หมับ!ภูเบศมองมือบางที่คว้าจับมือเขาไว้แน่นอย่างแปลกใจ “ข้อเสนอนั้นยังอยู่ไหมคะ”“หืม...” ชายหนุ่มชะงักกึก มองใบหน้าหมองหม่นของอีกฝ่ายอย่างงุนงง“ข้อเสนอที่คุณบอกจะทุ่มให้ฉันไม่อั้นถ้าฉันยอมเป็นผู้หญิงของคุณและช่วยคุณให้ถอนหมั้นได้มันยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า ถ้าฉันตกลงรับมันตอนนี้ทันไหมคะ” หญิงสาวละล่ำละลักด้วยเสียงอ่อนระโหยราวกับจะคนใกล้หมดแรง ดวงตาหม่นหมองทอดมองสบตาเขา ตอนนี้เธอยอมแลกทุกอย่างเพื่อคนที่รักรอดชีวิต “ไม่! แม่ต้องไม่เป็นอะไร...” ริมฝีปากอิ่มขมุบขมิบเบาๆ กับตัวเอง เธอยอมทำทุกอย่างให้แม่หายทุกอย่างแม้ว่ามันจะทำให้ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในตัวเองสิ้นสลาย ก็ช่างหัวมัน“คุณโอเคไหม” ภูเบศมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเข้าใจ หากไม่จนมุมจริงๆ เธอคงไม่พูดแบบนี้กับเขา“ฉันมีสติดีทุกอย่างค่ะ แล้วเรื่องข้อเสนอนั่น คุณจะว่ายังไงคะ...” “เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้ชีวิตแม่คุณต่างหากที่สำคัญ”คนฟังเงยหน้ามองด้วยแววตาว่างเปล่าราวกับเด็กน้อยหลงทาง หากไม่ใช่เรื่องแม่สุดที่รัก เธอคงไม่ต้องมาทำตัวน่าสมเพชแบบนี้“เพราะแบบนั้นไงคะ ฉันถึงต้องทำแบบนี้ ฉันเสียแม่ไปไม่ได้ แต่เงินค่ารักษามากมายขนา
“ปล่อยฉันก่อนค่ะ มีคนมอง...”“แล้วไง ใครสน”“เอ๊ะ!”“ตอนนี้คุณเป็นคนของผมแล้ว ควรทำตัวให้ชินตั้งแต่ตอนนี้” ใบหน้าที่เพิ่งมีสีเลือดฝาดซีดลงอีกหน ปากที่จะห้ามปรามเขาจึงหุบเสียไม่เอ่ยห้ามปรามอะไรอีกจริงสินะ เมื่อแม่ของเธอปลอดภัยก็เท่ากับว่าตอนนี้ชีวิตเธออยู่ในกำมือเขาโดยสมบูรณ์แล้ว เขาจะทำอย่างไรก็ได้ เอาเถอะ ขอเพียงแม่ปลอดภัย ให้เธอไปบุกน้ำลุยไฟอะไร นาทีนี้เธอก็ยอมทั้งนั้นภูเบศลอบถอนหายใจเบาๆ พลางก้มมองคนในอ้อมแขนที่เงียบไปไม่ขัดขืนอย่างพอใจลึกๆ อาจจะดูใจร้ายไปหน่อยที่ฉวยโอกาสตอนที่เธอลำบาก แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะรั้งเธอไว้ข้างกายเขาได้ โดยที่อีกฝ่ายไม่ต่อต้านเหมือนเคยรุจารินไหวตัวเบาๆ พลางเงยหน้าสบตาคนพูดเล็กน้อย ใจเจ็บแปลบ แต่ก็จำต้องยอมรับชะตากรรม“แต่ฉันขอดูแลแม่จนกว่าจะหายดีก่อนได้ไหมคะ”“เรื่องแม่คุณไม่ต้องห่วง ผมจะจ้างพยาบาลพิเศษดูแลให้อย่างดี คงอีกสักพักใหญ่กว่าแม่คุณจะหายดีและหมออนุญาตให้กลับบ้านได้”“ถ้าฉันอยากขอดูแลจนกว่าแม่จะฟื้นหรืออาการดีขึ้นได้ไหมคะ”“ได้สิ” คนฟังใจชื้นก่อนที่จะได้ยินประโยคต่อมา “แต่...ผมหวังว่าคุณจะเป็นคนที่รักษาสัญญานะ”หญิงสาวเม้มปากแน่นเมื่อถูกทวง
