ฟังแล้วรุจารินหน้าแดงซ่าน เธอคร้านจะเถียงกับคนเอาแต่ใจไร้เหตุผลอย่างเขา ถ้าสามารถกรอกลับเหตุการณ์เมื่อกี้ได้ บทรักโลดโผนของเขาไม่รุนแรงก็จริง แต่หลายท่าทางก็สุ่มเสี่ยงจะกระเทือนอยู่ในกรณีที่เธออาจตั้งครรภ์อ่อนๆ แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ“แล้วคุณจะเอายังไง” เลขาสาวถามอย่างเหลืออด “ถ้าฉันท้องมีลูกกับคุณขึ้นมาจริงๆ คุณจะทิ้งคู่หมั้นตัวเองมาแต่งงานรับผิดชอบลูกในท้องฉันหรือไง”คนถูกโยนคำถามยากใส่หน้าแอบผงะไปนิดๆ อาการนั้นทำให้คนถามแอบปวดแปล๊บที่หัวใจลึกๆ แต่เธอก็พยายามข่มใจทีท่าสงบนิ่งเหมือนยอมรับความจริงที่รู้อยู่แล้ว“นั่นไงคะคำตอบ คุณยอมรับความจริงเสียทีเถอะค่ะ คุณไม่อยากโดนผูกมัด ฉันเองก็เช่นกัน เราสองคนต่างกันเกินไป ฉะนั้นถ้าคุณไม่คิดจริงจังก็หยุดอย่าสานต่อเลยนะคะ เมื่อกี้ฉันจะคิดเสียว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา แต่ต่อจากนี้เราก็ต่างคนต่างอยู่ ทำงานใช้ชีวิตไปตามปกติ แต่จะไม่มีเรื่องอย่างเมื่อกี้เกิดขึ้นอีก และถ้าเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องพ่อของลูกแน่นอนค่ะ คุณสบายใจได้”พูดง่าย พูดคล่องจริงนะแม่คุณ ชายหนุ่มแอบแขวะในใจ ตาคมมองใบหน้าสวยที่กลับมาหมางเมินเย็นชาอ
“อ๊ะ!” ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ร่างบางกระตุกวาบเพราะถูกคนใต้ผ้าห่มส่งปลายนิ้วเข้าไปก่อกวนภายในความชุ่มฉ่ำจนมันร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้ง เธอเกือบจะส่งเสียงครางออกมาอย่างสุดจะกลั้น แต่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทัน กายสาวกระตุกตามแรงเสียดสีที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น“จ๋า มีอะไร เกิดอะไรขึ้นทำไมลูกไม่ตอบแม่ ลูกจ๋า...” “มะ...แม่คะ วันนี้จ๋าขอค้างคืนที่บ้านเพื่อนที่ทำงานนะคะ คือบ้านเขาอยู่ใกล้ๆ บริษัท พอดีงานยังไม่เสร็จเลย ต้องใช้พรุ่งนี้เช้าเสียด้วย แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ เท่านี้ก่อนนะคะจ๋าต้องรีบวางแล้ว แม่ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ปิดประตูดีๆ พรุ่งนี้จ๋าจะรีบกลับบ้านค่ะ”หญิงสาวข่มเสียงไม่ให้สั่นมีพิรุธแล้วพูดเร็วปรื๋อ ก่อนที่จะรีบกดวางเมื่อได้ยินการตอบรับจากมารดา ความรู้สึกผิดที่ต้องโกหกถูกปัดทิ้งไปชั่วขณะเพราะถูกการก่อกวนจากคนจอมเจ้าเล่ห์ และมันยิ่งทวีความร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง...“อร๊ายยย...” เธอไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์หวามได้อีกต่อไป เสียงหวานครวญครางแทบไม่เป็นภาษาดังลั่นห้อง มือทั้งสองจิกผ้าปูที่นอนแน่นด้วยความทรมานเหลือแสนที่คนตัวร้ายมอบให้ “พอแล้ว พอก่อน ฉันไม่ไหว อย่าทำตรงนั้น...อ๊ะ! อือ...”คำวิงวอนนั้
