“พอดีผมได้ยินว่าวันนี้คุณจ๋าเธอลางานไม่สบายเลยแวะมาเยี่ยม อ้อ...รอสักครู่นะครับ” ฝ่ายนั้นผลุนผลันไปที่รถและกลับมาอีกครั้งพร้อมกระเช้าผลไม้ในมือ“ของเยี่ยมไข้ครับ”“อ้าว งั้นเหรอคะ แล้วทำไมไม่เชิญเจ้านายลูกขึ้นไปข้างบนล่ะจ๊ะ”“คือพอดีจ๋าเห็นว่าท่านจะกลับแล้วน่ะค่ะแม่ ก็เลยไม่ได้เชิญ” คนป่วยเอ่ยหน้าตาเฉย “อะไรกันคะ เพิ่งมาจะรีบกลับแล้วเหรอคะ ทานอะไรมาหรือยัง ดิฉันตั้งโต๊ะอาหารเช้าไว้แล้ว ถ้าท่านไม่รังเกียจ...”โอ๊ะ เรียกผมธรรมดาดีกว่าครับ อย่าเรียกทงท่านเลย ผมไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างหรอกครับ” เขาเอ่ยพลางปรายตามองใครบางคนที่กำลังเบ้ปากกับนกกับไม้อย่างมันเขี้ยว“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณภูเบศ”“เรียกผมเบสเถอะครับ”“ค่ะ หากคุณเบสไม่รังเกียจอาหารบ้านๆ ก็ขอเชิญ”“แม่คะ...” รุจารินร้องลั่น“ไม่รังเกียจหรอกครับ ถ้าคุณแม่ไม่ว่างั้นผมก็ขออนุญาตฝากท้องสักมื้อ” รุจารินอ้าปากค้าง หันไปมองคนพูดอย่างไม่เชื่อหู“ด้วยความยินดีค่ะ ไปลูก เชิญค่ะคุณ”“แม่คะ แต่ว่า...”“ขอบคุณครับคุณแม่”โอ๊ย...เธออยากจะบ้าตาย ทำไมเรื่องมันกลับกลายเป็นอย่างนี้ไปได้นะกลิ่นหอมๆ ของอาหารรสเด็ดลอยมาแตะจมูกตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในห้อ
“นั่นคุณหัวเราะอะไรคะ แล้วมาบ้านฉันทำไมกันแน่”“ก็บอกแล้วว่ามาเยี่ยมไข้”“ไม่จริง มาจับผิดมากกว่า”“ก็แล้วคุณทำผิดอะไรไหมล่ะ” ภูเบศแกล้งเอ่ยหน้านิ่ง แต่ดวงตาพราว “ผมจะได้จับ...”“มะ...ไม่ เอ่อ...นี่คุณ!” “คุณอยู่กับแม่ที่นี่แค่สองคนเหรอ” เห็นอีกฝ่ายอึกอัก หน้าแดงเรื่อสมใจ เขาจึงยอมเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เธอเก้อเขินมากไปกว่านี้ พลางมองไปรอบกาย“ห้องสะอาดน่าอยู่ดีนะ แต่แคบไปหน่อย”“เรื่องของฉัน” คนป่วยสะบัดเสียงใส่อย่างไม่สบอารมณ์ “คุณรีบกินรีบกลับไปดีกว่าค่ะ ที่นี่ทั้งเล็กและแคบมาก ไม่เหมาะจะต้อนรับคนมีระดับอย่างคุณหรอกค่ะ”“ทำไมหนีมาไม่ยอมรอผมก่อน” นั่นไง นอกจากจะเป็นแมวแล้วยังเป็นฝ่ายสืบสวนอีกด้วย“ทำไมต้องรอคะ ตัวเราสองคนไม่ได้ติดกันเสียหน่อย” ภูเบศมองใบหน้าหวานที่อิดโรย ขอบตาบวมช้ำ แต่ยังอุตส่าห์มีแรงรวนเขาอย่างมันเขี้ยว“คุณแน่ใจหรือว่าเราไม่เคยตัวติดกัน ผมว่าเราสองคนน่ะยิ่งกว่าเคยตัวติดกันอีกนะ”“คนบ้า อย่ามาทะลึ่งที่บ้านฉันนะ” คนป่วยแหวเสียงเขียว ใบหน้าร้อนผ่าว“อย่าเพิ่งชวนทะเลาะเลยน่า ผมหิวแล้วกินข้าวกันเถอะ หรือว่าอยากให้ผมป้อนก็ได้นะ คุณไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ” แขกไม่ได้รับเ
