เพียะ!!
"หยุดนะ! อวี่เหิง!"
"ไม่เพคะ หม่อมฉันทนเห็นภาพแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว"
ก่อนหน้านั้น
ขณะที่เฟิ่งอวี่เหิงกำลังปักผ้าอยู่ในจวนก็ได้รับรายงานจากสาวใช้ของตนว่าเห็นองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงหรือคู่หมั้นของตน ไปรับประทานอาหารเหลาที่โรงเตี๊ยมกับอี้หลิงฟางเพียงลำพัง นอกจากนั้นองค์ชายสามยังนำรถม้าส่วนตัวไปรับอี้หลิงฟางถึงจวนด้วยตนเอง โดยไม่ได้สนใจคำครหาซุบซิบนินทาของชาวบ้านแม้แต่น้อย
หลังจากที่ได้รับรายงานเฟิ่งอวี่เหิงก็รีบเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมที่ทั้งคู่อยู่ทันที นางบุกเข้าไปที่ห้องของสองคน ตนก็ได้พบเจอกับภาพที่เสมือนมีดกรีดลงหัวใจ
สตรีนางหนึ่งอยู่ในอ้อมกอดของฝ่ายชาย ซึ่งกำลังคีบอาหารป้อนใส่ปากคู่หมั้นของตน ได้ยินเสียงทั้งคู่พูดคุยอย่างมีความสุขราวกับเป็นคู่รักกัน
เฟิ่งอวี่เหิงเห็นแบบนั้นถึงกับสติขาด เดินเข้าไปกระชากแขนอี้หลิงฟาง พร้อมกับสาดฝ่ามือเข้าไปที่ใบหน้างามทันที
เพียะ!!
ฟู่อวิ้นหลงถึงกับตะลึงเมื่อเห็นเฟิ่งอวี่เหิงลงไม้ลงมือกับอี้หลิงฟางต่อหน้าตนเยี่ยงนี้ เขาลุกไปกระชากตัวเฟิ่งอวี่เหิงให้ออกห่างพร้อมกับดึงอี้หลิงฟางเข้ามากอดในอ้อมอกของตนเองทั้งตวาดใส่คู่หมั้นของตนเองด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
"คุณหนูเฟิ่ง! เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำร้ายฟางเอ๋อร์แบบนี้! ซ้ำยังต่อหน้าต่อตาข้าอีก"
"หึ! ฟางเอ๋อร์รึ? หม่อมฉันที่เป็นคู่หมั้นขององค์ชาย แต่องค์ชายไม่เคยเรียกชื่อของข้าแบบนั้นสักครั้ง แต่กับสตรีอีกคนที่เป็นแค่บุตรอนุ กลับเรียกได้อย่างสนิทสนม องค์ชายไม่ทำเกินไปหรือ"
"ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น เอาเถิดไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จะบอกความจริงให้รู้ว่าข้ากำลังจะแต่งนางมาเป็นชายาอีกคน"
เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินคู่หมั้นของตนเองพูดแบบนั้นถึงกับตัวสั่นใจสั่น กัดฟันถามคู่หมั้นของตนเองด้วยเสียงสั่นเครือ
"อะ องค์ชายว่าอย่างไรนะเพคะ?"
"ข้าจะสู่ขอฟางเอ๋อร์มาเป็นชายา"
เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินคำพูดที่เหมือนดั่งมีดกรีดลงหัวใจถึงกับล้มพับเข่าอ่อน นางกรีดร้องโวยวายกับพื้นอย่างน่าสงสาร
เหตุใดท่านถึงกล่าวเยี่ยงนี้ ในเมื่อก่อนท่านได้ให้สัญญากับข้าว่าจะไม่แต่งผู้ใดเข้าวังหลัง เพื่อไม่ให้ข้ามัวหมองใจ แล้วไฉนท่านถึงผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับข้า
เฟิ่งอวี่เหิงเงยหน้ามองชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นยิ่งปวดใจ แววตาของเขามองมาที่ตนด้วยความไร้อารมณ์
เหตุใดท่านถึงโอบอ้อมอารีสตรีผู้อื่นต่อหน้าข้า
เหตุใดท่านถึงปกป้องสตรีผู้อื่นที่ไม่ใช่ข้า
เหตุใดท่านถึงกล่าวคำโหดร้ายที่เหมือนดั่งมีดที่กรีดลงในใจของข้า
เพราะเหตุใด...
เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าอี้หลิงฟางคนนี้ไม่ใช่สตรีอ่อนหวานดั่งหน้าตาของนาง ยิ่งเห็นแววตาของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมอกมองมาที่ตน นางยิ่งเจ็บใจ แววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามแล้วยังยกยิ้มเยาะเย้ยให้เห็นอย่างตั้งใจ
เมื่อเฟิ่งอวี่เหิงได้เห็นแบบนั้นก็รู้แล้วว่าตนนั้นแพ้ แพ้ให้กับสตรีที่มากด้วยเล่ห์เหลี่ยมของอี้หลิงฟาง แพ้ให้กับความรักที่ตนไม่ได้มาครอบครอง เพราะที่ผ่านมานางต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่น้อยเช่นกัน
"พระองค์เลือกแล้วสินะ” เฟิ่งอวี่เหิงเม้มปากแล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ที่ผ่านมาท่านเองก็มีความสุขกับสตรีอื่นที่ไม่ใช่หม่อมฉัน ดี... ดีเหลือเกิน ในเมื่อท่านเลือกเช่นนี้ หม่อมฉันก็ควรพอเช่นกันเพคะ เพราะหม่อมฉันเองก็เหนื่อยที่จะตามหึงหวงองค์ชายแล้วเช่นกัน”
ฟู่อวิ้นหลงได้ยินคู่หมั้นของตนกล่าวออกมาเช่นนั้น ยังคงกอดสตรีที่ตนรักอยู่อย่างนั้นไม่ยอมคาย แล้วยืนมองคู่หมั้นของตนเองกำลังเดินออกไป โดยมีสาวใช้ประคองเคียงข้างด้วยท่าทีเย็นชา
เฟิ่งอวี่เหิงกลับมาถึงจวนก็เจอกับมารดาของตนยืนรอรับอยู่หน้าจวนด้วยท่าทางร้อนรน ภายในใจยิ่งเจ็บปวดยิ่งกว่า ท่านแม่คงได้ยินข่าวลือแล้วสินะ
เมื่อรถม้าเทียบจอดที่จวนแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงค่อย ๆ เดินลงมาอย่างช้า ๆ
เฟิ่งฮูหยินเห็นบุตรสาวดั่งแก้วตาดวงใจของตนเองเดินลงมาจากรถม้าด้วยท่าทางอิดโรย ก็อดน้ำตาคลอไม่ได้
"อาเหิง ลูกแม่"
"ท่านแม่... ท่านแม่เจ้าคะ"
เฟิ่งอวี่เหิงวิ่งเข้าไปสวมกอดมารดา พร้อมกับปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่อาจยั้ง เฟิ่งฮูหยินเห็นบุตรสาวร้องไห้อย่างน่าสงสาร ตนผู้เป็นมารดาก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ ลูกเจ็บ แม่เองก็เจ็บไม่ต่างกัน
"อาเหิง แม่อยู่ตรงนี้เจ้าไม่ต้องกลัว แม่ว่าเรากลับเข้าไปในเรือนกันก่อนเถิด" เฟิ่งฮูหยินพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในเรือนของตนเอง โดยเฟิ่งฮูหยินประคองบุตรสาวตนเองไปตลอดทาง
เมื่อมาถึงเรือนกลางแล้วทั้งคู่พากันนั่งลงเก้าอี้ เสียงสะอื้นจากเฟิ่งอวี่เหิงเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ
"ท่านแม่ ข้าเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ ข้าเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บอย่างไรแล้ว ข้าเจ็บเหลือเกิน" น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเศร้า
เฟิ่งฮูหยินเห็นบุตรสาวตนกล่าวออกมาพร้อมน้ำตา ก็เจ็บปวดใจไม่ต่างจากบุตรสาวอันเป็นที่รัก คนเป็นมารดาได้แต่คอยซับน้ำตาให้บุตรสาวของตนเองอย่างทะนุถนอม
"อาเหิงลูกแม่ เจ้าร้องไห้ออกมาให้เถิด ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องใด ระบายออกมาให้แม่ได้รับรู้ พ่อกับแม่ยังอยู่ตรงนี้อยู่ข้างเจ้าไม่ไปไหน"
ยิ่งได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นเฟิ่งอวี่เหิงร้องไห้หนักกว่าเดิม นางปล่อยน้ำตาที่ไหลรินจนเปียกในอกมารดาของตน เฟิ่งอวี่เหิงมองใบหน้าของมารดาที่เต็มด้วยความเศร้าเสียใจไม่ต่างจากตน ก่อเกิดความรู้สึกมากมายแต่อีกใจหนึ่งนางก็ฉุกคิด
เหตุใดถึงต้องร้องไห้ให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่บิดามารดา
เหตุใดถึงต้องทำให้ท่านแม่เป็นห่วงอยู่เสมอ
เหตุใดตนถึงได้เป็นบุตรอกตัญญูเช่นนี้ ทำให้มารดาตนต้องเสียน้ำตา...
