เสียงห้วนห้าวทำลายความคิดเลื่อนลอยของตนเอง บุษบันกะพริบเปลือกตาถี่ เมื่อหมุนตัวกลับไปมองด้านหลัง เงาทะมึนตรงนั้น เธอรู้แค่ว่าเป็นผู้ชายตัวใหญ่ เมื่อแสงที่มีเหลืออยู่ หลังพระอาทิตย์ดวงโตทิ้งแผ่นฟ้าไป และม่านราตรีคืบคลานเข้ามา
“ความจริงนะ ถ้าเธอต้องการ ผู้ชาย บอกสิ!! ฉันพร้อมสนองให้ แบบเต็มใจด้วย”
นรสิงห์สาวเท้าผ่านเงามืด เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับยิ้มเยาะผู้หญิงตรงหน้า
หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอเบือนหน้าหนี ริมฝีปากอิ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง ไม่คิดจะต่อปากต่อคำ เพราะมันจะเป็นการทำให้ตนเองไร้ค่ามากขึ้น เมื่อคำหยามเหยียดของนรสิงห์นั้น เขาเปิดฉากโจมตีตนเองโดยไม่เปิดช่องให้สู้
“อย่าคิดว่าที่เธอไม่พูด จะทำให้ฉันไม่รู้ความคิดเธอนะ”
เมื่อ
“คิดจะสู้ฉัน...เร็วไป10ปีบุษบัน”นรสิงห์ถอนปากออกจากการจุมพิต เขากระซิบเสียงแหบ ก่อนจะผลักหญิงสาวออกห่าง เพราะหากเขายังมัวรีรอ...อาจจะมีคนตาดีมองรอดเข้ามาในรถยนต์จนเห็นฉากสวีทหวานๆ หรืออาจจะเลยเถิดไปยันไหนต่อไหน เมื่อเขารู้ตัวเองดี...ไม่ว่าครั้งไหน...เขาไม่สามารถหยุดความต้องการที่มีกับบุษบันได้สักที“นั่งเฉยๆ ถ้าเธอร้องฉันจะจอดรถและเอา เธอที่ข้างทางนั่นล่ะ” ชายหนุ่มพูดเสียงกระแทก...เขาต้องรีบพาบุษบันไปจากตรงนี้ ก่อนที่ตนเองจะหน้ามืด และทำอย่างที่เอ่ยปากออกไป บุษบันแอบชำเลืองมองชายหนุ่มข้างตัว เธอกลืนน้ำลายเอือกๆ มือเรียวกำแน่นอยู่ที่หน้าตัก ฝ่ามือชื้นเหงื่อจนเปียกชุ่ม กับความรู้สึกพรั่นพรึง...ที่ผุดพรายขึ้นมาในหัวใจ...เธอไม่ใช่ผู้หญิงให้บริการที่ชายหนุ่มคิดจะใช้ แม้จะเคยพลาดท่าเสียทีครั้งหนึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีครั้งต่อๆ ไป...บุษบันรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงเพราะฤทธิ์จูบแสนร้ายกาจนั้น กลับคืนมา
“ไม่...” เสียงปฏิเสธแผ่วหวิว ไม่มีน้ำหนักพอให้คนฟังเชื่อ“เธอโกหกไม่เก่งบุษบัน ฉันมองเห็นสิ่งที่เธอซ่อนไว้ ในนี้!!” นรสิงห์ยิ้มเจ้าเล่ห์ มือแข็งแรงของชายหนุ่มกดลงบนเนินทรวงอวบอูม เขาลากปลายนิ้วร้อนผ่าว...จากเนินทรวง เลาะเล็มไปใต้ฐานอก และเรื่อยลงไปจนถึงช่วงเอวกิ่ว บุษบันกลั้นลมหายใจเธอ โก่งตัวหนี พยายามห่อตัวให้เล็กลีบ แต่ไม่มีประโยชน์ใดใดเลย...ในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้...ความรัญจวนสาดซัดจนหัวหมุนเมื่อนรสิงห์เป็นจอมอิทธิพล เขามีอำนาจเหนือเธอ และสามารถทำให้ตนเองแทบคลั่ง!! เมื่อชายหนุ่มเริ่มเล้าโลม... เธอครางแผ่วๆ เมื่อความเสียดสยิวแผ่กระจายไปทั่วตารางนิ้วของร่างกาย... แขม่วท้องจนแผ่นท้องยุบวาบ ตอนที่ฝ่ามือร้อนผ่าว...สอดเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง...และกอบกุมเนินทรวงใต้ชั้นในผ้าลูกไม้ “อ่า...อือออออออ” หญิงสาวเผลอตัวคราง รีบหลุบเปลือกตาลงเพราะความละอาย... ลมหายใจเธ
