ไข่มุกและเพื่อน ๆ สวมเสื้อคาร์ดิแกนทับเสื้อนักศึกษา พวกเธอเดินไปนั่งลงที่โต๊ะตามที่พี่ดาบอก
ระหว่างนั่งกินอาหาร พี่ดาก็มานั่งร่วมโต๊ะด้วย ไข่มุกแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จักพี่ดา เธอแนะนำว่าพี่ดาเป็นพี่สาวของคู่หมั้นของเธอ
คำว่าคู่หมั้น ทำให้ภริดาหันไปมองหน้าน้องสะใภ้ พอเห็นแววตาขอร้องของไข่มุก หญิงสาวจึงเออออห่อหมกตามว่า...น้องชายของเธอคือคู่หมั้นของไข่มุก
“พี่โทรบอกคุณแม่ให้แล้วนะ ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะเป็นห่วง”
“ขอบคุณค่ะพี่ดา”
“วันนี้พี่ว่าจะกลับไปนอนบ้าน จะเลิกงานเร็วสักหน่อย มุกรอกลับพร้อมพี่นะ”
“ค่ะ”
ระหว่างที่สาว ๆ นั่งคุยกันอยู่ ลูกน้องในร้านก็เดินมาบอกภริดาว่า
“คุณดาครับมีนักศึกษามาสมัครงานเป็นนักร้องครับ”
ภริดาขมวดคิ้วมุ่น มองหาคนที่ลูกน้องบอก พอมองเห็นชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดียืนถือกีต้าร์อยู่ไม่ไกลจึงกวักมือเรียกให้เข้ามาหา
พอชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างโต๊ะ ภริดายังไม่ทันพูดอะไร ช่อใบบัวก็ทักทายคนที่มาสมัครงานก่อน
“เวทิศ !”
คนถูกเพื่อทักยิ้มตอบ “ไปไงมาไงอะ ทำไมต้องมาสมัครงาน” ช่อใบบัวเคยเรียนระดับมัธยมกับเวทิศ และเท่าที่เธอรู้จักประวัติของเขา เพื่อนชายของเธอคนนี้รวยมาก พ่อของเขาเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต แล้วทำไมเขาต้อง...
“เราหาเงินระหว่างเรียนน่ะ เอาไว้จ่ายค่าเทอม”
“จ่ายค่าเทอม” ช่อใบบัวทวนคำของเพื่อนอย่างงง ๆ หาเงินจ่ายค่าเทอมอะไรกัน เท่าที่เธอทราบกิจการของพ่อเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ ทำไมเขาต้องมาหาตังค์จ่ายค่าเทอม
“เพื่อนกันเหรอ” ภริดาถามพลางมองหน้าเวทิศสลับกับมองหน้าช่อใบบัว
“ผมเคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมกับบัวครับ”
“อ้อ ! งั้นก็โอเค พี่รับเธอไว้แล้วกัน เดี๋ยวเดินไปหาคนนั้นนะ เขาจะแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ให้เธอฟังเอง” ภริดาชี้ไปทางผู้จัดการร้านที่ยืนอยู่ใกล้ทางเข้าแบ็กออฟฟิศของร้าน
เด็กมันหาค่าเทอม เห็นแล้วเธอก็อยากช่วย แล้วยิ่งรู้จักกันกับเพื่อนของน้องสะใภ้ด้วย คนกันเอง ยังไงเธอก็ต้องช่วยเหลือ
“พี่ไม่ให้ผมร้องเพลงให้ฟังก่อนเหรอครับ”
“ไม่เป็นไร ถ้าถึงวันทำงานแล้วร้องไม่เพราะ พี่ก็ไล่เธอออกเท่านั้นเอง”
“เอ่อ...” เวทิศอ้าปากค้าง
“พี่ล้อเล่น” ภริดายิ้มขำ “เห็นหน้าเธอพี่ก็รู้แล้วว่าเธอร้องเพลงเก่ง”
จริง ๆ ที่รับเพราะหน้าหล่อ เอ๊ย ! ดูโหงวเฮ้งแล้วโอเคเลย เวทิศดูเป็นคนมีเสน่ห์ น่าจะดึงดูดลูกค้าได้ ส่วนการร้องเพลง...เพราะเธอคิดว่า ความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน สไตล์การร้องของเวทิศอาจจะถูกจริตลูกค้าบางคนบางกลุ่มก็ได้ ไหน ๆ เด็กมันก็รู้จักทำมาหากิน ถือว่าช่วย ๆ กันไป
หลังจากพูดคุย ตกลงรายละเอียดกันอีกเล็กน้อย เวทิศก็เดินไปหาผู้จัดการร้านตามที่ภริดาบอก สาว ๆ จึงหันมาพูดคุยกันต่ออย่างถูกคอสนุกสนาน เมื่อถึงเวลาสองทุ่ม พลอยขวัญกับช่อใบบัวจึงขอตัวกลับก่อน โดยพลอยขวัญจะเป็นคนไปส่งไปส่งช่อใบบัวที่คอนโดเอง
พอเพื่อนทั้งสองกลับไปแล้ว ไข่มุกจึงย้ายตัวเองไปนั่งในห้องทำงานของพี่ดา ส่วนเจ้าของห้องออกไปดูแลร้าน พี่ดานัดเธอว่า วันนี้จะกลับบ้านเวลาสี่ทุ่ม
เมื่อใกล้ถึงเวลาสี่ทุ่ม พี่ดาก็เปิดประตูเข้ามาเก็บของเตรียมตัวพาน้องสะใภ้กลับบ้าน เป็นจังหวะเดียวเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ของไข่มุกดังขึ้น
