บทที่13.จุดจบของคนเลว
นักรบเริ่มแผนการที่วางไว้คร่าวๆ เขาลวงพัชรีสำเร็จ ผู้หญิงที่ไม่เคยมีใครคิดจะจีบเพราะความเฉยชากั้นไว้ เวลานี้หล่อนกำลังตกหลุมรักแบบหัวปักหัวปำ เมื่อหนุ่มสุดกะล่อนอย่างนักรบ จับจุดถูก
“ยิ้มแป้นอะไรแต่เช้าคะพี่พัช...” เพื่อนร่วมงานสาวร้องทัก เมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงาน พบกับพัชรีที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เปล๊า!!” สาวใหญ่ตอบเสียงสูง เธอชำเลืองมองแจกันข้างตัว ที่มีดอกไม้ช่องามเบ่งบานชูช่อไสว อภินันทนาการจากสามีของภารตี
“ว้าย!! หนุ่มที่ไหนให้ดอกไม้มาให้คะนี่ มิน่าพี่พัชเลยอารมณ์ดี...ยิ้มแก้มปริเชียว”
เพื่อนร่วมงานสาวน้อยอุทานเสียงแหลม เมื่อมองตามสายตาเพื่อนรุ่นพี่ จนเห
“เสร็จแล้วค่ะ คุณรบจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ พัชจะกลับแล้วล่ะ” ห้องทำงานของเธอ ไม่เปิดให้คนนอกเข้า เมื่อเอกสารทุกชิ้นเป็นความลับ แต่นักรบคือคนใน พัชรีจึงไม่ได้ท้วงตอนที่เขาปรากฏตัว “กลับยังไงครับ ให้ผมไปส่งหรือเปล่า?” นักรบถามเหมือนหวังดี เขามีจุดประสงค์แอบแฝง “ไม่ต้องหรอกค่ะ พัชขับรถมาเอง...ลำบากคุณเปล่าๆ” แม้จะรู้สึกดีที่มีใครบางคนเป็นห่วงเป็นใย แต่มันคงไม่เหมาะหากเธอจะติดรถยนต์ไปกับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว และตัวเองก็มีรถยนต์ “ผมขับรถตามไปส่งคุณดีกว่า ให้เห็นว่าคุณปลอดภัยดี แล้วผมถึงจะกลับขุมนรก” นักรบเปรยเสียงเศร้า เขายิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มกระด้างๆ ที่บ่งบอกถึงความอัดอั้น และมันเป็นละครฉากใหญ่ให้พัชรีหลงเคลิ้ม
พิภพจึงหอบแฟ้มตรงหน้ามาถือไว้ในมือ เขาหนักอกจนต้องพ่นลมหายใจแรงๆ หนักใจแทนลูกน้องสาวที่ซื่อสัตย์มาตลอด...แต่กลับมาหลงมัวเมากับอะไรบางอย่าง จนยอมทำผิดเช่นนี้ “อย่าคิดหนีพัช!! คุณสิงห์ไม่ใช่ไก่อ่อน หากเธอหนี นั่นเท่ากับเธอยอมรับผิดคนเดียว ไอ้หมา ไอ้แมวที่อยู่เบื้องหลังเธอก็จะลอยนวลสบาย!!” พิภพเดินหน้าตั้งไป ทิ้งให้สาวสุดโชคร้ายร่ำไห้เพียงลำพังในห้องทำงานเขา พร้อมกับความคับแค้น... พัชรีนั่งก้มหน้าอยู่กว่า10นาที ก่อนจะตัดสินใจผุดลุกขึ้นยืน เธอจะไม่ยอมตายคนเดียว คนที่ทำร้ายเธอ เขาต้องได้รับบทลงโทษด้วย... สาวใหญ่ รองผู้จัดการ จึงเชิดหน้าขึ้น ยกมือปาดน้ำตา เดินผลุนผันตรงไปยังห้องทำงานท่านประธาน เพื่อเปิดเผยความจริง...