บทที่12.ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันคืออะไร? สายตาคู่คมทอดมองกลางเตียง ในมือนรสิงห์มีบุหรี่หนึ่งมวน ปลายบุหรี่มีควันกรุ่นๆ เขาคีบมันไว้ปล่อยให้เปลวไฟค่อยๆ ลามเลียสูงขึ้นมาทีละน้อย เมื่อเจ้าตัวกำลังใช้ความคิด...เป็นความคิดเลอะเลือนที่ปริปากพูดออกมาไม่ได้เสียด้วย เขาคิดอะไรกับหล่อน? ทำไมยังตามตอแยบุษบัน ทั้งที่เขาควรจะหันหลังให้กับเธอ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น...เป็นความบังเอิญ บังเอิญเข้าไปแทรกระหว่างนักรบกับบุษบัน!! เห้อ!! เสียงถอนหายใจดังจากปากชายร่างใหญ่ เขากลุ้มใจอะไร กับความคุมเครือที่เกิดขึ้น ในเมื่อบุษบันยืนกราน เธอไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบ เธอไม่ได้ต้องการสิ่งใดเลย...แม้แต่เศษเงิน!!
“คิด” หิรัญตอบแบบไม่ต้องคิด เขายิ้มกว้าง มองริ้วสีแดงๆ ข้างแก้มของแพรวนราแบบใจชื้นหน่อยๆ “บ้าสิ...” หล่อนแหว ขึงตาใส่หิรัญ เตรียมจะเดินหนี “จะหนีไงคุณ รู้แล้วเหรอว่าผมคิดอะไร” หิรัญออกเดินตาม เขากล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ “ไม่อยากรู้... คิดอะไรก็เรื่องของคุณเถอะ จะตามมาทำไม ฉันจะไปหาข้าวกิน” แพรวนรากล่าวเสียงแข็ง เธอเดินฉับๆ เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแต่ก็ไม่อาจหนีคนที่เดินก้าวยาวๆ ตามได้สักที เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวนึกไม่พอใจสรีระของตัวเอง เธอก้มมองขาสั้นๆ ของตนเอง ก่อนจะปรายตามองช่วงขาเพรียวยาวของหิรัญด้วยความหมั้นไส้นิดๆ “แต่ผมอยากบอก...พ่อผมกำลังเล็งหาลูกสะใภ้!! สนใจจะกรอกใบสมัครมั้ยคุณ คุณบุษทิ้งทุ่นผมเสียแล้วแบบนี่ ผมก็เคว้งสิครั
เลขานุการกึ่งบอดี้การ์ดเปิดประตูหน้าห้องโผล่หน้าเขามาบอก นรสิงห์ขมวดคิ้ว...ก่อนออกจากบ้านกษิดิศชญาธร เขาเจอกับวิภาวีตรงที่จอดรถยนต์ ไม่เห็นพี่สาวว่าอะไร แต่ทำไมมาหาถึงห้องทำงาน และเป็นการมาแบบเกรงใจ เพราะทุกครั้ง วิภาวีจะเดินผ่านประตูเข้ามา โดยไม่ขออนุญาตใครก่อน “ให้เข้ามาสิ” ชายหนุ่มเปิดปากอนุญาต เขาเสือกแฟ้มงานไว้ตรงหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมองสบนัยน์ตาพี่สาว สาวใหญ่หลบตาวูบ!! รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ เมื่อแววตาของน้องชาย นิ่งเรียบเหมือนผิวน้ำในบึงกว้างที่ลึกสุดหยั่งถึง “มีอะไรจะบอกผมมั้ยพี่วิ” มือเรียวยกวางบนหน้าตัก...เขารอให้พี่สาวพูด ไม่อยากคาดคั้นเอาเอง&nbs