รายชื่อคนโทรเข้าที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือทำให้ไข่มุกขมวดคิ้วสงสัย พี่กรจะโทรหาเธอทำไม ในเมื่อปกติแล้ว เขาไม่เคยสนใจไยดีอะไรเธอด้วยซ้ำ
ทว่า...หากไข่มุกได้เห็นใบหน้าเคร่งเครียด และแววตาดุของคนที่กำลังรอเธอรับสายอยู่ หญิงสาวคงจะกดรับสายในทันทีทันใด ไม่มัวแต่ขมวดคิ้วสงสัยแน่นอน
“ค่ะ...พี่กร”
พอไข่มุกรับสาย คนที่โทรหาเธอก็ตะคอกถามทันที
“อยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับบ้าน”
“มุกอยู่ร้านพี่ดาค่ะ”
“ไปทำไม ใครอนุญาตให้ไป แล้วกลับไม่ตรงเวลาแบบนี้ได้ยังไง เพิ่งเป็นนักศึกษาปีหนึ่งก็ใจแตกแล้วเหรอ”
คำต่อว่าต่อขานของสามีทำให้ไข่มุกหน้าเสีย
“มุกมากับพี่ดาค่ะ พี่ดาไปรับที่มหาลัย แล้วพี่ดาก็โทรบอกแม่แก้วให้มุกแล้วว่าจะพามุกกลับบ้านตอนสี่ทุ่ม”
ภริดาเห็นไข่มุกมีสีหน้าไม่ดี และคนที่โทรมาก็โวยวายเสียงดังจนเธอได้ยินด้วย เธอจึงเดินไปหาน้องสะใภ้
“น้องมุก เอาโทรศัพท์มานี่” พี่ดายื่นมือมาตรงหน้าคนที่กำลังถือโทรศัพท์แนบหูอยู่ ไข่มุกจึงส่งโทรศัพท์ให้พี่ดา
“แกมีปัญหาอะไรคุณภากร ฉันเป็นคนไปรับน้องมุกและพามาที่ร้านเอง แล้วก็บอกคุณแม่แล้วด้วยว่าจะกลับตอนสี่ทุ่ม”
พอคนที่คุยกับเขาในสายไม่ใช่เมียเด็กปีหนึ่ง คนที่กำลังบ่นเป็นหมีกินผึ้งก็เงียบ
“มันดึกแล้ว พาน้องมุกกลับบ้านได้แล้ว”
ภริดาเบ้ปาก สามสี่ทุ่มนี่นะดึกสำหรับคุณภากร ทีตัวเองท่องราตรี กลับบ้านตีสามตีสี่นี่คือไม่ดึกเลยหรือไง อ้อ ! ลืมไป ไม่ดึก แต่ใกล้เช้าแล้วต่างหาก
ภริดาวางสายแล้วส่งโทรศัพท์มือถือคืนเจ้าของ เธอวาดวงแขนโอบบ่าของน้องมุก บีบมือไหล่ของหญิงสาวเบา ๆ
“กลับบ้านกันเถอะ”
น้องมุกเงยหน้ามองสบตาพี่ดา ถึงขนาดโทรมาตาม และน้ำเสียงก็ไม่พอใจขนาดนั้น กลับไปถึงบ้านเธอต้องโดนพี่กรลงโทษแน่ ๆ
ปกติไข่มุกกลับถึงบ้านก่อนสามี เพราะช่วงนี้พี่กรทำงานหนัก และกลับบ้านดึก พอวันนี้เธอกลับดึกกว่าเขา เขาเลยไม่พอใจ
“อย่ากังวล อย่าคิดมาก เดี๋ยวพี่จัดการไอ้คุณภากรให้เอง”
ใจดวงน้อยเต้นโครมคราม เมื่อรับรู้ได้ว่าคนที่นอนกกกอดซ้อนหลังเธออยู่ขยับตัว ไออุ่นจากเรือนกายชายด้านหน้าที่แนบนาบแผ่นหลังของเธอทำให้หญิงสาวหายใจติดขัด ไหนจะแขนกำยำข้างหนึ่งที่กอดเอวบางไว้หลวม ๆ อีก แค่นี้ก็เล่นงานจนสาวน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างเธอหัวใจแทบวายแล้ว และพอสัดส่วนความเป็นชายแข็งขึงดุนดันบั้นท้ายอวบอัด ไข่มุกก็แทบเป็นลมเสียงถอนหายใจ และวงแขนที่รัดแน่นขึ้นทำให้ไข่มุกหลับตาลง มือบางสองข้างกำผ้าห่มที่คลุมถึงอกไว้แน่น เธอเปลือย เขาก็เปลือย เรือนกายไร้อาภรณ์ของชายหญิงที่มีศักดิ์เป็นว่าที่พี่เขยกับว่าที่น้องเมียแนบชิดเกินงาม ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงของคนที่มีศักดิ์เป็นคู่หมั้นและพี่สาวของพวกเขา“กตจ๋า…” เสียงหวานหูเรียกหาพี่สาว ทั้งที่คนที่เขากกกอดอยู่คือน้องสาวไข่มุกไม่กล้ากระดุกกระดิก เธอแทบกลั้นหายใจในตอนที่ว่าที่พี่เขยขยับตัวกดเธอลงนอนหงาย แล้วขยับตามมาคร่อมทับเธอไว้ทั้งตัวเมื่อคนที่นอนอยู่ใต้ร่างไม่ใช่คนที่คิด และเป็นคนที่ไม่สมควรมาอยู่บนเตียงกับเขา ตาคมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ“น้องมุก !”ภากรแทบสติแตกเมื่อคนที่เขาคิดว่าตัวเองนอนกกกอดมาทั้งคืนคือมรกต…คู่หมั้นที่จะแต่งงานกันใ