บ้านกษิดิศชญาธร... “เมื่อไหร่คุณจะหยุด เมื่อไหร่คุณจะเลิกสำส่อนสักทีคะรบ!!” นักรบนั่งกอดอกหน้ามุ่ยอยู่บนโซฟากลางบ้าน บ้านหลังใหญ่ในอาณาเขตรั้วบ้านกษิดิศชญาธร รังรักของเขากับภารตี แม้จะมีความเป็นส่วนตัวเพราะแยกออกมาอยู่ต่างหาก แต่ก็อยู่ใต้เงาของกษิดิศชญาธรทั้งหมด เมื่อยังอยู่ใกล้หูใกล้ตา คนของกษิดิศชญาธรทุกคน “มันเป็นเรื่องปกตินะตี ใครๆ ก็ทำกัน...ผมไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหน?” ชายหนุ่มเถียงข้างๆ คูๆ เขาเริ่มสุดทนกับกริยาต่ำๆ ชอบฟูมฟายของภารตีก็วันนี้เอง “แล้วทำไมไม่คิดบ้างคะว่าคุณไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะกระทำตัวแบบนั้นได้แล้ว คุณมีเมียแล้วค่ะรบ!!” “เมีย...ใช่ผมมีเ
“ฉันฟันหล่อน ตั้งแต่นมยังไม่ขึ้น...แบบนั้นเรียกแตะหรือเปล่าวะสิงห์” สถานะภาพของบุษบันอาศัยบ้านไชยยะนันมาตั้งแต่ยังไม่แตกเนื้อสาว ดังนั้นนักรบจึงงัดมาอ้าง เพื่อความสมจริง เขาไม่มีทางให้มันมั่นใจหรอกว่าเป็นคนหยิบชิ้นปลามันไปครอง การสร้างความคลางแคลง เป็นงานถนัดของนักรบเสียด้วยสิ... “แล้วแกคิดว่าฉันเป็นไอ้แหยที่แยกแยะไม่ออกเหรอ? ระหว่างผู้หญิงซิง กับผู้หญิงกร้านโลก” หนุ่มสุดกะล่อนใจหายวูบ!! เขาไม่คิดว่านรสิงห์จะมีอะไรกับบุษบัน เมื่อมันออกตัวว่าจงชังหล่อนเสียหนักหนา ดังนั้นมันรู้แน่ๆ ว่าบุษบันผุดผ่องเพียงใด หากได้ลิ้มรสหล่อนเสียเต็มปากเต็มคำ “ชึ้ย!!” อารมโมโห นักรบจึงกระโจนใส่นรสิงห์แบบไม่กลัวเจ็บ ถึงจะรู้ว่าตนเองเสียเปรียบเต็มประตู แต่อยากจะฟาดปา
บทที่14.ตามหาหัวใจตัวเอง เป็นงานเลี้ยงที่น่าเบื่อเสียจนบุษบันต้องหาทางเลี่ยงเพื่อออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอก งานที่เธอถูกแพรวนราลากมา หลังเดินทางมาในวันหยุดเพื่อหาสายสมร เธอคิดในใจ เรื่องที่เพิ่งรู้มา มันเกินคาด... มีใครบางคนใจดี ให้สายสมรยืมสตางค์ โดยไม่มีกำหนด และไม่มีดอกเบี้ย... ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร? เมื่อฝ่ายนั้น...ไม่ต้องการเปิดเผยตัว เธอเป็นไทจากหิรัญ ไม่จำเป็นต้องฝืนคบค้ากับเขาในฐานะอื่น ส่วนหิรัญก็ไม่ได้ว่าอะไร หลังพูดจาตกลงจนเข้าใจ เธอรู้ดีเวลานี้ สายตาของหนุ่มบ้านเดียวกันกับเธอ อยู่ที่แพรวนรา เพราะดูได้จากท่าทีเปิดเผยของเขา ตามติดแบบนั้น จะเป็นอื่นไปได้อย่างไร... บุษบันเดินเอื่อยๆ เธอวางมือที่เนินหน้าท้อง...มีบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยให้ใครรู้ได้