ยิ่งเห็นมารดาเศร้าเช่นนี้ นางจึงสัญญาใจกับตัวเอง ท่านแม่ข้าขอร้องไห้เพื่อชายคนนั้นเป็นครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ต่อจากนี้ไปข้าจะไม่ร้องไห้ เสียน้ำตาให้ชายคนไหนอีก ข้าสัญญา...
หลังจากคลายความเศร้าแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มใสแล้วเอ่ยกับมารดาด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
"ท่านแม่ ข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้าค่ะ"
"..." เฟิ่งฮูหยิน
"ข้าอยากถอนหมั้นกับองค์ชายเจ้าค่ะ"
"แน่ใจแล้วรึ?"
เฟิ่งอวี่เหิงพยักหน้าพร้อมกับส่งสายตาแน่วแน่ให้มารดาของตน
"ข้าแน่ใจ ข้าต้องการถอนหมั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ"
เฟิ่งฮูหยินเม้มปากเป็นเส้นตรง บุตรสาวรักท่านอ๋องสามเพียงใดนางรู้ดี นางจึงเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"ลูกตัดใจจากองค์ชายสามได้แล้วจริง ๆ แล้วรึ ไม่ใช่ว่าเป็นเพียงอารมณ์แง่งอนอย่างที่เคยเป็นนะ"
เฟิ่งอวี่เหิงพยักหน้าอีกครั้ง "ข้าตัดใจได้แล้วจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าเหนื่อยที่ต้องไปแย่งชิงตบตีกับสตรีอื่น แต่กลับไม่เคยได้ความรักกลับคืน...”
ที่ผ่านมานางคอยไล่ดุด่าและตบตีหญิงสาวมากมายที่เข้ามาเกี่ยวพันกับฟู่อวิ้นหลง ทำให้ชื่อเสียงของสกุลต้องมาด่างพร้อยเพราะนางคนเดียว แต่ตอนนี้นางพอแล้วจริง ๆ
*********
ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงของคนคนหนึ่งดังขึ้นมา"พ่อจะทูลขอกับฝ่าบาทเรื่องถอนหมั้นให้เจ้าเอง""ท่านพี่//ท่านพ่อ"ทั้งสองคนหันหน้าไปตามเสียงทุ้มที่เอ่ย ปรากฏว่าเป็นประมุขของจวนสกุลเฟิ่ง 'เสนาบดีเฟิ่งจินหยวน'ความจริงเฟิ่งจินหยวนกลับมาถึงจวนได้สักพักแล้ว เนื่องจากได้ยินข่าวลือของบุตรสาวที่เกิดขึ้นในวันนี้ จึงรีบกลับมาที่จวนทันทีเมื่อมาถึงจวนก็ได้ยืนมองดูสองแม่ลูกที่เป็นแก้วตาดวงใจของตนเองกอดกันร้องไห้ คนเป็นพ่อเห็นบุตรสาวของตนเองร้องไห้ปานจะขาดใจ เพราะเรื่องที่คู่หมั้นของตนเองไปกับหญิงอื่น เมื่อเฟิ่งอวี่เหิงรู้จึงตามไปอาละวาดถึงขั้นลงไม้ลงมือ จนองค์ชายสามได้ประกาศว่าจะแต่งอี้หลิงฟางเข้าวัง ทำให้เป็นข่าวลือทั่วทั้งเมืองหลวง"ลูกพ่อ""ท่านพ่อ... ฮือออ" เฟิ่งอวี่เหิงเห็นเช่นนั้นก็วิ่งเข้าไปสวมกอดบิดาทันที ทางเสนาบดีเฟิ่งก็อ้าแขนรับอ้อมกอดของลูกสาวที่ตนรัก พร้อมลูบหัวเพื่อปลอบโยน"เจ้าไม่ต้องคิดสิ่งใดให้ปวดหัว เรื่องถอนหมั้นพ่อจะไปทูลขอกับฝ่าบาทเอง""ฝ่าบาทจะทรงยอมให้ถอนหมั้นหรือเจ้าคะ"เสนาบดีเฟิ่งไม่พูดเปล่า นำนิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลใสของบุตรสาวตนเองอย่างเบามื