1 เจ้าสาวที่ไม่ได้เลือกวันวิวาห์ควรเป็นวันที่เจ้าสาวมีความสุข เธอควรยิ้มหวานสดใส ใบหน้าควรอิ่มเอิบ แววตาควรเปล่งประกายยินดี ทว่าสำหรับไข่มุกแล้ว วันวิวาห์ในวันนี้เป็นวันที่แสนขมขื่น ใบหน้าของเธอจึงหม่นเศร้า ในใจมีแต่ความรู้สึกผิด หวาดหวั่นและขลาดกลัว เพราะเธอเป็นเจ้าสาวที่เจ้าบ่าวไม่ได้เลือก เธอเป็นเจ้าสาวที่เขาจำใจแต่งงานด้วยเพราะความผิดพลาดเพียงชั่วข้ามคืนจริง ๆ แล้ว เจ้าสาวในวันนี้ควรเป็นมรกต...พี่สาววัย 24 ปีของเธอ แต่เพราะเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าต้องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นเธอ ในขณะที่เจ้าบ่าวยังคงเป็นภากร...พี่ชายข้างบ้านที่อายุมากกว่าเธอแปดปีคนเดิม แม้ไม่เต็มใจแต่ง แต่เขาก็ยอมแต่งกับเธอเพราะพ่อกับแม่ของเขาบีบบังคับให้เขารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนงานแต่งงานในวันนี้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี ถึงจะเป็นงานเล็ก ๆ ที่จัดขึ้นภายในบริเวณบ้านเจ้าสาว แต่ก็มีการเชิญแขกคนสำคัญและญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายมาร่วมด้วย รวมถึงเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว...ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่สาวของเธอ เพราะเธอไม่ได้เตรียมตัวว่าจะต้องเข้าพิธีแต่ง
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันอย่างหนักใจ“แต่งงานกันแล้ว ก็ควรจดจะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย” แม่แก้วอยากจะต่อว่าลูกชายที่พูดจาไม่ดีในวันแต่งงาน แต่เพราะเกรงใจฝ่ายเจ้าสาว ท่านจึงพยายามพูดกับลูกชายดี ๆ“จะจดทำไมครับ ยังไงผมกับมุกก็ต้องเลิกกันอยู่ดี”“เจ้ากร !” พ่อภวัตเรียกลูกชายเสียงดังด้วยความโมโห ท่านจ้องหน้าลูกชายด้วยสายตาดุไม่พอใจ“ไม่จดก็ได้ค่ะ มุกไม่มีปัญหาอะไร เวลาติดต่อราชการหรือทำธุรกรรมจะได้ไม่ยุ่งยากต้องแนบเอกสารใบทะเบียนสมรสเพิ่ม”“งั้นก็ตามนี้ ไม่จดทะเบียนสมรส ทุกคนมีเรื่องจะคุยกับผมแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมขอตัวออกไปดื่มกับเพื่อน ๆ ต่อนะครับ”ร่างสูงของเจ้าบ่าวเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลัง เขาไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหนักใจของผู้ใหญ่ทั้งสี่คน ส่วนเจ้าสาวนั้นพยายามฝืนยิ้มให้ทุกคน สองมือที่ประสานอยู่บนตักบีบแน่น“เอาไว้มุกเรียนจบแล้ว แม่จะบอกให้พี่เขาพาหนูไปจดทะเบียนสมรสนะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของแม่แก้ว ทำให้ไข่มุกยิ้มกว้างขึ้น หญิงสาวพยักหน้ารับฟังคำบอกของท่านเมื่อทุกคนเห็นพ้องกันกับแม่แก้วว่า รอให้ไข่มุกเรียนจบ แล้วค่อยจดทะเบียนสมรสก็ได้ ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนจึงออก
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยอมให้ทั้งคู่ไม่จดทะเบียนกัน แต่ไม่มีใครยอมให้บ่าวสาวแยกห้องนอนกันในคืนเข้าหอคืนแรกค่ำคืนนี้ ไข่มุกจึงต้องย้ายที่นอนจากบ้านตัวเองมานอนบ้านเจ้าบ่าว ในห้องหอที่ไร้เงาเจ้าบ่าว เพราะเขายังนั่งดื่มกับเพื่อนที่โต๊ะหน้าบ้านของเขาข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเธอถูกขนมาไว้ในห้องนี้บางส่วนแล้ว รวมถึงพี่เน่า...ตุ๊กตาปลาโลมาสีชมพูขนาดสองฟุตของเธอด้วยเสียงเอะอะและเสียงโห่ร้องที่ดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้ไข่มุกอุ้มพี่เน่าไปแอบส่องดูที่หน้าต่าง หญิงสาวแง้มผ้าม่านออกเล็กน้อย เมื่อมองลงไป เธอเห็นเจ้าบ่าวของเธอเดินเซอย่างคนเมา เขากำลังจะเข้ามาในบ้าน“สุขสันต์คืนเข้าหอนะไอ้กร”“ไม่สว่างไม่เลิกเอา เอ๊ย ! ไม่เลิกรานะโว้ย ! ฮิ้ววว”เสียงเพื่อน ๆ ของเขาโห่แซวไล่หลังมาอย่างสนุกสนาน แต่ไข่มุกไม่ได้ยินเสียงเจ้าบ่าวของเธอพูดอะไรสักคำไข่มุกปิดผ้าม่านไว้ตามเดิม เธอหันไปมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงอีกสิบนาทีก็จะห้าทุ่มแล้ว...