นรสิงห์ลืม...เขาประกาศปาวๆ ว่าไม่อยากมีครอบครัว สนุกกับการเป็นหนุ่มโสด แบบนี้ผู้หญิงที่ไหนจะกล้าเสนอตัว เมื่อคงเป็นได้แค่ของเล่น ยามที่ชายหนุ่มมีอารมณ์ปรารถนาเท่านั้นเอง“ห้ามเธอคิดแม้แต่จะทำลายลูกของฉัน” ชายหนุ่มกล่าว ดวงตาเขาเป็นประกายบุษบันแอบเบ้ปาก เธอไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น แม้มันจะเป็นความผิดพลาด แต่ ‘เขา’ ก็เป็นเสี้ยวหนึ่งของเธอเช่นกัน“เอาเป็นว่า...เธอไม่ต้องไปทำงานที่รีสอร์ตนั่นแล้ว ฉันจะหาที่อยู่ให้เธอเอง”ชายหนุ่มพูดเหมือนมันคือเรื่องสัพเพเหระทั่วไป แต่บุษบันไม่คิดจะยอมทำตาม เธอไม่ใช้นกน้อย ที่เขาคิดจะจับยัดกรง..“ไม่ค่ะ บุษไม่ชอบอยู่เฉยๆ และการทำงานทำให้บุษมีศักดิ์ศรี”“เอะ!! เธอนี่ ให้อยู่สบายไม่ชอบ อยากลำบากนักสินะ”ชายหนุ่มตวาด...“บุษจะกลายเป็นอะไรล่ะคะ...หากบุษตกลงทำอย่างที่คุณว่า”หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองเขา อนาคตของเธอ ขอกำหนดเอง...จะไม่ยอมเป็นแค่ตัวสำรอง นั่งมองเขาออกไป...ระริกระรี้กับผู้หญิงคนอื่นๆ หากเป็นเช่นนั้น เธอคงไม่มีความสุข
เธอจะไม่มีวันให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น...จะไม่มีวันยอมรับสภาพน่าอาย... ด้วยการถูกร้อยรัดเอาไว้ แต่ไม่อาจเงยหน้ามองผู้คน เมื่อถูกกดให้หุบปาก ทำเหมือนไม่มีตัวตน ความเห็นแก่ตัวของเขา...สุดที่จะรับไว้“บุษเป็นยังไง คุณไม่ต้องมาใส่ใจหรอกค่ะ...เอาเป็นว่า...เราอย่าเจอกันอีกเลย ส่วน ‘เขา’ บุษดูแลเองได้ค่ะ...”เธอกล่าวเสียงหนัก เจ็บวันนี้เป็นครั้งสุดท้าย...แต่จะไม่ยอมเจ็บซ้ำซาก เด็ดขาด...นรสิงห์ยืนมึน...เขายอมปล่อยให้บุษบันเดินจากไปโดยที่ไม่ได้ท้วง...น้ำตาไหลเป็นทางยาว สองขาสั่นระริก เมื่อเดินห่างจากผู้ชายคนนั้นมา เยื่อใยบางเบาเหมือนจะปลิดปลิว....เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน และเธอก็ละอายเกินกว่าจะรับความหวังดีแสนทุเรศของเขา....ไม่อาจเหยียบย่ำศักดิ์ศรีตนเอง ด้วยการยอมให้เขาซุกซ่อนไว้ ยังมีหนทางอีกมากให้เธอเลือกเดิน เมื่อชีวิตนี้ยังมีสองมือ สองเท้า มีลมหายใจ มือเรียวบางกุมชายกระโปรงไว้แน่น มองทางเดินผ่านม่านน้ำตา และพยายามสะกดความเศร้าโศก ฝืนตัวเองไม่ให้ถลากลับไปซุกอกเขาเหมือนที่ตัวเองต้องการ ช่วงเวลาไม่กี่นาทีนั
บทที่15.กับดักรัก กับดักลวง... “ลมอะไรพัดคนงานเยอะอย่างแก...มาหาฉันได้วะ?” นรสิงห์เงยหน้าขึ้น เขากล่าวทักเพื่อนสนิท ที่ยืนยิ้มเผล่อยู่หน้าโต๊ะทำงาน “ฉันมาธุระด่วน!!” หิรัญขยักคำพูด เขาเดินเลี่ยงไปเปิดตู้ทำความเย็น ก้มหน้าหาน้ำเย็นดื่ม โดยมีสายตาอยากรู้ของเจ้าของห้องมองตาม “พ่อกำนันเร่งฉันมาน่ะ เลยต้องรีบนิด...” หิรัญทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของนรสิงห์ เขายกแก้วน้ำเย็นฉ่ำขึ้นจิบช้าๆ ดึงเวลาเพื่อกระตุ้นความอยากรู้ของคนปากแข็งอีกนิด “อะไร?” เมื่ออดรนทนไม่ไหว...ชายหนุ่มเจ้าของห้องจึงรีบโพล่งถาม หนังตาข้างซ้ายกระตุกถ
