายในตอนกลางคืน แต่น้ำค้างใช้เวลาหลังหกโมงเย็นเพื่อทดลองสูตรขนมใหม่ ๆ"เหรอ พี่ไม่เคยสังเกตเลย เอาไว้วันนี้ถ้ามีอะไรผิดปกติพี่จะรีบโทรแจ้งตำรวจ ขอบใจที่เป็นห่วงนะ"มะเฟืองยกมือไหว้ลาแล้วเดินออกจากร้าน ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้วเลยขอตัวกลับก่อน ส่วนพนักงานอีกคนลาป่วยจึงไม่ได้มาทำงานบ่อยครั้งที่น้ำค้างชะเง้อมองผ่านกระจกใสออกนอกร้าน เพราะคำบอกเล่าของมะเฟืองทำให้เธอเริ่มนึกหวาดกลัว ใจจริงตั้งใจว่าจะกลับตั้งแต่ยี่สิบนาทีที่แล้ว แต่เพราะยังมีเค้กที่อบค้างไว้ในเตาอบยังไม่สุกจึงต้องรอก่อน เพื่อความปลอดภัยน้ำค้างล็อกประตูหน้าร้านเอาไว้ก่อน จนกระทั่งครบกำหนดเวลาที่ตั้งไว้เสียงเตาอบก็ร้องเตือน น้ำค้างรีบเอาขนมออกจากเตาและเก็บเข้าตู้เย็นเอาไว้สำหรับแต่งหน้าพรุ่งนี้เ
หน้าที่ตำแหน่งของชวิณก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร ซีวี รอยัล อย่างเต็มตัว หลังจากวันนั้นลิลลี่ก็แวะเวียนมาหาบ้างเป็นบางครั้งแต่ไม่บ่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะทุกครั้งที่มาก็ได้รับแค่ความเฉยชากลับไป นานเข้ากลายเป็นความห่างเหินจนในที่สุดก็หยุดตามตื้อไปเองในระหว่างหลายเดือนที่ผ่านมาชวิณมีงานมากมายจนหาเวลาพักผ่อนแทบไม่ได้ ต้องนอนดึกและตื่นเช้า ส่วนช่วงกลางวันก็หมกหมุ่นอยู่กับการทำงานจนเลยเวลาทานข้าวเที่ยงวันหนึ่งขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ ทยอยกลับกันหมดแล้ว ชวิณที่เพิ่งจะเคลียร์งานของตัวเองเสร็จเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ตั้งใจว่าจะพักสายตาชั่วคราว แต่สมองดันคิดฟุ้งซ่านแต่เรื่องของภรรยาเก่า เขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งแล้วดึงลิ้นชักเอากล่องขนมขึ้นมาดู จากนั้นหยิบเสื้อสูทและกระเป๋าเอกสารพร้อมด้วยกล่องขนมติดมือไปด้วยชวิณขับรถมาตามที่อยู่ร้านเบเกอรี พอเห็นร้านลักษณะเหมือนกับที่ปัทมาเคยพูดไว้จึงได้จอดรถนั่งมองอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นคนคุ้นชินกำลังเปิดประตูเดินออกจากร้านดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้น"ปิดร้านดึกขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมไม่จ้างคนงานมาช่วยล่ะ เงินก็มีตั้งเยอะนี่"เขาพึ