"พ่อ..." ซือเหลียงถึงกับพูดไม่ออก ตลอดเวลาที่เขาได้เฝ้ามองฮุ่ยเจินเจิน นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกว่านางช่างเป็นสตรีที่น่าสนใจ จนกระทั่งเขาไม่อาจจะละสายตาไปจากนางได้เลย... "หากท่านพ่อยังชักช้าอีก ข้าเกรงว่าเจินเจินอาจจะต้องไปแต่งงานกับคนอื่น หรือถูกบีบบังคับจากตระกูลใหญ่ก็เป็นได้นะเจ้าคะ ยิ่งตอนนี้นางกับพี่ชายราวกับเนื้อชิ้นใหญ่ที่น่ากินเสียเพียงนี้ด้วย" ซือเหลียงนิ่งไปพลันคิดตามคำพูดของบุตรสาว "เจ้าไม่คิดว่าพ่อเป็นตาแก่มากตัณหาที่ต้องการครอบครองสตรีรุ่นลูกหรือ" "ผู้ใดกล้าว่าท่านพ่อของข้าแก่ ข้าจะไปตัดลิ้นเลาะฟันพวกมันให้หมดปากเลยเจ้าค่ะ ท่านพ่อของข้ายังหนุ่มยังแน่นถึงเพียงนี้จะเป็นตาแก่ไปได้อย่างไรกันเจ้าคะ อีกอย่าง..." ซือเมี่ยวเข้าไปกระซิบข้างหูบิดา "เจินเจินเองก็มีใจตรงกับท่านพ่อเช่นกันนะเจ้าคะ ขนมนี่ก็เป็นนางที่ตั้
บทที่ 17แผนการของจวิ้นอ๋อง หลังจากมิ่งจูไปที่หอเฟิ่งจือตามคำสั่งของซือเมี่ยว นางก็กลับมารายงานซือเมี่ยวอย่างไม่มีตกหล่น"คุณหนูเจ้าคะ นี่คือข้อมูลของรุ่ยอ๋องซ่งเฟยฉีที่ท่านอาจิ้นมอบให้กับบ่าวเจ้าค่ะ จากการที่บ่าวสังเกตสีหน้าของท่านอาจิ้นนั้นแปลกประหลาดนัก เขาขมวดคิ้วตลอดเวลาที่เอ่ยถึงรุ่ยอ๋องแห่งแคว้นซ่ง คำพูดที่เอ่ยถึงรุ่ยอ๋องแห่งแคว้นซ่งก็ราวกับคนที่โกรธเกลียดกันเลยเจ้าค่ะ บ่าวไม่รู้ว่าท่านอาจิ้นมีเรื่องอันใดกับรุ่ยอ๋องหรือไม่เจ้าค่ะ""โกรธเกลียดอย่างนั้นหรือ เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้มองผิดไป""เจ้าค่ะ ท่านอาจิ้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่อยากเอ่ยถึงชื่อของรุ่ยอ๋องแคว้นซ่งด้วยเจ้าค่ะ"ซือเมี่ยวยกมือขึ้นมากัดเล็บตามความเคยชินของตนเวลามีเรื่องให้คิดมาก นางรำพึงกับตัวเองออกมาเสียงเบา"อืม... เช่นนั้นเขาก็ไม่ใช่รุ่ยอ๋องซ่งเฟยฉีตามที่ข้าฝัน แต่เขาเป็นใครกันล่ะมีความเกี่ยวข้องใดกับรุ่ยอ๋องซ่งเฟยฉีหรือไม่กันนะ"
ตำหนักเสียนเฟย"เป็นอย่างไรเล่าอาเฉิง ตอนนี้ตระกูลซือแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวไปเสียแล้ว ฮูหยินเอกเป็นถึงน้องสาวคนสำคัญของฮุ่ยเหอหมิงผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฝ่าบาท ตอนนี้ตระกูลซือราวกับเสือติดปีก ถ้าเจ้าได้แต่งงานกับซือเมี่ยวอำนาจของเจ้าก็จะยิ่งแข็งแกร่ง บางทีเจ้าเองอาจจะสามารถร่วมแย่งชิงบัลลังก์กับชินอ๋องและองค์รัชทายาทได้เลย น่าเจ็บใจนัก!"