บทที่14.ทางรักกำลังขุ่นคลั่ก ก็ดันมีมือที่สามโผล่มาซะอย่างนั้นอีก
ดีแลนลดหนังสือพิมพ์ในมือลง เขามองลอดแว่นสายตา ผู้หญิงสาวสวยที่ยืนขวางอยู่กลางประตูด้วยสายตาคาดไม่ถึง สไบนาง ผู้หญิงคนนั้นชื่อสไบนาง หล่อนกับเขาเคยใช้ชีวิตช่วงสั้นๆ อยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ ตอนที่เขาไปศึกษาต่อ และใช้วิธีนั้นสำหรับการลดความคิดถึงอบเชย มันเป็นช่วงเวลาของวัยรุ่น ไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีความสัมพันธ์อื่นใด ยกเว้นความใคร่ เขาและเธอต่างมีข้อตกลง ทุกอย่างจบลง หลังแต่ละคนประสบความสำเร็จ
สไบนางกลับมาก่อน หล่อนมีอายุมากกว่าเขาสองปี ดีแลนยังเรียนไม่จบ แต่หลังจากที่สไบนางกลับประเทศไทย เขาก็ไม่เคยมีคู่เดทเป็นตัวเป็นตนอีกเลย
“สวัสดีดีแลน ดูคุณไม่ดีใจเลยนะคะที่พบฉันอีกครั้ง” เสียงทักทายสไตส์สไบนาง หล่อนเป็นสาวมั่นมีความมั่นใจสูง
&nbs
ทุกครั้งที่ผู้ชายในข่าวว่าง เขาจะมาโผล่ที่นี่ ยอมเป็นสารถีให้เพื่อนของเธอนั่งรถยนต์หรูของเขา ความสัมพันธ์ที่เธอเห็นมันเกินกว่าคำว่านายจ้างกับลูกจ้าง อบเชยเป็นแค่คนทำงานบ้าน เหตุใดเจ้าของบ้านถึงคอยตามเทียวไล้เทียวขื่อ หากเขาไม่มีความคิดลึกซึ้งกับคนที่ทำงานให้ ในสายตาของเจนจิรา สองหนุ่ม-สาวนี่ดูเหมาะสมกัน แม้ทั้งสองคนจะแตกต่าง จนแทบเป็นไปไม่ได้ หากทั้งคู่จะคบกันในฐานะอื่น แต่สิ่งที่เห็นพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีตลอดหลายเดือนมานี่ คือเธอเห็นหน้าชายผู้นั้นเป็นประจำ เขายังคงสม่ำเสมอ แม้จะยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการ แต่เจนจิราแน่ใจ สองคนนี้ มีอะไรกันมากกว่าการแสดงออกให้บุคคลภายนอกรู้ อบเชยรับโทรศัพท์มาจากมือเพื่อน เธอก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดค้างไว้ ผู้หญิงสาวสวย สวยแบบสง่า หน้าคมเฉี่ยว
ดีแลนพูดดักคอ เขารู้ทันหล่อน หากไม่ชิงพูดเสียก่อน ข่าวลือหนาหูก็จะถูกแพร่สะพัดไป เขาไม่อยากถูกซุบซิบ ไม่อยากมีข่าวกับใคร ดีแลนแคร์ใครบางคน จนไม่อยากสร้างกระแสให้ใครคนนั้นพลอยไม่สบายใจไปด้วย “แหม...คุณก็ชอบพูดเล่นนะคะดีแลน งานนี้... คุณรู้นี่ว่าฉันจะมา” สไบนางกล่าวเสียงดัง เธอปั้นหน้าเสแสร้งเสียจนดีแลนอยากมอบรางวัลให้ หากหล่อนเอาดีเรื่องการแสดง รางวัลอันทรงเกียรติอย่างใดอย่างหนึ่ง หล่อนคงครอบครองได้ง่ายๆ “ผมไม่ได้พูดเล่นครับ ผมไม่ได้ตั้งใจมางานนี้ด้วยซ้ำ” ดีแลนตอบตามจริง เขายิ้มมุมปากให้สไบนาง “อย่ามาปิดพวกเราเลยครับ คุณสองคนมีข่าวซุบซิบมาระยะหนึ่งแล้ว จะแอบคบกันอีกนานแค่ไหนครับ ถึงจะยอมเปิดเผยให้พวกเรารู้ล่ะครับ?” มีคนในกลุ่มคนหนึ่งสัพยอกขึ้นม