เจ้าบ่าวของเธอต่อรองกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายว่า เขายอมเข้าหอกับเธอ ยอมให้เธอมานอนในห้องหอด้วย แต่เขาขอดื่มฉลองงานวิวาห์กับเพื่อน ๆ จนถึงห้าทุ่ม แล้วถึงจะขึ้นห
“ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมถึงอยากได้คนที่ไม่เคยรักตัวเองเป็นผัว ถ้าอยากนัก ทำไมไม่ไปนอนแบให้หมาข้างถนนมันเอา” ตาดุวาวโรจน์ดั่งมีเปลวไฟอยู่ในนั้น และหากเป็นเช่นนั้นจริง เปลวไฟคงเผาคนที่เขาจ้องมองจนมอดไหม้ไปทั้งตัวแล้วไข่มุกสูดลมหายใจลึก กายสาวสั่นสะท้าน น้ำตายังคงรินไหลตลอดเวลา และเธอไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นไห้ได้อีกต่อไปเธอเลือกที่จะทำแบบนี้เอง เลือกเข้ามาเป็นตัวแปรที่ทำให้เขาและพี่สาวของเธอจบความสัมพันธ์กันตามความต้องการของพี่สาวคนหนึ่งคือพี่สาวแท้ ๆ พี่ที่เธอรักและห่วงใยด้วยเพราะมีสายเลือดเดียวกันผูกพันผูกใจ อีกคนคือรักแรก คือผู้ชายที่เธอแอบรัก แต่เธอเก็บงำความรู้สึกไว้ในส่วนลึกของหัวใจ เว้นระยะห่าง วางตัวอย่างเหมาะสม ไม่เคยก้าวล้ำเส้น แค่ได้เฝ้ามองพี่สาวกับเขามีความสุข เธอก็พลอยยิ้มพลอยมีความสุขไปกับพวกเขาแล้วรู้ว่าเขาไม่เคยรัก รู้ว่าเขาต้องโกรธ แต่ก็เลือกทำแบบนี้ เพราะไม่อยากให้พี่สาวดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะมันอาจจะเลยเถิดไปถึงการเป็นคดีความทางกฎหมาย เขาอาจจะเสียชื่อเสียง และเรื่องคงไม่จบลงง่าย ๆ“ในเมื่อเธออยากได้พี่เป็นผัวจนตัวสั่น จนต้องวางยาจัดฉากว่าเราเอากัน พี่ก็จะไ
ความไม่พร้อมของร่างกาย และความสดใหม่ของหญิงสาว ทำให้ภากรไม่อาจรุกล้ำได้อย่างใจ แต่ความอ่อนนุ่ม และเรือนกายหอมกรุ่นของเธอปลุกเร้าให้เขาอยากจนแข็งขึงแทบระเบิด พอเธอดิ้น เขาก็หงุดหงิดภากรจับใต้ข้อพับขาสองข้างแยกถ่าง แล้วกดหัวเข่าขาวลงบนที่นอน บั้นท้ายอวบอัดลอยโด่ง กลีบเนื้อสาวแยกแย้มเปิดเปลือย เขาก้มมองตาเป็นประกายภากรกดหัวเข่าลงข้างบั้นท้ายอวบ ขยับบั้นเอวเพื่อจะสอดใส่ตัวเองเข้าไปในร่องรัก แต่ก็ไม่อาจทำได้ดั่งใจ“แม่งเอ๊ย !” คนหงุดหงิดสบถอย่างหัวเสีย เธอไม่พร้อมและร่องรักก็คับแน่นเกินไปจนเขาไม่อาจผลักส่งลำกายแข็งขึงเข้าไปได้ภากรจึงเปลี่ยนท่า เขาจับขาขาวหุบเข้าหากัน ยกสองขาของเธอขึ้นแล้วกดลงไปข้างหน้าจนหัวเข่าแนบกับเต้าอวบอิ่ม กลีบเนื้อหนีบแน่นปลิ้นล้นออกมาหลังซอกขา เขาขยับเข้าประชิด เสือกไสลำกายอวบยาวกลางซอกขาที่หนีบแน่น แล้วขยับบั้นเอวเสียดสีแก่นกายบดขยี้เนื้อนวลเพียงภายนอก แต่แค่นั้นก็ทำให้คนที่ถูกเขากระทำหวาดกลัวจนน้ำตาไหลไม่หยุดกายสาวเขยื้อนไปตามแรงสาดส่งมหาศาล แม้ไม่สอดใส่ แต่ลำกายแข็งขึงร้อนผ่าวก็เสียดสีรุนแรงจนเธอเจ็บแสบ ไม่มีความหวามหวาน ไม่เสียวซ่านหวามไหวเหมือนที่เคยอ่านในน