"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ"เฟิ่งอวี่เหิงกำลังนั่งนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างเหม่อลอย ก็ได้ตื่นขึ้นจากภวังค์เพราะเสียงเรียกของสาวใช้"มีอะไรหรือ ชินชิน""คุณหนูกู่มาหาเจ้าค่ะ""ชิงเอ๋อร์มารึ งั้นเจ้ารีบไปเตรียมน้ำชากับของว่างมาให้สหายข้าด้วย""เจ้าค่ะ"คล้อยหลังสาวใช้ไปได้ไม่นาน ก็มีสตรีคนหนึ่งใส่ชุดสีชมพูอ่อนรูปร่างหน้าตาที่งดงามไม่น้อยไปกว่าเฟิ่งอวี่เหิง กำลังเดินมาหานางด้วยท่าทางราวกับหงส์ ถึงแม้จะรีบเดินก็ไม่ได้ทิ้งท่าเดินที่สง่างามนั้นเลย"เหิงเหิง" เสียงไพเราะราวกับดนตรีเอ่ยเรียกด้วยความสนิทสนมนางคือ กู่ม่านชิง สหายเพียงหนึ่งเดียวของเฟิ่งอวี่เหิง บิดากู่ม่านชิงเป็นถึงอดีตแม่ทัพใหญ่ แม้ตอนนี้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพเหมือนอย่างเดิมแล้วเพราะพี่ชายของนางขึ้นมารับตำแหน่งนี้แทน"ชิงเอ๋อร์""เหิงเหิง ข้ามาหาเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" กู่ม่านชิงเอ่ยถามสหาย ทั้งที่ยังเดินมาไม่ถึงด้วยซ้ำเฟิ่งอวี่เหิงยิ้มให้สหายพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ "ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว"กู่ม่านชิงเดินมาถึงก็จับตัวสหายหมุนไปมา ราวกับกำลังหาร่องรอยบาดแผลว่าถูกทำร้ายหรือไม่ จนเฟิ่งอวี่เหิงต้องจับมือสหายนางไว้ให้หยุดหมุน ไม่
เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจ องค์ฮ่องเต้จะมอบราชโองการอะไรให้นางกัน ไม่ใช่ว่าเป็นสมรสพระราชทานอีกหรือ?เฟิ่งจินหยวนเห็นท่าทางบุตรสาวของตนเองนิ่งไปก็นึกเอ็นดูขึ้นมา เจ้าคิดไปถึงไหนเล่าลูกพ่อ เจ้าจะกังวลเรื่องใดอีก ทั้งที่เจ้ามีพ่อคอยปกป้องเจ้าอยู่เช่นนี้ ครั้นเห็นสองพ่อลูกนิ่งไปเกินนาน กู่ม่านชิงอดไม่ได้ที่จะทักขึ้นมา"ราชโองการอะไรหรือเจ้าคะท่านลุง?" ใบหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยความสงสัยเฟิ่งจินหยวนยิ้มมากขึ้น เขามองหน้าหญิงสาวทั้งสองคนสลับไปมา"ราชโองการให้อาเหิงสามารถเลือกคู่ครองได้ด้วยตนเอง""ท่านพ่อ... ท่านพ่อพูดจริงหรือเจ้าคะ"เฟิ่งอวี่เหิงถามบิดาด้วยน้ำเสียงสั่นดีใจ เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ตนได้ยินจากปากบิดานั้นไม่ผิดเพี้ยนไปว่าฝ่าบาททรงให้สิทธิ์ตนได้เลือกคู่ครองเองชายสูงวัยพยักหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม "พ่อจะโกหกเจ้าไปทำไมกัน ฝ่าบาททรงมีพระเมตตาต่อเจ้า ทรงออกราชโองการให้เจ้าสามารถเลือกคู่ครองเองได้ แล้วพรุ่งนี้ก็จะให้ท่านฉินกงกงมาว่าราชโองการให้เจ้าด้วย""ท่านพ่อ ลูกดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ""ข้าก็ดีใจกับเจ้าด้วยนะเหิงเหิง""ขอบใจเจ้ามากนะชิงเอ๋อร์""เอาละ ๆ ข้าไม่รบกวนพวก
