บทที่15.กับดักรัก กับดักลวง...
“ลมอะไรพัดคนงานเยอะอย่างแก...มาหาฉันได้วะ?”
นรสิงห์เงยหน้าขึ้น เขากล่าวทักเพื่อนสนิท ที่ยืนยิ้มเผล่อยู่หน้าโต๊ะทำงาน
“ฉันมาธุระด่วน!!” หิรัญขยักคำพูด เขาเดินเลี่ยงไปเปิดตู้ทำความเย็น ก้มหน้าหาน้ำเย็นดื่ม โดยมีสายตาอยากรู้ของเจ้าของห้องมองตาม
“พ่อกำนันเร่งฉันมาน่ะ เลยต้องรีบนิด...” หิรัญทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของนรสิงห์ เขายกแก้วน้ำเย็นฉ่ำขึ้นจิบช้าๆ ดึงเวลาเพื่อกระตุ้นความอยากรู้ของคนปากแข็งอีกนิด
“อะไร?”
เมื่ออดรนทนไม่ไหว...ชายหนุ่มเจ้าของห้องจึงรีบโพล่งถาม หนังตาข้างซ้ายกระตุกถ
หนุ่มบ้านนอกหัวใจพ่อพระกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน เขาไหวไหล่ ก่อนจะเดินลอยชายออกไปแบบคนอารมณ์ดี โดยที่ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้เพื่อน มันเป็นระเบิดเวลาที่รอเวลาปะทุ... ที่สำคัญคนที่เขานัดไว้...หาใช่บุษบัน แต่กลับเป็นแพรวนราแทน “ว่าไง... หมอนั่นมีอาการไงบ้าง?” สาวพกพาสะดวกยื่นหน้ามาถาม เธออยากรู้อากัปกิริยาของนรสิงห์ และยังคงเหม็นหน้าชายหนุ่มไม่สร่างซา นับตั้งแต่รู้เรื่องจากปากเพื่อนรัก หิรัญเอนตัวพิงเบาะ เขายิ้มมุมปากก่อนตอบ “มันกำลังเดือด คงกำลังคิดหาทาง ทวงเมีย คืน” บางครั้งก็อยากหัวเราะให้กับความเรื่องมากของนรสิงห์ แต่พอมาคิดอีกที วิถีชีวิตของเพื่อน ทำให้เขาจำเป็นต้องทำเช่นนั้น เมื่อนรสิงห์ไม่ใช่หนุ่มลูกทุ่ง วิ่งหาแหล่งซื้อขายมันสำปะหลังเหมือนตนเอง งา
หนุ่มตัวดำโน้มตัวลงมาใกล้ๆ “เชื่อผมมั้ยล่ะ?” เขากระซิบถาม ลมหายใจเป่ารดข้างแก้มของแพรวนรา เพราะความใกล้ชิด แถมแอบสูดกลิ่มหอมๆ ของหล่อนไปด้วย แพรวนราผงะ!! เธอเงยหน้าขึ้น แสยะยิ้ม แยกเขี้ยวให้หิรัญเมื่อกลับมาเป็นคนเดิม “คุณถอนตัวไม่ได้แล้วนะ ฉันเป็นคนจำแม่น อะไรที่เคยผ่านหู ฉันจำไม่ลืม...ถ้าทำไม่ได้อย่ามาพูด” “ตามนั้น!!” คนเอ่ยปากย้ำ เขายิ้มกว้าง มองปากอิ่มตาละห้อย เมื่อนึกอยากจุมพิตสาวสักทีแต่ไม่มีความกล้าพอ “แพรว...จูบทีได้มั้ย?” เสียงหิรัญพร่าสั่น เมื่อกลั้นใจถาม เขามองสบนัยน์ตาฉ่ำหวานของแพรวนราด้วยสายตาละห้อย นึกเสียวสันหลังวาบๆ ไม่คิดว่าแค่เริ่มต้น ตนเองก็จะ เกรง หล่อนเสียจนเป็นความกลัว ไอ้ชมรมกลัวเมียที่ผู้ชายส่วนใหญ่พูดถึง หลังแต่งงาน หรือมีชีวิตคู่ คงได้เปิดรับเขาไปเป็นสมาชิกเร
บทที่16.ตลบหลังเพื่อนจอมแสบในขณะที่เพื่อนรักกำลังจะมีความสุข...หนุ่มไฮโซ อีโก้เต็มบ่า กำลังทุกข์หนัก เก้าอี้ที่รองก้น ทั้งกระด้างและร้อน จนทนฝืนนั่งทำงานต่อไปไม่ไหว นรสิงห์ผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินมาหยุดที่ริมกระจกใส เพ่งสายตาฝ่าเปลวแดด มองท้องถนน กบผู้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมาด้วยสายตาเลื่อนลอย บุหรี่ม้วนเล็กๆ ถูกดึงออกมาจากซอง เปลวไฟลามเลียปลายม้วนเมื่อเจ้าตัวนึกอยากขึ้นมา