บทที่ 17 ร้อนตัวในระหว่างทางหลันจิงที่นั่งคู่มากับจื่อหลงเห็นว่าชายหนุ่มมีเลือดไหลตรงหัวไหล่ จึงรับฉีกชายชุดของตน“ท่านยื่นแขนมาสิ เลือดไหลใกล้จะหมดตัวแล้วกระมัง”กล่าวจบนางไม่สนใจธรรมเนียมอันใดอีก รีบกระเถิบเข้ามาใกล้แล้วเอาชายผ้านั้นพันแผลห้ามเลือดไว้ทันที“ขอบคุณท่านมาที่ปกป้องฮูหยินไว้”แม้จะยังดูมึนงงกับการกระทำของหลันจิง แต่เขายังคงยื่นแขนให้นางทำแผลโดยไม่ปริปากอะไร เมื่อเห็นว่าแขนโดนพันเรียบร้อยจึงกล่าวขอบคุณ“ขอบคุณแม่นางหลันจิงมากที่ช่วยทำแผลให้ หน้าที่ของข้าคือปกป้องฮูหยินจากภัยอันตราย ครั้งนี้ข้าพลาดพลั้งเพราะวรยุทธ์ของข้ากลับคืนมาแค่ไม่กี่ส่วน แม้ว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่ยังไม่เป็นที่พอใจของข้า”ต่อให้ร่างกายแข็งแรงและพละกำลังกลับมาแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่พอใจของจื่อหลง เขายังคิดว่าวรยุทธ์นั้นยังกลับมาไม่เต็มสิบส่วน“ท่านดูแลความปลอดภัยให้ฮูหยินก็จริงอยู่ แต่ท่านต้องดูแลตัวเองด้วย หากท่านเป็นอะไรขึ้นมาต่อไปใครจะปกป้องนายท่านกับนายหญิงกันเล่า”หลันจิงไม่วายที่จะบ่นออกมา จื่อหลงได้เพียงมองใบหน้าหวานของหลันจิงแต่ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นจึงตั้งใจบังคับม้าเพื่อให้ไปถึง
บทที่ 18 อย่าให้ข้าต้องร้ายทันทีที่ได้ยินว่าองค์ชายรองมาเยือนที่จวน เหอชิงลี่ยิ้มกว้างขึ้นมา นางคิดว่าหลานหมิงฮ่าวย่อมต้องมาเพราะคิดถึงนางเป็นแน่“ถวายพระพรเพคะองค์ชายรอง”ฮูหยินรองและเหอชิงลี่ต่างก็ย่อตัวทำความเคารพรวมถึงบ่าวและสาวใช้ที่อยู่ในบริเวณนี้“ไม่ต้องมากพิธี วันนี้เปิ่นหวางไม่ได้มาด้วยเรื่องอันใดหรอก เพียงแต่เปิ่นหวางรู้ข่าวว่าหลันฮวาโดนนักฆ่าโจมตีและคิดว่าทางจวนเหอน่าจะพอรู้เรื่องบ้าง”สายตาคมมองไปทางเหอชิงลี่และฮูหยินรองอย่างไม่ปิดบังความคิดเหอชิงลี่ไม่คิดว่าจะโดนถามเช่นนี้ นางจึงมีอาการร้อนรนอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ผิดกับแม่ของนางที่ยังมีอาการสงบนิ่ง“หม่อมฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่พระองค์กล่าว คุณหนูใหญ่ในเวลานี้ได้ย้ายออกจากจวนไปพร้อมกับสามีของนางร่วมเดือนแล้วเพคะ หม่อมฉันจะทราบได้อย่างไรว่านางมีกลุ่มนักฆ่าโจมตี”“นั่นสินะ เปิ่นหวางคิดว่าพวกท่านย่อมต้องไม่รู้เรื่องเป็นแน่ เพราะไม่ว่าผู้ใดที่คิดจะเล่นงานหลันฮวา เปิ่นหวางย่อมต้องไม่ปล่อยให้มันผู้นั้นมีชีวิตอยู่ต่อไป”หลานหมิงฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมสื่อให้รู้ว่าเขาหมายความอย่างที่พูด“พระองค์พูดเช่นนี้หมายความว่าเช่นไร