หลังได้คำมั่นสัญญาจากดีแลน แต่ละคนที่รุมซักถาม เลยหมดความสนใจ พวกเขาลืมสไบนางไปเสียสิ้น ลืมไปเลยว่าหล่อนเป็นตัวจุดกระแสข่าวคาวของหล่อนกับดีแลนเป็นคนแรก แต่ข่าวที่สไบนางจงใจให้เกิด ก็ยังมีมือดีปล่อยลงมาในสื่อโซเซียลจนได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทั้งเจนจิราและอบเชยจะได้เห็นภาพหลุดที่สไบนางจงใจ...ถึงดีแลนจะมั่นใจว่าเขาชัดเจนพอ แต่น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนได้ นับประสาอะไรกับใจคน ที่เป็นแค่เพียงก้อนเนื้อ ไม่หวั่นไหวบางเลยงั้นเหรอ? อบเชยมองภาพหลุดที่ใครบางคนปล่อยว่อนในโลกอินเทอร์เน็ต แววตาเธอสลดลง แม้พยายามอำพรางไว้ แต่ก็ยังเก็บอาการซึมเซาไว้ไม่หมด ภาพที่แสดงถึงความสนิทสนมของหญิงชายที่ไม่ได้เป็นญาติพี่ น้อง ความสนิทสนมนั่นเกินเลยกว่าคนรู้จักแน่นอน ดูจากแววตาแล้ว ทั้งสองคนคงกำลังพัฒนาความสัมพันธ์ ในอนาคตคงไม่แคล้วเป็นคู่ขวัญที่ใครๆ ก็กล่าวถึง เมื่อเหมาะสมทั้งรูปสมบัติ และคุณสมบัติ ดีแลนเป็นนักธุรกิจที่กำลังร
ดีแลนกระแทกลมหายใจ เวลาผู้หญิงงอนนี่ พวกหล่อนปากแข็งเหมือนกันทุกคนหรือเปล่านะ?“ฉันแค่กลัวเชยเข้าใจผิด”อบเชยหมุนตัวหนี เธอหันหลังให้ดีแลน รู้สึกดีกว่าเก่าเป็นกอง จนเผลอตัวยิ้มออกมา “ไม่มีใครน่ารักเท่าเชยหรอก” ดีแลนหยอดต่อ เขารู้ดี บรรยากาศอึมครึมเมื่อสักครู่จางหายไปแล้ว “ไม่ต้องชมค่ะ เชยรู้ดี คนอื่นชมเชยบ่อยๆ” อบเชยหันมาตอบหน้าตาย ก่อนจะแสร้งเดินเลยไปอีกฝั่งของบ้าน วันนี้หัวใจเธอทำงานหนัก เมื่อสักครู่ยังเศร้าและเหมือนคนใกล้ตาย พอถูกดีแลนเป่าหู ความรู้สึกชื่นบานก็กลับคืนมา แต่เธอไม่ควรเชื่อเขาง่ายๆ ไม่อย่างนั้นครั้งต่อไป ดีแลนจะได้ใจ เขาแค่พูดหวานๆ เธอก็ยอมยกโทษให้แล้ว ความผิดของเขามันใหญ่มาก และเธอเสียใจอยู่ตั้งนาน“ขี้หึงเหมือนกันนะเรา” เสียงดีแลนเปรยลอยตามหลังมาอบเชยหันกลับไปถลึงตาใส่เขา เตรียมจะเถียง แต่...ดีแลนเดินมาใกล้ เขารวบกอดเธออีกแล้ว...อบเชยดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนที่ไ
“ไง หน้ามุ่ยเชียว มีอะไรให้คิดเหรอวะ?” ณรงค์เอ่ยถาม หลังเพื่อนสนิทนั่งเงียบอยู่หลายนาที ดีแลนถอนใจแรงๆ เขาไหวไหล่ ฉวยแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่ม “นิดหน่อยว่ะ กำลังปวดหัวกับผู้หญิงเก่าๆ ในอดีต” ดีแลนไม่ได้พาดพิงถึงสไบนาง แต่ณรงค์ก็ยังรู้ สองหนุ่มเรียนด้วยกัน เรื่องส่วนตัวของดีแลน ณรงค์อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอด “ผมแน่ใจนะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำให้คุณปวดหัวหรอก หล่อนแค่กำลังหาที่เกาะ” ถึงจะเป็นแค่เจ้าของสกายฮอลล์ ผับขนาดกลาง แต่เรื่องราวในสังคม ณรงค์แน่ใจตนเองมีสายข่าวที่แม่นยำพอตัว “หือ...” ชายหนุ่มเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เขาเริ่มสนใจคำพูดของเพื่อนนิดๆ “เล่ามาเลยไอ้รง สไบนางขาดสภาพคล่องทางการเงินหรือไงหล่อนถึงได้รีบเร่ขายของเก่านัก”&nbs
ดีแลนเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง มองเห็นทรงพลเดินหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง “เจ้านายครับ!!” น้ำเสียงที่ใช้สั่นพร่าเชียวแหละ “หืม ว่าไง มีอะไรหรือทรงพล?” ดีแลนถามหลังหันมาสนใจงานในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวต่อ “คือ...” มันไม่ใช่เรื่องงาน และก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของเจ้านาย แต่เพราะครั้งหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นเคยพยายามที่จะมาเกี่ยวพันกับดีแลน เตือนไว้ก่อน เจ้านายจะได้รู้ทัน และเตรียมรับมือไว้แต่เนิ่นๆ “ว่ามาซิ...อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ทำไม?” ดีแลนละสายตาจากตารางงานในคอมพิวเตอร์ เขาหันมาสนใจลูกน้องคนสนิทที่ท่าทีดูร้อนใจพิกล “มีข่าวไม่สู้ดีค
เขาจัดการปิดข่าวทัน ก่อนที่ชื่อเสียงของเขาจะเสียหาย เพราะคนไม่จำหรอกว่าเขาผิดจริงหรือเปล่า คนส่วนใหญ่จะจำ แค่...วันที่ข่าวฉาวๆ นี่ดังเปรี้ยงต่อหน้าสื่อ ดีแลนเดินออกมาจากห้องสอบปากคำ เขาไม่คิดว่าจะได้เจอสไบนาง แต่เมื่อออกมาพ้นห้องนั้นแล้ว เขาจึงเห็นว่า ผู้หญิงคนนั้นถูกคุมตัวมา สภาพของหล่อนทรุมโทรมแทบดูไม่ได้ ผู้หญิงที่เนี๊ยบตั้งแต่เส้นผมจนถึงปลายเท้า วันนี้กลับดูไม่ได้เลย สีหน้าหล่อนหมองคล้ำ ขอบตาดำและลึกโบ๋ ผมยุ่งไม่เป็นทรง ท่าทางหล่อนคงคิดหนัก แต่มันก็สมควรแล้วหล่ะ สไบนางคิดสั้นไป หล่อนเอาดีทางการทำงาน หล่อนคงไม่เผชิญชะตากรรมแบบนี้หรอก คงเพราะดีแลนจ้องหล่อนนานเกินไป สไบนางเลยรู้สึกถึงการมอง หล่อนเงยหน้าขึ้น ก่อนดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับเสียงแหบๆ ที่ร้องเรียกชายหนุ่ม&