หวังเสียนเฟยตวัดสายตามองพระโอรสคนโปรดด้วยความไม่พอใจ จนพาลนึกไปถึงว่าทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของจูหลิ่งฟางที่มาล่อลวงพระโอรสของพระนาง ทั้งหมดเป็นเพราะสตรีตระกูลจูผู้นั้นเพียงคนเดียว!"เสด็จแม่จะพูดอย่างไรข้าก็ไม่นึกเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับซือเมี่ยวพ่ะย่ะค่ะ คนเดียวที่ข้ารักก็คือจูหลิ่งฟางคนเดียวเท่านั้น ขอเสด็จแม่อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลยพ่ะย่ะค่ะ""เจ้า! เพราะสตรีนางนั้นเจ้าถึงได้ต่อต้านแม่ใช่หรือไม่"ถังหนิงเฉิงรีบคุกเข่าตรงหน้าของหวังเสียนเฟยทันที "ลูกหาได้คิดต่อต้านเสด็จแม่ไม่ เพียงแต่เรื่องนี้มันสายเกินกว่าจะแก้ไขได้แล้ว มิสู้เราหาทางสนับสนุนให้ตระกูลจูมีอำนาจทัดเทียมกับตระกูล
บทที่ 18ออกหน้าช่วยนาง ท้องพระโรงฮ่องเต้เรียกประชุมเหล่าขุนนางเป็นการด่วน เนื่องจากเวลานี้ข้าศึกได้มาประชิดถึงหน้าประตูเมืองชายแดนแล้ว รุ่ยอ๋องแห่งแคว้นซ่งถูกร่ำลือว่าเป็นเทพสงครามผู้พิชิตดินแดนที่โหดเหี้ยมและเลือดเย็น ตัวเขาเริ่มออกรบตั้งแต่อายุเพียงแค่ 15 หนาว สามารถตัดหัวแม่ทัพของศัตรูได้ตอนอายุ 18 ก่อนจะขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ในวัยเพียง 20 เท่านั้น! ผลงานการรบของเขาถือเป็นที่ประจักษ์ในใต้หล้านี้"พวกเจ้าคงรู้แล้วว่ารุ่ยอ๋องซ่งเฟยฉีหมายตาแคว้นถังของเรา แต่เพราะมีแคว้นเซี่ยเป็นเกราะกำบังให้เราชั่วคราวจึงมิอาจบุกเข้ามาได้เดี๋ยวนี้ แต่ข้าก็มิรู้ว่าแคว้นซ่งกับแคว้นเซี่ยจะลอบเจรจากันหรือไม่" ฮ่องเต้ตรัสขึ้นท่ามกลางสีหน้าเคร่งเครียดของทุกคนจูกวางปินลอบสบสายตากับจวิ้นอ๋อง ก่อนการประชุมเขาเพิ่งคุยกับจวิ้นอ๋องในเรื่องนี้ทำให้นึกแผนการอันแยบยลออกมาได้ ทั้งได้กำจัดศัตรูของบุตรสาวแล้วยังตัดทอนอำนาจของเสนาบดีซือเสีย ด้วยตัวเขายังคงกังวลใจว่าจะถูกซือเหลียงลอบเล่นงานลับหลังเพราะแค้นใจคนตระกูลจู ฉะนั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นฝ่ายเพลี่
ทั่วท้องพระโรงเงียบสงัดเมื่อคนที่ถังหนิงเฉิงเอ่ยขึ้นมานั้นเป็นอดีตคู่หมั้นของพระองค์ ผู้ใดก็ดูออกว่าเจตนาของจวิ้นอ๋องคือการกำจัดคุณหนูซือให้พ้นทางจากคนรักของตน ใครไม่รู้บ้างว่าเวลานี้ชื่อเสียงของคุณหนูซือนั้นเปรียบดั่งดอกบัวขาวที่ใสสะอาด ทว่าจูหลิ่งฟางกลับเป็นดอกไม้อสรพิษที่มีชื่อเสียงแย่งชิงคู่หมั้นของสหายรักไป!"