เพราะเขาต้องการใช้ความคิด การสูบบุหรี่คือการแก้เครียดที่นรสิงห์เคยใช้ได้ผล แต่ครั้งนี้เหมือนจะไร้ประโยชน์ สารนิโคตินในบุหรี่ไม่ช่วยให้สมองของชายหนุ่มโปร่งโล่งเหมือนเคย เหมือนมีม่านควันบางๆ ไหลวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ความคิดที่เคยวิ่งฉิว เฉื่อยช้าลง... นรสิงห์ตัดสินใจดีดก้นบุหรี่ทิ้ง เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ เหมือนต้องการระบายความไม่พอใจลงบนพื้นพรม แต่กลับไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ทุกอย่างยังดูขวางหู ขวางตาไปหมด... ในที่สุด...ชายหนุ่มก็
กำนันเหมโวยคนแรก ตามด้วยบิดา มารดาของแพรวนรา แต่ก็เริ่มเห็นด้วย เมื่อหิรัญพยายามอธิบาย เมื่อสิ่งที่เขากับแพรวนราทำก็เพราะความหวังดีกับเพื่อน และสั่งสอนคนอีโก้สูงให้รู้ตัว เรื่องหัวใจ จะเอาเหตุผลร้อยแปดมาคัดง้างไม่ได้ ต้องใช้ใจแลกใจเท่านั้น ดังนั้น...แพรวนรากับหิรัญ จึงได้แนวร่วมเพิ่มขึ้น เพราะบิดา มารดาของแพรวนราก็รักบุษบันไม่ต่างอะไรกับลูกในไส้ จึงสงสารชะตากรรมที่หล่อนได้พบเจอ ข่าวลือจึงถูกแพร่ออกไป จากวงสังคมแคบๆ และขยายเป็นเรื่องใหญ่ในไม่ช้า และเข้าหูของนรสิงห์จนได้บ้านกษิดิศชญาธร... “สิงห์...แม่นั่นกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนสิงห์ สิงห์รู้หรือเปล่า?” วิภาวีเดินหน้าตั้งเข้ามาถาม หลังกลับจากงานการกุศล และได้ยินข่าวซุบซิบนั่นเข้าพอดี&n
“หึ!! หล่อนคงมีเป้าให้เกาะอยู่แล้วซิ ถึงได้กล้ากำแหง” วิภาวียังไม่วายค่อนคอด “ความจริง... หิรัญกับบุษบัน เขาเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่เขาทาบทามไว้อยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมเข้าไปแทรกไว้ก่อน” ความลับคับอก พรางพรูออกมาจากปากหนุ่มรุ่นน้อง ไม่ใช่เพื่อแก้ต่างให้บุษบัน แต่เป็นคนยืนยันเพื่อความบริสุทธิ์ของเจ้าหล่อน และมันคือความจริง “โอ้ย!! ฉันไม่อยากจะเชื่อ นี่เราหนีผู้หญิงที่ชื่อบุษบันไม่พ้นจริงๆ เหรอ?” “ตีไม่อยากจะเชื่อว่าคุณรบโกหกตี” สาวท้องแก่ครางเสียงระโหย ในคำพูดของนักรบ มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงบ้าง “แกก็เลิกงมงายกับไอ้ผัวเฮงซวยนั่นได้แล้วล่ะ... แต่ต้องถามฉันยัยตี มีเรื่องไหนบ้างที่ผัวแกมันไม่โกหกบ้าง” วิภาวีเป็นมารดาที่รักบุ
คนตอบสำรวมเสียงสุดๆ เมื่อพอจะรู้ใจเจ้านายดี เวลานี้หัวหอกหนุ่มของเดอะเพรสกำลังร้อนเป็นไฟ แม้จะได้ตัวเจ้าสาวมาไว้ในกำมือแล้วก็ตาม แต่หากฟื้นขึ้นมาแล้วบุษบันยืนกรานคำเดิม...คนรอบตัวของนรสิงห์ คงได้โดนหางเลขกันเป็นแถวๆ ดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ประดับไว้บนเรือนผม ด้วยฝีมือสุดประณีตของช่างมือดี ส่งให้เส้นผมดำขลับดูงดงามออร่าพุ่งแต่ขัดนัยน์ตาของชายหนุ่มที่อุทิศตัวเป็นดั่งหมอนนุ่มให้บุษบันนอนอิงเสียจริงๆ เมื่อมือเร็วเท่าความคิด ดอกไม้สุดสวยนั่นจึงถูกแกะออกมาทีละดอก ช้าๆ เมื่อชายหนุ่มบรรจงเบามือที่สุด เพื่อกันไม่ให้คนหลับหมดสติรู้ตัว ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง บ้านพักบนเนินเขา ตัวบ้านตั้งโดดเด่น...