“คุณณีเป็นอะไรไป”คนถูกถามส่ายหน้าไปมา หัวหูยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง ปากกรีดร้องไม่เป็นภาษาราวคนบ้า“พวกมัน พวกมัน ไอ้พวกเดนมนุษย์ สารเลว พวกชั่ว ฮือ...ยัยแป้งลูกแม่ ฮือๆ แม่จะฆ่ามัน ฮือ แม่จะฆ่าพวกมันให้หมด ฮือ...ลูกแม่”“อะไรกันคุณเป็นอะไรไป”คนเป็นสามีร้อนรน ก่อนตาไปสะดุดกับมือถือที่ถูกปาไปอยู่ที่พื้น เขาจึงเดินไปเก็บมาดู ทันทีที่เห็นสิ่งที่เป็นต้นเหตุให้เมียเขาคลุ้มคลั่ง ชายกลางคนก็ตัวแข็งทื่อไปทันทีภาพลูกสาวคนเล็กนอนเปลือยกายล่อนจ้อนซ้ำยังโดนจับขึงพืดไว้กลางเตียงในสภาพน่าอเนจอนาจ ตามเนื้อตามตัวเต็มไปด้วยร่องรอยที่คนเป็นพ่อรู้ดีว่าเกิดจากอะไร ที่น่าอดสูคือใบหน้าอ่อนเยาว์สดใสตอนนี้ดูทรุดโทรมราวกับคนป่วยใกล้ตายเต็มที เพียงไม่นานคนพวกนั้นทำให้ลูกสาวที่น่าเอ็นดูของเขากลายเป็นคนละคนไปได้เช่นนี้ พวกมัน ไอ้พวกชั่วช้านั่นมันย่ำยีลูกสาวเขาจนยับเยินแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ลูกสาวสุดที่รักของเขา โอ...ลูกแป้งที่น่าสงสาร หัวใจคนเป็นพ่อแทบแตกสลายเป็นผงธุลี“โธ่ ลูกแป้งของพ่อ” คนเป็นพ่อทรุดกายลงทึ้งหัวทึ้งหูตัวเอง ปากคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส “โอ พวกมัน ไอ้พวกชั่วช้าสารเลว พ่อผิดเอง พ่อผิดเอง”
เสื้อเชิ้ตสีหวานหลุดออก พร้อมกับเผยผิวสาวขาวสวยต่อสายตาเจ้านายหนุ่ม และตามมาด้วยกางเกงยีนส์สีซีด คงเหลือแต่ปราการชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดความงดงามที่เขาปรารถนายิ่ง“พอก่อน!” รุจารินสะดุ้งนิดๆ เงยหน้ามองคนสั่งอย่างงุนงงหรือเขาจะเปลี่ยนใจ“สองชิ้นนั่นเป็นหน้าที่ผมเอง”พอขาดคำร่างบางก็ถูกฉุดดึงมาอยู่ต่อหน้าเขาทันที หญิงสาวกลั้นหายใจยามที่มือของอีกฝ่ายโอบมาด้านหลังเพื่อปลดตะขอผ้าของเธอออก ปลดปล่อยดอกบัวตูมสวยออกมาอวดสายตาภมรตัวร้ายโดยอัตโนมัติดวงตาคมกริบวาววามจดจ้องปทุมงามตรงหน้าตาแทบไม่กระพริบ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปประคองมันอย่างทะนุถนอม รับรู้ถึงอาการสะท้านของเจ้าของความงดงามตรงหน้าที่เกร็งและสั่นยามที่เขาแตะต้องเรือนร่างอันหวงแหน“ไว้ค่อยอาบทีหลังเถอะนะ”“เอ๊ะ! แต่ว่า...” ปากสวยๆ เอะอะ แต่เมื่อได้สบสายตาที่พราวพร่างด้วยแรงปรารถนาอันลึกล้ำคู่นั้น หญิงสาวก็ไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้อีก รุจารินหลับตาปี๋ กลั้นหายใจไว้ สองมือจิกลงบนไหล่กว้างแน่นเพื่อระงับความเขินอายปนสยิวยามที่เขาครอบครองปลายยอดทรวงของเธอและค่อยๆ ละเลียดชิมมันอย่างเอร็ดอร่อยเธอกำลังจะขาดใจตายให้ได้ แต่ทว่ายังไม่ทันหายตื่นตระหนก มื
หญิงสาวชะงักนิ่ง รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว“ไหนลองซิ”“จะ...จ๋า คือจ๋าว่าคุณ...”“พี่เบส” อีกครั้งที่เธอต้องหลบสายตาคู่นั้นที่กำลังทำให้หน้าเธอร้อนผ่าวแปลกๆ แต่เหมือนแกล้ง ยิ่งรู้ว่าเธอกำลังเขิน อีกฝ่ายก็เชยคางมนให้หันมาสบตาเขาจนได้“ไหนลองเรียกซิ พี่เบส”“พะ...พี่เบส อุ๊บ!”