แคลร์รู้สึกกระวนกระวายใจขณะที่เธอฟังคำดูถูก เธอจึงพูดแทรกขึ้นมา “คุณเมอเรย์คะ ชาร์ลีช่วยงานที่บ้านได้ดีมาก อีกอย่างช่วยกรุณาเรียกดิฉันว่าคุณวิลสันด้วยค่ะ การเรียกฉันด้วยชื่อจริงฟังดูไม่ค่อยเป็นมืออาชีพเท่าไหร่เลยนะคะ”“เขาทำอะไรที่บ้านบ้างล่ะ? ไปตลาด? ทำอาหาร? ซักรีด?" ปีเตอร์หัวเราะอย่างประชดประชัน “แคลร์ ถ้าสามีของคุณหางานยากล่ะก็ บริษัทของผมกำลังรับสมัครพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ตอนนี้นะ คุณให้เขาลองมาสมัครดูสิ”จากนั้นเขาพูดต่อด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “แคลร์ ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่มีงานมั่นคงด้วยซ้ำ ผมคงหย่ากับไอ้ขี้แพ้คนนี้ไปนานแล้ว”แคลร์ขมวดคิ้วด้วยความตกใจ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูด เธอก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่มาจากข้าง ๆ เธอเธอหันกลับมาและเห็นชาร์ลียืนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่เขาพูดกับปีเตอร์ว่า “คุณเมอเรย์ ชื่อเสียงของคุณโด่งดังมาก ในที่สุดผมก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบคุณ จริง ๆ แล้วบุคลิกของคุณช่างตรงกับชื่อเสียงของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ ผมมีบางอย่างจะพูดกับคุณครับ คุณเมอร์เรย์”ริมฝีปากของปีเตอร์โค้งลง "อะไร?"เขาพนันได้เลยว่าชาร์ลีไอ้ขี้แพ้จะไม
ชาร์ลีอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเลือกที่จะปิดปากและเดินออกจากร้านอาหารหลังจากที่เขามองไปที่ใบหน้าที่โกรธแค้นของแคลร์หัวหน้าของบริษัทเล็ก ๆ กล้ามาหน้าด้านขนาดนี้ได้อย่างไร? เขาตัดสินใจที่จะพึ่งโชคสินะ?แคลร์ถึงกับต้องวิ่งเต้นไปรอบ ๆ ไอ้สารเลวคนนี้! เธอไม่รู้หรือว่าสามีของเธอมีอำนาจมากที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด?ในขณะนี้เขาต้องการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาต่อแคลร์อย่างสิ้นหวัง เขาต้องการให้เธอรู้ว่าเธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา และเธอไม่จำเป็นต้องถูกรังแก หรือถูกทรมานจากเหล่านายทุนชั้นต่ำของบริษัทที่มีฐานะปานกลางพวกนั้นอย่างไรก็ตาม เขาอดกลั้นคำที่จะพูดเอาไว้การเปิดเผยตัวตนของเขาหมายความว่าเขาได้ยอมรับการเป็นคนของตระกูลเวดอย่างเป็นทางการและจะกลับสู่ตระกูลไม่ เขาไม่ได้อยากกลับไปชาร์ลียืนอยู่นอกร้านอาหารพลางมองขึ้นไปที่ชั้นสอง จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาสตีเฟ่นผู้ซึ่งพ่อบ้านของตระกูลเวด“ช่วยตรวจสอบประวัติรายละเอียดของมิลเลเนียม เอนเตอร์ไพรส์ รวมถึงลูกค้าและโครงการล่าสุดของพวกเขาให้ผมหน่อยครับ”น้ำเสียงสุภาพของสตีเฟนดังก้องมาจากอีกด้านหนึ่งของสาย “นายน้อย