เบื้องล่างคือน้ำทะเลใสแจ๋ว เสียงคลื่นดังไกลๆ เมื่อระยะทางจากตัวบ้านถึงชายหาด อยู่สูงกว่ากันไม่ใช่เล่น บ้านอีกหนึ่งหลังของกษิดิศชญาธร มีไว้เพื่อพักผ่อนโดยเฉพาะ เขาเลือกที่นี่ เพราะมันเดินทางยาก หากไม่มีรถยนต์ก็คงต้องเดินจนขาลาก กว่าจะถึงถนนที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไป ผ่านมา&
หญิงสาวรวบผ้าห่มชิดตัวมากขึ้น เมื่อใต้ผืนผ้าหนาๆ เธอมีแค่อันเดอร์แวร์สองชิ้น เสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ อันตทานหายไปจนหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไร้สติ... “ฉันไม่สัญญาหรอกนะว่าจะทำตัวเป็นคนดี ฉันก็เป็นฉันแบบนี้แหละ แต่รับประกัน ฉันไม่ใช่คนเหลาะแหละ ฉันมั่นใจเชียว ว่าฉันสามรถดูแลเธอกับลูกได้ ในอนาคต” นรสิงห์ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่บนพื้นเตียง เตียงหนาไหวยวบ เมื่อน้ำหนักตัวนรสิงห์ไม่ใช่น้อยๆ เลย “บุษกลัวว่า...บุษจะทำให้คุณเดือดร้อน บุษอาจจะเป็นที่รังเกียจ แล้วจะทำให้เราไปกันไม่รอด” หญิงสาวแย้งเสียงอ่อย เธอกับคนในครอบครัวเขา จะมีทางญาติดีกันเหรอ ในเมื่อเธอเคยเป็นคนที่พวกเขาตั้งป้อมรังเกียจ!! ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ เขาเอามือรองใต้คาง ตอนที่เงยหน้ามองบุษบัน “น
“อะ!!” ร่างเล็กๆ สั่นระริก เธอขยุ้มผ้าใต้ฝ่ามือแน่น หลับตาพริ้มและเปล่งเสียงครางสั่นๆเมื่อเขาแทรกปลายนิ้วแข็งๆ เข้าไปด้านใน และขยับเคลื่อนไหวช้าๆ“อย่า...อย่าทำแบบนั้น ได้โปรด?!!” บุษบันครางเสียงหลง สะโพกผายส่ายสะบัดเหมือนปีกผีเสื้อ ไม่อาจจะขัดขืนความรู้สึกนี้ได้เลย เพราะเมื่อชายหนุ่มเข้าใกล้เขาทำให้เธออ่อนปวกเปียกเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟรนทุกครั้ง...ร่างกายของเธอมันทรยศ มันไม่ฟังคำสั่งจากสมอง เมื่อมันสนองตอบชายหนุ่มและยินยอมให้เขาทำตามอำเภอใจมุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม เข้าเหลือบมองใบหน้าบิดเบี้ยวของหญิงสาวหวานใจ ใบหน้างดงามแดงก่ำเธอแสดงออกถึงความพร้อมพรั่ง!! สารหล่อลื่นในร่างกายถูกขับออกมาจนเปียกเปรอะเนืองนอง และไม่ว่าเขาจะจับหันซ้ายหันขวา เธอก็พร้อมและเต็มใจที่จะสนองตอบอยู่แล้ว เสียงครางระส่ำช่วยยืนยันความคิดของเขาชายหนุ่มโหย่งตัวขึ้น ชักปลายนิ้วออกมาจากแอ่งสวรรค์ จรดแก่นกายแข็งตึงแนบเนินเนื้ออวบอิ่ม เขารวบเรียวขาเพรียวยาวไว้ที่ท้องแขนก่อนจะกดสะโพกสอบ บรรจงเสือกเสยความอลังการกับความอวบอูมเต็มแรง!!“อืมมมม...ซี๊ดดดดด