หญิงสาวแทบผงะเมื่อถูกอีกฝ่ายชิงจูบแบบไม่ทันตั้งตัว เรียวปากอุ่นร้อนที่แสนเอาแต่ใจของเขาทำให้เธอแทบมอดไหม้ ร้อนรุ่มไปทั้งกาย ร่างเปลือยเปล่าที่แนบชิดกันราวกับมีประจุไฟฟ้าแรงสูงดึงดูดให้เข้าหากัน และก่อนที่เธอจะรู้ตัว ไฟร้อนร้ายก็ลามเลียเรือนร่างอันงดงามของเธอให้จมอยู่ในเปลวเพลิงปรารถนานั้นจนมอดไหม้อีกครั้งเสียแล้วกว่าที่เปลวไฟจะยอมสงบลง หญิงสาวก็เพลียร่างจนแทบจะคลานลงจากเตียงเสียให้ได้ จริงอยู่ที่เขาอ่อนโยนทะนุถนอมเธอ แต่ขณะเดียวกันหญิงสาวก็พบว่าภูเบศนั้นเป็นผู้ชายที่มีความต้องการสูงและอึดไม่น้อย แต่ละคราวที่เขาตักตวงจากเธอจึงไม่ใช่แค่ครั้งเดียวจบ แต่มันมักจะติดพันยาวนานจนกว่าเขาจะอิ่มเอมพอใจจึงยอมปล่อยเธอเป็นอิสระแต่โดยดีแต่พอเธอคิดจะขยับกายออกห่าง มือใหญ่ของคนที่คิดว่ากำลังหลับเอาแรงก็ฉุดรั้งไว้หมับ“จะไปไหนครับ”“ว
“มาพบคุณรุจารินเหรอคะ”โอเปอร์เรเตอร์ทักทายคนที่เธอจำได้ว่าเคยมาหาคุณเลขาของท่านรองประธานวันก่อน เขายังบอกด้วยว่าเป็นบิดาของฝ่ายนั้น“ครับ” นายปิยะยิ้มรับอย่างสุภาพ ทั้งที่ในใจนั้นร้อนรุ่มไปหมด จนอยู่เฉยไม่ได้หลังจากได้เห็นภาพอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกสาวคนเล็กเมื่อคืน พอรุ่งเช้าเขาก็ไปดักรอลูกสาวคนโตที่หน้าอะพาร์ตเมนต์ซึ่งเป็นที่อยู่ใหม่ของสองแม่ลูกที่เขาสะกดรอยตามมาเมื่อวันก่อนจนได้รู้ว่าทั้งสองย้ายมาอยู่ที่นั่น แต่ทว่ารอแล้วรอเล่าก็ไม่มีวี่แววทั้งเมียเก่าหรือลูกสาวคนโตจะออกมาสักที จึงตัดสินใจเบนเข็มมาที่บริษัทของรุจารินที่เขาเชื่อว่าถึงยังไงอีกฝ่ายก็ต้องมาทำงานแน่นอน“วันนี้ยังไม่เห็นคุณรุจารินมาทำงานนะคะ คิดว่าเธอน่าจะลาป่วยอีกวันค่ะ”“ลาป่วย?” คนฟังใจแป้ว “งั้นหรือครับ เอ่อ แล้วเจ้านายของเธอล่ะครับ”“คะ” โอเปอร์เรเตอร์สาวเงยหน้าขึ้นมองคนถาม“เอ่อคือว่า ผมแค่เป็นห่วงน่ะครับ ก็ในเมื่อลูกสาวผมไม่มาทำงาน ใครจะช่วยงานท่านล่ะครับ จริงไหม”เหตุผลไม่เข้าท่า เป็นพ่อลูกกันน่าจะโทรถามกันเองได้ แต่ทว่าโอเปอร์เรเตอร์สาวก็ไม่ได้ติดใจสงสัย“วันนี้ดิฉันยังไม่เห็นท่านรองนะคะ ท่านน่าจะติดธุระข้า
“ว่าไงนะ ไม่เข้าบริษัท!”วรรณิภาคือด่านต่อไปที่ต้องรับหน้าแขกคนสำคัญของท่านรองประธานใหญ่“ค่ะ ท่านเพิ่งโทรมาแจ้งเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ”“พี่เบสไปไหนของเขานะ แล้วเมื่อวานที่ฉันโทรมาคุณหรือเปล่าที่รับสาย”“ใช่ค่ะ”“แล้วได้บอกเขาไหมว่าฉันจะมาหาวันนี้”“แจ้งแล้วค่ะ ท่านรับทราบแล้ว แต่ไม่เห็นว่าอะไรนะคะ”สลิลดาเม้มปากแน่นอย่างคนเอาแต่ใจ หากแจ้งแล้ว เขาก็ควรมารับหน้าเธอสิ ยังไงก็เป็นว่าที่คู่หมั้น แต่นี่อะไรกัน เขาทำเหมือนไม่ใส่ใจเธอเลย ที่ไม่มาทำงานวันนี้คงจงใจหลบหน้ากันอีกล่ะสินะหึ! คิดเหรอว่าจะหลบกันได้ตลอดไป คอยดูเถอะพี่เบส รู้จักฤทธิ์ดาด้าน้อยไปแล้ว“เอาอย่างนี้แล้วกัน หากพี่เบสเข้าบริษัทคุณช่วยโทรรายงานฉันด้วยละกันนะ นี่นามบัตรฉัน และนี่ก็...สินน้ำใจ” ว่าแล้วคนเอาแต่ใจก็วางของสองอย่างบนโต๊ะทำงานของเลขาจำเป็น ก่อนก้าวฉับๆ ออกไปไวพอๆ กับขามาวรรณิภาได้แต่อ้าปากค้าง ครั้นจะวิ่งตามเอาเงินสินบนไปคืนก็ไม่ทันเสียแล้ว เลยได้ส่ายหน้ามองตามหลังแม่สาวสวยที่เพิ่งลงลิฟท์ไปอย่างหนักใจ เมื่อไหร่นะเลขาตัวจริงอย่างรุจารินจะกลับมารับตำแหน่งคืนเสียทีแต่จะว่าไปก็น่าแปลกนะ เมื่อวานเลขาป่วย เจ้านายที่อ้าง