“เห็นไหม ยานั่นไม่ขมแล้ว”“คะ...คุณจูบฉันอีกแล้วนะคนฉวยโอกาส”“ผมป้อนยาคุณต่างหาก โอ๊ย!” ชายหนุ่มแสร้งร้องโอดโอยเมื่อถูกคนป่วยทุบอกปั๊กๆ ฐานขโมยจูบทีเผลอ“ทำแบบนี้ทำไม ถ้าแม่ฉันมาเห็นเข้าจะว่ายังไง”“ก็ไม่ว่าอะไร หรือคุณอยากให้ผมว่าอะไรล่ะ”“นี่คุณ อย่ามาเล่นลิ้นแบบนี้นะคะ ฉันไม่ชอบ”“แล้วคุณชอบแบบไหนล่ะ ผมจะได้จัดให้ตามที่คุณชอบ” สายตาวาวชวนหวามของคนพูดทำให้หญิงสาวชาวาบไปทั้งร่าง เมื่อสบสายตายั่วเย้าคู่นั้น หัวใจก็เริ่มไม่เป็นของเธออีกครั้ง“ผมพูดจริงนะ หรือถ้าคุณโอเค จะให้ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่คุณฟังแล้วรับผิดชอบคุณก็ยังได้”“รับผิดชอบ? คุณจะรับผิดชอบฉันในฐานะอะไรล่ะคะ”“นั่นแล้วแต่คุณเลย อยากได้แบบไหนก็บอกมา”อยากได้แบบไหนเหรอ...หญิงสาวฉุกคิด นั่นสิ ที่แท้แล้วเธออยากคบเขาแบบไหนกันแน่นะ คนรักก็ไม่น่าใช่ คนรู้ใจก็ไม่เชิง หรือจะแบบคู่นอนก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ จู่ๆ สมองก็ดันมีผู้หญิงอีกคนโผล่แทรกเข้ามากวนใจให้สมองชะงัก“แต่คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ลืมแล้วหรือไงคะ”“ผมไม่ได้ลืม คุณต่างหากที่ลืม ผมบอกแล้วว่ากำลังจะหาทางขอยกเลิกการหมั้น” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ “ผมไม่ได้ล้อคุณเล่น แต่ผมคิดมานานแล้
ตอนที่เขาและเธอไปถึงจุดเกิดเหตุ รถพยาบาลก็เพิ่งมาถึงพอดี ทันทีที่เห็นคนที่นอนแน่นิ่ง ข้างกายมีถุงข้าวของทำขนมกระจัดกระจายเกลื่อน ท่ามกลางวงล้อมไทยมุงดูวุ่นวาย รุจารินก็รีบวิ่งไม่คิดชีวิตไปที่ร่างที่นอนจมกองเลือดที่ข้างถนนทันที“แม่! แม่คะ อย่าเป็นอะไรนะ อย่าทิ้งจ๋าไปนะคะ อย่าทิ้งจ๋าไว้คนเดียว ฟื้นสิคะ ฮือ...” ภูเบศมองภาพตรงหน้าอย่างสะเทือนใจ เมื่อเห็นคนเป็นลูกพุ่งเข้าไปโอบกอดร่างที่นอนนิ่งของผู้เป็นแม่จนเสื้อผ้าเลอะเลือดแดงฉานน้ำตานองหน้าแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน“คุณเป็นลูกคนเจ็บเหรอคะ”“ค่ะ แม่ฉันเป็นยังไงบ้างคะ ทำไมถึงนอนนิ่งแบบนี้”“เห็นว่าโดนรถชนหัวฟาดพื้นจนสลบไป”“แล้วคู่กรณีที่ชนล่ะครับ”“เห็นว่าเป็นรถเก๋งนะคะ ชนแล้วหนีไปแล้วค่ะ แต่เห็นมีคนแจ้งตำรวจสกัดจับแล้ว”“แล้วตอนนี้อาการคนเจ็บเป็นยังไงบ้างครับ”“เรายังตอบอะไรไม่ได้ค่ะ มีแผลถลอกตามตัวและเสียเลือดมาก หัวใจหยุดเต้นไปเมื่อกี้เราเพิ่งปั๊มหัวใจให้ ตอนนี้ต้องรีบไปโรงพยาบาลด่วน”“ฉันไปด้วยนะคะ ฉันจะไปกับแม่” เจ้าหน้าที่พยักหน้าอนุญาต “ผมไปด้วย”“เอ่อ ญาติติดตามไปได้แค่คนเดียวนะคะ”“งั้นคุณนั่งรถไปกับผมแล้วกัน”“ฉันจะไปกับแม่ค่ะ
หมับ!ภูเบศมองมือบางที่คว้าจับมือเขาไว้แน่นอย่างแปลกใจ “ข้อเสนอนั้นยังอยู่ไหมคะ”“หืม...” ชายหนุ่มชะงักกึก มองใบหน้าหมองหม่นของอีกฝ่ายอย่างงุนงง“ข้อเสนอที่คุณบอกจะทุ่มให้ฉันไม่อั้นถ้าฉันยอมเป็นผู้หญิงของคุณและช่วยคุณให้ถอนหมั้นได้มันยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า ถ้าฉันตกลงรับมันตอนนี้ทันไหมคะ” หญิงสาวละล่ำละลักด้วยเสียงอ่อนระโหยราวกับจะคนใกล้หมดแรง ดวงตาหม่นหมองทอดมองสบตาเขา ตอนนี้เธอยอมแลกทุกอย่างเพื่อคนที่รักรอดชีวิต “ไม่! แม่ต้องไม่เป็นอะไร...” ริมฝีปากอิ่มขมุบขมิบเบาๆ กับตัวเอง เธอยอมทำทุกอย่างให้แม่หายทุกอย่างแม้ว่ามันจะทำให้ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในตัวเองสิ้นสลาย