เนื่องจากแรงผลักดันและการให้กำลังใจของชาร์ลี แคลร์ใช้เวลาตลอดทั้งคืนในการพลิกผันและคิดเกี่ยวกับธุรกิจของเธอ เธอดูค่อนข้างอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าในเช้าวันรุ่งขึ้นเนื่องจากการนอนหลับไม่เพียงพอหลังจากตื่นขึ้นมาแคลร์ก็รีบทำให้ตัวเองสดชื่นขึ้น ชาร์ลีขมวดคิ้วกับสิ่งที่เขาเห็นแล้วถามว่า “ที่รักทำไมคุณไม่นอนล่ะ? มีอะไรเร่งรีบงั้นเหรอครับ?”“ฉันจะต้องไปมิลเลเนียม เอนเตอร์ไพรส์ ฉันไปสายไม่ได้เด็ดขาด”“มิลเลเนียม เอนเตอร์ไพรส์? สัมภาษณ์อีกแล้วเหรอครับ?”“ไม่ใช่ค่ะ” แคลร์ส่ายหัวและพูดอย่างร่าเริงหลังจากหยุดไปชั่วครู่ว่า “ฉันกำลังพยายามมองหาโครงการสำหรับตัวเองน่ะค่ะ”“เยี่ยมมาก!” ชาร์ลียิ้มอย่างมีความสุข “ถ้าคุณเริ่มต้นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ผมจะเป็นพนักงานคนแรกของคุณเอง”“คุณคิดว่าการเริ่มต้นบริษัทรับเหมาก่อสร้างก็เหมือนกับการทำอาหารเย็นหรือไงกันคะ? เงินทุนและคอนเนกชั่นเป็นเกณฑ์หลักสำหรับธุรกิจเพื่อการมุ่งมั่นดำเนินการและต้องอยู่รอด” แคลร์กล่าว “ฉันอยากเริ่มต้นจากสำนักงานเล็ก ๆ และวาดแบบออกแบบให้กับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ถ้าฉันสร้างคอนเนกชั่นที่สำคัญให้ตัวเองและมีเงินทุนเพียงพอฉันจะจดทะเบียนบร
ชาร์ลีรีบออกจากบ้านในขณะที่การทะเลาะกันยังคงดำเนินไปอย่างรุนแรงอยู่ภายในบ้านมันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขาที่จะหลีกเลี่ยงจากปัญหาเบาะแว้งที่น่ารำคาญในครอบครัวชาร์ลีเข้าไปในร้านกาแฟเล็ก ๆ สั่งของว่างและตัดสินใจใช้เวลาพักผ่อนที่นั่นจนถึงตอนเย็นที่แห่งนี้คือถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงในโอลรัสฮิลล์ซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านชาร์ลีกำลังเพลิดเพลินกับอาหารของเขา เมื่อจู่ ๆ เขาก็เห็นคนสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนซึ่งหนึ่งคนนั้นดูคุ้นเคยเป็นพิเศษนั่นคือแคลร์ไม่ใช่เหรอ?ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารที่หรูหรามาก ชาร์ลีเห็นแคลร์นั่งอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่บนชั้นสองและตรงข้ามเธอคือชายวัยกลางคนในชุดสูทและรองเท้าหนัง สวมแว่นตากรอบทองแคลร์ถือแฟ้มงานและพูดคุยกับชายคนนั้นไม่หยุดราวกับว่าเธอกำลังแสดงผลงานและบทบาทใหม่ของเธอในฐานะนักออกแบบอิสระ และหวังว่าชายคนนั้นจะลงทุนในสถานประกอบการใหม่ของเธอแม้เธอจะกระตือรือร้นแต่ชายคนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเธอเลย เขาพยายามจับมือแคลร์ด้วยการเอาแฟ้มจากเธอแต่งเธอดึงมือออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะทำสำเร็จชาร์ลีโมโหเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้!ไอ้สารเลวคนนั