ปีเตอร์ตกตะลึงขณะเอามือจับที่แก้ม หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตะโกนใส่ชาร์ลี“ไอ้เศษขยะ! แกกล้าดียังไงมาตบฉัน!”ชาร์ลีแสยะยิ้ม “ทำไม? ทำไมฉันถึงต้องไม่กล้าตบแกด้วยล่ะ? ถ้าฉันอยากจะตบแก แกก็ต้องรับมือกับมันเท่านั้นเอง”หลังจากนั้นชาร์ลีก็ยกมือขึ้นตบปีเตอร์อีกครั้ง ตอนนี้แก้มของปีเตอร์เริ่มบวมแล้วแม้ว่าแคลร์จะรังเกียจปีเตอร์มากแต่ชาร์ลีก็ตบเขาสองครั้งแล้ว ดังนั้นเธอจึงกังวลเล็กน้อยและรีบพูดว่า “ชาร์ลี นี่คุณกำลังทำอะไร? ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมคะว่าอย่าทะเลาะกับใครแย่างขาดสติแบบนี้?”เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเอง แต่เธอกังวลว่าปีเตอร์จะแก้แค้นชาร์ลี ท้ายที่สุดแล้วปีเตอร์ก็ยังคงเป็นบอสของบริษัทที่มีชื่อเสียง เขาจะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไรหลังจากถูกชาร์ลีทำกับเขาแบบนี้จริงอยู่ที่ปีเตอร์รู้สึกรำคาญและหงุดหงิดสุด ๆ ในตอนนี้ เขาชี้นิ้วไปที่แคลร์ “เธอ เธอเป็นคนที่มีนามสกุลวิลสัน! ถ้าเธอไม่ชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้น และมาเอาใจฉันหลังจากสิ่งที่สามีของเธอทำในวันนี้ ฉันจะฆ่ามัน! ฉันจะทำให้แน่ใจว่ามันจะหายไปจากโอลรัสฮิลล์!”ทันทีที่แคลร์ได้ยินคำว่า ‘ชดเชย’ เธอก็เริ่มโมโหขึ้นมาทันที “คุณมันไร้ยางอาย!”“ไร้
หลังจากได้ยินเรื่องยุติสัญญามากมาย ปีเตอร์ก็เริ่มเหงื่อออกมากจนไม่สามารถยืนตัวตรงได้ เขาต้องจับกำแพงเพื่อยืนให้มั่นแคลร์ไม่รู้ว่าใครโทรมาหาปีเตอร์ แต่เธอสามารถเห็นสีหน้าของปีเตอร์เปลี่ยนไปหลังจากรับสาย เขาดูเหมือนกับว่าเขากำลังจะขาดใจตายลงเสียตรงนั้น“ชาร์ลีคะ คุณคิดว่าปีเตอร์ไม่สบายหรือเปล่า?”ชาร์ลียิ้มก่อนที่เขาจะตอบว่า “ใช่ บางทีอาจจะมีบางอย่างผิดปกติในสมองของเขา เขาอาจจะจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร”เลขาของปีเตอร์ยังคงรีบแจ้งอย่างตื่นตระหนกกับอีกด้านหนึ่งของสาย แต่ปีเตอร์ไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดแล้ว เขากลับได้ยินเพียงเสียงในหูของเขา และสิ่งที่เขาคิดได้ก็คือสิ่งที่ชาร์ลีพูดก่อนหน้านี้“แกล้มละลายแล้ว!”ปีเตอร์เหงื่อแตกท่วม เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดกลัวขณะจ้องไปที่ชาร์ลีด้วยสีหน้าแน่วแน่ชาร์ลีทำนายเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?เขา… เขาล้มละลายจริง ๆ !ปีเตอร์ทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นหวังชาร์ลีเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาและไม่แยแส เขาพูดกับแคลร์ว่า “เราไปกันเถอะครับ”แคลร์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับปีเตอร์ในเวลานี้ แต่เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับปีเตอร์อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงหันหลังตามชาร์ล