"แม่แก้วมีอะไรให้มุกช่วยไหมคะ" แม่แก้วหันไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัว ท่านมองสะใภ้ใหม่ด้วยความแปลกใจ"ทำไมตื่นเร็วจังล่ะมุก นอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้นะลูก" แม้งานแต่งงานของไข่มุกกับลูกชายคนเล็กของแม่แก้วจะเป็นงานเล็ก ๆ แต่ท่านคิดว่า คนเป็นเจ้าสาวน่าจะเหนื่อยและเพลียไม่น้อย ดังนั้นเช้าแรกหลังวันแต่งงาน ลูกสะใภ้ของท่านน่าจะนอนหลับพักผ่อนให้มากหน่อย"มุกตื่นเวลานี้ประจำค่ะ พอตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ แม่แก้วให้มุกช่วยทำกับข้าวนะคะ" ไข่มุกว่าพลางเดินเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์ที่แม่แก้วกำลังเตรียมวัตถุดิบปรุงอาหารอยู่"แม่แก้วจะทอดปลาสลิดเหรอคะ"“ใช่จ้ะ แม่จะทำข้าวปลาแกะ กับแกงจืดฟักใส่หมูสับ”“มุกช่วยทำแกงจืดนะคะ” ไข่มุกอาสาอย่างกระตือรือร้นแม่แก้วยิ้มอ่อนโยนแล้วพยักหน้าพอได้ทำกับข้าวช่วยแม่แก้ว ไข่มุกก็รู้สึกดีขึ้น เพราะไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ถ่วงให้ใจหนักอึ้งอยู่ตอนนี้แม่แก้วและคนในครอบครัวนี้ดีกับเธอมาก...เมื่อก่อนพี่กรก็เคยดีกับเธอพอทำกับข้าวเสร็จ พ่อวัตก็ลงมาที่โต๊ะรับประทานอาหารซึ่งอยู่หน้าห้องครัวเป็นคนแรก ไข่มุกตักข้าวใส่จานและจัดจานข้าวโดยวางปลาสลิดทอดที่แกะก้างแล้วลงในจานข้าว ชิ้นปลาส
“กร !” แม่แก้วอยากจะเอ่ยปากต่อว่าลูกชายอีกหลายอย่าง แต่ก็ต้องหยุดไม่พูดต่อ เพราะคนที่ลุกไปตักข้าวเดินกลับมาที่โต๊ะ ไข่มุกถือถาดที่มีจานข้าวจัดสวยงามกับถ้วยแกงจืดฝีมือตัวเองเข้ามายืนใกล้สามี หญิงสาววางถาดลงบนโต๊ะ แล้วหยิบจานข้าววางลงตรงหน้าเขา “พี่ไม่กินฟักทอง” ภากรบอกเสียงแข็ง เขาเงยหน้ามองคนที่ยังจับจานไว้ด้วยสายตาดุ ไข่มุกหน้าเสีย หญิงสาวกำลังจะยกจานข้าวกลับไปจัดการเอาฟักทองออกให้เขา แต่พ่อวัตก็ขัดขึ้นก่อน “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน เอาไว้ในจานแบบนั้นแหละ วางจานข้าวลงแล้วกลับไปกินข้าวต่อเถอะน้องมุก” ไข่มุกหันไปมองหน้าพ่อสามี พ่อวัตพยักหน้าและยิ้มอ่อนโยนให้เธอ “กินข้าวเถอะมุก ใครไม่กินอะไรก็จัดการตัวเองแล้วกัน อุตส่าห์ทำให้แล้วเอามาเสิร์ฟถึงที่ ยังจะเรื่องมากอีก” แม่แก้วว่าแล้วมองค้อนลูกชาย พอได้รับเสียงสนับสนุนสองเสียง ไข่มุกจึงเชื
ไข่มุกและเพื่อน ๆ สวมเสื้อคาร์ดิแกนทับเสื้อนักศึกษา พวกเธอเดินไปนั่งลงที่โต๊ะตามที่พี่ดาบอกระหว่างนั่งกินอาหาร พี่ดาก็มานั่งร่วมโต๊ะด้วย ไข่มุกแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จักพี่ดา เธอแนะนำว่าพี่ดาเป็นพี่สาวของคู่หมั้นของเธอคำว่าคู่หมั้น ทำให้ภริดาหันไปมองหน้าน้องสะใภ้ พอเห็นแววตาขอร้องของไข่มุก หญิงสาวจึงเออออห่อหมกตามว่า...น้องชายของเธอคือคู่หมั้นของไข่มุก“พี่โทรบอกคุณแม่ให้แล้วนะ ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะเป็นห่วง”“ขอบคุณค่ะพี่ดา”“วันนี้พี่ว่าจะกลับไปนอนบ้าน จะเลิกงานเร็วสักหน่อย มุกรอกลับพร้อมพี่นะ”“ค่ะ”ระหว่างที่สาว ๆ นั่งคุยกันอยู่ ลูกน้องในร้านก็เดินมาบอกภริดาว่า“คุณดาครับมีนักศึกษามาสมัครงานเป็นนักร้องครับ”ภริดาขมวดคิ้วมุ่น มองหาคนที่ลูกน้องบอก พอมองเห็นชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดียืนถือกีต้าร์อยู่ไม่ไกลจึงกวักมือเรียกให้เข้ามาหาพอชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างโต๊ะ ภริดายังไม่ทันพูดอะไร ช่อใบบัวก็ทักทายคนที่มาสมัครงานก่อน“เวทิศ !”คนถูกเพื่อทักยิ้มตอบ “ไปไงมาไงอะ ทำไมต้องมาสมัครงาน” ช่อใบบัวเคยเรียนระดับมัธยมกับเวทิศ และเท่าที่เธอรู้จักประวัติของเขา เพื่อนชายของเธอคนนี้รวยมาก พ่อของเขาเ