“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะดังไล่หลังมา “อย่าวิ่งสิบุษ เธอท้องอยู่นะ!!” แต่เมื่อนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มตะโกนห้ามเสียงหลง เมื่อบุษบันกำลังมี ‘เจ้าตัวเล็ก’ นอนตีพุงอยู่ในท้องเจ้าหล่อนสายเลือดกษิดิศชญาธร ที่มาในจังหวะเหมาะเหม็ง ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีข้ออ้างในการย้อนกลับมาหาเธอ “ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้บุษท้อง” เสียงเปรยแผ่วๆ ของผู้ชายตัวใหญ่...นรสิงห์เดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เขาเองก็ต้องรีบอาบน้ำ จะได้ออกไปจัดการอะไรๆ ให้มันเสร็จสมบูรณ์สักที ไม่คิดว่าตนเองจะยอมทิ้งชีวิตอิสระ แต่เมื่อคิดดูดีๆ มันก็ไม่ได้แย่นัก หากจะมีคนยืนข้างๆ มีความห่วงใยให้กัน มีความผูกพัน...นับจากนี้ไปตลอดจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ตื้ด...&nbs
“แล้วเธอล่ะบุษ...คิดอะไรกับฉันมั้ย?” ชายหนุ่มย้อนถาม เขามองผิวแก้วสีระเรื่อตาพราว บุษบันหน้าร้อนฉ่า คำถามที่เธอรู้คำตอบดี แต่ตอนนี้ไม่มีความกล้าพอ... เมื่อผู้ชายตรงหน้า เป็นคนแรกที่เข้าถึงตัว ทุกสิ่งในร่างกายตนเองไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขา...แถมซ้ำ...ในท้องเธอ มีสายเลือดของเขานอนตีแปลงอยู่ด้วย แบบนี้...เธอจะไม่รักเขา...ได้ยังไง แต่นรสิงห์ชิงพูดเสียก่อน... ‘The great big day in my life has begun when you come into my heart.’ วันดีๆ ในชีวิตฉัน...ได้เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่วันที่ฉันมีเธอ... ผิวแก้มเธอร้อนฉ่า ดวงตาพร่าเพราะน้ำตาเอ่อ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสำคัญกับเขาขนาดนั
“อะ!!” ร่างเล็กๆ สั่นระริก เธอขยุ้มผ้าใต้ฝ่ามือแน่น หลับตาพริ้มและเปล่งเสียงครางสั่นๆเมื่อเขาแทรกปลายนิ้วแข็งๆ เข้าไปด้านใน และขยับเคลื่อนไหวช้าๆ“อย่า...อย่าทำแบบนั้น ได้โปรด?!!” บุษบันครางเสียงหลง สะโพกผายส่ายสะบัดเหมือนปีกผีเสื้อ ไม่อาจจะขัดขืนความรู้สึกนี้ได้เลย เพราะเมื่อชายหนุ่มเข้าใกล้เขาทำให้เธออ่อนปวกเปียกเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟรนทุกครั้ง...ร่างกายของเธอมันทรยศ มันไม่ฟังคำสั่งจากสมอง เมื่อมันสนองตอบชายหนุ่มและยินยอมให้เขาทำตามอำเภอใจมุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม เข้าเหลือบมองใบหน้าบิดเบี้ยวของหญิงสาวหวานใจ ใบหน้างดงามแดงก่ำเธอแสดงออกถึงความพร้อมพรั่ง!! สารหล่อลื่นในร่างกายถูกขับออกมาจนเปียกเปรอะเนืองนอง และไม่ว่าเขาจะจับหันซ้ายหันขวา เธอก็พร้อมและเต็มใจที่จะสนองตอบอยู่แล้ว เสียงครางระส่ำช่วยยืนยันความคิดของเขาชายหนุ่มโหย่งตัวขึ้น ชักปลายนิ้วออกมาจากแอ่งสวรรค์ จรดแก่นกายแข็งตึงแนบเนินเนื้ออวบอิ่ม เขารวบเรียวขาเพรียวยาวไว้ที่ท้องแขนก่อนจะกดสะโพกสอบ บรรจงเสือกเสยความอลังการกับความอวบอูมเต็มแรง!!“อืมมมม...ซี๊ดดดดด