ทั้งหมดนี้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เรื่องแบบนี้จะมีความบังเอิญได้อย่างไร?ปีเตอร์รู้สึกคลุมเครือว่าเรื่องพวกนี้เกี่ยวข้องกับชาร์ลีอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงคุกเข่าต่อหน้าชาร์ลีเพราะเขาไม่สนใจชื่อเสียงของตัวเองอีกต่อไปแล้วแคลร์ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายบอกอะไรกับปีเตอร์ทางโทรศัพท์ ดังนั้นเธอจึงได้แต่พูดด้วยความประหลาดใจว่า “ปีเตอร์ บริษัทของคุณกำลังไปได้สวยไม่ใช่เหรอคะ? นี่คุณกำลังพูดถึงอะไร? แล้วถึงคุณจะประสบปัญหาล้มละลาย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชาร์ลีล่ะคะ?”ปีเตอร์คุกเข่าลงบนพื้นขณะที่เขาพูดว่า “แคลร์ ผมขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจก่อนหน้านี้! ผมยอมรับในความผิดพลาดและขอให้คุณให้อภัย บริษัทของผมโทรมาเมื่อกี้ แล้วบอกว่าลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งของผมโทรมายกเลิกสัญญากับเรา แล้วธนาคารทุกแห่งก็เรียกเก็บเงินที่ผมไปกู้มาจากพวกเขา คราวนี้ผมจนตรอกแล้วจริง ๆ … ได้โปรดช่วยพูดกับคุณเวดให้ผมหน่อยนะครับ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีทางอยู่รอดในโลกนี้ได้อีกแล้ว”ในเวลานี้แคลร์ถึงกับผงะและตอบเพียงว่า “ฉันคิดว่าคุณทำผิดพลาดเองนะคะ ปีเตอร์ ฉันไม่คิดว่าชาร์ลีจะมีอำนาจมากขนาดนั้นหรอกนะคะ”ชาร์ลียังตอบอย่างแผ่วเบ
เมื่อแคลร์ถามเธออย่างกะทันหัน เอเลนแม่ยายของชาร์ลีก็อารมณ์เสียและพูดขึ้นว่า “เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแกก็ยังเป็นหลานสาวของตระกูลวิลสัน! แล้วคุณย่าของแกก็ขอโทษแม่แล้ว เขายอมรับว่าเขาทำแบบนั้นเพราะความสับสน เขาบอกว่าแฮโรลด์เป็นคนยุยงให้เกิดความไม่ลงรอยกัน แล้วเขาก็ได้ลงโทษแฮโรลด์แล้ว แกยังไม่พอใจอะไรอีก?”แคลร์ตอบอย่างโกรธ ๆ ว่า “เขาขอโทษเราแล้วยังไงล่ะ? หนูเข้าใจนิสัย และตัวตนของคุณย่าดี ถึงเขาจะขอโทษแต่ก็ไม่ใช่คำขอโทษที่จริงใจหรอกค่ะ! เขาขอโทษเพียงเพราะต้องการให้หนูกลับไปที่วิลสันกรุ๊ปและเพื่อแก้ไขปัญหาการทำงานร่วมกันกับเอ็มแกรนด์กรุ๊ปเท่านั้น!”เอเลนพยายามเกลี้ยกล่อมแคลร์ในเวลานี้ “อย่าไปคิดร้ายกับคุณย่าของแกนักสิ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกันนะ! นี่ก็ผ่านมานานแล้วแกจะยังเกลียดเขาอยู่ได้ยังไง?”“หนูจะไม่เกี่ยวข้องกับใครอีกในตระกูลวิลสันทั้งนั้น!” แคลร์ตอบอย่างโกรธ ๆ ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า “หนูจะไม่กลับไปทำงานให้กับวิลสันกรุ๊ปเด็ดขาด!”"แกหมายความว่ายังไง?" เอเลนพูดด้วยความไม่พอใจ “คุณย่าของแกตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองแล้ว แกอยากให้หญิงชราอย่างเขาขอโทษงั้นเห
