เทียนดันไหล่อบเชย นางจ้องเข้าไปในดวงตาคลอขังด้วยน้ำใสใส “มันไม่ใช่ความผิดหนูหรอกลูก ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่...” มันตื้อตันในอก คำสอนของเธออาจจะทำให้อบเชยเสียใจหนักขึ้น แต่นั่นเป็นเพราะเทียนหวังดี ร้องไห้ในวันนี้ ดีกว่าปล่อยให้อบเชยจมอยู่กับความเสียใจไปจนตาย
อบเชยกลั้นสะอื้น เธอรู้ดีว่ามารดากำลังจะพูดอะไร
“คุณหนูน่ะเป็นของต้องห้าม ต่อให้คุณหนูสนใจหนูจริงๆ มันไม่ใช่แค่คนสองคนหรอกนะลูก ครอบครัวหวังเป็นคนมีหน้ามีตา หนูเคยคิดถึงเรื่องนี้ไหม เพราะต่อให้รักกันแทบตาย บางครั้งความเหมาะสมก็เป็นอุปสรรคสำคัญ เรามันแค่คนงานหาเช้ากินค่ำ...เขาคงไม่ยินดีต้อนรับ ผู้หญิงที่เป็นแค่ลูกคนรับใช้เข้าไปร่วมสกุลด้วยหรอก”
มันเป็นความจริงที่เทียนพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึง นางไม่อยากเอ่ยคำๆ นี้เลย เพราะเท่ากับไปสะกิดบาดแผลที่เกือบจะหายให้เลือดไหลทะลักออกมาอีกครั้ง
&nbs
ดีแลนถอนใจแรงๆ เขามองสบตาบิดา เหมือนท่านจะล่วงรู้ความลับในใจของเขา “ไอ้ตี๋ ถามจริงเถอะ คิดว่าพ่อมองไม่ออกหรือไงว่าเราหน่ะชอบเด็กนั่น” เดวิดเลยพูดตรงประเด็น เรื่องนี้คงต้องถกกันอีกยาว ดีแลนตกใจ เขาเสหลบตา เป็นพิรุธแบบที่ยังตั้งตัวไม่ทัน “พ่อ...” “สมัยพ่อหนุ่มๆ เรื่องของพ่อกับแม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหานี่ ครอบครัวคนจีนหน่ะ เขาก็อยากได้สะใภ้ที่รู้จักขนบธรรมเนียมของเราด้วย ส่วนมากสะใภ้ที่มาจากคนไทยแท้ๆ มักจะโดนกีดกัน แต่พ่อก็ฝ่าฟันจนได้แต่งงานกับแม่แก เรื่องนี้มันมีทางออก ไม่ต้องกลัวไปหรอก ยังไงพ่อก็อยู่ข้างแก” เดวิดพูดยาวเหยียด ดีแลนอมยิ้ม ข้อนั้นเขาไม่เคยหวั่น ที่หวั่นตอนนี้คือคนตัวเล็กที่
เทียนส่งขนมที่จัดใส่กล่องเรียบร้อยให้ดีแลน นางกล่าวเสียงแผ่วๆ เมื่อไม่อยากรับสตางค์จากบุตรชายอดีตนายจ้างสักเท่าไหร่ ดีแลนไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาส่งธนบัตรสีเทาอ่อนให้กับเทียน แล้วก็เดินจากไปเงียบๆ “คุณหนู!!” เทียนพยายามรั้งไว้ ค่าขนมไม่ถึงหนึ่งพันบาท ดีแลนชอบตีขลุมแบบนี้ประจำ “ไม่สนใจกล้วยทอดบ้างเหรอคะ” แม่ค้ากล้วยทอดถามเสียงหวานหยด แบงค์ใหม่เอี่ยมที่ชายหนุ่มตรงหน้ามอบให้กับเพื่อนร่วมอาชีพ มันเกินราคาค่าขนมหวาน หากนางได้แบบนั้นสักครั้ง...คงกำไรโขอยู่ “ผมไม่ชอบของทอดครับ” ดีแลนปฏิเสธหน้าตาย เดินหน้าตึงจากไป โดยที่ไม่มีใค