บทที่ 19 ตั้งครรภ์ไม่ว่าผู้ใดที่อยู่ภายในเรือนนี้ทันทีที่ได้ยินเสียงของเหอหลันฮวา ต้องหันกลับมามองนางเป็นตาเดียวเนื่องจากด้วยรูปกายของนางนั้นดูอ่อนหวานและนุ่มนวล จึงไม่คิดว่าคำพูดพวกนี้นางจะกล้าพูดออกมา“ฮวาเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าอย่างไร”ฟ่านเทียนเผยเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“ข้ากำลังพูดว่าไม่ฆ่า เพราะฆ่าไปก็ตายเปล่า แต่ข้ามีวิธีที่ดีกว่านั้น จื่อกวงขอมีดสั้นหน่อย”เหอหลันฮวายิ้มเหี้ยมเดินเข้าใกล้กลุ่มนักฆ่า โดยมีจื่อกวงเดินตามไม่ห่าง แม้ว่าจะมัดมือของโจรทั้งสองไว้ก็ตาม“ฮูหยินจะทำเช่นไรกับโจรทั้งสองคนนี้ขอรับ ให้บ่าวจัดการเองดีกว่า ในเวลานี้นายท่านยังต้องการฮูหยินและมือของฮูหยินไม่ควรที่จะเปื้อนเลือดขอรับ”จื่อกวงกล่าว เขาไม่ต้องการให้ฮูหยินมือเปื้อนเลือด การที่นายท่านไม่ได้มาด้วยเช่นนี้ร่างกายของนายท่านเองต้องเกิดปัญหา เนื่องจากร่างกายของนายท่านในอดีตได้รับพิษ พวกเขาสี่พี่น้องเช่นกันแต่ไม่ร้ายแรงเท่ากับของนายท่านและเมื่อโดนจับตัวมาในโรงค้าทาสยิ่งมาโดนยาของพวกค้าทาสเข้าไปอีก วรยุทธ์ต่าง ๆ จึงแทบใช้การไม่ได้ ต้องมองนายเหนือหัวโดนซื้อตัวไป ทว่าดีหน่อยที่นายท่านพบเจอกับฮูหยิน และทำให้เขา
บทที่ 20 องค์หญิงแคว้นเว่ยเหอฉินเทาคล้ายกับมีไม้ใหญ่ฟาดเข้ามากลางศีรษะ เขาใช้เวลาปะติดปะต่อเรื่องไม่นานก็สามารถหาคำตอบได้ จากนั้นจึงมองหน้าภรรยารองของตนและบุตรสาวที่รักด้วยสายตายากจะคาดเดา“ข้าจะเข้าไปคุยกับฝ่าบาทในเรื่องนี้ ทว่าข้าไม่สามารถรับปากได้ว่าพระองค์จะจัดการเรื่องนี้ยังไง อย่างน้อยเจ้าคงได้เข้าไปอยู่ในตำหนักขององค์ชายรองเพราะในท้องของเจ้ามีเชื้อพระวงศ์ และนี่คงทำให้เจ้ายังมีชีวิตอยู่ส่วนเจ้าตู้เหนียง จบเรื่องของลี่เอ๋อร์ ข้าจะลดขั้นเจ้าเป็นอนุเช่นเดิม อย่าคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลันฮวาข้าจะไม่รู้ว่าเป็นการกระทำของเจ้าสองแม่ลูก”เหอเฉินเทากล่าวจบจึงสะบัดชายเสื้อเดินจากไปพร้อมกับฮูหยินผู้เฒ่า ปล่อยให้สองแม่ลูกยืนมองหน้ากันด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเรื่องทุกอย่างจะออกมาแบบนี้ ผู้ที่ยังมีความดีใจกับเรื่องนี้คงเป็นเหอชิงลี่ที่คิดว่าอย่างน้อยนางยังต้องได้เข้าไปอยู่ในตำหนักขององค์ชายรองจวนสกุลฟ่าน หลังจากที่ทุกคนมาอยู่กันพร้อมหน้าและพูดคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้น นายท่านผู้เฒ่าฟ่านและฮูหยินของตนได้กล่าวขอบคุณเว่ยอิ้งเหมยอีกครั้ง“ในนามผู้นำตระกูลฟ่าน ครั้งนี้ข้าขอขอบใจเจ้ามากที่ช่วยห
บทที่ 21 ข่าวจากเมืองหลวงยามอิ๋น (03.00 – 04.59 น.) อาเฟยตื่นขึ้นมาเขามองสตรีที่นอนข้างกายด้วยความรักและเสน่หา ไม่ว่าในความฝันนั้นไม่ได้น่ากลัวเลยหากมีนางข้างกาย เขาจำได้เพียงว่าตัวเองนั้นส่งเสียงเรียกนางอย่างบ้าคลั่ง จวบจนได้ยินเสียงนางกล่าวปลอบประโลมดังเข้ามา แม้ว่าจะไม่เห็นว่านางอยู่ที่ใด แต่หัวใจเขานั้นกลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกใบหน้าของอาเฟยโน้มเข้าหาภรรยารัก ก่อนจะค่อย ๆ ประกบปากตนเองลงไปอย่างอ่อนโยน ใจหนึ่งกลัวว่านางจะตื่น