ต่อมาในคืนนั้น จัสมินก็เดินทางมารับชาร์ลีเมื่อเห็นชาร์ลี จัสมินก็ยกมือขึ้นอย่างเคารพต่อหน้าเขาและทักทาย “คุณเวด ต้องขอโทษจริง ๆ ที่รบกวนคุณนะคะ”ชาร์ลียิ้มเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดว่า “คุณมัวร์ คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนี้นะครับ”หลังจากนั้นชาร์ลีก็สังเกตเห็นว่าจัสมินสวมสร้อยเพชรรอบคอของเธอ ในตอนนี้เขาถามด้วยความอยากรู้ว่า “นี่คือสร้อยเพชรที่คุณทำหายไปก่อนหน้านี้ใช่ไหมครับ?”จัสมินพยักหน้าอย่างเร็วก่อนที่เธอจะตอบว่า “ใช่แล้วค่ะ นี่คือสร้อยเพชรที่คุณแม่ให้ฉันก่อนที่ท่านจะจากไป มันสำคัญสำหรับฉันมากกว่าชีวิตของฉันเอง ฉันรู้สึกขอบคุณคุณมาก ๆ เลยนะคะ เพราะถ้าไม่ใช่เพราะคุณฉันก็ไม่มีทางได้กลับมาหรอกค่ะคุณเวด”ชาร์ลียิ้มก่อนจะตอบว่า “จัสมิน เพราะคุณมีความสัมพันธ์กับสร้อยเพชรเส้นนี้ ถึงผมจะไม่ได้ช่วยคุณแต่ไม่นานมันก็จะกลับมาหาเจ้าของนะครับ”จัสมินรู้ว่าชาร์ลีเป็นคนที่ถ่อมตัว ดังนั้นเธอจึงรีบตอบว่า “คุณเวดนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเคยเห็นปรมาจารย์ที่มีฝีมือจริง ๆ และถ่อมตัวมากขนาดนี้เช่นคุณนะคะ”ชาร์ลียิ้มและพูดว่า “จัสมิน คุณไม่ต้องยกย่องผมหรอกครับ! มาเริ่มงานของเรากันดีกว่า”จัสมินพยักหน้า
ดูเหมือนว่าชาร์ลีจะไม่มีความสุขมากในเวลานี้ท้ายที่สุดแล้ว เหตุผลเดียวที่เขาตกลงมาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะเขาต้องการแสดงความเคารพต่อจัสมิน ไม่อย่างนั้นนายน้อยของตระกูลเวดคงไม่แม้แต่จะก้าวเข้าไปในคฤหาสน์มัวร์ด้วยซ้ำ พวกเขามีแค่อะไรแก่การมาของเขากันล่ะ?จัสมินก็โกรธเช่นกันในเวลานี้ “น้องชาย! นี่นายพูดแบบนั้นได้ยังไง? นายอาจเลือกที่จะไม่เชื่อในความสามารถของใครบางคน แต่นายไม่ควรไม่เคารพพวกเขาอย่างนั้นนะ!”รูเบนส่งเสียงขึ้นจมูกและตอบว่า “เคารพ? ผมเคารพปรมาจารย์ที่มีความสามารถและทักษะที่แท้จริงเท่านั้น ผมไม่คิดว่าคนหลอกลวงสมควรได้รับความเคารพจากผมหรอก!”หลังจากนั้นรูเบนชี้ไปที่ชายชราที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะแนะนำเขาอย่างภาคภูมิใจ “นี่คือแอนโธนี ซิมมอนส์เป็นหมอที่มีชื่อเสียงมากในภาคใต้และนี่หลานสาวของเขา”ชาร์ลีผงะเล็กน้อยและเขามองไปที่ผู้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาชายชราที่ดูเหมือนจะเป็นปู่และหลานสาวอย่างไรก็ตาม การแต่งกายของพวกเขาแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับคนทั่วไปชายชราดูเหมือนว่าเขาอายุมากกว่าหกสิบปีเล็กน้อย เขาสวมเสื้อคลุมผ้าสีไม้ไผ่พร้อมแว่นสมัยเก่ากรอบสีดำ เขามีเคราสีขาว