“ผมคิดถึงคุณอีกแล้ว เมียจ๋า...”อยากจะบ้าตายกับผู้ชายคนนี้เหลือเกิน บทจะอ้อนก็อ้อนได้อ้อนดี อ้อนจนเธอจะละลายขาดใจตายคาอกเขาอยู่แล้ว ยิ่งคำว่าเมียจ๋าจากปากเขาฟังทีแรกก็จั๊กกะจี้หู แต่พอได้ยินทั้งคืนมันก็เริ่มทำให้เธอชินและรู้สึกดีแปลกๆ“วันนี้เราโดดงานกันเถอะนะ”“แน้...คุณเป็นถึงรองประธานจะมาเกเรแบบนี้ได้เหรอคะ เดี๋ยวก็โดนหักเงินเดือนขึ้นมาจะว่าไง”“ใครมันจะกล้า”“ก็ท่านประธานใหญ่พ่อคุณไงคะ”“หึๆ หักก็หักไปเถอะ ผมอยากนอนกอดคุณแบบนี้แหละ ใครจะทำไม”รุจารินส่ายหน้าเอือมระอา แต่ก็ชักจะชินกับความเอาแต่ใจที่ไร้เหตุผลนี้หน่อยๆ “ไม่ทำไมหรอกค่ะ คุณจะโดดงานจะยอมถูกหักเงินเดือนก็ทำไปคนเดียวเถอะ ฉันมีภาระมีคนที่ต้องดูแลฉันไม่ยอมโดดงานโดนหักเงินเดือนเหมือนคุณหรอกค่ะ ปล่อยได้แล้วค่ะ”“ไม่ปล่อย!” หนุ่มหล่อว่าพลางกระชับวงแขนแน่นขึ้น ไม่ยอมคลายอ้อมกอดจากร่างอรชรงามนี้ง่ายๆ น่าขำ ที่เขารู้สึกอยากกอดเธออย่างนี้ไม่อยากปล่อยเลย ให้ตายเถอะ“แล้วเราจะอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่คะ”“จนกว่าผมจะพอใจ ในฐานะเจ้านายโดยตรง ผมยินดีให้คุณหยุดงานวันนี้ได้โดยไม่โดนหักเงินเดือน”เอากับเขาสิ! หญิงสาวกรอกตาไปมาอย่างเพลียใ
“อุ๊ย!”หญิงสาวอุทานลั่น พร้อมรีบยกมือปิดเนื้อตัวอันเปลือยเปล่าของตัวเองอย่างเงอะงะ เมื่อเขาวางเธอลงในอ่างอาบน้ำแบบจากุชชี่ที่กว้างขนาดให้คนลงไปอาบได้มากกว่าสี่คน ห้องน้ำนี่กว้างขวางพอๆ กับห้องเธอที่อพาร์ตเม้นใหม่ด้วยซ้ำ คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อร่างสูงใหญ่คว้าตัวเธอเข้าไปกอดซ้อนทับบนกายเขา สายน้ำวนอุ่นๆ กำลังดีที่เขาเปิดใส่อ่างค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้น“มาอาบน้ำกัน” เสียงพร่ากระซิบยั่วเย้ากึ่งๆ ชวนเชื่อ“คะ...คุณอาบก่อนดีไหม เดี๋ยวฉันค่อยอาบทีหลัง...”“ไม่เอาไม่ให้ไป อาบพร้อมกันนี่แหละ ไหนดูซิเมื่อคืนผมรักคุณตรงไหนบ้างน้า” เขาไม่พูดเปล่า สายตาคมๆ ยังจ้องสำรวจผิวกายสาวนวลเนียนอย่างซุกซน “ตรงนี้”รุจารินถึงกับหายใจสะดุดทันทีเมื่อเขาโน้มลงมาแตะจูบเม้มที่ลำคอเธอเบาๆ“แล้วก็ตรงนี้...” นักสำรวจจอมซนพรมจูบที่เนินอกสะล้างพร้อมลากเลื้อยริมฝีปากไปทักทายความอวบอิ่มที่เขาแสนจะชอบชิมมันร่างบางสั่นสะท้าน สะบัดร้อนสะบัดหนาวราวกับคนจับไข้ เมื่อถูกประพรมด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนทั้งตัว ในท้องปั่นป่วนมวนวนด้วยผีเสื้อนับร้อยที่พากันบินวนไปมาอย่างบ้าคลั่ง ใช่เธอกำลังคลั่งกับสัมผัสอันแสนหวามของเขา ไม่