ก็ช่างหัวมัน“คุณโอเคไหม” ภูเบศมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเข้าใจ หากไม่จนมุมจริงๆ เธอคงไม่พูดแบบนี้กับเขา“ฉันมีสติดีทุกอย่างค่ะ แล้วเรื่องข้อเสนอนั่น คุณจะว่ายังไงคะ...” “เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้ชีวิตแม่คุณต่างหากที่สำคัญ”คนฟังเงยหน้ามองด้วยแววตาว่างเปล่าราวกับเด็กน้อยหลงทาง หากไม่ใช่เรื่องแม่สุดที่รัก เธอคงไม่ต้องมาทำตัวน่าสมเพชแบบนี้“เพราะแบบนั้นไงคะ ฉันถึงต้องทำแบบนี้ ฉันเสียแม่ไปไม่ได้ แต่เงินค่ารักษามากมายขนา
“ปล่อยฉันก่อนค่ะ มีคนมอง...”“แล้วไง ใครสน”“เอ๊ะ!”“ตอนนี้คุณเป็นคนของผมแล้ว ควรทำตัวให้ชินตั้งแต่ตอนนี้” ใบหน้าที่เพิ่งมีสีเลือดฝาดซีดลงอีกหน ปากที่จะห้ามปรามเขาจึงหุบเสียไม่เอ่ยห้ามปรามอะไรอีกจริงสินะ เมื่อแม่ของเธอปลอดภัยก็เท่ากับว่าตอนนี้ชีวิตเธออยู่ในกำมือเขาโดยสมบูรณ์แล้ว เขาจะทำอย่างไรก็ได้ เอาเถอะ ขอเพียงแม่ปลอดภัย ให้เธอไปบุกน้ำลุยไฟอะไร นาทีนี้เธอก็ยอมทั้งนั้นภูเบศลอบถอนหายใจเบาๆ พลางก้มมองคนในอ้อมแขนที่เงียบไปไม่ขัดขืนอย่างพอใจลึกๆ อาจจะดูใจร้ายไปหน่อยที่ฉวยโอกาสตอนที่เธอลำบาก แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะรั้งเธอไว้ข้างกายเขาได้ โดยที่อีกฝ่ายไม่ต่อต้านเหมือนเคยรุจารินไหวตัวเบาๆ พลางเงยหน้าสบตาคนพูดเล็กน้อย ใจเจ็บแปลบ แต่ก็จำต้องยอมรับชะตากรรม“แต่ฉันขอดูแลแม่จนกว่าจะหายดีก่อนได้ไหมคะ”“เรื่องแม่คุณไม่ต้องห่วง ผมจะจ้างพยาบาลพิเศษดูแลให้อย่างดี คงอีกสักพักใหญ่กว่าแม่คุณจะหายดีและหมออนุญาตให้กลับบ้านได้”“ถ้าฉันอยากขอดูแลจนกว่าแม่จะฟื้นหรืออาการดีขึ้นได้ไหมคะ”“ได้สิ” คนฟังใจชื้นก่อนที่จะได้ยินประโยคต่อมา “แต่...ผมหวังว่าคุณจะเป็นคนที่รักษาสัญญานะ”หญิงสาวเม้มปากแน่นเมื่อถูกทวง
“คุณณีเป็นอะไรไป”คนถูกถามส่ายหน้าไปมา หัวหูยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง ปากกรีดร้องไม่เป็นภาษาราวคนบ้า“พวกมัน พวกมัน ไอ้พวกเดนมนุษย์ สารเลว พวกชั่ว ฮือ...ยัยแป้งลูกแม่ ฮือๆ แม่จะฆ่ามัน ฮือ แม่จะฆ่าพวกมันให้หมด ฮือ...ลูกแม่”“อะไรกันคุณเป็นอะไรไป”คนเป็นสามีร้อนรน ก่อนตาไปสะดุดกับมือถือที่ถูกปาไปอยู่ที่พื้น เขาจึงเดินไปเก็บมาดู ทันทีที่เห็นสิ่งที่เป็นต้นเหตุให้เมียเขาคลุ้มคลั่ง ชายกลางคนก็ตัวแข็งทื่อไปทันทีภาพลูกสาวคนเล็กนอนเปลือยกายล่อนจ้อนซ้ำยังโดนจับขึงพืดไว้กลางเตียงในสภาพน่าอเนจอนาจ ตามเนื้อตามตัวเต็มไปด้วยร่องรอยที่คนเป็นพ่อรู้ดีว่าเกิดจากอะไร ที่น่าอดสูคือใบหน้าอ่อนเยาว์สดใสตอนนี้ดูทรุดโทรมราวกับคนป่วยใกล้ตายเต็มที เพียงไม่นานคนพวกนั้นทำให้ลูกสาวที่น่าเอ็นดูของเขากลายเป็นคนละคนไปได้เช่นนี้ พวกมัน ไอ้พวกชั่วช้านั่นมันย่ำยีลูกสาวเขาจนยับเยินแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ลูกสาวสุดที่รักของเขา โอ...ลูกแป้งที่น่าสงสาร หัวใจคนเป็นพ่อแทบแตกสลายเป็นผงธุลี“โธ่ ลูกแป้งของพ่อ” คนเป็นพ่อทรุดกายลงทึ้งหัวทึ้งหูตัวเอง ปากคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส “โอ พวกมัน ไอ้พวกชั่วช้าสารเลว พ่อผิดเอง พ่อผิดเอง”