แคลร์ไม่ต้องการจับมือของปีเตอร์ แต่เนื่องจากเขายื่นข้อเสนอมาการที่ปฏิเสธเขาก็เป็นเรื่องที่อาจจะหยาบคายได้ ดังนั้นเธอจึงเม้มริมฝีปาก และยื่นมือออกไปอย่างไม่เต็มใจในขณะที่ปีเตอร์รู้สึกตื่นเต้นอย่างเงียบ ๆ และกำลังจะคว้ามือที่เนียนนุ่มของแคลร์ ทันใดนั้น มือขนาดใหญ่ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้แล้วจับมือเขาไว้แน่นแทนปีเตอร์ตะลึงไปชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นมองด้วยความโกรธ เขาคำราม “อะไรกันเนี่ย!? นายเป็นใคร?"แคลร์เงยหน้าขึ้นมองและรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับสิ่งที่เธอเห็น“ชาร์ลี! คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”จากนั้นเธอก็รีบหันไปหาปีเตอร์และอธิบายว่า “เขาเป็นสามีของฉันค่ะ”ใบหน้าของปีเตอร์มืดมนราวกับว่ามีเมฆดำลอยอยู่เหนือหัวของเขาเมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘สามี’"พอดีว่าผมเพิ่งมาถึงน่ะ" ชาร์ลียิ้มให้แคลร์แล้วหันไปหาปีเตอร์โดยแสร้งทำเป็นไม่เห็นการแสดงออกของเขาแล้วพูดขึ้นว่า “คุณคือปีเตอร์ เมอร์เรย์ใช่ไหมครับ? บอสของมิลเลเนียม เอนเทอร์ไพรส์สินะครับ?”ปีเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงบึ้งตึง “ใช่ฉันเอง แล้วยังไง?”“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่คุณเป็นคนแก่ตัณหากลับ แถมยังสกปรก!” ชาร์ลีพยักหน้าและตั้งใจให้น้ำเสียงของเขายาวขึ้นด้ว
แคลร์รู้สึกกระวนกระวายใจขณะที่เธอฟังคำดูถูก เธอจึงพูดแทรกขึ้นมา “คุณเมอเรย์คะ ชาร์ลีช่วยงานที่บ้านได้ดีมาก อีกอย่างช่วยกรุณาเรียกดิฉันว่าคุณวิลสันด้วยค่ะ การเรียกฉันด้วยชื่อจริงฟังดูไม่ค่อยเป็นมืออาชีพเท่าไหร่เลยนะคะ”“เขาทำอะไรที่บ้านบ้างล่ะ? ไปตลาด? ทำอาหาร? ซักรีด?" ปีเตอร์หัวเราะอย่างประชดประชัน “แคลร์ ถ้าสามีของคุณหางานยากล่ะก็ บริษัทของผมกำลังรับสมัครพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ตอนนี้นะ คุณให้เขาลองมาสมัครดูสิ”จากนั้นเขาพูดต่อด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “แคลร์ ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่มีงานมั่นคงด้วยซ้ำ ผมคงหย่ากับไอ้ขี้แพ้คนนี้ไปนานแล้ว”แคลร์ขมวดคิ้วด้วยความตกใจ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูด เธอก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่มาจากข้าง ๆ เธอเธอหันกลับมาและเห็นชาร์ลียืนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่เขาพูดกับปีเตอร์ว่า “คุณเมอเรย์ ชื่อเสียงของคุณโด่งดังมาก ในที่สุดผมก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบคุณ จริง ๆ แล้วบุคลิกของคุณช่างตรงกับชื่อเสียงของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ ผมมีบางอย่างจะพูดกับคุณครับ คุณเมอร์เรย์”ริมฝีปากของปีเตอร์โค้งลง "อะไร?"เขาพนันได้เลยว่าชาร์ลีไอ้ขี้แพ้จะไม