“เราลองมาคบกันดีไหม” รุจารินช้อนสายตามองสบตาเขานิ่งๆ ไม่ใช่ขอให้เธอเป็นผู้หญิงของเขาเหมือนคราวก่อน แต่เขากลับขอคบเธอเนี่ยนะ“คบในฐานะไหนล่ะคะ เจ้านาย เพื่อน คู่นอน หรือว่า...”“คบหาในฐานะที่ผู้ชายผู้หญิงเขาคบกัน”ไม่ใช่คนรัก...มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนหรือคนรักสินะ เธอเข้าใจถูกใช่ไหม“เราอาจจะข้ามขั้นตอนไปหน่อยก็เถอะ แต่ถ้าคุณตกลง...”“แล้วคู่หมั้นคุณล่ะคะ” หญิงสาวรู้สึกว่าอ้อมแขนแข็งแรงคลายลงนิดๆ หลังได้ยินคำถามแสลงหู หัวใจบางๆ ของเธอเหมือนจะหล่นวูบ ริมฝีปากงามเม้มเข้าหากันจริงสิ! เขามีเจ้าของแล้ว สถานะตอนนี้ของเธอต้องเรียกว่าไร้ตัวตนก็ไม่ผิดนัก ถ้าเธอเห็นแก่ตัวอยากยึดเขาไว้และรับข้อเสนอตกลงคบกันลับหลังเธอคนนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ครั้งหนึ่งบิดาของเธอแอบซุกซ่อนนางปราณีไว้ลับหลังแม่ของเธอไม่มีผิด“ไม่ดีกว่าค่ะ เราไม่ควรคบกันไม่ว่าในฐานะไหน นอกจากฐานะเจ้านายเลขาเท่านั้น”“หืม...” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น มองใบหน้าหวานสวยที่ถูกหน้ากากความเย็นชาสวมทับอีกครั้ง วงแขนที่โอบกอดรอบกายเขาคลายออกฉับพลัน ชวนให้หัวใจหนาวเหน็บ“สายแล้วค่ะ ฉันต้องกลับบ้านเสียที” หญิงสาวข่มความอายหันไปคว้าเสื้อที่ตก
“ทิ้งขยะ!” หญิงสาวอุทานลั่น เขาจะรู้ไหมว่าชุดนั่นเธอเพิ่งซื้อมา ใช้ไม่กี่ครั้งเอง ราคาไม่ใช่ถูก เรียกว่าต้องตัดใจซื้อเลยทีเดียว ไหนจะชุดชั้นในอีกเล่า“ก็มันเลอะอ้วกคุณจะใส่ยังไง”“ซักแล้วก็ใส่ได้นี่คะ คุณทิ้งไว้ที่ไหน ฉันจะไปเก็บมาซัก”“ไม่รู้สิ ผมลืมแล้ว ทิ้งลงชักโครกมั้ง”ตาบ้า! ตาเขียวปั๊ดตวัดค้อนเอาเรื่อง“ชุดนั้นไม่เห็นสวยเลย ชุดชั้นในคุณก็ไม่เซ็กซี่ ผมไม่ชอบนี่”แก้มเนียนใสแดงวาบ แต่พยายามข่มอารมณ์ไว้ไม่ให้สติหลุด“ชอบไม่ชอบก็เรื่องของคุณสิ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาเอาของฉันไปทิ้ง ต่อให้มันเลอะเทอะแค่ไหน”“เอาน่าคุณ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลยนะ เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่ก็ได้ คุณเป็นเลขาของผมแล้วก็ยังเป็น...เมียจ๋าของผมด้วย” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม “จะให้แต่ตัวไร้รสนิยมได้ยังไง”รุจารินอยากจะกุมขมับกับความเอาแต่ใจของผู้ชายคนนี้ แต่ยังไม่ทันปฏิเสธเขาก็คว้าโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องทั้งคืนมาเปิดแล้วจัดการโทรหาใครสักคนปลายสาย สั่งไม่กี่คำก็วางสายไป“เรียบร้อย ผมสั่งให้เขาเอาเสื้อผ้ามาส่งให้คุณแล้ว แต่คงอีกครู่ใหญ่ ตอนนี้เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า ผมชักหิวจริงๆ แล้ว” มาดบอส จอมเผด็จการกลับมาอีกครั้ง ร่างสูงเดิน
“มะ...ไม่เอานะคะ ฉันไม่เล่น”“ก็ใครบอกว่าจะเล่นล่ะ ผมจะทำจริงๆ”“คุณจะบ้าเหรอคะ” นั่นเขาจะใช้เจ้าหัวแครอทแท่งอ้วนๆ นั่นกับ...