บทที่13.ถึงเวลาเคลียร์หัวใจ “ลูกกำลังทำให้แม่แปลกใจนะดีแลน?” ปรารถนากระเซ้าบุตรชาย พักนี้เขาโผล่หน้ามาให้เห็นถี่เกินไป ทั้งที่งานในมือของดีแลนมีมากเหมือนเดิม “คุณนี่ก็...ชอบจังเลยที่จะทำให้ไอ้ตี๋มันอาย” เดวิดแย้ง ท่านบ่นพึมเมื่อภรรยาพยายามเหลือเกินที่จะล้วงความลับจากปากบุตรชายให้เขายอมเปิดปาก ความลับที่ดีแลนเก็บไว้ “ผมไม่มีอะไรที่ต้องอายนะครับพ่อ!” ดีแลนแย้ง เขาไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องอายหากมารดาล่วงรู้ความในใจ “แน่ใจ๋!” ปรารถนาเดินเข้ามาพูดใกล้ๆ นางมองถุงขนมที่ดีแลนหอบหิ้วมาฝาก ด้วยแววตาเป็นประกาย&
“อ้าว!” จงซอกกลอกตาขึ้นมองฟ้า เมื่อได้ยินคำต่อว่าของคนตรงหน้า เขาพยายามแล้ว แต่เป็นเธอไม่ใช่เหรอที่ผลักไสเขาออกห่าง“ฉันห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ ฉันเจ็บใจทุกครั้งที่คิดว่าฉันเป็นแค่คนโง่ที่รักคุณ” โกอินสะอื้นไห้อย่างห้ามไม่ไหว หล่อนแหงนหน้าขึ้นกะพริบตาปริบๆ เพื่อสกัดกั้นน้ำตาที่เอ่อท้นไม่ให้ไหลหลั่ง “คุณไม่ได้โง่โกอิน เพราะผมเองก็รักคุณ” พูดจบตัวพระเอกก็ก้มลงจูบ และเลยเถิดเตลิดไปจนถึงเลิฟ ซีนที่อบเชยจ้องตาแทบถลน เธอนึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวเลยนั่งดูเสียเต็มสองตา ปลายนิ้วยัดอยู่ในปาก เพื่อลดทอนเสียงครางที่ทวีดังขึ้น เมื่อฉากในซีรีย์ ระหว่างพระนาง มันเกินกว่าเรทคนทั่วไปที่จะดูได้ บทเหล่านี้ต้องมีผู้ใหญ่แนะนำ ไม่เหมาะกับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่าสิบสามปี “ยัยเด็กทะลึ่ง!” ดีแลนโน้มตัวลงมาบังหน้าจอทีวีไว้ เมื่อบท
ดีแลนยิ้มหวาน ในหนังที่กำลังฉายผ่านจอทีวีให้คนชม กำลังเข้าสู่ช่วงไคลเม็กซ์ ขนาดแค่ฟังเสียงอารมณ์ยังพุ่งสูง “ตอนแรกมันเป็นหนังแอคชั่นค่ะ” อบเชยแก้ตัว เธอไม่รู้ว่าซีรี่ย์เรื่องนี้จะลงเอยแบบนี้นี่นา “ฮ่าๆ” ชายหนุ่มเงยหน้าหัวเราะ เขายกมือโยกศีระทุยได้รูปของอบเชยไปมา “เชยไม่ได้ทะลึ่งนะคะ แค่กำลังดูเพลินๆ อยากรู้ด้วยว่าจะจบยังไง มะ ไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ!! คือเชยอย่างรู้บทสรุปของตัวพระ นางค่ะ ไม่ใช่เรื่องที่เขากำลังทำกัน” อบเชยอธิบาย แต่ความหมายกำกวม จนดีแลนมองหน้า หญิงสาวรีบกล่าวแก้จนลิ้นพันกัน กว่าจะพูดจบ อบเชยเหนื่อยใจพิกล เธอกลัวว่าคำพูดของตนเองจะไปกระตุ้นให้ดีแลนนึกพิเรนทร์ขึ้นมาอีก “เท่าที่ฉันเคยดูภาพยนตร์มา ไม่มีผู้สร้างคนไหนตัดจบด้วยการให้พระเอก หรือนางเอกตายหรอก มันต้องจบแบบแฮบปี้แอนดิ้ง มันถึ