แต่อีกใจเกิดต้องการนางขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เหอหลันฮวานางเริ่มรู้สึกตัวเมื่อมีคนมาคลอเคลียที่ใบหน้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าเป็นผู้ใด นางจึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ท่านพี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”“อืม ข้าตื่นแล้ว เพียงแต่เมื่อคืนข้าฝันร้าย ในฝันคล้ายกับข้าอยู่ในที่ไม่คุ้นชิน และข้าไม่เห็นเจ้าอยู่ข้างกาย”อาเฟยบอกกล่าวอย่างไม่ปิดบัง เพียงแต่ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เขาได้ยินสี่องครักษ์เรียกเขาว่าไท่จื่อ“ข้าก็อยู่นี่แล้วนี่เจ้าคะ ท่านพี่อย่าได้กังวลใจ อาจจะเป็นผลกระทบจากยาที่ข้าปรุงขึ้นมา ไม่แน่ว่าเมื่อท่านได้รับยาถอนพิษ ความทรงจำท่านอาจจะกลับมาทั้งหมด และข้าเชื่อว่
บทที่ 22 หารือร่วมกัน“พวกเจ้าทั้งสามคนคิดว่าอย่างไร”“แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฮวาเอ๋อร์ส่งข่าวมาเช่นนี้ แต่จะไม่ให้เชื่อถือเลยเป็นไปไม่ได้ขอรับท่านลุง ดังนั้นข้าจึงคิดว่าเรื่องนี้พวกเราควรใช้คนที่ไว้ใจได้ สืบหาความจริงไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องขึ้นมา แคว้นหลานของเราต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดก็ใช่ว่าจะเอาชนะแคว้นเว่ยได้ อีกทั้งแคว้นหลานและแคว้นเว่ยไม่เคยมีเรื่องผิดใจกันมาก่อนจนต้องก่อสงคราม”เหอซือเหวินกล่าวตามความคิดของตน“สิ่งที่เจ้ารองกล่าวมานั้นมีความเป็นไปได้ขอรับ ข้าเชื่อว่าหากเมื่อไหร่ที่แม่ทัพของแคว้นเว่ยยังคงเป็นไท่จื่อ แคว้นหลานของเราแทบจะหาทางเอาชนะได้ยาก อย่าลืมนะขอรับว่าเขาคือเทพสงครามตัวจริง”เหอซือหมิงกล่าว ตัวเขาไม่เคยกลัวสงคราม แต่หากเทียบถึงความแข็งแกร่งระหว่างสองแคว้นโดยแคว้นเว่ยนำทัพด้วยไท่จื่อ ยากที่แคว้นหลานจะต่อกรได้ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าทหารในกองทัพของไท่จื่อล้วนแต่มีความสามารถ และแข็งแกร่งแค่ไหน“อืม เช่นนั้นเจ้าทั้งสามคนไปจัดการเถอะ จบเรื่องนี้แล้วข้าคิดว่าพวกเจ้าควรจะกลับเมืองหลวงเสียหน่อย ทางนี้ข้าอยู่ก็พอแล้ว”จากนั้นทั้งสามคนจึงออกมาจากกระโจมของแม่ทัพใหญ่และไป
บทที่ 23 รักษาพิษให้อาเฟย“ข้าล่ะจนใจกับเจ้าสองคนพี่น้องเสียจริง เอาเถอะจะพูดจะกล่าวเช่นไรข้าไม่ห้ามแล้ว ส่วนท่าน คุณชายรองเผย ท่านต่างจากพี่ชายของท่านนัก รายนั้นแทบจะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา”“แม่นางอิ้งเหมย แม่นางกล่าวเช่นนี้คล้ายกับรู้จักพี่ชายของข้าใช่หรือไม่”ฟ่านเทียนเผยเอ่ยถาม ทำไมคำพูดขององค์หญิงคล้ายกับรู้จักและเคยพบเจอกันมาก่อน แต่ในเมื่อชายแดนทั้งสองแคว้นติดกันย่อมอาจจะเคยพบปะหน้าตากันบ้าง“จะว่ารู้จักหรือไม่ ข้าเองตอบไม่ได้ เอาเป็นว่าเคยพบหน้าแต่ข้าไม่อยู่ในสายตาของรองแม่ทัพฟ่านก็แล้วกัน”เรื่องนี้นางไม่ได้กล่าวเกินจริง ตัวนางใบหน้าไม่ขี้เหร่ เชื่อหรือไม่ว่าบุรุษผู้นั้นและนางเดินแทบจะหน้าชนกันอยู่แล้ว