จวิ้นอ๋องคิดอยากจะกำจัดบุตรสาวของกระหม่อมใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ถึงได้เสนอชื่อของนางออกมาเช่นนี้ ทว่าจวิ้นอ๋องคงลืมไปกระมังว่าจูหลิ่งฟางกับจวิ้นอ๋องยังไม่ได้ส่งหนังสือหมั้นหมายให้แก่กัน ฉะนั้นนางก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกของรุ่ยอ๋องแห่งแคว้นซ่งได้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ"ซือเหลียงไม่ยอมให้จวิ้นอ๋องผลักบุตรสาวของเขาไปลงนรกเป็นอันขาด"นี่เจ้า! บังอาจนัก"ถังหนิงเฉิงรู้สึกราวกับถูกลูบคม ไม่เคยมีใครอาจหาญท้าทายเขาเช่นนี้มาก่อนเลยฮุ่ยเหอหมิงที่ตะลึงไปพลันรีบก้าวขึ้นมาด้านหน้า เขาเองก็จะช่วยซือเมี่ยวเช่นกัน จะไม่ยอมให้นางต้องไปแต่งงานกับคนที่โหดเหี้ยมเช่นชินอ๋องซ่งเฟยฉีเป็นอันขาด"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเองก็คิดว่าการส่งคุณหนูซือที่เ
บทที่ 19 ข้าไม่ยอม จวนตระกูลซือ ฮุ่ยเหอหมิงเดินทางมาเยือนจวนตระกูลซือเพื่อขอพบกับซือเมี่ยว ด้วยเขามีเรื่องร้อนใจมากเหลือเกิน การประชุมในท้องพระโรงวันนี้ล้วนเกี่ยวพันถึงนางโดยตรง ทางจวิ้นอ๋องและจูกวางปินไม่ลดละที่จะเล่นงานนางเลย "ท่านฮุ่ยมาหาข้าถึงจวนมีอะไรหรือเจ้าคะ" ซือเมี่ยวนั่งลงตรงข้ามของฮุ่ยเหอหมิง ยิ่งได้เห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของเขานางก็ยิ่งนึกสงสัย "วันนี้ที่ท้องพระโรงมีการพูดคุยเรื่องรุ่ยอ๋องแห่งแคว้นซ่งที่ยกทัพมาประชิดเมืองชายแดน แต่เพราะติดกับเมืองเหล่ยเป่ยของแคว้นเซี่ย รุ่ยอ๋องแห่งแคว้นซ่งจึงยังรั้งรออยู่ก่อน ตอนนี้สถานการณ์น่าเป็นห่วงยิ่งนัก" "รุ่ยอ๋องแห่งแคว้นซ่งอย่างนั้นหรือ" ซือเมี่ยวชะงักไปเมื่อได้ยินชื่อนี้ เหตุใดถึงได้บังเอิญถึงเพียงนี้กัน หรือว่าลู่เหวินจะเป็นรุ่ยอ๋องแห่งแคว้นซ่งจริง ๆ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก "ใช่แล้ว แต่จุดสำคัญคือรองเส
หนึ่งเดือนให้หลังแคว้นถังก็ได้ต้อนรับขบวนเสด็จของรุ่ยอ๋องแห่งแคว้นซ่ง ทว่ามิใช่แค่แคว้นซ่งแต่ยังต้องต้อนรับคณะทูตจากแคว้นเซี่ยด้วย เรื่องนี้เป็นองค์รัชทายาทที่ออกหน้าเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเชื้อเชิญแคว้นเซี่ยด้วย มิเช่นนั้นแคว้นเซี่ยอาจจะคิดว่าแคว้นถังกำลังตั้งตนเป็นศัตรูเสียได้ ฮ่องเต้เองก็เห็นดีเห็นงามด้วย ทว่ามีเพียงชินอ๋องถังจ้าวหย่งที่รู้สึกแปลกประหลาด ภายในใจรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ปกตินัก