เธอจริงๆ เหรอ อึ๋ยยยเพียงแค่คิดแก้มใสๆ ก็แดงก่ำ หัวใจเต้นระทึก“คุณไม่อยากลองของแปลกบ้างเหรอ กินผักแล้วมีประโยชน์นะ ผมอยากให้คุณลองกินดู” คนห่ามเอ่ยด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่มเหมือนเด็กซนๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือตรงไปที่ปมผ้าขนหนูที่พันกายส่วนล่างของเธอแล้วปลดมันออกทันที“อุ๊ย! นั่นคุณจะทำอะไร” ร่างบางกระถดถอย แต่ความแคบของเคาน์เตอร์ไม่อำนวยให้เธอหนีได้ แต่กลับเอื้อให้เขาได้ทำอะไรห่ามๆ ถนัดมากกว่า“ก็โยนแครอทลงหม้ออย่างที่คุณบอกไง” คนซุกซนว่าพลางจับเรียวขาที่หนีบไว้ให้แยกออกจากกัน ก่อนสูดปากเบาๆ เมื่อเห็นความงามของกลีบดอกไม้ที่เขาเด็ดชิมน้ำค้างมาทั้งคืน แต่ทว่ามันยังคงงดงามและน่ากินเหมือนเดิมไม่มีผิด“ไม่เอานะคะ อย่าแกล้งฉัน อ๊ะ...” หัวใจดวงน้อยหล่นวูบเมื่อถูกวัตถุแปลกปลอมมาจดจ่อที่ปราการแสนหวาน มือบางรีบตะปบปิดจ้าละหวั่น หน้าตาตื่นกลัว แต่ใจกลับเต้นระทึกตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่ที่เขาจะมอบให้ มันช่างบ้าระห่ำที่สุดที่เธอรู้สึกกลัวแต่ก็อยากลองตามใจเขาเสียนี่“อุ๊ย!” ร่างบาง
เวลาต่อมาร่างอรชรที่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำตัวโตที่มีใครบางคนเสียสละให้ยืมมา โดยคนเป็นเจ้าของเสื้อนั้นกลับสวมเพียงผ้าขนหนูพันกายส่วนล่างเท่านั้นก็ยังดีที่เขาไม่หน้าด้านเปลือยกายล่อนจ้อนให้เธอต้องหัวใจวายหรือไม่ก็ตาเป็นกุ้งยิงเสียก่อนแต่กระนั้นแผงอกแน่นๆ ด้วยมัดกล้ามนั่นก็ใช่ว่าจะไม่มีผลต่อจิตใจของเธอเสียเลย รุจารินมองร่างสูงที่กำลังลำเลียงเมนูเด็ดที่เพิ่งทำเสร็จมาวางบนโต๊ะอาหารตรงหน้าเธอ“เสร็จแล้วครับ”หญิงสาวแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ พลางจ้องมองไข่ดาวสุกกรอบจนเกือบจะเกรียมกับไส้กรอกที่มีชะตากรรมไม่ต่างกัน สิ่งเดียวที่น่าจะปลอดภัยในจานนั่นคือขนมปังกรอบเหลืองหอมเพราะใช้เครื่องปิ้งอัตโนมัติทำ ฝีมือเขาไม่ได้เลวร้ายนักหรอก แต่มัน...“กินได้น่าคุณ ชิมดูสิ” พ่อครัวเชียร์เหยงๆ ตาเป็นประกายคาดหวัง แต่พอเห็นแววลังเลในดวงตาคู่งามของคนชิม เขาก็เริ่มจะฉุนนิดๆ “จะกินดีๆ หรือจะให้ผมป้อน...”หมับไม่ทันขาดคำ หญิงสาวก็รีบคว้าส้อมมาจิ้มไส้กรอกเข้าปากทันที ภูเบศหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ กับรสชาติอาหารที่เขาทำให้เธอกิน ยัยตัวร้ายนี่จะรู้ไหมว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขามีกะใจจะทำอาหารให้กิน ชายห
“เห็นไหม ยานั่นไม่ขมแล้ว”“คะ...คุณจูบฉันอีกแล้วนะคนฉวยโอกาส”“ผมป้อนยาคุณต่างหาก โอ๊ย!” ชายหนุ่มแสร้งร้องโอดโอยเมื่อถูกคนป่วยทุบอกปั๊กๆ ฐานขโมยจูบทีเผลอ“ทำแบบนี้ทำไม ถ้าแม่ฉันมาเห็นเข้าจะว่ายังไง”“ก็ไม่ว่าอะไร หรือคุณอยากให้ผมว่าอะไรล่ะ”“นี่คุณ อย่ามาเล่นลิ้นแบบนี้นะคะ ฉันไม่ชอบ”“แล้วคุณชอบแบบไหนล่ะ ผมจะได้จัดให้ตามที่คุณชอบ” สายตาวาวชวนหวามของคนพูดทำให้หญิงสาวชาวาบไปทั้งร่าง เมื่อสบสายตายั่วเย้าคู่นั้น หัวใจก็เริ่มไม่เป็นของเธออีกครั้ง“ผมพูดจริงนะ หรือถ้าคุณโอเค จะให้ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่คุณฟังแล้วรับผิดชอบคุณก็ยังได้”“รับผิดชอบ? คุณจะรับผิดชอบฉันในฐานะอะไรล่ะคะ”“นั่นแล้วแต่คุณเลย อยากได้แบบไหนก็บอกมา”อยากได้แบบไหนเหรอ...