หญิงสาวรวบผ้าห่มชิดตัวมากขึ้น เมื่อใต้ผืนผ้าหนาๆ เธอมีแค่อันเดอร์แวร์สองชิ้น เสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ อันตทานหายไปจนหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไร้สติ... “ฉันไม่สัญญาหรอกนะว่าจะทำตัวเป็นคนดี ฉันก็เป็นฉันแบบนี้แหละ แต่รับประกัน ฉันไม่ใช่คนเหลาะแหละ ฉันมั่นใจเชียว ว่าฉันสามรถดูแลเธอกับลูกได้ ในอนาคต” นรสิงห์ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่บนพื้นเตียง เตียงหนาไหวยวบ เมื่อน้ำหนักตัวนรสิงห์ไม่ใช่น้อยๆ เลย “บุษกลัวว่า...บุษจะทำให้คุณเดือดร้อน บุษอาจจะเป็นที่รังเกียจ แล้วจะทำให้เราไปกันไม่รอด” หญิงสาวแย้งเสียงอ่อย เธอกับคนในครอบครัวเขา จะมีทางญาติดีกันเหรอ ในเมื่อเธอเคยเป็นคนที่พวกเขาตั้งป้อมรังเกียจ!! ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ เขาเอามือรองใต้คาง ตอนที่เงยหน้ามองบุษบัน “น
คนตอบสำรวมเสียงสุดๆ เมื่อพอจะรู้ใจเจ้านายดี เวลานี้หัวหอกหนุ่มของเดอะเพรสกำลังร้อนเป็นไฟ แม้จะได้ตัวเจ้าสาวมาไว้ในกำมือแล้วก็ตาม แต่หากฟื้นขึ้นมาแล้วบุษบันยืนกรานคำเดิม...คนรอบตัวของนรสิงห์ คงได้โดนหางเลขกันเป็นแถวๆ ดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ประดับไว้บนเรือนผม ด้วยฝีมือสุดประณีตของช่างมือดี ส่งให้เส้นผมดำขลับดูงดงามออร่าพุ่งแต่ขัดนัยน์ตาของชายหนุ่มที่อุทิศตัวเป็นดั่งหมอนนุ่มให้บุษบันนอนอิงเสียจริงๆ เมื่อมือเร็วเท่าความคิด ดอกไม้สุดสวยนั่นจึงถูกแกะออกมาทีละดอก ช้าๆ เมื่อชายหนุ่มบรรจงเบามือที่สุด เพื่อกันไม่ให้คนหลับหมดสติรู้ตัว ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง บ้านพักบนเนินเขา ตัวบ้านตั้งโดดเด่น...เบื้องล่างคือน้ำทะเลใสแจ๋ว เสียงคลื่นดังไกลๆ เมื่อระยะทางจากตัวบ้านถึงชายหาด อยู่สูงกว่ากันไม่ใช่เล่น บ้านอีกหนึ่งหลังของกษิดิศชญาธร มีไว้เพื่อพักผ่อนโดยเฉพาะ เขาเลือกที่นี่ เพราะมันเดินทางยาก หากไม่มีรถยนต์ก็คงต้องเดินจนขาลาก กว่าจะถึงถนนที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไป ผ่านมา&
“หึ!! หล่อนคงมีเป้าให้เกาะอยู่แล้วซิ ถึงได้กล้ากำแหง” วิภาวียังไม่วายค่อนคอด “ความจริง... หิรัญกับบุษบัน เขาเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่เขาทาบทามไว้อยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมเข้าไปแทรกไว้ก่อน” ความลับคับอก พรางพรูออกมาจากปากหนุ่มรุ่นน้อง ไม่ใช่เพื่อแก้ต่างให้บุษบัน แต่เป็นคนยืนยันเพื่อความบริสุทธิ์ของเจ้าหล่อน และมันคือความจริง “โอ้ย!! ฉันไม่อยากจะเชื่อ นี่เราหนีผู้หญิงที่ชื่อบุษบันไม่พ้นจริงๆ เหรอ?” “ตีไม่อยากจะเชื่อว่าคุณรบโกหกตี” สาวท้องแก่ครางเสียงระโหย ในคำพูดของนักรบ มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงบ้าง “แกก็เลิกงมงายกับไอ้ผัวเฮงซวยนั่นได้แล้วล่ะ... แต่ต้องถามฉันยัยตี มีเรื่องไหนบ้างที่ผัวแกมันไม่โกหกบ้าง” วิภาวีเป็นมารดาที่รักบุ