บทที่14.ทางรักกำลังขุ่นคลั่ก ก็ดันมีมือที่สามโผล่มาซะอย่างนั้นอีก ดีแลนลดหนังสือพิมพ์ในมือลง เขามองลอดแว่นสายตา ผู้หญิงสาวสวยที่ยืนขวางอยู่กลางประตูด้วยสายตาคาดไม่ถึง สไบนาง ผู้หญิงคนนั้นชื่อสไบนาง หล่อนกับเขาเคยใช้ชีวิตช่วงสั้นๆ อยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ ตอนที่เขาไปศึกษาต่อ และใช้วิธีนั้นสำหรับการลดความคิดถึงอบเชย มันเป็นช่วงเวลาของวัยรุ่น ไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีความสัมพันธ์อื่นใด ยกเว้นความใคร่ เขาและเธอต่างมีข้อตกลง ทุกอย่างจบลง หลังแต่ละคนประสบความสำเร็จ สไบนางกลับมาก่อน หล่อนมีอายุมากกว่าเขาสองปี ดีแลนยังเรียนไม่จบ แต่หลังจากที่สไบนางกลับประเทศไทย เขาก็ไม่เคยมีคู่เดทเป็นตัวเป็นตนอีกเลย “สวัสดีดีแลน ดูคุณไม่ดีใจเลยนะคะที่พบฉันอีกครั้ง” เสียงทักทายสไตส์สไบนาง หล่อนเป็นสาวมั่นมีความมั่นใจสูง&nbs
ทุกครั้งที่ผู้ชายในข่าวว่าง เขาจะมาโผล่ที่นี่ ยอมเป็นสารถีให้เพื่อนของเธอนั่งรถยนต์หรูของเขา ความสัมพันธ์ที่เธอเห็นมันเกินกว่าคำว่านายจ้างกับลูกจ้าง อบเชยเป็นแค่คนทำงานบ้าน เหตุใดเจ้าของบ้านถึงคอยตามเทียวไล้เทียวขื่อ หากเขาไม่มีความคิดลึกซึ้งกับคนที่ทำงานให้ ในสายตาของเจนจิรา สองหนุ่ม-สาวนี่ดูเหมาะสมกัน แม้ทั้งสองคนจะแตกต่าง จนแทบเป็นไปไม่ได้ หากทั้งคู่จะคบกันในฐานะอื่น แต่สิ่งที่เห็นพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีตลอดหลายเดือนมานี่ คือเธอเห็นหน้าชายผู้นั้นเป็นประจำ เขายังคงสม่ำเสมอ แม้จะยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการ แต่เจนจิราแน่ใจ สองคนนี้ มีอะไรกันมากกว่าการแสดงออกให้บุคคลภายนอกรู้ อบเชยรับโทรศัพท์มาจากมือเพื่อน เธอก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดค้างไว้ ผู้หญิงสาวสวย สวยแบบสง่า หน้าคมเฉี่ยว
ดีแลนพูดดักคอ เขารู้ทันหล่อน หากไม่ชิงพูดเสียก่อน ข่าวลือหนาหูก็จะถูกแพร่สะพัดไป เขาไม่อยากถูกซุบซิบ ไม่อยากมีข่าวกับใคร ดีแลนแคร์ใครบางคน จนไม่อยากสร้างกระแสให้ใครคนนั้นพลอยไม่สบายใจไปด้วย “แหม...คุณก็ชอบพูดเล่นนะคะดีแลน งานนี้... คุณรู้นี่ว่าฉันจะมา” สไบนางกล่าวเสียงดัง เธอปั้นหน้าเสแสร้งเสียจนดีแลนอยากมอบรางวัลให้ หากหล่อนเอาดีเรื่องการแสดง รางวัลอันทรงเกียรติอย่างใดอย่างหนึ่ง หล่อนคงครอบครองได้ง่ายๆ “ผมไม่ได้พูดเล่นครับ ผมไม่ได้ตั้งใจมางานนี้ด้วยซ้ำ” ดีแลนตอบตามจริง เขายิ้มมุมปากให้สไบนาง “อย่ามาปิดพวกเราเลยครับ คุณสองคนมีข่าวซุบซิบมาระยะหนึ่งแล้ว จะแอบคบกันอีกนานแค่ไหนครับ ถึงจะยอมเปิดเผยให้พวกเรารู้ล่ะครับ?” มีคนในกลุ่มคนหนึ่งสัพยอกขึ้นม