หญิงสาวฉุกคิด นั่นสิ ที่แท้แล้วเธออยากคบเขาแบบไหนกันแน่นะ คนรักก็ไม่น่าใช่ คนรู้ใจก็ไม่เชิง หรือจะแบบคู่นอนก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ จู่ๆ สมองก็ดันมีผู้หญิงอีกคนโผล่แทรกเข้ามากวนใจให้สมองชะงัก“แต่คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ลืมแล้วหรือไงคะ”“ผมไม่ได้ลืม คุณต่างหากที่ลืม ผมบอกแล้วว่ากำลังจะหาทางขอยกเลิกการหมั้น” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ “ผมไม่ได้ล้อคุณเล่น แต่ผมคิดมานานแล้
“นั่นคุณหัวเราะอะไรคะ แล้วมาบ้านฉันทำไมกันแน่”“ก็บอกแล้วว่ามาเยี่ยมไข้”“ไม่จริง มาจับผิดมากกว่า”“ก็แล้วคุณทำผิดอะไรไหมล่ะ” ภูเบศแกล้งเอ่ยหน้านิ่ง แต่ดวงตาพราว “ผมจะได้จับ...”“มะ...ไม่ เอ่อ...นี่คุณ!” “คุณอยู่กับแม่ที่นี่แค่สองคนเหรอ” เห็นอีกฝ่ายอึกอัก หน้าแดงเรื่อสมใจ เขาจึงยอมเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เธอเก้อเขินมากไปกว่านี้ พลางมองไปรอบกาย“ห้องสะอาดน่าอยู่ดีนะ แต่แคบไปหน่อย”“เรื่องของฉัน” คนป่วยสะบัดเสียงใส่อย่างไม่สบอารมณ์ “คุณรีบกินรีบกลับไปดีกว่าค่ะ ที่นี่ทั้งเล็กและแคบมาก ไม่เหมาะจะต้อนรับคนมีระดับอย่างคุณหรอกค่ะ”“ทำไมหนีมาไม่ยอมรอผมก่อน” นั่นไง นอกจากจะเป็นแมวแล้วยังเป็นฝ่ายสืบสวนอีกด้วย“ทำไมต้องรอคะ ตัวเราสองคนไม่ได้ติดกันเสียหน่อย” ภูเบศมองใบหน้าหวานที่อิดโรย ขอบตาบวมช้ำ แต่ยังอุตส่าห์มีแรงรวนเขาอย่างมันเขี้ยว“คุณแน่ใจหรือว่าเราไม่เคยตัวติดกัน ผมว่าเราสองคนน่ะยิ่งกว่าเคยตัวติดกันอีกนะ”“คนบ้า อย่ามาทะลึ่งที่บ้านฉันนะ” คนป่วยแหวเสียงเขียว ใบหน้าร้อนผ่าว“อย่าเพิ่งชวนทะเลาะเลยน่า ผมหิวแล้วกินข้าวกันเถอะ หรือว่าอยากให้ผมป้อนก็ได้นะ คุณไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ” แขกไม่ได้รับเ
“พอดีผมได้ยินว่าวันนี้คุณจ๋าเธอลางานไม่สบายเลยแวะมาเยี่ยม อ้อ...รอสักครู่นะครับ” ฝ่ายนั้นผลุนผลันไปที่รถและกลับมาอีกครั้งพร้อมกระเช้าผลไม้ในมือ“ของเยี่ยมไข้ครับ”“อ้าว งั้นเหรอคะ แล้วทำไมไม่เชิญเจ้านายลูกขึ้นไปข้างบนล่ะจ๊ะ”“คือพอดีจ๋าเห็นว่าท่านจะกลับแล้วน่ะค่ะแม่ ก็เลยไม่ได้เชิญ” คนป่วยเอ่ยหน้าตาเฉย “อะไรกันคะ เพิ่งมาจะรีบกลับแล้วเหรอคะ ทานอะไรมาหรือยัง ดิฉันตั้งโต๊ะอาหารเช้าไว้แล้ว ถ้าท่านไม่รังเกียจ...”โอ๊ะ เรียกผมธรรมดาดีกว่าครับ อย่าเรียกทงท่านเลย ผมไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างหรอกครับ” เขาเอ่ยพลางปรายตามองใครบางคนที่กำลังเบ้ปากกับนกกับไม้อย่างมันเขี้ยว“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณภูเบศ”“เรียกผมเบสเถอะครับ”“ค่ะ หากคุณเบสไม่รังเกียจอาหารบ้านๆ ก็ขอเชิญ”“แม่คะ...” รุจารินร้องลั่น“ไม่รังเกียจหรอกครับ ถ้าคุณแม่ไม่ว่างั้นผมก็ขออนุญาตฝากท้องสักมื้อ” รุจารินอ้าปากค้าง หันไปมองคนพูดอย่างไม่เชื่อหู“ด้วยความยินดีค่ะ ไปลูก เชิญค่ะคุณ”“แม่คะ แต่ว่า...”“ขอบคุณครับคุณแม่”โอ๊ย...เธออยากจะบ้าตาย ทำไมเรื่องมันกลับกลายเป็นอย่างนี้ไปได้นะกลิ่นหอมๆ ของอาหารรสเด็ดลอยมาแตะจมูกตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในห้อ