วังหลวง หน้าห้องอักษรขององค์ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิง"ฉินกงกง ข้ามาขอเข้าเฝ้าเสร็จพ่อ ไปแจ้งกับเสด็จพ่อให้ข้าทีว่ามีเรื่องจะกราบทูล""เรียนองค์ชาย ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าวันนี้มิให้ผู้ใดเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"ฟู่อวิ้นหลงได้ยินถึงกับขมวดคิ้วเสด็จพ่อเป็นอะไร เหตุใดวันนี้จึงไม่ให้เข้าเฝ้ากัน"แม้แต่ข้าผู้เป็นโอรสของเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ?""เป็นเช่นนั้นขอรับ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าหากไม่ใช่เรื่องตายห้ามผู้ใดเข้าเฝ้าเด็ดขาดขอรับ"ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาทูลขอให้เสด็จพ่อออกราชโองการสมรสให้แก่ตนกับอี้หลิงฟาง แต่เสด็จพ่อทรงมีรับสั่งถึงขั้นว่าหากไม่ใช่เรื่องตายห้ามให้ผู้ใดเข้าเฝ้าเด็ดขาด แปลว่าวันนี้เสด็จพ่อคงไม่ต้องการพบผู้ใดจริง ๆ เอาเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาเข้าเฝ้าใหม่ก็ยังไม่สาย"หากเป็นความประสงค์ของเสด็จพ่อ ข้าก็คงต้องกลับก่อนแล้วจะมาเข้าเฝ้าใหม่ในเช้าวันพรุ่งนี้ ฝากฉินกงกงแจ้งกับเสด็จพ่อให้ข้าด้วย""พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย กงกงผู้นี้จะแจ้งกับฝ่าบาทให้เอง""อืม เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน"หลังจากที่ฟู่อวิ้นหลงจากไปแล้ว ฉินกงกงได้เข้าไปรายงานกับฮ่องเต้ทันที"ที่ให้ไปสืบเรื่องเจ้าสามกับบุตรสาวสกุลอี้ที่ชื่ออี้หลิงฟางเล่า ได้
ณ วังขององค์ชายสามฟู่อวิ้นหลง"เจ้าว่าอย่างไรนะ!"หลังจากได้รับรายงานจากข้ารับใช้คนสนิท ฟู่อวิ้นหลงถึงขั้นตวาดเสียงดังทั้งจวน ใบหน้าเขาซีดเผือดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน"เรียนองค์ชาย ฝ่าบาททรงมีราชโองการถอนหมั้นพระองค์กับคุณหนูเฟิ่ง" ข้ารับใช้คนสนิทของฟู่อวิ้นหลงรายงานเรื่องที่ได้ยินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ไม่จริง จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร ทำไมข้าไม่เห็นรู้เรื่องการถอนหมั้นเลย"สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่เชื่อในเรื่องที่ข้ารับใช้นำมารายงานแม้แต่น้อย"ไปเตรียมเกี้ยวให้ข้า ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อตอนนี้"ข้ารับใช้ได้รับคำสั่งจึงเดินออกไป เพื่อไปเตรียมเกี้ยวให้ฟู่อวิ้นหลงตามคำสั่งที่ได้รับ"นางน่ะรึจะกล้าถอนหมั้นข้า ต้องมีผู้ใดไปเป่าพระกรรณของเสด็จพ่อเป็นแน่"ฟู่อวิ้นหลงไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเฟิ่งอวี่เหิงจะขอถอนหมั้นกับตน เพราะเขารู้ดีว่านางทุ่มเทให้เขาเพียงใด ตนชี้นกเป็นนก ชี้ไม้ก็เป็นไม้ แล้วอยู่ ๆ จะมีราชโองการถอนหมั้นได้อย่างไร ต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่ณ ห้องทรงงานของฮ่องเต้"ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ" ชายผู้สูงศักดิ์ในชุดสีทองที่กำลังอ่านฎีกาอยู่นั้นไม่ได้สนใจผู้มาเยือนตนแต่อย่างใด เขาสนใจแต