นางกลับไม่อยู่ในสายตาของเขา จนนางเชื่อไปแล้วว่าฟ่านจือหานคือชายตัดเสื้อ“ท่านคงพบเจอพี่ใหญ่ตอนที่เขากำลังอยู่ในหน้าที่หรือไม่เล่า และตัวเขาจะมีอีกสองหนุ่มข้างกายเสมอมาเวลาไปที่ใด คนหนึ่งชื่อเหอซือหมิงเป็นรองแม่ทัพ อีกคนหนึ่งคือกุนซือของกองทัพฟ่าน และทั้งสองคือพี่ชายของฮวาเอ๋อร์”ฟ่านเทียนเผยร่ายยาว เขากลัวว่าองค์หญิงต่างแคว้นผู้นี้จะคิดว่าพี่ชายเขาจะเป็นชายตัดแขนเสื้อน่ะสิ รายน
บทที่ 24 ความทรงจำที่ขาดหาย“กระหม่อมต้องรู้จักพระองค์อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อพระองค์เป็น...”เขากำลังจะพูดประโยคต่อจากนี้แต่กลับโดนเหอหลันฮวาดึงชายเสื้อไว้เสียก่อน และส่ายหน้าไม่ให้พี่ชายต่างแซ่พูดเรื่องอันใดที่ไม่ควรออกมา“เจ้ากำลังจะบอกว่า ข้าคือน้องเขยเจ้าและเป็นหลานเขยของตระกูลฟ่านใช่หรือไม่”เมื่อประโยคนี้หลุดออกจากปากของอาเฟย หรือเว่ยเฟยหลง รัชทายาทของแคว้นเว่ย ฟ่านเทียนเผยจึงมองด้วยความตกตะลึงเว่ยอิ้งเหมยยิ้มกว้างและออกมาจากอ้อมกอดของพี่ชาย“เจ้าล่ะ ฮวาเอ๋อร์ไม่คิดจะกอดสามีผู้นี้บ้างหรือไง หรือเพราะว่าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นไท่จื่อจากแคว้นเว่ยจึงคิดจะตีจาก หากเจ้าคิดเช่นนั้น ข้ากล้าประกาศได้เลยว่าข้าจะถล่มแคว้นหลานให้ราบเป็นหน้ากลองทันที”เหอหลันฮวาเงยหน้ามองทั้งน้ำตา ตัวนางนั้นไม่สนใจในอดีตของสามีว่าเป็นผู้ใด นางรู้เพียงว่าเขาคือดวงใจของนางเท่านั้นเป็นพอ“ท่านพี่!”อาเฟยอ้าแขนทั้งสองข้างรอภรรยารักของตน เหอหลันฮวาไม่รอช้าโถมตัวเข้าหาอ้อมแขนที่เธอรอมาตลอด ความกลัวที่มีก่อนหน้านี้กลับสลายหายไปในทันที“ข้ากลับมาแล้ว ความทรงจำข้ากลับมาแล้ว รวมถึงความทรงจำที่มีต่อเจ้าและความรักที่มีให้
บทส่งท้าย ชีวิตที่สงบอย่างที่ต้องการเว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรชายทั้งสองกลับมาถึงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย เขาก็ได้รับพระราชทานให้ไปอยู่ที่ตำหนักบูรพา ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมารับหลานทั้งสองและได้เจอลูกสะใภ้ ด้วยความเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อน กิริยาของเหอหลันฮวาก็เพียบพร้อม ไม่มีใครกล้ามาตำหนินางได้ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองรักและหลงหลานชายเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้ประกาศราชโองการสละราชสมบัติ ให้เว่ยเฟยหลงขึ้นครองราชย์ต่อจากเขา จากที่ฮองเฮาเตรียมจัดงานแต่งตั้งพระชายาเอกขององค์รัชทายาท กลับกลายมาเป็นงานเฉลิมฉลองขึ้นครองราชย์ของเว่ยเฟยหลงเหอหลันฮวาถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา บุตรชายทั้งสองได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ชาย อดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮา ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง มีตำหนักเป็นของตนเอง สิ่งที่ทั้งสองโปรดปรานในตอนนี้คือการเลี้ยงดูหลานทั้งสองในตอนนี้ เหอหลันฮวากำลังนั่งสนทนากับพี่ชายอยู่ตำหนักของนาง“พี่รองคิดดีแล้วหรือ?”