ก่อนจะถึงงานเลี้ยงในพระราชวังเพียง 7 วัน ซือเมี่ยวก็ได้มายังหอเฟิ่งจือพร้อมกับมิ่งจู นางต้องการข้อมูลของเชื้อพระวงศ์ทั้งสองแคว้นเพื่อคิดหาทางรอดให้กับตนเอง และมีเพียงหอเฟิ่งจือเท่านั้นที่จะให้ข้อมูลนี้กับนางได้ "คุณหนูซือเชิญด้านในขอรับ" คนในหอเฟิ่งจือต่างรู้ว่าซือเมี่ยวคือคนสำคัญ จะต้องให้ความเคารพยำเกรงกับนางจะเป็นการดีที่สุด "ขอบใจเจ้ามาก" ซือเมี่ยวเดินเข้าไปยังห้องที่คนเชิญ ทว่านางมิรู้เลยว่าได้มีสายตาสองคู่มองมาทางนางด้วยความประหลาดใจ
บทที่ 20เมี่ยวเมี่ยว ซือเมี่ยวกลับมาจากหอเฟิ่งจืออย่างอารมณ์ดี ใบหน้างามประดับด้วยรอยยิ้มกว้างตลอดเวลา หลังจากนางได้พูดคุยกับลู่เหวินก็ได้ทำให้นางรู้จักเขามากขึ้น รวมถึงงานที่เขาต้องไปทำก่อนหน้านี้ด้วย เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขาได้ถูกสารภาพมาทั้งหมดแล้วถึงแม้ว่าตัวตนของเขาจะทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก ทว่าในท้ายที่สุดนางก็ยอมรับได้ คงเป็นเพราะหัวใจของของนางที่ยอมรับเขานั่นเองเมื่อเขาไม่ได้ปกปิดสิ่งใดเอาไว้แล้ว นั่นจึงทำให้ซือเมี่ยวกล้าจะเปิดใจให้กับเขาเต็มสิบส่วนเลย...ใบหน้างามพลันแดงซ่านเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่หอเฟิ่งจือ นางไม่คิดว่าเขาจะเป็นบุรุษที่ปากหวานและร้อนแรงมากถึงเพียงนี้"ข้ายอมบอกเจ้าหมดแล้วว่าข้าคือใคร แล้วรางวัลของข้าเล่าเมี่ยวเมี่ยว" ลู่เหวินฉวยโอกาสเรียกชื่อของนางอย่างสนิทสนม"เหตุใดถึงเรียกข้าว่าเมี่ยวเมี่ยว นั่นมิใช่ชื่อเล่นของข้าเสียหน่อย"ซือเมี่ยวก้มหน้างุดภายในอ้อมกอดของเขา"ก็ข้าอยากเป็นคนเดียวที่เรียกเจ้าว่าเมี่ยวเมี่ยว... เป็นคนเดียวเท่านั้น"
ตอนพิเศษ 7ความซุกซนของเด็กน้อย "เสด็จพ่อทรงวิ่งเร็ว ๆ สิพ่ะย่ะค่ะ ลูกอยากไปหาเสด็จแม่เร็ว ๆ แล้วพ่ะย่ะค่ะ"'เซี่ยหยางหลง' องค์ชายใหญ่ผู้เป็นแฝดพี่เอ่ยเร่งเร้าพระราชบิดา ขณะที่ตัวเขาวิ่งนำหน้าไปก่อนเป็นคนแรก โดยมี 'เซี่ยหยางเฟิ่ง' องค์หญิงใหญ่ผู้เป็นแฝดน้องจับชายอาภรณ์ของเซี่ยลู่เหวินเดินตามมาไม่ห่าง เหตุเพราะพวกเขาเดินมาอย่างเชื่องช้าเพราะในอ้อมแขนซ้ายขวาของเซี่ยลู่เหวินนั้นได้อุ้ม 'เซี่ยหยางเหวิน' องค์ชายรองผู้เป็นแฝดผู้พี่ กับ 'เซี่ยหยางเจี้ยน' องค์ชายสามผู้เป็นแฝดผู้น้องผู้ใดจะคาดคิดว่าซือเมี่ยวให้กำเนิดฝาแฝดถึงสองคู่ โดยคู่แรกคือคู่หงส์มังกรส่วนคู่ที่สองคือคู่มังกร อายุของฝาแฝดทั้งสองคู่ห่างกันเพียงหนึ่งปีเท่านั้น!"พวกเจ้าช้า ๆ หน่อยเถิด พ่อยังอุ้มอาเหวินกับอาเจี้ยนจะให้ไปเร็วได้อย่างไร" เซี่ยลู่เหวินเอ่ยตอบบุตรชายคนโตด้วยความเหนื่อยใจ กายสูงรู้สึกเหนื่อยหอบยิ่งนัก เพราะต้องอุ้มเจ้าก้อนแป้งที่ตัวหนักจนแขนของเขาแทบจะหลุด และจะไม่อุ้ม