“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะดังไล่หลังมา “อย่าวิ่งสิบุษ เธอท้องอยู่นะ!!” แต่เมื่อนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มตะโกนห้ามเสียงหลง เมื่อบุษบันกำลังมี ‘เจ้าตัวเล็ก’ นอนตีพุงอยู่ในท้องเจ้าหล่อนสายเลือดกษิดิศชญาธร ที่มาในจังหวะเหมาะเหม็ง ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีข้ออ้างในการย้อนกลับมาหาเธอ “ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้บุษท้อง” เสียงเปรยแผ่วๆ ของผู้ชายตัวใหญ่...นรสิงห์เดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เขาเองก็ต้องรีบอาบน้ำ จะได้ออกไปจัดการอะไรๆ ให้มันเสร็จสมบูรณ์สักที ไม่คิดว่าตนเองจะยอมทิ้งชีวิตอิสระ แต่เมื่อคิดดูดีๆ มันก็ไม่ได้แย่นัก หากจะมีคนยืนข้างๆ มีความห่วงใยให้กัน มีความผูกพัน...นับจากนี้ไปตลอดจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ตื้ด...&nbs
“แล้วเธอล่ะบุษ...คิดอะไรกับฉันมั้ย?” ชายหนุ่มย้อนถาม เขามองผิวแก้วสีระเรื่อตาพราว บุษบันหน้าร้อนฉ่า คำถามที่เธอรู้คำตอบดี แต่ตอนนี้ไม่มีความกล้าพอ... เมื่อผู้ชายตรงหน้า เป็นคนแรกที่เข้าถึงตัว ทุกสิ่งในร่างกายตนเองไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขา...แถมซ้ำ...ในท้องเธอ มีสายเลือดของเขานอนตีแปลงอยู่ด้วย แบบนี้...เธอจะไม่รักเขา...ได้ยังไง แต่นรสิงห์ชิงพูดเสียก่อน... ‘The great big day in my life has begun when you come into my heart.’ วันดีๆ ในชีวิตฉัน...ได้เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่วันที่ฉันมีเธอ... ผิวแก้มเธอร้อนฉ่า ดวงตาพร่าเพราะน้ำตาเอ่อ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสำคัญกับเขาขนาดนั
“อะ!!” ร่างเล็กๆ สั่นระริก เธอขยุ้มผ้าใต้ฝ่ามือแน่น หลับตาพริ้มและเปล่งเสียงครางสั่นๆเมื่อเขาแทรกปลายนิ้วแข็งๆ เข้าไปด้านใน และขยับเคลื่อนไหวช้าๆ“อย่า...อย่าทำแบบนั้น ได้โปรด?!!” บุษบันครางเสียงหลง สะโพกผายส่ายสะบัดเหมือนปีกผีเสื้อ ไม่อาจจะขัดขืนความรู้สึกนี้ได้เลย เพราะเมื่อชายหนุ่มเข้าใกล้เขาทำให้เธออ่อนปวกเปียกเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟรนทุกครั้ง...ร่างกายของเธอมันทรยศ มันไม่ฟังคำสั่งจากสมอง เมื่อมันสนองตอบชายหนุ่มและยินยอมให้เขาทำตามอำเภอใจมุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม เข้าเหลือบมองใบหน้าบิดเบี้ยวของหญิงสาวหวานใจ ใบหน้างดงามแดงก่ำเธอแสดงออกถึงความพร้อมพรั่ง!! สารหล่อลื่นในร่างกายถูกขับออกมาจนเปียกเปรอะเนืองนอง และไม่ว่าเขาจะจับหันซ้ายหันขวา เธอก็พร้อมและเต็มใจที่จะสนองตอบอยู่แล้ว เสียงครางระส่ำช่วยยืนยันความคิดของเขาชายหนุ่มโหย่งตัวขึ้น ชักปลายนิ้วออกมาจากแอ่งสวรรค์ จรดแก่นกายแข็งตึงแนบเนินเนื้ออวบอิ่ม เขารวบเรียวขาเพรียวยาวไว้ที่ท้องแขนก่อนจะกดสะโพกสอบ บรรจงเสือกเสยความอลังการกับความอวบอูมเต็มแรง!!“อืมมมม...ซี๊ดดดดด