จวนสกุลเฟิ่งหลังจากที่ส่งฉินกงกงกลับวังแล้ว กู่ม่านชิงได้ขอตัวกลับจวนตนเอง ส่วนเสนาบดีเฟิ่งจินหยวนกับเฟิ่งฮูหยินต่างพากันแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน เหลือเพียงเฟิ่งอวี่เหิงที่ไม่มีอะไรให้ทำ นางจึงมานั่งปักผ้าอยู่ที่ศาลาเพียงลำพัง"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู แฮ่ก ๆ ๆ""ใจเย็น ๆ ชินชิน มีอะไรทำไมถึงได้ร้อนรนถึงเพียงนี้""องค์ชายสามเสด็จมาเจ้าค่ะ ตอนนี้รอคุณหนูอยู่ที่เรือนรับรองแล้ว"สตรีที่กำลังปักถึงกับชะงักกับคำพูดของสาวใช้"เจ้าว่าอย่างไรนะ? ชินชิน""องค์ชายสามเสด็จมาที่จวนต้องการมาพบคุณหนูเจ้าค่ะ"ได้ยินคำย้ำจากสาวใช้ของตน นางก็นิ่งไป ภายในใจนางเต็มไปด้วยความสงสัย องค์ชายสามจะมาหาข้าทำไมกัน ทั้งที่ตอนนี้เราสองคนไม่ต่างจากคนแปลกหน้าต่อกันแล้วชินชินเห็นคุณหนูของตนเองนิ่งไปก็อดเป็นกังวลไม่ได้"คุณหนู...""ข้าไม่เป็นไร" ใบหน้างามมีเพียงรอยยิ้มเบาบางหลังจากได้รับรายงานจากสาวใช้ เฟิ่งอวี่เหิงได้เดินมายังเรือนรับรอง เห็นว่ามีบุรุษคุ้นหน้ายืนรอนางอยู่"เฟิ่งอวี่เหิงถวายพระพรองค์ชายฟู่อวิ้นหลงเพคะ"คำพูดห่างเหินจากปากของสตรีตรงหน้า พลันทำให้เขารู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที เพราะเหตุใดกัน?
"องค์ชายกำลังเข้าใจผิดไปนะเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่ผู้ผิดสัญญา แต่คนที่ผิดสัญญาระหว่างเราคือพระองค์ต่างหาก!""ข้า..." ฟู่อวิ้นหลงถึงกับเอ่ยคำพูดไม่ออกเมื่อโดนจี้ถูกจุดชายหนุ่มเห็นอีกฝ่ายเงียบไปจนไม่รู้ว่าตนเองจะพูดสิ่งใดต่อ ตัวเขาคิดแต่หาทางให้เฟิ่งอวี่เหิงยอมกลับมาหาตนเช่นเดิม หากนางใจอ่อนแล้วยอมกลับมาเป็นเช่นเดิมก็จะรีบแต่งนางเข้าวังทันทีนางจะได้ไม่ต้องไปเป็นสตรีของผู้ใดสตรีเพียบพร้อมเช่นนางนั้นต่างเป็นที่หมายปองของเหล่าบุรุษ การที่ได้แต่งนางเข้าจวนนั้นมีทั้งอำนาจและชื่อเสียงใครบ้างที่ไม่ต้องการ"ข้า...ข้าแต่งกับเจ้าคนเดียวไม่ได้เจ้าก็รู้ แต่ข้าก็ให้เกียรติเจ้าได้เป็นชายาเอกของข้า ที่มีทั้งฐานะและชื่อเสียงในแคว้นนี้ ข้าให้เจ้าได้ทุกอย่างขอแค่เจ้ามาเป็นชายาเอกของข้า ข้าให้เจ้าได้หมด เหิงเหิงมาเป็นชายาเอกให้ข้าเช่นเดิมเถิดนะ"ฟู่อวิ้นหลงพยายามเกลี้ยกล่อมเฟิ่งอวี่เหิงทุกหนทาง พยายามยกให้เห็นถึงฐานะและชื่อเสียงของชายาเอกว่ามีดีอย่างไรบ้าง เผื่อนางจะกลับมาหาเขาเช่นเดิมเฟิ่งอวี่เหิงได้ยินเช่นนั้นรู้สึกเจ็บใจ ดวงตางามถึงกับน้ำตาคลอ นางเคยหลงรักบุรุษที่มักมากผู้นี้ได้อย่างไรกัน ไม่ได้นะเหิงเหิ