ชาร์ลีอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเลือกที่จะปิดปากและเดินออกจากร้านอาหารหลังจากที่เขามองไปที่ใบหน้าที่โกรธแค้นของแคลร์หัวหน้าของบริษัทเล็ก ๆ กล้ามาหน้าด้านขนาดนี้ได้อย่างไร? เขาตัดสินใจที่จะพึ่งโชคสินะ?แคลร์ถึงกับต้องวิ่งเต้นไปรอบ ๆ ไอ้สารเลวคนนี้! เธอไม่รู้หรือว่าสามีของเธอมีอำนาจมากที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด?ในขณะนี้เขาต้องการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาต่อแคลร์อย่างสิ้นหวัง เขาต้องการให้เธอรู้ว่าเธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา และเธอไม่จำเป็นต้องถูกรังแก หรือถูกทรมานจากเหล่านายทุนชั้นต่ำของบริษัทที่มีฐานะปานกลางพวกนั้นอย่างไรก็ตาม เขาอดกลั้นคำที่จะพูดเอาไว้การเปิดเผยตัวตนของเขาหมายความว่าเขาได้ยอมรับการเป็นคนของตระกูลเวดอย่างเป็นทางการและจะกลับสู่ตระกูลไม่ เขาไม่ได้อยากกลับไปชาร์ลียืนอยู่นอกร้านอาหารพลางมองขึ้นไปที่ชั้นสอง จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาสตีเฟ่นผู้ซึ่งพ่อบ้านของตระกูลเวด“ช่วยตรวจสอบประวัติรายละเอียดของมิลเลเนียม เอนเตอร์ไพรส์ รวมถึงลูกค้าและโครงการล่าสุดของพวกเขาให้ผมหน่อยครับ”น้ำเสียงสุภาพของสตีเฟนดังก้องมาจากอีกด้านหนึ่งของสาย “นายน้อย
ปีเตอร์ตกตะลึงขณะเอามือจับที่แก้ม หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตะโกนใส่ชาร์ลี“ไอ้เศษขยะ! แกกล้าดียังไงมาตบฉัน!”ชาร์ลีแสยะยิ้ม “ทำไม? ทำไมฉันถึงต้องไม่กล้าตบแกด้วยล่ะ? ถ้าฉันอยากจะตบแก แกก็ต้องรับมือกับมันเท่านั้นเอง”หลังจากนั้นชาร์ลีก็ยกมือขึ้นตบปีเตอร์อีกครั้ง ตอนนี้แก้มของปีเตอร์เริ่มบวมแล้วแม้ว่าแคลร์จะรังเกียจปีเตอร์มากแต่ชาร์ลีก็ตบเขาสองครั้งแล้ว ดังนั้นเธอจึงกังวลเล็กน้อยและรีบพูดว่า “ชาร์ลี นี่คุณกำลังทำอะไร? ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมคะว่าอย่าทะเลาะกับใครแย่างขาดสติแบบนี้?”เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเอง แต่เธอกังวลว่าปีเตอร์จะแก้แค้นชาร์ลี ท้ายที่สุดแล้วปีเตอร์ก็ยังคงเป็นบอสของบริษัทที่มีชื่อเสียง เขาจะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไรหลังจากถูกชาร์ลีทำกับเขาแบบนี้จริงอยู่ที่ปีเตอร์รู้สึกรำคาญและหงุดหงิดสุด ๆ ในตอนนี้ เขาชี้นิ้วไปที่แคลร์ “เธอ เธอเป็นคนที่มีนามสกุลวิลสัน! ถ้าเธอไม่ชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้น และมาเอาใจฉันหลังจากสิ่งที่สามีของเธอทำในวันนี้ ฉันจะฆ่ามัน! ฉันจะทำให้แน่ใจว่ามันจะหายไปจากโอลรัสฮิลล์!”ทันทีที่แคลร์ได้ยินคำว่า ‘ชดเชย’ เธอก็เริ่มโมโหขึ้นมาทันที “คุณมันไร้ยางอาย!”“ไร้