ภูเบศรวบร่างนุ่มนิ่มมากอด พลางจูบที่ขมับเบาๆ“ผมบอกสักคำหรือยังว่าไม่อยากไปด้วย ทำไมคุณถึงชอบผลักไสผมอยู่เรื่อยเลย หืม...” รุจารินถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ น้ำเสียงนุ่มหูตัดพ้อ แต่ไม่ร้ายเท่านัยน์ตาคมกล้าที่มองมาชวนให้ใจหวิววาบ“ก็จ๋ากลัวว่าคุณจะรำคาญนี่คะ”“ไปด้วยกันนี่แหละ แต่ก่อนไปขอผมชื่นใจคุณอีกนิดได้ไหม”“แต่ว่าเรา...”ยังไม่ทันพูดจบ ชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้ามาพร้อมประทับจูบที่ริมฝีปากนุ่มหวานเสียแล้ว แม้จะตกใจ แต่ทว่ารุจารินก็ยอมเงยหน้ารับจูบหวานๆ ของเขาโดยดีหน้าที่...เมื่อตอนนี้เธอเป็นของเขา ก็ต้องทำตามหน้าที่ แต่ทำไมนะ หัวใจถึงเต้นแรงแบบนี้ อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้เหลือเกิน จูบของเขาช่างอ่อนโยนแต่ก็เร่าร้อนชวนให้ละลาย ยิ่งจูบก็ยิ่งทำให้เธอหลงเคลิบเคลิ้มเข้าไปอยู่ในโลกของเขาอย่างคนใจง่าย เขาร่ายมนต์สะกดจนทำให้เธอตกใจภวังค์ เสื้อผ้าที่สวมหลุดไปจากกายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ได้ จนสุดท้ายเธอก็กลับมาอยู่ในสภาพเดียวกับเขาอีกครั้งจนได้“ไปอาบน้ำด้วยกันนะ” เสียงกระเส่ากระซิบที่ข้างริมฝีปากอิ่ม ก่อนที่เขาจะช้อนร่างงดงามที่เปลือยเปล่าเดินตรงไปที่ห้องน้ำโดยที่เธอไม่อาจขัดขืนต้านทานแรงพิศวาสของเข
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู
“เอ๊ะ นั่นมันอดีตคู่หมั้นเก่าแกไม่ใช่เหรอดาด้า” สลิลดาเม้มปากแน่น มองคนทั้งสองที่เดินควงแขนกันอย่างหวานชื่นเข้ามาอย่างปวดใจ“ได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันแล้วนี่” คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไป “อ้าว แล้วนั่นแกอิ่มแล้วเหรอ”“อืม ฉันอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”“นี่ ถามจริงเถอะ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ทั้งๆ ที่แกมาก่อนยัยนั่นแท้ๆ”ไม่รู้สึกเหรอ หึ เธอยิ่งกว่ารู้สึกอีก ทั้งผิดหวังเสียใจ แค้นเคือง หรือแม้แต่รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวอีกคนจนตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อย่างขับรถพุ่งชนฝ่ายนั้น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภูเบศ แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดใจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอและคนรอบข้าง แม่เธอต้องร้องไห้เพราะเสียใจกับการกระทำของเธอ ส่วนพ่อนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่เธอสามารถทำให้ภูเบศกลับมาดูแลเธอยามป่วยได้ แต่ทว่า...เขาก็มาแต่ตัวตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาเพราะรักใคร่พิศวาสอะไร นานวันเข้าเธอก็จำใจต้องยอมรับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าสำหรับภูเบศแล้ว เธอไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะหัวใจเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เธอครอบครองแล้ว