เสื้อเชิ้ตสีหวานหลุดออก พร้อมกับเผยผิวสาวขาวสวยต่อสายตาเจ้านายหนุ่ม และตามมาด้วยกางเกงยีนส์สีซีด คงเหลือแต่ปราการชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดความงดงามที่เขาปรารถนายิ่ง“พอก่อน!” รุจารินสะดุ้งนิดๆ เงยหน้ามองคนสั่งอย่างงุนงงหรือเขาจะเปลี่ยนใจ“สองชิ้นนั่นเป็นหน้าที่ผมเอง”พอขาดคำร่างบางก็ถูกฉุดดึงมาอยู่ต่อหน้าเขาทันที หญิงสาวกลั้นหายใจยามที่มือของอีกฝ่ายโอบมาด้านหลังเพื่อปลดตะขอผ้าของเธอออก ปลดปล่อยดอกบัวตูมสวยออกมาอวดสายตาภมรตัวร้ายโดยอัตโนมัติดวงตาคมกริบวาววามจดจ้องปทุมงามตรงหน้าตาแทบไม่กระพริบ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปประคองมันอย่างทะนุถนอม รับรู้ถึงอาการสะท้านของเจ้าของความงดงามตรงหน้าที่เกร็งและสั่นยามที่เขาแตะต้องเรือนร่างอันหวงแหน“ไว้ค่อยอาบทีหลังเถอะนะ”“เอ๊ะ! แต่ว่า...” ปากสวยๆ เอะอะ แต่เมื่อได้สบสายตาที่พราวพร่างด้วยแรงปรารถนาอันลึกล้ำคู่นั้น หญิงสาวก็ไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้อีก รุจารินหลับตาปี๋ กลั้นหายใจไว้ สองมือจิกลงบนไหล่กว้างแน่นเพื่อระงับความเขินอายปนสยิวยามที่เขาครอบครองปลายยอดทรวงของเธอและค่อยๆ ละเลียดชิมมันอย่างเอร็ดอร่อยเธอกำลังจะขาดใจตายให้ได้ แต่ทว่ายังไม่ทันหายตื่นตระหนก มื
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู
“เอ๊ะ นั่นมันอดีตคู่หมั้นเก่าแกไม่ใช่เหรอดาด้า” สลิลดาเม้มปากแน่น มองคนทั้งสองที่เดินควงแขนกันอย่างหวานชื่นเข้ามาอย่างปวดใจ“ได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันแล้วนี่” คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไป “อ้าว แล้วนั่นแกอิ่มแล้วเหรอ”“อืม ฉันอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”“นี่ ถามจริงเถอะ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ทั้งๆ ที่แกมาก่อนยัยนั่นแท้ๆ”ไม่รู้สึกเหรอ หึ เธอยิ่งกว่ารู้สึกอีก ทั้งผิดหวังเสียใจ แค้นเคือง หรือแม้แต่รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวอีกคนจนตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อย่างขับรถพุ่งชนฝ่ายนั้น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภูเบศ แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดใจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอและคนรอบข้าง แม่เธอต้องร้องไห้เพราะเสียใจกับการกระทำของเธอ ส่วนพ่อนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่เธอสามารถทำให้ภูเบศกลับมาดูแลเธอยามป่วยได้ แต่ทว่า...เขาก็มาแต่ตัวตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาเพราะรักใคร่พิศวาสอะไร นานวันเข้าเธอก็จำใจต้องยอมรับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าสำหรับภูเบศแล้ว เธอไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะหัวใจเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เธอครอบครองแล้ว