“คุณดีบ้า...ถ้ามีคนเห็น เชยคงถูกนินทายับ” ดีแลนเงยหน้าหัวเราะร่วน นั่นไม่ใช่คำปฏิเสธ มันหมายความว่า อบเชยยินยอมที่จะทำตามคำขอของเขา ชายหนุ่มเลยโน้มตัวเข้าไปใกล้ “เร็วๆ เชย กำลังปลอดคน...ไม่มีใครเห็นหรอก ฉันจะดูต้นทางให้เอง” อบเชยกลั้นใจกดปลายจมูกกับแก้มสากๆ ของคนตรงหน้า แต่คนที่รอจังหวะอยู่ เบี่ยงหน้า จนปากสีระเรื่อทาบลงบนปากสีเข้มแทน อบเชยผงะ เธอรีบเอนตัวออกห่าง แต่สายไปเสียแล้วสำหรับอบเชยและดีแลน เมื่อทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นไปมอง เงาดำๆ ที่ทอดยาวบนพื้น ณ.จุดนั้น เดวิด ปรารถนา เทียน รวมทั้งน้อยยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น “ดีแลน!!&rd
ก่อนจะตัดสินใจถามตรงๆ “คุณดีรู้ใช่ไหมคะว่าคุณท่านเรียกแม่เชยไปพูดเรื่องอะไร?” ดีแลนพยักหน้ารับ เขาสอดมือไว้ในกระเป๋ากางเกง เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ลักษณะเหมือนต้องการท้าทายอบเชย ผู้หญิงตรงหน้าจะมีความสามรถมากพอที่จะง้างปากให้เขาพูดได้หรือไม่!!? อบเชยคิดเอง เธอเดาจากท่าทางของเขานั่นแหละ “คุณดีบอกเชยได้ไหมคะ?” น้ำเสียงอ้อนๆ แววตาเว้าวอน จนดีแลนแอบขำ “ได้!!” ชายหนุ่มตอบเสียงขึงขัง “ขอบคุณค่ะ” อบเชยยิ้มตาพราวแต่ก็ต้องชะงักหัวแทบขมำ ปลายนิ้วเรียวสวยแตะที่ข้างแก้ม เขากดย้ำไปมาหลายรอบ เหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง อบเชยกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอพยายามทำความเข้าใจผ่านการบอกเล่า
‘ชอบแบบนี้ ชอบที่เป็นแบบนี้ ชอบแววตาแบบนี้ ชอบรอยยิ้มแบบนี้ ก็ชอบคนนี้ โฮ้วววว จะเอาแบบนี้ จะเอาที่เป็นแบบนี้ จะเอาแววตาแบบนี้ จะเอารอยยิ้มแบบนี้ จะเอาคนนี้ ฮู้ววว ก็ชอบที่เป็นแบบเธอ’ จู่ๆ อบเชยก้ได้ยินเสียงเพลงดังเบาๆ เธอเงยหน้ามอง ผู้ชายตัวใหญ่กำลังฮัมเพลง เนื้อเพลงที่ฟังแล้วถึงกับสะท้านวูบในอก ‘เพียงแค่เธอยิ้มมา ใจมันสั่นยังไงไม่รู้ ทุกอย่างกลายเป็นสีชมพูทันใด เธอ โอเธอ เธอรู้ไหมใจฉันไหวหวั่น เวลาที่ได้ใกล้กัน หัวใจฉันแทบจะวาย ตอนที่เธอสบตา ฉันก็แทบจะเป็นบ้าตาย รู้ไหมใจฉันจะละลายแล้ว’ ดีแลนยิ้มเก๋ เขาซ้อมร้องเพลงนี้มานานหลายสัปดาห์ แค่ฟังครั้งแรกก็สะดุดหู มันช่างเหมือนกับชีวิตตนเองเหลือเกิน แรกสบตากับอบเชยเมื่อหลายสิบปีก่อน ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เป็นแบบนี้เลย เสียงระเบิดตูมตามดังในใจ รอยยิ้มของเธอ ทำให้หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ หัวใจเขาทำงานหนั