“พี่ว่าจ๋ากับแม่ต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยพี่เป็นห่วง” ภูเบศเอ่ยขึ้น เขารู้สึกระแวงคำพูดของบิดาของรุจารินที่เพิ่งปึงปังออกไปอย่างไรก็บอกไม่ถูก“จ๋าเห็นด้วยค่ะ แต่นี่เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานเอง จะหาที่อยู่ใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็สองสามวัน”“งั้นก็ไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์พี่ก่อนดีไหมที่นั่นปลอดภัยกว่า มีรปภ.ด้วย พาคุณแม่ไปด้วย จนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ค่อยว่ากัน”นางดารินมองความห่วงใยที่ว่าที่ลูกเขยแสดงออกมาอย่างซึ้งใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้มารดาของภูเบศเพิ่งรู้สึกดีกับลูกสาวของเธอ หากทำตามที่เขาเสนอ ไม่แน่ว่าแม่อีกฝ่ายนั้นอาจแคลงใจว่าไม่ทันไรเธอกับลูกก็คิดจะเกาะลูกเขยกินก็ได้“อย่าลำบากขนาดเลยค่ะคุณเบส แม่ไม่อยากรบกวน ขอเราหาทางกันก่อนดีกว่า”รุจารินหันไปสบตากับชายหนุ่ม เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน“งั้นจ๋าขอเวลาหาที่อยู่ใหม่ดูสักวันสองวันก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที”“งั้นก็ตามใจคุณ แต่ระยะนี้พวกคุณคงต้องระวังตัวให้มากๆ หน่อยแล้วกัน หรือให้ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย” รุจารินฟังแล้วทำตาโต
“ไม่เอาน่า ก็แค่สิบล้านเอง เธออย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเขยเราน่ะรวยจะตาย เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกจริงไหม” ชายมากวัยพูดคล่อง“เธออย่ามาใจแคบคิดจะฮุบสินสอดลูกคนเดียวสิดาริน พี่กำลังเดือดร้อน แบ่งกันใช้นิดใช้หน่อยอย่าขี้เหนียวเลยนะ ยังไงยัยจ๋ามันก็ลูกพี่เหมือนกัน เขาให้สินสอดเท่าไหร่ล่ะ”“คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” นางดารินเค้นเสียงเอ่ยอย่างโมโห รุจารินที่รู้สึกไม่ต่างกันต้องรีบเข้ามาประคองมารดาไว้อย่างเป็นห่วง“ว่าไงพ่อลูกเขย เงินนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ คงไม่ขัดข้องใช่ไหม”“นี่!” รุจารินฟังแล้วหน้าม้าน ไม่คิดว่าบิดาจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้“ไม่หรอกครับ”“พี่เบสคะ” รุจารินเรียกอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุๆ ของเขาก็นิ่งไป เขาคงจะสมเพชเธอหรือไม่ก็โกรธที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้“เห็นไหมดาริน ลูกเขยเราว่าง่ายจะตายไป งั้นก็โอนสินสอดเข้าบัญชีพ่อตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมลูก” นายปิยะกระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายแบบนี้“คงไม่ได้ครับ เพราะสินสอดนั่นผมเคยบอกแล้วว่าจะให้กับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น และคนคนนั้นก็คือคุณแม่ของจ๋าที่เลี้ยงดูเธอมา แต่สำหรับคุณท