บทที่15.ซาตานจำนนรักอดัมหายไปหลายวัน จนดีแลนพอสบายใจขึ้น ตัวป่วนสุดแสบก็โผล่หน้ามาในตอนใกล้ๆ เวลาเลิกงาน “เห้...วันนี้ผมว่าง คุณล่ะดีแลนว่างไหม?” เสียงทักทายกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของคู่ค้ารายสำคัญ นับตั้งแต่เซ็นสัญญาครั้งนั้น อดัมสนใจเกือบทุกผลงานที่ดีแลนสร้างไว้ เขาจดทะเบียนร่วมลงทุนเพิ่ม เดินเข้าเดินออกหวังเทียนกรุปในฐานะหุ้นส่วนรายใหญ่ และเริ่มคุ้นเคยกับคนเก่าคนแก่ที่ร่วมก่อสร้างบริษัทนี้มา รวมทั้งดีแลนด้วย “ไม่น่าถาม...” CEO หนุ่มตอบเสียงเรียบ เขาชำเรืองมองนาฬิกาข้างผนังก่อนจะลงมือเก็บของใช้ส่วนตัวเพื่อเดินทางกลับบ้าน ดีแลนไม่ชอบการสังสรรค์ น้อยครั้งมากที่เข้าจะไปโผล่ตามงานรื่นเริง เขาเป็นคนหนุ่มที่ชอบใช้ชีวิตสันโดษ ในหัวของดีแลนมีแค่เรื่องงาน&nb
“คุณดีบ้า...ถ้ามีคนเห็น เชยคงถูกนินทายับ” ดีแลนเงยหน้าหัวเราะร่วน นั่นไม่ใช่คำปฏิเสธ มันหมายความว่า อบเชยยินยอมที่จะทำตามคำขอของเขา ชายหนุ่มเลยโน้มตัวเข้าไปใกล้ “เร็วๆ เชย กำลังปลอดคน...ไม่มีใครเห็นหรอก ฉันจะดูต้นทางให้เอง” อบเชยกลั้นใจกดปลายจมูกกับแก้มสากๆ ของคนตรงหน้า แต่คนที่รอจังหวะอยู่ เบี่ยงหน้า จนปากสีระเรื่อทาบลงบนปากสีเข้มแทน อบเชยผงะ เธอรีบเอนตัวออกห่าง แต่สายไปเสียแล้วสำหรับอบเชยและดีแลน เมื่อทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นไปมอง เงาดำๆ ที่ทอดยาวบนพื้น ณ.จุดนั้น เดวิด ปรารถนา เทียน รวมทั้งน้อยยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น “ดีแลน!!&rd
ก่อนจะตัดสินใจถามตรงๆ “คุณดีรู้ใช่ไหมคะว่าคุณท่านเรียกแม่เชยไปพูดเรื่องอะไร?” ดีแลนพยักหน้ารับ เขาสอดมือไว้ในกระเป๋ากางเกง เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ลักษณะเหมือนต้องการท้าทายอบเชย ผู้หญิงตรงหน้าจะมีความสามรถมากพอที่จะง้างปากให้เขาพูดได้หรือไม่!!? อบเชยคิดเอง เธอเดาจากท่าทางของเขานั่นแหละ “คุณดีบอกเชยได้ไหมคะ?” น้ำเสียงอ้อนๆ แววตาเว้าวอน จนดีแลนแอบขำ “ได้!!” ชายหนุ่มตอบเสียงขึงขัง “ขอบคุณค่ะ” อบเชยยิ้มตาพราวแต่ก็ต้องชะงักหัวแทบขมำ ปลายนิ้วเรียวสวยแตะที่ข้างแก้ม เขากดย้ำไปมาหลายรอบ เหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง อบเชยกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอพยายามทำความเข้าใจผ่านการบอกเล่า
‘ชอบแบบนี้ ชอบที่เป็นแบบนี้ ชอบแววตาแบบนี้ ชอบรอยยิ้มแบบนี้ ก็ชอบคนนี้ โฮ้วววว จะเอาแบบนี้ จะเอาที่เป็นแบบนี้ จะเอาแววตาแบบนี้ จะเอารอยยิ้มแบบนี้ จะเอาคนนี้ ฮู้ววว ก็ชอบที่เป็นแบบเธอ’ จู่ๆ อบเชยก้ได้ยินเสียงเพลงดังเบาๆ เธอเงยหน้ามอง ผู้ชายตัวใหญ่กำลังฮัมเพลง เนื้อเพลงที่ฟังแล้วถึงกับสะท้านวูบในอก ‘เพียงแค่เธอยิ้มมา ใจมันสั่นยังไงไม่รู้ ทุกอย่างกลายเป็นสีชมพูทันใด เธอ โอเธอ เธอรู้ไหมใจฉันไหวหวั่น เวลาที่ได้ใกล้กัน