ตามธรรมดาปรารถนาจะแวะเวียนมาเยี่ยมเทียนที่ร้านขนมเป็นประจำ หลังจากนางใส่บาตรทำบุญเสร็จ แต่วันนี้คงเพราะฝนตก อากาศไม่เป็นใจ คุณท่านจึงเรียกมารดาของเธอเข้าไปพบแทน อบเชยไม่ได้สงสัย ไม่ได้ติดใจท่าทางร้อนรนของคนมาตามสักนิด คงเป็นเพราะหญิงสาวกำลังสนุกกับการปิ้งข้าวเหนียวปิ้ง ไอเดียใหม่ที่เพิ่งทดลองทำ “เชยสอบเสร็จหรือยัง?” คุยกันด้วยเรื่องมารดาของเธออยู่ดีๆ ดีแลนก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาดื้อๆ เป็นคำถามเดิมที่ทำให้ดีแลนรู้สึกไม่พอใจตนเองด้วย อบเชยเลยรีบตอบ เธอกลัวว่าจะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่พอใจซ้ำอีกครั้ง “ยังเลยค่ะ เหลือสอบอีกสองวัน สามวิชา แล้วก็ส่งรายงานค่ะ” ดีแลนพยักหน้าหงึกหงัก เขารับห่อข้าวเหนียวที่อบเชยส่งให้มาแกะใบตองออก แล้วกินต่อ เมื่อตนเองได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้จนหมด&
“อืม...” ดีแลนทิ้งตัวนั่งที่เดิม อบเชยเลยจำใจต้องปล่อยแขนข้างที่จับเอาไว้ เธอรีบใช้ที่คีบ คีบข้าวเหนียวปิ้งที่เกือบไหม้ลงมาจากเตา“คุณดีโกรธอะไรเชยคะ บอกเชยตรงๆ ได้ไหมคะ เชยไม่ใช่เด็กแล้ว เชยยอมรับได้หากสิ่งที่เชยทำ ทำให้คุณดีไม่พอใจ”ดีแลนหรี่เปลือกตาลง เขาเม้มปาก ท่าทางเหมือนวัยรุ่นโดนผู้ใหญ่ขัดใจ“ฉันรู้ ว่าเชยโตแล้ว”หลังพูดจบ แววตาของดีแลนก็เต้นระริกอบเชยมองตามสายตาของคนตัวโต ที่คีบในมือแทบจะพลัดหลุด เพราะสายตาของเขามองสิ่งที่ ‘โต’ แล้วของเธอตาเป็นมัน “คุณดี!!”“ฮ่าๆ” ดีแลนหัวเราะร่วน เขายิ้มแฉ่งเมื่อโดนคนตัวเล็กสะบัดค้อนให้“ระวังคอเคล็ดนะเชย” ดีแลนกระเซ้าต่อ“คุณดีว่างขนาดมีเวลามาแหย่เชยเล่นเลยเหรอคะ”“เปล่า วันนี้ฉันมีธุระสำคัญ”ดีแลนตอบเสียงนุ่ม มุมปากมีรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนเองทำลงไปวันนี้‘แม่ครับ ผมอยากมีเมีย’ชายหนุ่มพูดโพล่งกับบิดา มารดา ระหว่างรั