นางกล่าวถามพี่ชายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่เหอซือเหวินบอกกล่าวกับนางเรื่องที่เขาต้องการจะลาออกจากราชการมาอยู่ใกล้นาง เพื่อปกป้องนางและหลานน้อยทั้งสอง เหอหลันฮวารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่
บทที่ 64 กบฏแคว้นหลานหลังจากที่เหอหลันฮวาคลอดบุตรชายทั้งสองครบสามเดือน เว่ยเฟยหลงก็ตัดสินใจพานางและบุตรชายกลับไปที่แคว้นเว่ย เนื่องจากทางฮ่องเต้และฮองเฮาเร่งรัดมาเพื่ออยากเจอหน้าหลานชายทั้งสองและก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นในแคว้นหลาน ฮ่องเต้สวรรคตเนื่องจากฝีมือขององค์ชายรองเป็นผู้กระทำ องค์ชายรองต้องการแต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ แต่เพราะไม่มีราชโองการแต่งตั้ง และตอนนี้เขากำลังหาตราประทับของฮ่องเต้จึงยื้อเวลาเอาไว้หลานหยางคุนให้เว่ยเฟยหลงพาทุกคนกลับแคว้นเว่ยไป เพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ในครั้งนี้เหอหลันฮวาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นสักวัน นางจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า พร้อมกับเตรียมการตั้งรับ“องค์ชายสาม ท่านพาคนบุกเข้าไปในวังหลวงเถิด”เหอหลันฮวาที่นั่งฟังองครักษ์ขององค์ชายสามรายงานเสร็จ นางก็หันไปกล่าวกับองค์ชายสามที่นั่งกำหมัดอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ“เขากำเริบเสิบสานยิ่งนัก” หลานหยางคุนกัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความเคียดแค้น“พวกท่านควรกลับไปก่อน” เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคนในที่นี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหลานทั้งสองที่เพิ่งลืมตาดูโลก จึงเร่งให้เว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรกลับไปก่อน“ข้าจะออ
บทที่ 63 รับภรรยากลับบ้านราชสำนักออกมาประกาศความผิดของตระกูลไช่ ตระกูลหม่า ตระกูลจงอย่างชัดเจน และยังมีการแห่นักโทษก่อนประหารเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังหลังเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากประหารนักโทษเสร็จสิ้น ก็มีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาอีกครั้งสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก ไม่นานชาวเมืองก็กลับมาค้าขาย และบรรยากาศที่ครึกครื้นก็กลับมาองค์ชายสามที่ตอนนี้กลายเป็นคุณชายเว่ย และไช่ฮูหยิน อดีตเสียนเฟยก็ได้เดินทางไปที่แดนเหนือ เพื่อปกครองเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ตามราชโองการของฮ่องเต้เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เว่ยเฟยหลงก็ขอพระราชทานอนุญาตเดินทางไปที่แคว้นหลาน