หญิงสาวรวบผ้าห่มชิดตัวมากขึ้น เมื่อใต้ผืนผ้าหนาๆ เธอมีแค่อันเดอร์แวร์สองชิ้น เสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ อันตทานหายไปจนหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไร้สติ... “ฉันไม่สัญญาหรอกนะว่าจะทำตัวเป็นคนดี ฉันก็เป็นฉันแบบนี้แหละ แต่รับประกัน ฉันไม่ใช่คนเหลาะแหละ ฉันมั่นใจเชียว ว่าฉันสามรถดูแลเธอกับลูกได้ ในอนาคต” นรสิงห์ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่บนพื้นเตียง เตียงหนาไหวยวบ เมื่อน้ำหนักตัวนรสิงห์ไม่ใช่น้อยๆ เลย “บุษกลัวว่า...บุษจะทำให้คุณเดือดร้อน บุษอาจจะเป็นที่รังเกียจ แล้วจะทำให้เราไปกันไม่รอด” หญิงสาวแย้งเสียงอ่อย เธอกับคนในครอบครัวเขา จะมีทางญาติดีกันเหรอ ในเมื่อเธอเคยเป็นคนที่พวกเขาตั้งป้อมรังเกียจ!! ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ เขาเอามือรองใต้คาง ตอนที่เงยหน้ามองบุษบัน “น
คนตอบสำรวมเสียงสุดๆ เมื่อพอจะรู้ใจเจ้านายดี เวลานี้หัวหอกหนุ่มของเดอะเพรสกำลังร้อนเป็นไฟ แม้จะได้ตัวเจ้าสาวมาไว้ในกำมือแล้วก็ตาม แต่หากฟื้นขึ้นมาแล้วบุษบันยืนกรานคำเดิม...คนรอบตัวของนรสิงห์ คงได้โดนหางเลขกันเป็นแถวๆ ดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ประดับไว้บนเรือนผม ด้วยฝีมือสุดประณีตของช่างมือดี ส่งให้เส้นผมดำขลับดูงดงามออร่าพุ่งแต่ขัดนัยน์ตาของชายหนุ่มที่อุทิศตัวเป็นดั่งหมอนนุ่มให้บุษบันนอนอิงเสียจริงๆ เมื่อมือเร็วเท่าความคิด ดอกไม้สุดสวยนั่นจึงถูกแกะออกมาทีละดอก ช้าๆ เมื่อชายหนุ่มบรรจงเบามือที่สุด เพื่อกันไม่ให้คนหลับหมดสติรู้ตัว ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง บ้านพักบนเนินเขา ตัวบ้านตั้งโดดเด่น...เบื้องล่างคือน้ำทะเลใสแจ๋ว เสียงคลื่นดังไกลๆ เมื่อระยะทางจากตัวบ้านถึงชายหาด อยู่สูงกว่ากันไม่ใช่เล่น บ้านอีกหนึ่งหลังของกษิดิศชญาธร มีไว้เพื่อพักผ่อนโดยเฉพาะ เขาเลือกที่นี่ เพราะมันเดินทางยาก หากไม่มีรถยนต์ก็คงต้องเดินจนขาลาก กว่าจะถึงถนนที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไป ผ่านมา&
“หึ!! หล่อนคงมีเป้าให้เกาะอยู่แล้วซิ ถึงได้กล้ากำแหง” วิภาวียังไม่วายค่อนคอด “ความจริง... หิรัญกับบุษบัน เขาเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่เขาทาบทามไว้อยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมเข้าไปแทรกไว้ก่อน” ความลับคับอก พรางพรูออกมาจากปากหนุ่มรุ่นน้อง ไม่ใช่เพื่อแก้ต่างให้บุษบัน แต่เป็นคนยืนยันเพื่อความบริสุทธิ์ของเจ้าหล่อน และมันคือความจริง “โอ้ย!! ฉันไม่อยากจะเชื่อ นี่เราหนีผู้หญิงที่ชื่อบุษบันไม่พ้นจริงๆ เหรอ?” “ตีไม่อยากจะเชื่อว่าคุณรบโกหกตี” สาวท้องแก่ครางเสียงระโหย ในคำพูดของนักรบ มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงบ้าง “แกก็เลิกงมงายกับไอ้ผัวเฮงซวยนั่นได้แล้วล่ะ... แต่ต้องถามฉันยัยตี มีเรื่องไหนบ้างที่ผัวแกมันไม่โกหกบ้าง” วิภาวีเป็นมารดาที่รักบุ