หลังจากได้ยินเรื่องยุติสัญญามากมาย ปีเตอร์ก็เริ่มเหงื่อออกมากจนไม่สามารถยืนตัวตรงได้ เขาต้องจับกำแพงเพื่อยืนให้มั่นแคลร์ไม่รู้ว่าใครโทรมาหาปีเตอร์ แต่เธอสามารถเห็นสีหน้าของปีเตอร์เปลี่ยนไปหลังจากรับสาย เขาดูเหมือนกับว่าเขากำลังจะขาดใจตายลงเสียตรงนั้น“ชาร์ลีคะ คุณคิดว่าปีเตอร์ไม่สบายหรือเปล่า?”ชาร์ลียิ้มก่อนที่เขาจะตอบว่า “ใช่ บางทีอาจจะมีบางอย่างผิดปกติในสมองของเขา เขาอาจจะจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร”เลขาของปีเตอร์ยังคงรีบแจ้งอย่างตื่นตระหนกกับอีกด้านหนึ่งของสาย แต่ปีเตอร์ไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดแล้ว เขากลับได้ยินเพียงเสียงในหูของเขา และสิ่งที่เขาคิดได้ก็คือสิ่งที่ชาร์ลีพูดก่อนหน้านี้“แกล้มละลายแล้ว!”ปีเตอร์เหงื่อแตกท่วม เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดกลัวขณะจ้องไปที่ชาร์ลีด้วยสีหน้าแน่วแน่ชาร์ลีทำนายเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?เขา… เขาล้มละลายจริง ๆ !ปีเตอร์ทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นหวังชาร์ลีเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาและไม่แยแส เขาพูดกับแคลร์ว่า “เราไปกันเถอะครับ”แคลร์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับปีเตอร์ในเวลานี้ แต่เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับปีเตอร์อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงหันหลังตามชาร์ล
ทั้งหมดนี้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เรื่องแบบนี้จะมีความบังเอิญได้อย่างไร?ปีเตอร์รู้สึกคลุมเครือว่าเรื่องพวกนี้เกี่ยวข้องกับชาร์ลีอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงคุกเข่าต่อหน้าชาร์ลีเพราะเขาไม่สนใจชื่อเสียงของตัวเองอีกต่อไปแล้วแคลร์ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายบอกอะไรกับปีเตอร์ทางโทรศัพท์ ดังนั้นเธอจึงได้แต่พูดด้วยความประหลาดใจว่า “ปีเตอร์ บริษัทของคุณกำลังไปได้สวยไม่ใช่เหรอคะ? นี่คุณกำลังพูดถึงอะไร? แล้วถึงคุณจะประสบปัญหาล้มละลาย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชาร์ลีล่ะคะ?”ปีเตอร์คุกเข่าลงบนพื้นขณะที่เขาพูดว่า “แคลร์ ผมขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจก่อนหน้านี้! ผมยอมรับในความผิดพลาดและขอให้คุณให้อภัย บริษัทของผมโทรมาเมื่อกี้ แล้วบอกว่าลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งของผมโทรมายกเลิกสัญญากับเรา แล้วธนาคารทุกแห่งก็เรียกเก็บเงินที่ผมไปกู้มาจากพวกเขา คราวนี้ผมจนตรอกแล้วจริง ๆ … ได้โปรดช่วยพูดกับคุณเวดให้ผมหน่อยนะครับ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีทางอยู่รอดในโลกนี้ได้อีกแล้ว”ในเวลานี้แคลร์ถึงกับผงะและตอบเพียงว่า “ฉันคิดว่าคุณทำผิดพลาดเองนะคะ ปีเตอร์ ฉันไม่คิดว่าชาร์ลีจะมีอำนาจมากขนาดนั้นหรอกนะคะ”ชาร์ลียังตอบอย่างแผ่วเบ