กำนันเหมโวยคนแรก ตามด้วยบิดา มารดาของแพรวนรา แต่ก็เริ่มเห็นด้วย เมื่อหิรัญพยายามอธิบาย เมื่อสิ่งที่เขากับแพรวนราทำก็เพราะความหวังดีกับเพื่อน และสั่งสอนคนอีโก้สูงให้รู้ตัว เรื่องหัวใจ จะเอาเหตุผลร้อยแปดมาคัดง้างไม่ได้ ต้องใช้ใจแลกใจเท่านั้น ดังนั้น...แพรวนรากับหิรัญ จึงได้แนวร่วมเพิ่มขึ้น เพราะบิดา มารดาของแพรวนราก็รักบุษบันไม่ต่างอะไรกับลูกในไส้ จึงสงสารชะตากรรมที่หล่อนได้พบเจอ ข่าวลือจึงถูกแพร่ออกไป จากวงสังคมแคบๆ และขยายเป็นเรื่องใหญ่ในไม่ช้า และเข้าหูของนรสิงห์จนได้บ้านกษิดิศชญาธร... “สิงห์...แม่นั่นกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนสิงห์ สิงห์รู้หรือเปล่า?” วิภาวีเดินหน้าตั้งเข้ามาถาม หลังกลับจากงานการกุศล และได้ยินข่าวซุบซิบนั่นเข้าพอดี&n
บทที่16.ตลบหลังเพื่อนจอมแสบในขณะที่เพื่อนรักกำลังจะมีความสุข...หนุ่มไฮโซ อีโก้เต็มบ่า กำลังทุกข์หนัก เก้าอี้ที่รองก้น ทั้งกระด้างและร้อน จนทนฝืนนั่งทำงานต่อไปไม่ไหว นรสิงห์ผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินมาหยุดที่ริมกระจกใส เพ่งสายตาฝ่าเปลวแดด มองท้องถนน กบผู้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมาด้วยสายตาเลื่อนลอย บุหรี่ม้วนเล็กๆ ถูกดึงออกมาจากซอง เปลวไฟลามเลียปลายม้วนเมื่อเจ้าตัวนึกอยากขึ้นมา เพราะเขาต้องการใช้ความคิด การสูบบุหรี่คือการแก้เครียดที่นรสิงห์เคยใช้ได้ผล แต่ครั้งนี้เหมือนจะไร้ประโยชน์ สารนิโคตินในบุหรี่ไม่ช่วยให้สมองของชายหนุ่มโปร่งโล่งเหมือนเคย เหมือนมีม่านควันบางๆ ไหลวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ความคิดที่เคยวิ่งฉิว เฉื่อยช้าลง... นรสิงห์ตัดสินใจดีดก้นบุหรี่ทิ้ง เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ เหมือนต้องการระบายความไม่พอใจลงบนพื้นพรม แต่กลับไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ทุกอย่างยังดูขวางหู ขวางตาไปหมด... ในที่สุด...ชายหนุ่มก็
หนุ่มตัวดำโน้มตัวลงมาใกล้ๆ “เชื่อผมมั้ยล่ะ?” เขากระซิบถาม ลมหายใจเป่ารดข้างแก้มของแพรวนรา เพราะความใกล้ชิด แถมแอบสูดกลิ่มหอมๆ ของหล่อนไปด้วย แพรวนราผงะ!! เธอเงยหน้าขึ้น แสยะยิ้ม แยกเขี้ยวให้หิรัญเมื่อกลับมาเป็นคนเดิม “คุณถอนตัวไม่ได้แล้วนะ ฉันเป็นคนจำแม่น อะไรที่เคยผ่านหู ฉันจำไม่ลืม...ถ้าทำไม่ได้อย่ามาพูด” “ตามนั้น!!” คนเอ่ยปากย้ำ เขายิ้มกว้าง มองปากอิ่มตาละห้อย เมื่อนึกอยากจุมพิตสาวสักทีแต่ไม่มีความกล้าพอ “แพรว...จูบทีได้มั้ย?” เสียงหิรัญพร่าสั่น เมื่อกลั้นใจถาม เขามองสบนัยน์ตาฉ่ำหวานของแพรวนราด้วยสายตาละห้อย นึกเสียวสันหลังวาบๆ ไม่คิดว่าแค่เริ่มต้น ตนเองก็จะ เกรง หล่อนเสียจนเป็นความกลัว ไอ้ชมรมกลัวเมียที่ผู้ชายส่วนใหญ่พูดถึง หลังแต่งงาน หรือมีชีวิตคู่ คงได้เปิดรับเขาไปเป็นสมาชิกเร