คนถูกถามไม่ขำ รุจารินจ้องหน้าเจ้านายตัวแสบตาเขียวปัด ในใจคุกรุ่นจนแทบจะหักคออีกฝ่ายได้ แต่เธอต้องพยายามข่มอารมณ์ไว้เพราะเกรงใจพลกฤษณ์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยต้องพลอยมาผจญกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง“นี่ค่ะขนมของพี่พล”“อ่ะ...อ๋อ ครับ” พลกฤษณ์ที่โดนคู่ต่อสู้น็อกยังไม่หายงงยื่นมือไปรับถุงใส่กล่องขนม แต่อารามรีบร้อนปนตกประหม่าทำให้เผลอจับโดนมือคนส่งถุงเข้าอย่างจังหมับ!“อ๊ะ! พี่ขอโทษครับน้องจ๋า”คิ้วเข้มๆ ของใครบางคนกระตุกทันพลัน ตาดุกร้าวจ้องมือฝ่ายนั้นเขม็ง“ไม่เป็นไรค่ะ” รุจารินส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเข้าใจ โดยไม่ทันเห็นสายตาพิฆาตที่จ้องอยู่ ผิดกับพลกฤษณ์ที่เห็นสายตาคู่นั้นอย่างจัง“นี่ค่าขนมครับ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ”“ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะที่ช่วยอุดหนุน ฝากความคิดถึงให้น้าดวงด้วยนะคะ ถ้ามีโอกาสจ๋ากับแม่จะแวะไปเยี่ยมที่บ้านนะคะ”หญิงสาวเอ่ยด้วยไมตรี โดยทำเป็นไม่สนใจใครบางคนที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับข้างๆ“ไหนคุณบอกว่าไม่สบายไงครับที่รัก ออกมาตากลมนานๆ แบบนี้เดี๋ยวก็ไข้กลับกันพอดี” คำนั้นทำให้คนเป็นส่วนเกินแอบถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อนนะครับ”คนตัวร้ายรวบเอาหญิงสาวม
รถเก๋งคันหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าหลบมุมที่อะพาร์ตเมนต์กลางเก่ากลางใหม่แห่งนั้นได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ทว่าคนขับยังคงนั่งแช่ในรถ ดวงตาคมเข้มมองไปที่ด้านหน้าประตูทางเข้า แม้จะมีที่อยู่จากเอกสารเรซูเม่พนักงานในมือก็เถอะ แต่การจะสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปมันก็ดูจะแปลกๆ ไปหรือเปล่ายัยนั่นไม่สบายมากไหมนะ จะว่าไปเมื่อเช้าหน้าเธอก็ดูซีดๆ อยู่เหมือนกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ที่จริงเขาก็แค่อยากเห็นกับตาแค่นั้นว่าเธอไม่เป็นอะไรมากจะได้สบายใจ หรือถ้าเป็นมากก็จะได้ช่วยเหลือขณะที่ชายหนุ่มครุ่นคิด ตามองตรงไปที่ประตูทางเข้ารอคอย แล้วทันใดนั้นเองสายตาเขาก็เห็นร่างคุ้นตาของใครบางคนเดินออกมา คิ้วเข้มหนาเลิกขึ้นนิดๆ คิดว่าตัวเองตาฝาดไป หากเมื่อเพ่งสายตามองชัดๆ ก็ยิ่งแน่ใจว่าใช่อย่างนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าป่วยการเมือง ยัยนั่นตั้งใจหลบหน้าเขาชัดๆ มันน่า...อยากรู้นักว่าถ้าเจอหน้ากันเธอจะแก้ตัวยังไง“ทางนี้ครับน้องจ๋า”ยังไม่ทันที่จะได้ทำตามที่คิด จู่ๆ ก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นเสียก่อนภูเบศปรายตามองไปทางต้นเสียงที่ดังมาจากรถที่จอดเยื้องๆ เขาไปไม่ไกลนัก ก็ได้เห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งโบกมือส่งยิ้มหวานให้เลขาสาวของเขาลูกตาเป็นปร