เพื่อไปรับเหอหลันฮวามาที่แคว้นเว่ยทางด้านฮองเฮาก็เตรียมตัวที่จะจัดงานแต่งตั้งชายาเอกของโอรสด้วยความตื่นเต้น ยิ่งรู้ว่าเหอหลันฮวากำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่กำลังจะเป็นปู่ย่าก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเนื่องจากอยากเจอหน้าหลานโดยเร็วเว่ยเฟยหลงและเว่ยอิ้งเหมยออกเดินทางจากแคว้นเว่ยมาที่แคว้นหลานก็ใช้เวลาหลายวัน และเมื่อมาถึงจวน เขาก็พบว่าตอนนี้ทั้งจวนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล จนเขาเห็นแล้วก็ตกใจ รีบคว้าคอบ่าวคนหนึ่ง
บทที่ 62 ลงโทษเมื่อดาบขององค์ชายสามกระทบพื้น ทุกคนก็รู้ในทันทีว่าศึกในครานี้ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ฝ่ายองค์ชายสามได้แพ้พ่ายแล้ว“องค์ชาย!!” แม่ทัพฝ่ายเสนาบดีไช่เห็นดังนั้นก็จะเข้ามาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมแพ้“จับกุมตัวให้หมด ใครขัดขืน ฆ่า!!!”แต่เว่ยเฟยหลงไม่ยอมให้ใครได้ขยับตัว เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รีบทำตามจับกุมเหล่ากบฏ หากมีใครกล้าขัดขืนก็ฆ่าได้ในทันทีเว่ยเฟยหลงละสายตาจากทหารเหล่านั้น หันมามองน้องชายที่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในตอนนี้อยู่“เจ้าตามข้ามาเถิด”เขาบังคับม้าให้นำไปที่ประตูเมือง องค์ชายสามเงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นหลังที่องอาจของพี่ชายที่ควบม้านำหน้าเขาไปเดิมทีเขานึกว่าพี่ชายจะสั่งให้คนมาจับตัวเขาเสียอีก แต่พอคิดว่าพี่ชายไม่มีความแค้นอันใดกับเขา เว่ยหนิงเฉิงก็รีบควบม้าตามเว่ยเฟยหลงไปทันที“เสด็จพี่” เขาเรียกองค์รัชทายาทเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“???” ทำให้เว่ยเฟยหลงหันมามองเขาอย่างตั้งคำถาม“เสด็จแม่ของข้า”“นางกระทำสิ่งใดไว้ ก็ต้องได้รับโทษ ข้าไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ เจ้าไปร้องขอเสด็จพ่อเถิด”เว่ยเฟยหลงย่อมรู้ว่าเว่ยหนิงเฉิงอยากจะร้องขอสิ่งใด เพียงแต่เ
บทที่ 61 ศึกพี่น้ององค์ชายสามกลับมาถึงตำหนักของตนเอง ก็เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ เขาขบคิดอย่างหนักถึงความต้องการของตนเองในเวลานี้บัลลังก์นั่นเขาไม่ได้ต้องการ และเขาก็ไม่ได้มีความแค้นกับองค์รัชทายาท อีกฝั่งคือพี่ชาย ส่วนอีกฝั่งคือมารดาผู้ให้กำเนิด และท่านตา ที่คอยสนับสนุนเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาย่อมรู้ว่ามารดาและท่านตากระทำสิ่งใดลงไปบ้างแต่เพราะมองว่าพวกเขาทำเพื่อให้เขามีชีวิตรอด และมีความมั่นคงในชีวิต จึงยอมปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาจึงไม่อยากกระทำตามที่มารดาและท่านตาสั่งให้ทำเลยสักนิด“องค์ชาย” องครักษ์ที่เดินตามเว่ยหนิงเฉิงเข้ามาเห็นเจ้านายมีสีหน้าที่คิดไม่ตก และนั่งเหม่อลอยอยู่นาน จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะทำเช่นไรดี” เว่ยหนิงเฉิงพึมพำขึ้นเสียงเบา