วันไปเรียนวันแรกของไข่มุกราบรื่นทั้งวัน กระทั่งถึงตอนเย็น สามีจอมเจ้ากี้เจ้าการของเธอมารับถึงหน้าคณะ พอจอดรถแล้ว เขาก็ลงมายืนข้างรถ ทำให้เกิดเสียงฮือฮาจากลุ่มเพื่อนสาว ๆ ที่นั่งคุยกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ตึกคณะ“แก...ผู้ชายของใคร หล่อมากก” พลอยขวัญพูดพลางมองผู้ชายหล่อด้วยสายตาเพ้อฝันไข่มุกยิ้มแหย เธอเห็นด้วยกับยัยพลอยว่าเขาหล่อ แต่เพื่อนของเธอคงไม่รู้หรอกว่า เขาร้ายด้วย...ปากร้าย ใจร้าย“ยัยพลอย ตื่น ๆ หล่อขนาดนี้ เขามีเจ้าของแล้วแน่นอน” ช่อใบบัวสะกิดเพื่อนสาวยิก ๆ จะได้ตื่นจากฝัน“ฉันหล่อเลี้ยงหัวใจด้วยความฝัน ตราบใดที่ยังไม่เห็นผู้หญิงคนไหนขึ้นรถไปกับเขา ฉันก็ยังมีความหวัง”“พลอย บัว มุกขอตัวกลับก่อนนะ” ไข่มุกสะพายกระเป๋า หยิบหนังสือขึ้นมาถือแนบอก แล้วลุกขึ้นไปยืนข้างโต๊ะ“มุกกลับยังไง พลอยไปส่งไหม” พลอยขวัญขับรถมาเรียน เธอจึงอาสาจะไปส่งเพื่อนด้วยความเต็มใจ“ขอบใจมากจ้ะพลอย แต่ไม่เป็นไร มีคนมารับมุกแล้ว”“ไหน...ใครมารับ คุณพ่อคุณแม่หรือเปล่า เราสองคนจะได้ไปไหว้สวัสดีพวกท่าน” ช่อใบบัวถามพลางมองหารถที่มารอรับไข่มุกไข่มุกส่ายหน้า เธอกำลังคิดว่าจะบอกเพื่อนว่าใครมารับดี“เอ่อ...คู่หมั้น
ไข่มุกเหลือบมองคนที่นอนอยู่บนเตียง พอเห็นว่าเขายังไม่ตื่น เธอจึงเดินไปหยุดที่หน้ากระจกบานใหญ่ใกล้ตู้เสื้อผ้า หญิงสาวหมุนตัวไปมา มองดูตัวเองในกระจก แล้วยิ้มหวาน“กระโปรงสั้นไปไหม”เสียงเข้มดุของคนที่เธอคิดว่า เขายังหลับอยู่ ทำให้ไข่มุกหันขวับไปมอง จึงเห็นว่าเขาตื่นแล้ว และลุกขึ้นมานั่งมองเธออยู่ริมเตียงไข่มุกขมวดคิ้ว ก้มมองกระโปรง แล้วจึงเงยมองหน้าเขาอีกครั้ง“ไม่สั้นนะคะ เพื่อน ๆ ก็ใส่กันแบบนี้”“เอะอะก็อ้างเพื่อน แบบนี้ เดี๋ยวก็ติดเพื่อนแล้วก็เสียคน”พอถูกเขาว่า ไข่มุกก็ก้มหน้าถอนหายใจ“มุกไปเรียนนะคะ” เธอไม่อยากพูดกับเขามากไปกว่านี้ พูดอะไรก็มีแต่ว่า ไม่เคยจะพูดดีกับเธอสักที“รออยู่ข้างล่าง พี่จะไปส่ง”ไข่มุกเงยหน้า เบิกตากว้าง มองคนที่เพิ่งบอกว่าจะไปส่งเธอด้วยความแปลกใจภากรถอนหายใจแรง เขาลุกขึ้นจากเตียง บิดขี้เกียจสองสามที แล้วบอกเมียเด็กปีหนึ่งด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายว่า“แม่บอกให้ไปส่ง แต่บอกไว้ก่อนนะ พี่ไปส่งแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น วันหลังไปเอง”ไข่มุกยิ้มกว้างสดใส “ค่ะ ขอบคุณนะคะ”ยัยนักศึกษาปีหนึ่งลงไปข้างล่างแล้ว คนที่เพิ่งตื่นจึงเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการทำธุระส่วนตัว ทว่าใ
ภากร ธันวา และอชิระ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พวกเขาเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ หลังจากเรียนจบก็แยกย้ายกันไปทำงานคนละบริษัท แต่ก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ กิจการของพวกเขาค่อย ๆ เติบโตในปีแรก และหากได้ทำงานโพรเจกต์ใหญ่ล่าสุดที่กำลังลุ้นกันอยู่ ในปีนี้...บริษัทของพวกเขาจะเติบโตแบบก้าวกระโดดกันเลยทีเดียวคนถูกเพื่อนแซวถอนหายใจแรง ภากรปล่อยให้เพื่อนพูดไปเรื่อย ส่วนเขานั่งเงียบมองจอโทรศัพท์ พอไข่มุกส่งเลขที่บัญชีมา เขาก็จัดการโอนเงินให้เธอทันทีเป็นจำนวนสามหมื่นบาท แล้วส่งข้อความขู่กลับไปด้วยความหงุดหงิดคืนนี้เธอโดนเอาหนักแน่เงินแค่นี้เขาให้ได้ ไม่มีปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ไข่มุกไม่ยอมบอกเขา แต่ละวันเขาต้องทำงานหนัก บางวันก็ออกตรวจงาน ยิ่งช่วงนี้เขากับเพื่อนกำลังลุ้นงานตรวจงานระบบอาคารโปรเจคใหญ่ด้วย เขาจึงไม่มีเวลาไปถามไถ่เธอหรอกว่า เธอจะเปิดเรียนวันไหน ต้องการเงินรายเดือนเท่าไร เขาโดนคุณแม่ต่อว่าเรื่องโน้ตบุ๊กใหม่ของเธอแล้ว วันนี้เขายังต้องมาโดนกล่าวหาว่าไม่ดูดำดูดีเธออีก โทษฐานที่ทำให้เขาหงุดหงิด คืนนี้เขาจะเอาคืนให้หนักเชียวพอโอนเงินให้เมียและจัดก