ตอนพิเศษ 6พร้อมหน้าพร้อมตา วันเวลาผ่านไปซือเมี่ยวก็ได้ให้กำเนิดคู่หงส์มังกรแก่เซี่ยลู่เหวินซึ่งหาได้ยากยิ่ง ทว่านางกลับสามารถให้กำเนิดเด็กที่สวรรค์ประทานให้มาอย่างง่ายดาย การคลอดก็แสนจะราบรื่น แม้นางจะเจ็บปวดเหมือนกับร่างกำลังจะแตกสลาย ทว่าความเจ็บนี้คงอยู่ไม่นานนัก เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าก้อนแป้งทั้งสองก็ลืมความเจ็บปวดไปเสียสิ้น คงเหลือไว้เพียงความดีใจเท่านั้น..."ยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ ฮองเฮาทรงให้กำเนิดองค์ชายน้อยและองค์หญิงน้อยเพคะ เป็นคู่หงส์มังกรที่สวรรค์ประทานให้เพคะ" รั่วรั่วกับมิ่งจูอุ้มทารกที่อยู่ในผ้าแพรสีแดงไปตรงหน้าของเซี่ยลู่เหวิน การรอคอยที่แสนทรมานได้สิ้นสุดลงเสียที เขาต้องยืนรอนางอยู่หน้าห้องคลอดโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ความกังวลที่มีพลันมลายหายไปสิ้น เมื่อได้พบหน้าของเจ้าก้อนแป้งทั้งสองที่เขาเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน"อ่า... นี่ข้าได้ลูกแฝดชายหญิงเลยหรือนี่" เซี่ยลู่เหวินอุทานออกมาด้วยความตกใจและดีใจ คราแรกเขายังคิดว่าอาจจะได
ตอนพิเศษ 5เจ้าก้อนแป้งมาแล้ว ผลสุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดผ่านการคัดเลือกเป็นพระสนมเลยสักคนเดียว นั่นจึงทำให้เหล่าขุนนางต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังต้องอับอายเมื่อบุตรสาวที่เลี้ยงดูมาอย่างดียังต้องถูกลงโทษโบย 60 ไม้ และต้องสูญเงินอีกกว่า 60,000 ตำลึงทองเลย "ฝ่าบาท นี่มันไม่ยุติธรรมนะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรก็ต้องเลือกพวกนางหนึ่งในเก้าคนขึ้นมาเป็นพระสนมนะพ่ะย่ะค่ะ" แม่ทัพหลี่เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก"ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งการที่ต้องไปช่วยดูแลคนป่วยนั้นเป็นหน้าที่ของบ่าวรับใช้นะพ่ะย่ะค่ะ หาใช่หน้าที่ของพระสนมไม่ ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ" มู่จื้อหยางรีบเอ่ยขึ้นทันที"อย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าพวกนางทำไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ ดูอย่างฮองเฮาสิ ทุกวันนี้นางยังอยู่ที่เมืองจิงเพื่อเฝ้าดูแลผู้ป่วยอยู่เลย ทั้งนางยังเป็นคนออกความคิดเรื่องการดูแลผู้ป่วย ทำให้ตอนนี้สามารถควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ เจ้าลองบอกกับข้าสิว่าพวกนางนั้นคู่ควรที่จะมาเป็นพระสนมของข้าหรือไ
ตอนพิเศษ 4ผู้ชนะ ด่านที่สองจัดขึ้นในสามวันให้หลัง โดยให้แต่ละคนแสดงความสามารถของศิลปะทั้ง 4 ออกมา เริ่มจากการดีดฉิน หมากล้อม เขียนอักษร และวาดภาพ พวกนางจะต้องทำได้ดีทั้ง 4 อย่าง หากพลาดเพียงนิดจะถูกคัดให้ออกทันที โดยครั้งนี้มีสตรีที่ผ่านด่านที่สองทั้งหมด 20 นาง "คุณหนูที่ไม่ผ่านด่านทดสอบเชิญก้าวออกมาข้างหน้าด้วยเจ้าค่ะ" มิ่งจูเอ่ยขึ้นหลังจากประกาศผลแล้ว"..." สตรีทั้งสอบก้าวออกมาด้านหน้าด้วยความอับอาย พวกนางพลาดเพียงนิดเดียวก็ถูกคัดออกโดยไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย ช่างน่าเจ็บใจนัก"คุณหนูที่ถูกคัดออกจะต้องโทษโบยคนละ 40 ไม้ และจ่ายค่าด่านทดสอบ 2 ด่านรวมเป็น 20,000 ตำลึงทองเจ้าค่ะ""ว่าอย่างไรนะ! มิใช่แค่โดนลงโทษโบย 20 ไม้และเงินอีก 10,000 ตำลึงทองหรือ เหตุใดถึงเพิ่มเป็นเท่าตัวเช่นนี้เล่า"มิ่งจูหันไปยิ้มหวานให้กับบุตรีของท่านรองเสนาบดี "เรียนคุณหนูท่านนี้ โทษโบยจะถูกเพิ่มด่านละ 20 ไม้เจ้าค่ะ เช่นเดียวกับการท
ตอนพิเศษ 3การทดสอบด่านแรก เพียงประโยคเดียวของซือเมี่ยวก็ได้สร้างคลื่นลมให้กับราชสำนักแล้ว หลังจากเซี่ยลู่เหวินจากไปเขาก็ได้นำคำพูดของซือเมี่ยวไปขบคิด ก่อนจะรู้สึกเห็นด้วยกับนางที่อยากจะจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยเสียก่อนถึงจะยอมมีบุตรชายหญิงได้ เมื่อนี่เป็นความต้องการของนางเขาย่อมไม่คัดค้าน มีแต่จะสนับสนุนเพื่อให้นางมั่นใจแล้วยอมตั้งครรภ์ลูกในท้องของเขาเสียที"เจ้าจงนำสารลับนี้ส่งไปยังเมืองชายแดนทันที" เซี่ยลู่เหวินเขียนจดหมายสำคัญให้ไปส่งเว่ยหมิงจิ้นที่อยู่ชายแดนที่อยู่ติดกับแคว้นซ่ง เวลานี้เขากับถังหนิงหลงได้ร่วมมือกันที่จะตีแคว้นซ่งแล้ว รอเพียงไม่นานจะต้องเอาชัยเหนือแคว้นซ่งเป็นแน่ "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" ขันทีข้างกายน้อมรับคำสั่ง"แล้วก็ไปบอกกับจงเหยาด้วยว่าข้าให้ซื้อปืนยาวไฟของพวกตาสีฟ้า มีเท่าไหร่ก็ซื้อทั้งหมดแล้วส่งไปให้แม่ทัพเว่ย การศึกครั้งนี้เห็นทีจะต้องพึ่งปืนไฟพวกนี้เสียแล้ว""แต่ปืนไฟพวกนี้มีราคาแพงมากเลยไม่ใช่ห