หากมีอะไรเกิดขึ้น...นั่นคือความซวยของแท้!! เขายังไม่พร้อมที่จะมี ‘ลูก’ ยังสนุกกับการทำงานและชีวิตโสด ไม่มีพันธะ มีแต่ความอิสระ และความสนุกสนาน เมื่อเงาของบุษบันตามหลอกหลอนในช่วงเวลาที่เขาเผลอ ดังนั้นคงต้องหาทางกำจัดหล่อนออกไปจากความคิด หรือไม่ก็จัดการกับหล่อนให้เด็ดขาดไป เสียงถอนลมหายใจรอบที่ร้อยของวัน!! เพราะไม่ว่าจะคิดหาวิธีไหนจัดการกับหล่อน นรสิงห์รู้...หากบุษบันยืนกรานเช่นนั้น หล่อนก็คงทำได้อย่างที่ปากพูด แต่ที่เขาหวั่นใจอยู่นี่...เพราะความรู้สึกลึกๆ นั่นแหละ ความรู้สึกที่อยากแนบชิดหล่อนซ้ำ แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหน ส่วนมากเขาจะลืมหน้าพวกหล่อนทันที ที่สาวๆ เหล่านั้นก้าวเท้าลงจากเตียง ผู้หญิงแบบนั้น ไม่มีค่าควรให้จดจำ แต่บุษบันมีอิทธิพลมากกว่า แม้หล่อนจะไม่ทำอะไรเลย
ชายหนุ่มถอนใจแรงๆ “ที่ภูเก็ต ผมเจอลูกเขยพี่วิ เขาไปก่อเรื่องไว้...และผมบังเอิญเข้าไปมีส่วนร่วม” หัวคิ้วของนรสิงห์ย่นเป็นปม “พี่วิคงจำบุษบันได้ ลูกเขยพี่วิวางยาหล่อนแล้วพาเข้าโรงแรม...แต่ผมขวางไว้ทัน ยังไงก็เตือนๆ ยัยตีด้วยนะพี่...ผมว่าที่นักรบพูดให้เราฟัง มันไม่น่าใช่เรื่องจริงทั้งหมด” และนั่นเขาพิสูจน์ด้วยตนเองมาแล้ว บุษบันไม่ใช่เมียเก็บ เมียซุกที่นักรบกล่าวไว้ หล่อนสะอาดยิ่งกว่าน้ำค้างกลางหาว ไอ้หมอนั่นทำได้แค่คุยฟุ้ง!! “สิงห์!! พี่สารภาพเลย ที่พี่ดึงนักรบเข้ามาทำงานที่นี่ก็เพราะอยากคานอำนาจสิงห์ แต่วันนี้พี่รู้แล้ว พี่คิดผิด!!” วิภาวีกล่าวเสียงอ่อย นางเผลอหลงลมปากบุตรเขย แค่นักรบเสี่ยม นางก็เผลอเต้นตาม เปรมอมยิ้ม... “ผมเตือนคุณแล้วนี่” เขาสำทับ ภรรยาคู่ทุกข์หันมาถลึงตาใส่ “ยะ!! รู้แล
บทที่13.จุดจบของคนเลว นักรบเริ่มแผนการที่วางไว้คร่าวๆ เขาลวงพัชรีสำเร็จ ผู้หญิงที่ไม่เคยมีใครคิดจะจีบเพราะความเฉยชากั้นไว้ เวลานี้หล่อนกำลังตกหลุมรักแบบหัวปักหัวปำ เมื่อหนุ่มสุดกะล่อนอย่างนักรบ จับจุดถูก “ยิ้มแป้นอะไรแต่เช้าคะพี่พัช...” เพื่อนร่วมงานสาวร้องทัก เมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงาน พบกับพัชรีที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เปล๊า!!” สาวใหญ่ตอบเสียงสูง เธอชำเลืองมองแจกันข้างตัว ที่มีดอกไม้ช่องามเบ่งบานชูช่อไสว อภินันทนาการจากสามีของภารตี “ว้าย!! หนุ่มที่ไหนให้ดอกไม้มาให้คะนี่ มิน่าพี่พัชเลยอารมณ์ดี...ยิ้มแก้มปริเชียว” เพื่อนร่วมงานสาวน้อยอุทานเสียงแหลม เมื่อมองตามสายตาเพื่อนรุ่นพี่ จนเห
“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะดังไล่หลังมา “อย่าวิ่งสิบุษ เธอท้องอยู่นะ!!” แต่เมื่อนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มตะโกนห้ามเสียงหลง เมื่อบุษบันกำลังมี ‘เจ้าตัวเล็ก’ นอนตีพุงอยู่ในท้องเจ้าหล่อนสายเลือดกษิดิศชญาธร ที่มาในจังหวะเหมาะเหม็ง ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีข้ออ้างในการย้อนกลับมาหาเธอ “ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้บุษท้อง” เสียงเปรยแผ่วๆ ของผู้ชายตัวใหญ่...