“ไปพักสักหน่อยดีไหมลูก เดี๋ยวที่เหลือแม่ทำต่อเอง”“ใกล้เสร็จแล้วนี่คะแม่ อีกเดี๋ยวก็ถึงเวลาที่ลูกค้าจะมารับขนมแล้วด้วย ทำให้เสร็จก่อนค่อยไปพักทีเดียวดีกว่า” คำตอบกลับมายิ่งทำให้คนเป็นแม่หนักใจ ยิ่งเห็นใบหน้าซีดเซียวของลูกสาวสุดที่รักก็ยิ่งเป็นกังวลว่าอีกฝ่ายจะเป็นลมล้มป่วยไปตอนไหน“ยังพอมีเวลาอยู่ งั้นก็ไปล้างหน้าล้างตาแล้วมากินอะไรรองท้องซักหน่อยดีไหมลูก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปก่อน เหลือไม่เยอะแล้วเดี๋ยวแม่ทำต่อเอง”ถ้าขืนปฏิเสธมารดาของเธอคงเป็นห่วงกังวลไม่เลิกรา ทำให้หญิงสาวจำใจรามือจากขนมที่เพิ่งใส่ลงกล่องเสร็จไปอีกหนึ่ง“ก็ได้ค่ะ งั้นจ๋าขอไปล้างหน้าล้างตาหน่อยละกันนะคะ เดี๋ยวจะได้มาช่วยแพคของต่อ” สีหน้าอิดโรยของลูกสาวทำให้ผู้เป็นมารดาถึงกับตกใจ“ตายจริง ทำไมหน้าตาโทรมเป็นแบบนี้ล่ะลูก”รุจารินลูบใบหน้าตัวเอง พลางฝืนยิ้มกลบเกลื่อน “จ๋าไม่เป็นไรค่ะ”จะไม่โทรมอย่างไรได้ ในเมื่อต้องอดนอนเพราะเขาคนนั้นไม่ยอมให้เธอได้นอนง่ายๆ รุจารินกัดริมฝีปากเมื่อคิดถึงตัวการที่ทำให้เธอไม่ได้นอนทั้งคืน“ไปให้หมอตรวจหน่อยดีกว่านะแม่ว่า”“จ๋าไม่ได้เป็นอะไรเลยจริงๆ ค่ะแม่ แค่เพลียนิดหน่อย นอนพักหน่อยเดี
“เดี๋ยวครับ!” วรรณิภาชะงัก “ผมเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ต้องยกเลิกนัดแล้วนะครับ เท่านี้แหละ ขอบคุณครับ”คนรับคำสั่งถึงกับตาค้างเหวอไปอีกหนกับการเปลี่ยนคำสั่งแบบสายฟ้าแลบของท่านรองประธานหนุ่มรูปงาม วรรณิภาจำใจตอบรับคำสั่ง ในใจภาวนาให้เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องหายป่วยไวๆ จะได้มารับมือคุณเจ้านายสุดหล่อตรงหน้าเสียเองพอคล้อยหลังเลขาเฉพาะกิจ ภูเบศก็กระแทกลมหายใจหนักๆ รู้สึกหงุดหงิดกับทุกอย่างรอบตัวขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ หรือจะบอกให้ถูกคือ เขาไม่อยากยอมรับต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องว้าวุ่นใจอยู่ตอนนี้ต่างหากเป็นไข้เนี่ยนะ! เมื่อเช้าก็เห็นอาการยังดีๆ อยู่นี่นา หรือว่าจะช็อกกับเหตุการณ์เมื่อเช้าจนล้มป่วย หรือว่าเพราะเมื่อคืนเขาหักโหมกับเธอมากไปยิ่งคิดใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ่งยุ่งเหยิง กองแฟ้มที่รอการเซ็นต์อนุมัติถูกผลักออกไปเบาๆ เพราะเจ้าตัวไม่มีอารมณ์จะอ่านเสียแล้ว จิตใจว้าวุ่นครุ่นคิดสะระตะเขาควรไปเยี่ยมเธอที่บ้านดีไหมนะ ถ้าไปเธอจะหลงคิดว่าตัวเองสำคัญกับเขาเกินกว่าฐานะเจ้านายลูกน้องไหม มันจะกลายเป็นว่าเขาให้ความหวังเธอมากไปหรือเปล่า จริงอยู่ที่ว่าเขาอยากจะถอนหมั้นกับสลิลดา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปักใจลงเอยกับ
เอาเถอะ ไว้เงินเดือนออกเธอจะเอามันมาใช้ให้เขาทุกบาททุกสตางค์ก็แล้วกัน แม้สิ่งที่เสียไปแล้วเธอเอากลับคืนมาไม่ได้ แต่เธอจะหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ เธอไม่ต้องการให้ใครมาตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงหน้าด้านที่แย่งแฟนชาวบ้าน และไม่ต้องการทำร้ายผู้หญิงด้วยกันเหมือนที่ครั้งหนึ่งพ่อเธอเคยทำร้ายจิตใจแม่เด็ดขาดแต่ทำไมนะ...หัวใจถึงรู้สึกทรมานแบบนี้ มันทั้งเจ็บลึกและทรมานเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนของเขาคนนั้น ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดครอบครองเป็นเจ้าของเขาได้ แล้วต่อจากนี้ชีวิตเธอจะเป็นเช่นไร เธอจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงดีเธอจะมองหน้าเขาติดได้อีกหรือเมื่อต้องทำงานด้วยกันร่างบางทรุดฮวดกอดเสื้อผ้าที่เขาซื้อให้แน่น ปลดปล่อยน้ำตาไหลริน สีหน้าหม่นหมอง ต่อจากนี้เธอควรทำยังไงดี...“อืม...ไม่เลวนี่ คุณดูดีใช้ได้เลย”ภูเบศมองเรือนร่างระหงในชุดทำงานแบบเพนท์สูทสีน้ำเงินเข้มอย่างพอใจ ด้วยดีไซน์หรูและแบบชุดทรงเข้ารูปทำให้เห็นทรวดทรงองค์เอวของคนใส่ชัดเจนทำให้รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าซ่อนรูปไม่น้อยเลย แต่คงจะดูดีกว่านี้ถ้าเจ้าตัวจะยิ้มเสียบ้าง ไม่ใช่ทำหน้านิ่งเฉยเย็นชาเป็นราชินีหิมะอยู่เช่นนี้ “คุณรอ
ภูเบศส่ายหน้าไปมา มองตามหลังคู่หมั้นที่ปึงปังออกไปราวกับพายุทอร์นาโด ด้วยสีหน้าหนักใจ ถึงแม้จะเตรียมใจล่วงหน้าว่าต้องเจอเหตุการณ์นี้ตั้งแต่ที่คิดจะดึงเลขาสาวมาร่วมแผนปลดอิสรภาพของตนแบบลับๆ แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้อยากทำให้ฝ่ายนั้นเดือดร้อนเช่นนี้ เมื่อคิดถึงเลขาสาว เขาก็รีบปิดประตูหน้าบ้านพร้อมล็อกกลอนแน่นหนา เผื่อว่าคู่หมั้นสาวจะย้อนกลับมาอาละวาดอีกหน แล้วเดินปราดไปที่ห้องนอน“เปิดประตูได้แล้ว”เงียบกริบ...ไม่ใช่ว่ายัยนั่นตกใจจนช็อกตายไปแล้วหรอกนะ ชายหนุ่มชักห่วง รีบไปเอากุญแจสำรองมาไขประตูอย่างรวดเร็วห้องว่างเปล่า สายตาคมเข้มเหลียวมองหาร่างอรชรมาสะดุดตาที่ประตูตู้เสื้อผ้าที่เปิดแง้มเล็กน้อย ร่างสูงจึงตรงเข้าไปกระชากมันออกภูเบศใจหายวาบเมื่อได้เห็นสภาพของเลขาสาวที่นั่งกอดเข่าคุดคู้หลบตัวสั่นเทาราวกับลูกนกตกจากรังน่าสงสารจับใจ ใบหน้าสวยหวานซีดเผือดไร้สีเลือดหม่นหมอง พอเงยหน้าเห็นเขาเธอก็สะดุ้งสุดตัว รีบขยับกายหนี แต่เขากลับเป็นฝ่ายดึงร่างเธอเข้ามากอดปลอบขวัญเสียเอง แม้อีกฝ่ายจะดิ้นขลุกขลักจะหนีจากอ้อมกอดนั้นแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ คิดว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้โฮแต่ก็กลับไม่ หากมีเพียงเสีย