ตอนพิเศษ 2การแข่งขันของสาวงาม จวนตระกูลเป็นมู่จื้อหยางรีบนำข่าวดีนี้มาบอกบุตรสาวด้วยความยินดียิ่ง ในที่สุดฝ่าบาทก็มิอาจขัดความต้องการของเหล่าขุนนางได้ แม้ในราชโองการจะมีข้อบังคับหลายประการ อีกทั้งพระสนมที่จะถูกแต่งตั้งก็เป็นเพียงพระสนมขั้นผิน หาใช่ขั้นเฟยที่เขาต้องการให้บุตรสาวไม่ ทว่านี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว เขาเชื่อว่าเมื่อฝ่าบาทได้ยลโฉมบุตรสาวอีกครั้งจะต้องหลงใหลนางอย่างแน่นอน และอาจจะมากกว่าฮองเฮาผู้เป็นคนต่างแคว้นนั่นด้วย!"เมิ่งเอ๋อร์ ในที่สุดฝ่าบาทก็มีราชโองการรับพระสนมเข้าวังแล้ว เจ้าจะต้องแย่งชิงตำแหน่งนั้นมาให้จงได้ เข้าใจหรือไม่""ท่านพ่อโปรดวางใจ ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้ฝ่าบาทหลุดมือข้าไปอีกเป็นครั้งที่สอง และตำแหน่งฮองเฮาของแผ่นดินจะต้องเป็นของข้าเจ้าค่ะ" 'มู่ซูเมิ่ง' บุตรีเพียงคนเดียวของมู่จื้อหยางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ครั้งนั้นนางพลาดตำแหน่งฮองเฮาไปเพราะฝ่าบาทยังไม่เคยพบหน้านางเลยสักครั้ง นางไม่เชื่อหรอกว่าด้วยรูปโฉมและความสาม
ตอนพิเศษ 1ขอแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่ซือเมี่ยวได้ขึ้นเป็นฮองเฮาช่วยปกครองแคว้นเซี่ยร่วมกับเซี่ยลู่เหวิน ที่ผ่านมานางก็ตั้งใจศึกษางานและทำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ทั้งช่วยเหลือชาวประชา นำความรู้ที่เคยได้รับเมื่อชีวิตครั้งก่อนมาปรับใช้กับคนที่นี่ ทำให้คนแคว้นเซี่ยมีความเป็นอยู่ที่ดีมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ราษฎร์ต่างแซ่ซ้องสรรเสริญว่าฮองเฮาทรงเป็นสตรีที่มากด้วยปัญญา เหมาะสมกับฮ่องเต้กับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ทว่าจะมีเพียงแค่หนึ่งเรื่องที่ขุนนางในราชสำนักมิอาจปล่อยวางได้ นั่นก็คือการที่ฮ่องเต้ของพวกเขาไม่ยอมรับพระสนมเข้าสู่วังหลังเลย นี่ถือเป็นเรื่องที่พวกเขามิอาจยอมรับได้โดยง่าย แม้จะยำเกรงในอำนาจของเซี่ยลู่เหวิน แต่เพราะต้องการผลประโยชน์เช่นกันพวกเขาจึงได้ยื่นฎีกาเรื่องรับพระสนมในเช้าวันนี้"นี่มันเรื่องอะไรกัน! พวกเจ้าไม่คิดจะห่วงใยราษฎร์รายงานเรื่องโรคระบาดในทิศทักษิณ และเรื่องการรบของแคว้นซ่งบ้างเลยหรือ" เซี่ยลู่เหวินโยนฎีกาฉบับนั้นทิ้งลงพื้นด้วยความกริ้ว เขาเบ