หัวใจฉันแทบจะวาย ตอนที่เธอสบตา ฉันก็แทบจะเป็นบ้าตาย รู้ไหมใจฉันจะละลายแล้ว’ ดีแลนยิ้มเก๋ เขาซ้อมร้องเพลงนี้มานานหลายสัปดาห์ แค่ฟังครั้งแรกก็สะดุดหู มันช่างเหมือนกับชีวิตตนเองเหลือเกิน แรกสบตากับอบเชยเมื่อหลายสิบปีก่อน ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เป็นแบบนี้เลย เสียงระเบิดตูมตามดังในใจ รอยยิ้มของเธอ ทำให้หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ หัวใจเขาทำงานหนั
ตามธรรมดาปรารถนาจะแวะเวียนมาเยี่ยมเทียนที่ร้านขนมเป็นประจำ หลังจากนางใส่บาตรทำบุญเสร็จ แต่วันนี้คงเพราะฝนตก อากาศไม่เป็นใจ คุณท่านจึงเรียกมารดาของเธอเข้าไปพบแทน อบเชยไม่ได้สงสัย ไม่ได้ติดใจท่าทางร้อนรนของคนมาตามสักนิด คงเป็นเพราะหญิงสาวกำลังสนุกกับการปิ้งข้าวเหนียวปิ้ง ไอเดียใหม่ที่เพิ่งทดลองทำ “เชยสอบเสร็จหรือยัง?” คุยกันด้วยเรื่องมารดาของเธออยู่ดีๆ ดีแลนก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาดื้อๆ เป็นคำถามเดิมที่ทำให้ดีแลนรู้สึกไม่พอใจตนเองด้วย อบเชยเลยรีบตอบ เธอกลัวว่าจะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่พอใจซ้ำอีกครั้ง “ยังเลยค่ะ เหลือสอบอีกสองวัน สามวิชา แล้วก็ส่งรายงานค่ะ” ดีแลนพยักหน้าหงึกหงัก เขารับห่อข้าวเหนียวที่อบเชยส่งให้มาแกะใบตองออก แล้วกินต่อ เมื่อตนเองได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้จนหมด&
“อืม...” ดีแลนทิ้งตัวนั่งที่เดิม อบเชยเลยจำใจต้องปล่อยแขนข้างที่จับเอาไว้ เธอรีบใช้ที่คีบ คีบข้าวเหนียวปิ้งที่เกือบไหม้ลงมาจากเตา“คุณดีโกรธอะไรเชยคะ บอกเชยตรงๆ ได้ไหมคะ เชยไม่ใช่เด็กแล้ว เชยยอมรับได้หากสิ่งที่เชยทำ ทำให้คุณดีไม่พอใจ”ดีแลนหรี่เปลือกตาลง เขาเม้มปาก ท่าทางเหมือนวัยรุ่นโดนผู้ใหญ่ขัดใจ“ฉันรู้ ว่าเชยโตแล้ว”หลังพูดจบ แววตาของดีแลนก็เต้นระริกอบเชยมองตามสายตาของคนตัวโต ที่คีบในมือแทบจะพลัดหลุด เพราะสายตาของเขามองสิ่งที่ ‘โต’ แล้วของเธอตาเป็นมัน “คุณดี!!”“ฮ่าๆ” ดีแลนหัวเราะร่วน เขายิ้มแฉ่งเมื่อโดนคนตัวเล็กสะบัดค้อนให้“ระวังคอเคล็ดนะเชย” ดีแลนกระเซ้าต่อ“คุณดีว่างขนาดมีเวลามาแหย่เชยเล่นเลยเหรอคะ”“เปล่า วันนี้ฉันมีธุระสำคัญ”ดีแลนตอบเสียงนุ่ม มุมปากมีรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนเองทำลงไปวันนี้‘แม่ครับ ผมอยากมีเมีย’ชายหนุ่มพูดโพล่งกับบิดา มารดา ระหว่างรั