นรสิงห์เดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เขาเองก็ต้องรีบอาบน้ำ จะได้ออกไปจัดการอะไรๆ ให้มันเสร็จสมบูรณ์สักที ไม่คิดว่าตนเองจะยอมทิ้งชีวิตอิสระ แต่เมื่อคิดดูดีๆ มันก็ไม่ได้แย่นัก หากจะมีคนยืนข้างๆ มีความห่วงใยให้กัน มีความผูกพัน...นับจากนี้ไปตลอดจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ตื้ด...&nbs
“แล้วเธอล่ะบุษ...คิดอะไรกับฉันมั้ย?” ชายหนุ่มย้อนถาม เขามองผิวแก้วสีระเรื่อตาพราว บุษบันหน้าร้อนฉ่า คำถามที่เธอรู้คำตอบดี แต่ตอนนี้ไม่มีความกล้าพอ... เมื่อผู้ชายตรงหน้า เป็นคนแรกที่เข้าถึงตัว ทุกสิ่งในร่างกายตนเองไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขา...แถมซ้ำ...ในท้องเธอ มีสายเลือดของเขานอนตีแปลงอยู่ด้วย แบบนี้...เธอจะไม่รักเขา...ได้ยังไง แต่นรสิงห์ชิงพูดเสียก่อน... ‘The great big day in my life has begun when you come into my heart.’ วันดีๆ ในชีวิตฉัน...ได้เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่วันที่ฉันมีเธอ... ผิวแก้มเธอร้อนฉ่า ดวงตาพร่าเพราะน้ำตาเอ่อ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสำคัญกับเขาขนาดนั
“อะ!!” ร่างเล็กๆ สั่นระริก เธอขยุ้มผ้าใต้ฝ่ามือแน่น หลับตาพริ้มและเปล่งเสียงครางสั่นๆเมื่อเขาแทรกปลายนิ้วแข็งๆ เข้าไปด้านใน และขยับเคลื่อนไหวช้าๆ“อย่า...อย่าทำแบบนั้น ได้โปรด?!!” บุษบันครางเสียงหลง สะโพกผายส่ายสะบัดเหมือนปีกผีเสื้อ ไม่อาจจะขัดขืนความรู้สึกนี้ได้เลย เพราะเมื่อชายหนุ่มเข้าใกล้เขาทำให้เธออ่อนปวกเปียกเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟรนทุกครั้ง...ร่างกายของเธอมันทรยศ มันไม่ฟังคำสั่งจากสมอง เมื่อมันสนองตอบชายหนุ่มและยินยอมให้เขาทำตามอำเภอใจมุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม เข้าเหลือบมองใบหน้าบิดเบี้ยวของหญิงสาวหวานใจ ใบหน้างดงามแดงก่ำเธอแสดงออกถึงความพร้อมพรั่ง!! สารหล่อลื่นในร่างกายถูกขับออกมาจนเปียกเปรอะเนืองนอง และไม่ว่าเขาจะจับหันซ้ายหันขวา เธอก็พร้อมและเต็มใจที่จะสนองตอบอยู่แล้ว เสียงครางระส่ำช่วยยืนยันความคิดของเขาชายหนุ่มโหย่งตัวขึ้น ชักปลายนิ้วออกมาจากแอ่งสวรรค์ จรดแก่นกายแข็งตึงแนบเนินเนื้ออวบอิ่ม เขารวบเรียวขาเพรียวยาวไว้ที่ท้องแขนก่อนจะกดสะโพกสอบ บรรจงเสือกเสยความอลังการกับความอวบอูมเต็มแรง!!“อืมมมม...ซี๊ดดดดด