แต่สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์ย่อมได้ยินเพียงองครักษ์เช่นเขาจะสามารถให้คำแนะนำองค์ชายที่ได้รับคำสั่งจากเสียนเฟยมาแล้วได้อย่างไร ถ้าเกิดเขากล่าวอันใดที่ขัดพระทัย จะไม่เป็นการฆ่าตนเองหรอกหรืออีกทั้งเรื่องนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์ชายทั้งสิ้นเว่ยหนิงเฉิงไม่ได้สนใจใคร เขาเพียงแค่พึม
บทที่ 60 หลังชนฝาข่าวการกลับมาขององค์รัชทายาท ทำให้ตระกูลไช่ และเสียนเฟยเริ่มร้อนตัวถึงการกระทำของตนเองไช่เสียนเฟยเมื่อทราบเช่นนั้น นางแทบจะทรุดลงอีกครั้ง เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทตายไปแล้วหรอกหรือ แล้วนี่เขายกทัพมาประชิดเมืองหลวงได้ทำไมคนของสกุลไช่ถึงไม่รู้เรื่องกันล่ะ หรือสายข่าวของท่านพ่อจะมีปัญหา“ท่านพ่อไม่ใช่สกุลไช่หละหลวมหรอกหรือ ทำให้คนพวกนั้นมาประชิดเมืองหลวงได้ แล้วคนของเราล่ะเจ้าคะ ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าว พี่ใหญ่เช่นกัน ท่านบอกว่าจะให้บุตรสาวของท่านตีสนิทกับคุณชายเหวินคนดูแลหอมู่ตาน หรือว่าบุตรสาวของท่านไม่มีความสามารถ”นางหันไปกล่าวกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ออกแนวจะตำหนิที่เขาไม่รอบคอบ อีกทั้งแผนการง่าย ๆ เรื่องให้สาวงามไปล่อลวงคุณชายเหวิน เรื่องแค่นี้เขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างดูแคลน“พระสนมกล่าวเช่นนั้นก็มิถูกนะพ่ะย่ะค่ะ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณชายเหวินมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรีของอดีตแม่ทัพจง เรื่องนี้สกุลจงมิอาจก้าวก่ายได้เช่นกัน”เสนาบดีไช่ส่งสายตาบุตรสาว ที่ตนส่งเข้าวังหลวงด้วยตนเอง อีกทั้งยังหนุนหลังนางจนได้ตำแหน่งเ
บทที่ 59 ประชิดเมืองหลวงหลังจากที่ขุนนางทั้งหมดเห็นแล้วว่าฮ่องเต้ของพวกเขานั้นปลอดภัยจึงได้แต่ปลื้มใจ จากนั้นฮ่องเต้และเหอซือเหวินต่างก็บอกแผนการฝ่ายตน และยังนัดแนะอีกว่าให้ทุกคนปิดจวนคล้ายกับไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดเนื่องจากไม่เกินสิบวันหลังจากนี้ ทัพเฟยหลงที่นำทัพโดยองค์รัชทายาทหวงเฟยหลงจะบุกมาประชิดเมืองหลวงเพื่อจัดการยึดอำนาจคืนและเก็บกวาดพวกกบฏเมื่อนัดแนะทุกอย่างเรียบร้อย เหอซือเหวินจึงให้คนพาใต้เท้าทั้งหมดเดินออกด้านหลังเหมือนกับตอนมา เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกสงสัย และยังบอกอีกว่าหากมีเรื่องด่วนหรือต้องการส่งข่าว ให้เข้ามาที่หอมู่ตานหรือร้านค้าสาขาต่าง ๆ โดยทำทีเป็นลูกค้ามาซื้อของ จะได้ไม่เป็นที่สงสัยของบุคคลอื่นเช่นกันหลังจากที่ทุกคนกลับออกไปหมดแล้ว เหอซือเหวินสนทนาอีกพักใหญ่กับฮ่องเต้ ก่อนจะแยกจากมาเพื่อส่งข่าวไปให้กับน้องเขยอย่างเว่ยเฟยหลง“พวกเจ้าเอาจดหมายฉบับนี้ส่งให้ถึงมือนายท่านของพวกเจ้า เขารู้ว่าจะต้องทำเช่นไร”เหอซือเหวินแยกจดหมายเป็นสามฉบับ ต่อให้หวั่นเกรงว่าจะมีคนดักชิงจดหมายระหว่างทาง ทว่าเขาใช้น้ำยาพิเศษเขียนขึ้น ซึ่งมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้วิธีอ่านตัวอักษรในจดหมาย