แม่ค้าขนมยิ้มหวาน มองธนบัตรที่อัดเกือบเต็มกระป๋องใส่สตางค์ตาพราว “ข้าวเหนียวปิ้งขายดีจริ๊งๆ” เทียนสัพยอกบุตรสาว นางเก็บถาดใส่ขนมเตรียมนำไปล้าง “ต้องยกความดีความชอบให้แม่เลยค่ะ ข้าวเหนียวมูลของแม่คนแถวนี้รู้ดีว่าทั้งหอมทั้งมัน” อบเชยกล่าวชม มือเป็นระวิง เมื่อต้องคอยพลิกกลับห่อข้าวเหนียวปิ้งไม่ให้ใบตองไหม้ เทียนไม่ได้พูดต่อความ นางเดินไปหลังร้าน เพื่อล้างถาดขนมที่ใช้แล้ว ลูกค้าบางตา เทียนเลยวางใจให้อบเชยอยู่คนเดียว อีกทั้งห่อข้าวเหนียวที่รอปิ้งก็ใกล้หมดแล้ว “ว้าว...ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีข้าวเหนียวปิ้งด้วย” น้อย คนสนิทของปรารถนาเดินผ่านและตามกลิ่นไหม้ของใบตองมา “ป้าน้อยลองชิมไหมคะ เ
“ฉันหนาว...” อบเชยอยากสลัดผ้าห่มออก แล้วลุกขึ้นจ้องหน้าเขา มนุษย์ขี้ร้อนอย่างดีแลน รู้สึกหนาวในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ เธอไม่ได้เปิดแอร์อบเชยมั่นใจ เธอไม่ชอบนอนขดในห้องที่มีอากาศเย็นจัด ที่สำคัญ อบเชยชินแล้ว เธอกลัวต้องจายค่าไฟแพงๆ อะไรที่อดทนได้ เธอเลยไม่พยายามสร้างความเคยตัวให้กับตัวเอง แต่คนตัวใหญ่ข้างๆ เธอ เขาร่ำรวยมาก ขนหน้าแข้งไม่มีทางร่วง หากต้องจ่ายค่าไฟที่มีจำนวนเลขห้าหลัก “คุณดีโกหก” หญิงสาวกล่าวแดกดัน เป็นไปไม่ได้เลยที่ดีแลนจะหนาว นอกจากเขาสำออย “ฉันจะโกหกเชยทำไมล่ะ เชยดูสิ หนาวจนขนลุกเลย” ดีแลนสอดแขนผ่านโปงผ้า เขาขนลุกจริงๆ แต่ไม่เพราะหนาว แต่เพราะอะไรนั่นอบเชยน่าจะรู้ดี เธอถึงได้พยายามสุดชีวิตที่จะยึดผ้าห่มไว้กับตัวให้นานที่สุด ไอร้
“ไม่จริงอะ คุณดีเกลียดเชยจะตาย เชยเข้าใกล้คุณดีทีไรเชยถูกไล่ตะเพิดทุกที” อบเชยแย้ง ความทรงจำของเธอ มีแต่สีหน้าตึงๆ กับคำพูดหยาบคายที่ทำให้เธอขยาดการเข้าไปอยู่ในรัศมีสายตาของเขา “หากไม่กันเชยออกห่าง ฉันคงติดคุกไปแล้ว” ดีแลนสารภาพ เขาคิดมิดีมิร้ายกับคนตรงหน้า ตั้งแต่หล่อนยังมีคำนำหน้าว่าเด็กหญิง “จริงอะ” “จริงเส้!” ท่าทางไม่เชื่อของอบเชยทำเอาดีแลนชักฉุน “คุณดีมีสาวในสต็อกเยอะจะตาย มาสนใจอะไรกับเด็กอย่างเชย” ถึงดีแลนช่วงนี้จะปฏิบัติตัวกับเธอดีขึ้น แต่ความทรงจำในอดีตก็ยังทำให้อบเชยอดระแวงไม่ได้ “
หญิงสาวรีบตอบ นั่นเป็นข้อห้ามที่ปรารถนาย้ำแล้วย้ำอีก แม้อบเชยจะสงสัย แต่เธอก็ไม่เคยย่างกลายเข้าไปในห้องนอนของเขา เพราะประตูห้องมันล็อกอยู่ตลอดเวลานั่นเอง “อยากเห็นไหมล่ะ?” ดีแลนถามเสียงปร่า อบเชยส่ายหน้าแรงๆ “อยากเข้าไปดูไหม?” ดีแลนถามย้ำ...แต่ก็เหมือนเดิม อบเชยส่ายหน้าแรงขึ้นกว่าเก่าเสียอีก เขตหวงห้ามตอนที่ดีแลนคิดอะไรแปลกๆ อยู่ในหัวแถมบ้านทั้งหลังมีแค่เธอกับเขา หากไม่อยากพลาดซ้ำ อบเชยควรอยู่ห่างๆ เขาไว้ก่อน “แต่ฉันอยากให้เชยเห็นนี่” ชายหนุ่มพูดหน้าตาย ก่อนจะร