กำนันเหมโวยคนแรก ตามด้วยบิดา มารดาของแพรวนรา แต่ก็เริ่มเห็นด้วย เมื่อหิรัญพยายามอธิบาย เมื่อสิ่งที่เขากับแพรวนราทำก็เพราะความหวังดีกับเพื่อน และสั่งสอนคนอีโก้สูงให้รู้ตัว เรื่องหัวใจ จะเอาเหตุผลร้อยแปดมาคัดง้างไม่ได้ ต้องใช้ใจแลกใจเท่านั้น ดังนั้น...แพรวนรากับหิรัญ จึงได้แนวร่วมเพิ่มขึ้น เพราะบิดา มารดาของแพรวนราก็รักบุษบันไม่ต่างอะไรกับลูกในไส้ จึงสงสารชะตากรรมที่หล่อนได้พบเจอ ข่าวลือจึงถูกแพร่ออกไป จากวงสังคมแคบๆ และขยายเป็นเรื่องใหญ่ในไม่ช้า และเข้าหูของนรสิงห์จนได้บ้านกษิดิศชญาธร... “สิงห์...แม่นั่นกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนสิงห์ สิงห์รู้หรือเปล่า?” วิภาวีเดินหน้าตั้งเข้ามาถาม หลังกลับจากงานการกุศล และได้ยินข่าวซุบซิบนั่นเข้าพอดี&n
บทที่16.ตลบหลังเพื่อนจอมแสบในขณะที่เพื่อนรักกำลังจะมีความสุข...หนุ่มไฮโซ อีโก้เต็มบ่า กำลังทุกข์หนัก เก้าอี้ที่รองก้น ทั้งกระด้างและร้อน จนทนฝืนนั่งทำงานต่อไปไม่ไหว นรสิงห์ผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินมาหยุดที่ริมกระจกใส เพ่งสายตาฝ่าเปลวแดด มองท้องถนน กบผู้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมาด้วยสายตาเลื่อนลอย บุหรี่ม้วนเล็กๆ ถูกดึงออกมาจากซอง เปลวไฟลามเลียปลายม้วนเมื่อเจ้าตัวนึกอยากขึ้นมา เพราะเขาต้องการใช้ความคิด การสูบบุหรี่คือการแก้เครียดที่นรสิงห์เคยใช้ได้ผล แต่ครั้งนี้เหมือนจะไร้ประโยชน์ สารนิโคตินในบุหรี่ไม่ช่วยให้สมองของชายหนุ่มโปร่งโล่งเหมือนเคย เหมือนมีม่านควันบางๆ ไหลวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ความคิดที่เคยวิ่งฉิว เฉื่อยช้าลง... นรสิงห์ตัดสินใจดีดก้นบุหรี่ทิ้ง เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ เหมือนต้องการระบายความไม่พอใจลงบนพื้นพรม แต่กลับไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ทุกอย่างยังดูขวางหู ขวางตาไปหมด... ในที่สุด...ชายหนุ่มก็
หนุ่มตัวดำโน้มตัวลงมาใกล้ๆ “เชื่อผมมั้ยล่ะ?” เขากระซิบถาม ลมหายใจเป่ารดข้างแก้มของแพรวนรา เพราะความใกล้ชิด แถมแอบสูดกลิ่มหอมๆ ของหล่อนไปด้วย แพรวนราผงะ!! เธอเงยหน้าขึ้น แสยะยิ้ม แยกเขี้ยวให้หิรัญเมื่อกลับมาเป็นคนเดิม “คุณถอนตัวไม่ได้แล้วนะ ฉันเป็นคนจำแม่น อะไรที่เคยผ่านหู ฉันจำไม่ลืม...ถ้าทำไม่ได้อย่ามาพูด” “ตามนั้น!!” คนเอ่ยปากย้ำ เขายิ้มกว้าง มองปากอิ่มตาละห้อย เมื่อนึกอยากจุมพิตสาวสักทีแต่ไม่มีความกล้าพอ “แพรว...จูบทีได้มั้ย?” เสียงหิรัญพร่าสั่น เมื่อกลั้นใจถาม เขามองสบนัยน์ตาฉ่ำหวานของแพรวนราด้วยสายตาละห้อย นึกเสียวสันหลังวาบๆ ไม่คิดว่าแค่เริ่มต้น ตนเองก็จะ เกรง หล่อนเสียจนเป็นความกลัว ไอ้ชมรมกลัวเมียที่ผู้ชายส่วนใหญ่พูดถึง หลังแต่งงาน หรือมีชีวิตคู่ คงได้เปิดรับเขาไปเป็นสมาชิกเร