แม่ค้าขนมยิ้มหวาน มองธนบัตรที่อัดเกือบเต็มกระป๋องใส่สตางค์ตาพราว “ข้าวเหนียวปิ้งขายดีจริ๊งๆ” เทียนสัพยอกบุตรสาว นางเก็บถาดใส่ขนมเตรียมนำไปล้าง “ต้องยกความดีความชอบให้แม่เลยค่ะ ข้าวเหนียวมูลของแม่คนแถวนี้รู้ดีว่าทั้งหอมทั้งมัน” อบเชยกล่าวชม มือเป็นระวิง เมื่อต้องคอยพลิกกลับห่อข้าวเหนียวปิ้งไม่ให้ใบตองไหม้ เทียนไม่ได้พูดต่อความ นางเดินไปหลังร้าน เพื่อล้างถาดขนมที่ใช้แล้ว ลูกค้าบางตา เทียนเลยวางใจให้อบเชยอยู่คนเดียว อีกทั้งห่อข้าวเหนียวที่รอปิ้งก็ใกล้หมดแล้ว “ว้าว...ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีข้าวเหนียวปิ้งด้วย” น้อย คนสนิทของปรารถนาเดินผ่านและตามกลิ่นไหม้ของใบตองมา “ป้าน้อยลองชิมไหมคะ เ
“ฉันหนาว...” อบเชยอยากสลัดผ้าห่มออก แล้วลุกขึ้นจ้องหน้าเขา มนุษย์ขี้ร้อนอย่างดีแลน รู้สึกหนาวในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ เธอไม่ได้เปิดแอร์อบเชยมั่นใจ เธอไม่ชอบนอนขดในห้องที่มีอากาศเย็นจัด ที่สำคัญ อบเชยชินแล้ว เธอกลัวต้องจายค่าไฟแพงๆ อะไรที่อดทนได้ เธอเลยไม่พยายามสร้างความเคยตัวให้กับตัวเอง แต่คนตัวใหญ่ข้างๆ เธอ เขาร่ำรวยมาก ขนหน้าแข้งไม่มีทางร่วง หากต้องจ่ายค่าไฟที่มีจำนวนเลขห้าหลัก “คุณดีโกหก” หญิงสาวกล่าวแดกดัน เป็นไปไม่ได้เลยที่ดีแลนจะหนาว นอกจากเขาสำออย “ฉันจะโกหกเชยทำไมล่ะ เชยดูสิ หนาวจนขนลุกเลย” ดีแลนสอดแขนผ่านโปงผ้า เขาขนลุกจริงๆ แต่ไม่เพราะหนาว แต่เพราะอะไรนั่นอบเชยน่าจะรู้ดี เธอถึงได้พยายามสุดชีวิตที่จะยึดผ้าห่มไว้กับตัวให้นานที่สุด ไอร้
“ไม่จริงอะ คุณดีเกลียดเชยจะตาย เชยเข้าใกล้คุณดีทีไรเชยถูกไล่ตะเพิดทุกที” อบเชยแย้ง ความทรงจำของเธอ มีแต่สีหน้าตึงๆ กับคำพูดหยาบคายที่ทำให้เธอขยาดการเข้าไปอยู่ในรัศมีสายตาของเขา “หากไม่กันเชยออกห่าง ฉันคงติดคุกไปแล้ว” ดีแลนสารภาพ เขาคิดมิดีมิร้ายกับคนตรงหน้า ตั้งแต่หล่อนยังมีคำนำหน้าว่าเด็กหญิง “จริงอะ” “จริงเส้!” ท่าทางไม่เชื่อของอบเชยทำเอาดีแลนชักฉุน “คุณดีมีสาวในสต็อกเยอะจะตาย มาสนใจอะไรกับเด็กอย่างเชย” ถึงดีแลนช่วงนี้จะปฏิบัติตัวกับเธอดีขึ้น แต่ความทรงจำในอดีตก็ยังทำให้อบเชยอดระแวงไม่ได้ “
หญิงสาวรีบตอบ นั่นเป็นข้อห้ามที่ปรารถนาย้ำแล้วย้ำอีก แม้อบเชยจะสงสัย แต่เธอก็ไม่เคยย่างกลายเข้าไปในห้องนอนของเขา เพราะประตูห้องมันล็อกอยู่ตลอดเวลานั่นเอง “อยากเห็นไหมล่ะ?” ดีแลนถามเสียงปร่า อบเชยส่ายหน้าแรงๆ “อยากเข้าไปดูไหม?” ดีแลนถามย้ำ...แต่ก็เหมือนเดิม อบเชยส่ายหน้าแรงขึ้นกว่าเก่าเสียอีก เขตหวงห้ามตอนที่ดีแลนคิดอะไรแปลกๆ อยู่ในหัวแถมบ้านทั้งหลังมีแค่เธอกับเขา หากไม่อยากพลาดซ้ำ อบเชยควรอยู่ห่างๆ เขาไว้ก่อน “แต่ฉันอยากให้เชยเห็นนี่” ชายหนุ่มพูดหน้าตาย ก่อนจะร