“พี่ว่าจ๋ากับแม่ต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยพี่เป็นห่วง” ภูเบศเอ่ยขึ้น เขารู้สึกระแวงคำพูดของบิดาของรุจารินที่เพิ่งปึงปังออกไปอย่างไรก็บอกไม่ถูก“จ๋าเห็นด้วยค่ะ แต่นี่เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานเอง จะหาที่อยู่ใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็สองสามวัน”“งั้นก็ไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์พี่ก่อนดีไหมที่นั่นปลอดภัยกว่า มีรปภ.ด้วย พาคุณแม่ไปด้วย จนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ค่อยว่ากัน”นางดารินมองความห่วงใยที่ว่าที่ลูกเขยแสดงออกมาอย่างซึ้งใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้มารดาของภูเบศเพิ่งรู้สึกดีกับลูกสาวของเธอ หากทำตามที่เขาเสนอ ไม่แน่ว่าแม่อีกฝ่ายนั้นอาจแคลงใจว่าไม่ทันไรเธอกับลูกก็คิดจะเกาะลูกเขยกินก็ได้“อย่าลำบากขนาดเลยค่ะคุณเบส แม่ไม่อยากรบกวน ขอเราหาทางกันก่อนดีกว่า”รุจารินหันไปสบตากับชายหนุ่ม เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน“งั้นจ๋าขอเวลาหาที่อยู่ใหม่ดูสักวันสองวันก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที”“งั้นก็ตามใจคุณ แต่ระยะนี้พวกคุณคงต้องระวังตัวให้มากๆ หน่อยแล้วกัน หรือให้ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย” รุจารินฟังแล้วทำตาโต
“ไม่เอาน่า ก็แค่สิบล้านเอง เธออย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเขยเราน่ะรวยจะตาย เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกจริงไหม” ชายมากวัยพูดคล่อง“เธออย่ามาใจแคบคิดจะฮุบสินสอดลูกคนเดียวสิดาริน พี่กำลังเดือดร้อน แบ่งกันใช้นิดใช้หน่อยอย่าขี้เหนียวเลยนะ ยังไงยัยจ๋ามันก็ลูกพี่เหมือนกัน เขาให้สินสอดเท่าไหร่ล่ะ”“คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” นางดารินเค้นเสียงเอ่ยอย่างโมโห รุจารินที่รู้สึกไม่ต่างกันต้องรีบเข้ามาประคองมารดาไว้อย่างเป็นห่วง“ว่าไงพ่อลูกเขย เงินนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ คงไม่ขัดข้องใช่ไหม”“นี่!” รุจารินฟังแล้วหน้าม้าน ไม่คิดว่าบิดาจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้“ไม่หรอกครับ”“พี่เบสคะ” รุจารินเรียกอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุๆ ของเขาก็นิ่งไป เขาคงจะสมเพชเธอหรือไม่ก็โกรธที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้“เห็นไหมดาริน ลูกเขยเราว่าง่ายจะตายไป งั้นก็โอนสินสอดเข้าบัญชีพ่อตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมลูก” นายปิยะกระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายแบบนี้“คงไม่ได้ครับ เพราะสินสอดนั่นผมเคยบอกแล้วว่าจะให้กับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น และคนคนนั้นก็คือคุณแม่ของจ๋าที่เลี้ยงดูเธอมา แต่สำหรับคุณท