หญิงสาวรวบผ้าห่มชิดตัวมากขึ้น เมื่อใต้ผืนผ้าหนาๆ เธอมีแค่อันเดอร์แวร์สองชิ้น เสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ อันตทานหายไปจนหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไร้สติ... “ฉันไม่สัญญาหรอกนะว่าจะทำตัวเป็นคนดี ฉันก็เป็นฉันแบบนี้แหละ แต่รับประกัน ฉันไม่ใช่คนเหลาะแหละ ฉันมั่นใจเชียว ว่าฉันสามรถดูแลเธอกับลูกได้ ในอนาคต” นรสิงห์ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่บนพื้นเตียง เตียงหนาไหวยวบ เมื่อน้ำหนักตัวนรสิงห์ไม่ใช่น้อยๆ เลย “บุษกลัวว่า...บุษจะทำให้คุณเดือดร้อน บุษอาจจะเป็นที่รังเกียจ แล้วจะทำให้เราไปกันไม่รอด” หญิงสาวแย้งเสียงอ่อย เธอกับคนในครอบครัวเขา จะมีทางญาติดีกันเหรอ ในเมื่อเธอเคยเป็นคนที่พวกเขาตั้งป้อมรังเกียจ!! ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ เขาเอามือรองใต้คาง ตอนที่เงยหน้ามองบุษบัน “น
คนตอบสำรวมเสียงสุดๆ เมื่อพอจะรู้ใจเจ้านายดี เวลานี้หัวหอกหนุ่มของเดอะเพรสกำลังร้อนเป็นไฟ แม้จะได้ตัวเจ้าสาวมาไว้ในกำมือแล้วก็ตาม แต่หากฟื้นขึ้นมาแล้วบุษบันยืนกรานคำเดิม...คนรอบตัวของนรสิงห์ คงได้โดนหางเลขกันเป็นแถวๆ ดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ประดับไว้บนเรือนผม ด้วยฝีมือสุดประณีตของช่างมือดี ส่งให้เส้นผมดำขลับดูงดงามออร่าพุ่งแต่ขัดนัยน์ตาของชายหนุ่มที่อุทิศตัวเป็นดั่งหมอนนุ่มให้บุษบันนอนอิงเสียจริงๆ เมื่อมือเร็วเท่าความคิด ดอกไม้สุดสวยนั่นจึงถูกแกะออกมาทีละดอก ช้าๆ เมื่อชายหนุ่มบรรจงเบามือที่สุด เพื่อกันไม่ให้คนหลับหมดสติรู้ตัว ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง บ้านพักบนเนินเขา ตัวบ้านตั้งโดดเด่น...เบื้องล่างคือน้ำทะเลใสแจ๋ว เสียงคลื่นดังไกลๆ เมื่อระยะทางจากตัวบ้านถึงชายหาด อยู่สูงกว่ากันไม่ใช่เล่น บ้านอีกหนึ่งหลังของกษิดิศชญาธร มีไว้เพื่อพักผ่อนโดยเฉพาะ เขาเลือกที่นี่ เพราะมันเดินทางยาก หากไม่มีรถยนต์ก็คงต้องเดินจนขาลาก กว่าจะถึงถนนที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไป ผ่านมา&
“หึ!! หล่อนคงมีเป้าให้เกาะอยู่แล้วซิ ถึงได้กล้ากำแหง” วิภาวียังไม่วายค่อนคอด “ความจริง... หิรัญกับบุษบัน เขาเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่เขาทาบทามไว้อยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมเข้าไปแทรกไว้ก่อน” ความลับคับอก พรางพรูออกมาจากปากหนุ่มรุ่นน้อง ไม่ใช่เพื่อแก้ต่างให้บุษบัน แต่เป็นคนยืนยันเพื่อความบริสุทธิ์ของเจ้าหล่อน และมันคือความจริง “โอ้ย!! ฉันไม่อยากจะเชื่อ นี่เราหนีผู้หญิงที่ชื่อบุษบันไม่พ้นจริงๆ เหรอ?” “ตีไม่อยากจะเชื่อว่าคุณรบโกหกตี” สาวท้องแก่ครางเสียงระโหย ในคำพูดของนักรบ มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงบ้าง “แกก็เลิกงมงายกับไอ้ผัวเฮงซวยนั่นได้แล้วล่ะ... แต่ต้องถามฉันยัยตี มีเรื่องไหนบ้างที่ผัวแกมันไม่โกหกบ้าง” วิภาวีเป็นมารดาที่รักบุ