บทที่ 58 อยู่ในเงามืดเวลานี้ครรภ์ของเหอหลันฮวาเข้าเดือนที่ห้าแล้ว ทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าเดินทางมาที่ชายแดน คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะถึงเหอหลันฮวารับทราบว่าภายในเมืองหลวงแคว้นหลานเริ่มตึงเครียด เนื่องจากฝ่าบาทเกิดล้มป่วยอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเพราะเป็นแผนการของพระองค์ที่ต้องการให้ลูก ๆ เผยธาตุแท้กันออกมาทว่าเรื่องนี้นางไม่อยากรับรู้ ดั่งเช่นองค์ชายสามที่ทิ้งบรรดาศักดิ์เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มของนาง แต่มู่เสียนเฟยเมื่อทราบเรื่องยังนิ่งเฉยไม่แม้แต่จะมีความกังวลหรือเป็นห่วงชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีตลอดระยะการเดินทาง ทุกคนยังรับรู้ข่าวสารไม่หยุดหย่อน นับวันยิ่งหนักเข้า ทางด้านองค์ชายใหญ่จับตัวคนตระกูลหยางไว้แล้วหาข้ออ้างว่าก่อกบฏ เพื่อบีบให้หยางซูเฟยและองค์ชายรองก่อกบฏจริง ๆทว่าทั้งสองไม่ได้เดินตามแผนการ แต่กลับหาหลักฐานการติดต่อสกุลกุ้ยและองค์ชายของแคว้นเว่ยไว้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดทราบว่าทั้งสองนำหลักฐานมาได้อย่างไร มีเพียงฟ่านเทียนเผยและเหอหลันฮวาเท่านั้นครั้นจะไม่ให้น้องสาวที่กำลังตั้งครรภ์รับรู้เรื่องราวภายนอกคงไม่ได้ บางอย่าง นางมีความสามารถและความคิดมากกว่า
บทที่ 57 เตรียมทำศึกแม่ทัพหม่าได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขามืดครึ้มอย่างไม่พอใจ ทว่างานในวันนั้นไม่อาจจะผิดพลาดได้ จึงปล่อยผ่านคำกล่าวของจงลี่เฉียว“ข้ายินดีทำตามคำขอของท่าน”“รองแม่ทัพหม่ากล่าวผิดแล้ว ข้ามิได้ขอ เพียงแต่ยื่นข้อเสนอเท่านั้น หากท่านคิดว่ารับผิดชอบกับความเสียหายของข้าและหอมู่ตานได้หลังจากนั้ ข้าก็ยินดีเปิดทางให้ท่านและคนของท่านเข้ามาตรวจค้นสถานที่ของข้า”เหอซือเหวินกล่าวขึ้นมา ทว่าทั้งสองฝ่ายยังมิทันได้ทำสิ่งใด กลับมีรถม้าของจวนสกุลไช่จอดด้านหน้าเสียก่อน“เกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ” รองเสนาบดีไช่ลงจากรถม้าแล้วกล่าวขึ้น โดยมีบุตรสาวอย่างไช่จินเย่วเดินตามมาด้วยรองแม่ทัพหม่าจึงเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง ไช่เชี่ยนสงจึงมองไปทางเหอซือเหวินด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจบอกได้ว่าเขานั้นกำลังคิดอันใดอยู่“เช่นนั้นคุณชายให้คนงานของท่านตามทหารเข้าไปด้วยก็แล้วกัน นี่เป็นการดีทั้งสองฝ่าย ข้าเพียงแต่ได้รับคำสั่งจากองค์ชายสามให้ตรวจสอบและสืบหานักฆ่าที่กล้าวางยาพิษพระสนมก็เท่านั้นเอง ข้าและองค์ชายสามมิได้อยากมีปัญหากับหอมู่ตาน ทว่าเรื่องนี้ไม่อาจละเลยได้เช่นกัน”“เช่นนั้นพ