บทส่งท้าย หลังจากทั้งคู่พากันเสร็จสมไปแล้วครั้งแรก เซี่ยลู่เหวินก็ได้อุ้มซือเมี่ยวที่หมดแรงจากการควบขี่เขาไปวางบนโต๊ะกลางห้อง เนื่องจากเตียงหักเสียแล้วมิอาจใช้นอนได้อีก เขาเดินไปหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาปกปิดร่างกายของนางและตนเอง ก่อนจะเดินออกไปสั่งให้คนเตรียมห้องให้เขาใหม่ เว่ยหมิงจิ้นและมิ่งจูต่างพากันสงสัย แต่ก็ทำตามคำสั่งของเจ้านายแต่โดยดี ทว่าเมื่อพวกเขาเข้ามายังในห้องกลับต้องพบกับความตกใจ องค์รัชทายาทช่างรุนแรงกับพระชายายิ่งนัก ค่ำคืนแรกยังหนักหน่วงถึงเพียงนี้เลยหรือนี่..."อื้อ... ท่านพี่ ยังไม่พออีกหรือเจ้าคะ"เมื่อย้ายมาห้องใหม่แล้ว เซี่ยลู่เหวินก็ยังเข้ามาคลอเคลียนางไม่ห่าง ริมฝีปากร้อนลวกจูบเม้มไปตามแผ่นหลังเล็กของซือเมี่ยว"พี่ขออีกสักครั้งนะเมี่ยวเมี่ยว เจ้าลองจับดูสิ" เซี่ยลู่เหวินจับมือเล็กของนางให้ไปกอบกุมแท่งหยกของตน ที่เวลานี้ได้ขยายใหญ่จนแม้แต่นางก็ยังกำไม่รอบเลย บ่งบอกได้ว่าตอนนี้เขามีอารมณ์อย่างมาก อยากจะกลืนกินนางอีกแล้ว
"อ่า..."จูบของเซี่ยลู่เหวินนั้นร้อนแรงมาก เขาจูบนางอย่างเนิ่นนานก่อนจะเริ่มขยับสะโพกสอบอย่างช้า ๆ เพื่อให้นางคุ้นชินกับความใหญ่โตของเขา กายแกร่งแตะครูดไปที่ผนังเนื้ออ่อนนุ่มด้านในอย่างแนบแน่น"อื้อ... ท่านพี่ อึก! ข้าจุกเจ้าค่ะ""อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะคุ้นชินแล้วล่ะเมี่ยวเมี่ยว"เซี่ยลู่เหวินเอ่ยปลอบหญิงสาวที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวจากความเจ็บและจุก ก่อนที่เขาจะเร่งจังหวะเร็วขึ้นทีละนิด ในตอนนี้ตัวเขาเองก็รู้สึกปวดหนึบเช่นกัน ภายในของนางช่างคับแน่นยิ่ง ทำเอาเขาแทบจะหายใจไม่ออก พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่โหมกระหน่ำเข้าไปในกายของนาง หากทำเช่นนั้นนางคงเจ็บปวดน่าดู"อ๊ะ อ๊ะ อ๊า"เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชิน ความรู้สึกเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่ความเจ็บปวดนั้น ซือเมี่ยวร้องครวญครางออกมาอย่างมีความสุข กายสาวโยกคลอนไปตามการขยับของคนบนร่าง กลีบดอกไม้งามเบื้องล่างรัดรึงเข้าหาท่อนลำขนาดใหญ่ของเซี่ยลู่เหวิน สะโพกมนโยกขยับไปตามการชักจูงของเขาอย่างไม่ยอมแพ้ บทรักของพวกเขาจึงยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ"อ๊า... ซี๊ด เจ้ารัดพี่แน่นเหลือเกิน"