กำนันเหมโวยคนแรก ตามด้วยบิดา มารดาของแพรวนรา แต่ก็เริ่มเห็นด้วย เมื่อหิรัญพยายามอธิบาย เมื่อสิ่งที่เขากับแพรวนราทำก็เพราะความหวังดีกับเพื่อน และสั่งสอนคนอีโก้สูงให้รู้ตัว เรื่องหัวใจ จะเอาเหตุผลร้อยแปดมาคัดง้างไม่ได้ ต้องใช้ใจแลกใจเท่านั้น ดังนั้น...แพรวนรากับหิรัญ จึงได้แนวร่วมเพิ่มขึ้น เพราะบิดา มารดาของแพรวนราก็รักบุษบันไม่ต่างอะไรกับลูกในไส้ จึงสงสารชะตากรรมที่หล่อนได้พบเจอ ข่าวลือจึงถูกแพร่ออกไป จากวงสังคมแคบๆ และขยายเป็นเรื่องใหญ่ในไม่ช้า และเข้าหูของนรสิงห์จนได้บ้านกษิดิศชญาธร... “สิงห์...แม่นั่นกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนสิงห์ สิงห์รู้หรือเปล่า?” วิภาวีเดินหน้าตั้งเข้ามาถาม หลังกลับจากงานการกุศล และได้ยินข่าวซุบซิบนั่นเข้าพอดี&n
บทที่16.ตลบหลังเพื่อนจอมแสบในขณะที่เพื่อนรักกำลังจะมีความสุข...หนุ่มไฮโซ อีโก้เต็มบ่า กำลังทุกข์หนัก เก้าอี้ที่รองก้น ทั้งกระด้างและร้อน จนทนฝืนนั่งทำงานต่อไปไม่ไหว นรสิงห์ผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินมาหยุดที่ริมกระจกใส เพ่งสายตาฝ่าเปลวแดด มองท้องถนน กบผู้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมาด้วยสายตาเลื่อนลอย บุหรี่ม้วนเล็กๆ ถูกดึงออกมาจากซอง เปลวไฟลามเลียปลายม้วนเมื่อเจ้าตัวนึกอยากขึ้นมา เพราะเขาต้องการใช้ความคิด การสูบบุหรี่คือการแก้เครียดที่นรสิงห์เคยใช้ได้ผล แต่ครั้งนี้เหมือนจะไร้ประโยชน์ สารนิโคตินในบุหรี่ไม่ช่วยให้สมองของชายหนุ่มโปร่งโล่งเหมือนเคย เหมือนมีม่านควันบางๆ ไหลวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ความคิดที่เคยวิ่งฉิว เฉื่อยช้าลง... นรสิงห์ตัดสินใจดีดก้นบุหรี่ทิ้ง เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ เหมือนต้องการระบายความไม่พอใจลงบนพื้นพรม แต่กลับไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ทุกอย่างยังดูขวางหู ขวางตาไปหมด... ในที่สุด...ชายหนุ่มก็
หนุ่มตัวดำโน้มตัวลงมาใกล้ๆ “เชื่อผมมั้ยล่ะ?” เขากระซิบถาม ลมหายใจเป่ารดข้างแก้มของแพรวนรา เพราะความใกล้ชิด แถมแอบสูดกลิ่มหอมๆ ของหล่อนไปด้วย แพรวนราผงะ!! เธอเงยหน้าขึ้น แสยะยิ้ม แยกเขี้ยวให้หิรัญเมื่อกลับมาเป็นคนเดิม “คุณถอนตัวไม่ได้แล้วนะ ฉันเป็นคนจำแม่น อะไรที่เคยผ่านหู ฉันจำไม่ลืม...ถ้าทำไม่ได้อย่ามาพูด” “ตามนั้น!!” คนเอ่ยปากย้ำ เขายิ้มกว้าง มองปากอิ่มตาละห้อย เมื่อนึกอยากจุมพิตสาวสักทีแต่ไม่มีความกล้าพอ “แพรว...จูบทีได้มั้ย?” เสียงหิรัญพร่าสั่น เมื่อกลั้นใจถาม เขามองสบนัยน์ตาฉ่ำหวานของแพรวนราด้วยสายตาละห้อย นึกเสียวสันหลังวาบๆ ไม่คิดว่าแค่เริ่มต้น ตนเองก็จะ เกรง หล่อนเสียจนเป็นความกลัว ไอ้ชมรมกลัวเมียที่ผู้ชายส่วนใหญ่พูดถึง หลังแต่งงาน หรือมีชีวิตคู่ คงได้เปิดรับเขาไปเป็นสมาชิกเร