มีคนเคยบอกว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ ส่วนช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เรามักจะรู้สึกว่ามันอยู่กับเรายาวนานเหลือเกิน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เวลาที่ผ่านไปนั้นช้าเร็วไม่ต่างกัน เพียงแต่เราหวงแหนช่วงเวลาแห่งความสุข อยากรั้งมันไว้นาน ๆ เราจึงคิดกันไปเองว่า เวลามันผ่านไปเร็ว แต่พอเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ เราก็มักจะภาวนาขอให้ผ่านไปเร็ว ๆ คิดวนเวียนหมกมุ่นอยู่แต่กับสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ เราเลยรู้สึกกันว่า ช่วงเวลาทุกข์ช่างยาวนานแถมยังทรมานอีกด้วยสำหรับไข่มุกแล้ว ไม่ว่าจะช่วงเวลาสุขหรือทุกข์ เธอก็เลือกที่จะเรียนรู้และอยู่กับมันให้ได้ แม้จะทุกข์ แม้จะมีคราบน้ำตา แต่เธอก็มองเห็นความสุขแม้เพียงเล็กน้อยในช่วงเวลานั้นสองสัปดาห์แล้วที่เธอย้ายมาอยู่บ้านสามี ทุกคนในครอบครัวของเขาดีกับเธอมาก ขนาดพี่ดาไปพักอยู่คอนโดยังโทรมาพูดคุยกับเธอบ่อย ๆ พ่อวัตกับแม่แก้วก็เอาใจเธอยิ่งกว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอเสียอีก ยกเว้นก็แต่สามีของเธอ นอกจากคำพูดเหน็บแนมและเอ่ยปากไล่เธอทุกครั้งที่เธอขัดใจ เขายังชอบเอาแต่ใจกับเธอด้วยแต่ไข่มุกก็มองว่า นี่คือผลจากการกระทำของเธอเอง และเธอเลือกเข้ามาอยู่จุดนี้เอง แม้
“น้องมุกเตรียมของ เตรียมชุดนักศึกษาครบหรือยังลูก” แม่แก้วถามในตอนที่กำลังกินอาหารมื้อค่ำกันอยู่“เรียบร้อยเกือบทุกอย่างแล้วค่ะแม่แก้ว เหลือโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังไม่ได้ไปซื้อค่ะ วันนี้ตอนเอาแกงเทโพไปให้ที่บ้าน คุณพ่อบอกว่าจะพาไปซื้อสัปดาห์หน้าค่ะ”“โน้ตบุ๊กหรือ ทำไมต้องไปรบกวนคุณกวีด้วยล่ะ น้องมุกแต่งงานมีสามีแล้ว ก็ให้สามีซื้อให้สิ” พอบอกลูกสะใภ้แล้ว แม่แก้วก็หันไปบอกลูกชายว่า “ตากร...วันหยุดนี้พาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กใหม่หน่อยนะลูก”“ผมไม่ว่างครับ” ภากรตอบแทบจะทันทีหลังจากที่แม่แก้วพูดจบคนเป็นแม่ถอนหายใจ มองค้อนลูกชาย แล้วหันถามสามี“คุณวัตคะ พรุ่งนี้ว่างไหมคะ”“ว่างสิ สำหรับคุณผมว่างเสมอแหละ”แม่แก้วยิ้มพอใจ “งั้นก็ดีเลยค่ะ พรุ่งนี้เราพาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กกันเถอะนะคะ”“ได้สิ น้องมุกอยากได้ยี่ห้อไหน รุ่นไหนก็บอกมา พ่อซื้อให้ แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจด้วย เพราะพ่อถือว่าน้องมุกเป็นลูกสาวของพ่ออีกคน”“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณพ่อวัตกับแม่แก้วมากนะคะ”“ไม่เป็นไรลูก อยู่ที่นี่ให้สบายใจนะ ในเมื่อแม่กับพ่อรับมุกมาเป็นสะใภ้แล้ว เราก็จะดูแลมุกให้ดีที่สุด ใครไม่ดูแลก็ช่างมัน อย่าไปสนใจ”คนที่ถูกแม่แขวะแทบสำลั
ภากรเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าแล้วหยิบชุดทำงานออกมา พอเขาหยิบกางเกงในขึ้นมาสวมอย่างไม่เกรงใจสายตาใครอีกคนที่มองเขาอยู่ คนมองจึงรีบก้มมองตักตัวเองบรรยากาศยามเช้าในห้องของคู่ข้าวใหม่ปลามันช่างอึมครึม ทั้งที่เมื่อคืนเขากับเธอกอดก่ายแนบชิด ร่วมรักกันอย่างดุดันเร่าร้อนตั้งหลายครั้ง แต่พอตื่นเช้ามา เขาก็ทำราวกับว่า เธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ภากรใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็แต่งตัวเสร็จ เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์ กุญแจรถ กระเป๋าโน้ตบุ๊ก แล้วเดินไปเปิดประตูห้องเสียงเปิดประตูทำให้ไข่มุกเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวจึงเห็นว่า สามีสวมชุดทำงาน เธอเห็นแค่ด้านหลังของเขา และเห็นเพียงแวบเดียว ก่อนเขาจะดึงประตูห้องปิดลงไข่มุกถอนหายใจบางเบา ค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียง พอลุกขึ้นยืนข้างเตียงแล้วหันกลับไปมองร่องรอยที่เขากับเธอร่วมกันทำไว้เมื่อคืน ไข่มุกก็ต้องเม้มปากแน่นผ้าปูที่นอนสีชมพูมีจุดสีแดงอยู่กลางเตียง...ก็จริงอยู่ที่คุณค่าของผู้หญิงไม่ได้วัดกันที่เยื่อพรหมจรรย์ แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าคนที่ได้มันไปจากเธอจะทะนุถนอม และจะโอบกอดปลอบโยนเธอสักนิดหลังจากที่เขาเสร็จสมไปห้าครั้งเมื่อคืนพี่กรนอนหันหลังให้เธอทันทีหลังจากปลดปล่
ภากรเก็บกลืนหยาดน้ำหวานสาวจนเกลี้ยง เขาจูบกลางกลีบเนื้อนวลหนัก ๆ แล้วปาดเลียบางเบา แต่เพียงบางเบา ร่างสาวก็สั่นกระตุก เจ้าของเนื้อนวลที่ถูกเขาฉกชิมรสชาติครางเสียงหวานเซ็กซี่ อาการตอบสนองของไข่มุกทำให้ภากรยิ้มในหน้าภากรปล่อยขาเรียววางลงบนที่นอน เขาถอดอาภรณ์ที่ปกปิดช่วงล่างของตนออกจนหมด ขณะที่จัดการกับตัวเอง ตาคมก็ไม่ละสายตาไปจากคนที่นอนหอบหายใจแรงเพราะเพิ่งผ่านจุดสุขสมมาเมื่อครู่เมื่อสองกายเปล่าเปลือยเท่าเทียม คนตัวโตก็โน้มตัวลงมาทาบทับร่างสาวอีกครั้ง เขาวางสองมือค้ำยันตัวเองไว้ข้างศีรษะของเธอ ใช้หัวเข่าดันแยกต้นขาขาวให้กางออก แล้วกดตัวตนความเป็นชายนาบลงไปกลางกลีบเนื้อนวล กดเน้น ๆ แล้วขยับบั้นท้ายช้า ๆ ให้ลำกายแข็งกร้าวบดขยี้จุดที่ไวต่อสัมผัส ตาคู่คมจับจ้องดวงหน้าสาว แววตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย“อื๊อ...” ไข่มุกขยุ้มผ้าปูที่นอนเต็มสองมือ แอ่นบั้นท้ายขยับส่ายร่อนร้อนรน ซอกสาวร้อนวูบวาบ ร่องรักคัดหลั่งน้ำหวานออกมาจนเปียกเปื้อนเต็มซอกขา ทั้งยังชโลมลำกายแกร่งจนมันวาวภากรลดตัวลงนาบกับเรือนกายนุ่ม เขาเสียเวลาเพียงนิดในตอนที่ยื่นมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง หยิบซองถุงยางอนามัยออกม
“มุกต้องทำยังไงต่อคะ”หากไข่มุกไม่ถาม คนที่เอาแต่มองเรือนร่างเปล่าเปลือยของเธอก็คงยังมองอยู่อีกนาน“ขึ้นมาบนเตียงสิ แล้วนอนอ้าขาให้พี่เอา”ไข่มุกเม้มปากแน่น จุกในอกอย่างบอกไม่ถูก เธอกำลังจะได้ทำหน้าที่บนเตียงในฐานะเมีย แต่สำหรับเขา เธอก็แค่คนที่เขาใช้ปลดปล่อยความต้องการทางเพศ...ไม่ต่างจากหญิงขายบริการไข่มุกคลานขึ้นเตียงไปนอนลงกลางเตียง เธอตะแคงหน้าหันมองไปอีกทาง เพราะไม่กล้าสบตาคมดุ ไข่มุกใช้แขนและมือข้างซ้ายปิดเต้านมสองข้าง และวางมือข้างขวาลงตรงกึ่งกลางหว่างขา แถมยังหนีบขาไว้แน่น“ปิดทำไม ถ้าไม่อยากให้ทำก็ลุกขึ้น ขนของกลับบ้านไป”เสียงเข้มดุของคนที่นั่งมองเรือนกายสาวอยู่ทำให้ไข่มุกค่อย ๆ เลื่อนสองแขนวางลงข้างลำตัว ความหวาดหวั่นและตื่นกลัวทำให้ไข่มุกหอบหายใจแรง ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง เต้าสาวกระเพื่อมไหว เม็ดเนื้อนุ่มสีชมพูบนยอดเต้าเต่งตึงหดแข็งภากรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เรือนกายขาวนวลและเย้ายวนของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกระตุ้นความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง ท่าทางขัดเขินไร้เดียงสาของไข่มุกยิ่งทำให้เขาอยากรังแกเธอ“อ๊ะ !” ไข่มุกอุทานตกใจเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับมาคร่อมทับเธออย่างรวดเร็ว ห