หลังจากฟู่อวิ้นหลงกลับไปแล้ว เฟิ่งฮูหยินก็รีบไปหาบุตรสาวของตนที่เรือนทันที"อาเหิงลูกแม่""ท่านแม่"เฟิ่งฮูหยินเห็นบุตรสาวของตน ก็เข้าไปสวมกอดเพื่อเป็นการปลอบโยนบุตรสาวตน"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ องค์ชายสามต่อว่าอะไรเจ้าหรือไม่?"เฟิ่งฮูหยินเฝ้ามองบุตรสาวของตนตั้งแต่แรก แต่ที่ตนไม่ยอมเข้าไปหาทั้งคู่ เพราะอยากให้บุตรสาวได้สะสางเรื่องทุกอย่างกับองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงให้เรียบร้อย ภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางใจต่อกัน"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ องค์ชายไม่ได้ต่อว่าอะไรข้าเลย ท่านแม่สบายใจได้"พูดจบหญิงสาวก็ลุกหมุนตัวให้มารดาดูอย่างอารมณ์ดี ตนเลือกจะพูดแต่สิ่งที่ให้มารดาไม่เป็นกังวลเท่านั้น แม้ในใจยังรู้สึกจุกในอกแต่ต้องยอมตัดเสียตอนนี้คนเป็นแม่เห็นบุตรสาวอารมณ์ดีก็รู้สึกเบาใจ เพราะว่าตนเป็นห่วงกลัวว่านางจะใจอ่อนและเสียใจอีกครั้ง…หลายอาทิตย์ต่อมา ฝั่งจวนสกุลอี้ตอนนี้ซือจินได้ขึ้นมาเป็นฮูหยินรองของจวนสกุลอี้แล้ว เพราะนางได้ไปเป่าหูอี้ชิงหลางว่าองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงจะมาหมั้นหมายบุตรสาวของตนเพื่อแต่งเป็นชายารองอี้ชิงหลางครั้นได้ยินเรื่องที่อนุคนโปรดเอ่ยถึงกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เขาเอง
ซือจินฟาดฝ่ามือเข้าไปยังใบหน้าสวยของบุตรสาวตนเอง จนเป็นรอยแดงเถือกอี้หลิงฟางยกมือขึ้นมาลูบแก้มของตนเองที่โดนตบอย่างแผ่วเบา "ทะ...ท่าน ท่านแม่ ท่านตบข้า?""ข้าไม่เคยสอนเจ้าให้ขาดสติเช่นนี้ หากเจ้ายังต้องการแก้แค้นนางอวี่เหิงนั่น เจ้าต้องรู้จักคุมอารมณ์ของตนด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วคนที่ลำบากจะเป็นเจ้าเอง!" ซือจินพูดจบนางก็เดินหันหลังกลับทันที แต่ก่อนจะเดินออกจากเรือนนางได้หันมากล่าวคำบางอย่างกับบุตรสาวของตน"เป็นบุตรของข้าแล้วอย่างไร แต่ก็เป็นเพราะข้าสั่งสอนเจ้าไม่ใช่รึถึงมาได้ขนาดนี้ เจ้าที่เป็นแค่บุตรอนุแต่ได้เป็นถึงได้เป็นคนโปรดปรานขององค์ชาย” ซือจินมองหน้าบุตรสาวด้วยแววตาแข็งกร้าว“ช่วงนี้เจ้าอย่าเพิ่งออกไปไหน สำนึกความผิดตนในเรือนสักหนึ่งเดือนเป็นอย่างไรเผื่อจะมีสติขึ้นมาบ้าง" น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความโกรธซือจินพูดจบก็ออกจากเรือน และไม่ลืมสั่งสาวใช้ให้กักบริเวณอี้หลิงฟางที่เรือนเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อไม่ให้นางออกไปไหน โดยไม่คิดสนใจหันกลับมามองดูบุตรสาวของตนเลยแม้แต่น้อยอี้หลิงฟางได้ยินมารดาตนย้ำถึงเรื่องนางเป็นบุตรอนุ ทำให้นางนึกถึงคำด่าทอของเฟิ่งอวี่เหิง เหมือนภาพซ้ำ ๆ เกิดขึ้นในหั
เสียงดังทรงอำนาจของฟู่เฟยเทียนทำเอาผู้คนที่หันไปมองถึงกับตกตะลึงไม่เว้นแม้แต่ฟู่อวิ้นหลงและอี้หลิงฟาง"เสด็จพี่...""ถวายพระพรรุ่ยอ๋องพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ"ฟู่เฟยเทียนหันคุยกับฟู่อวิ้นหลงผู้ที่เป็นน้องชายต่างมารดาด้วยน้ำเสียงกดดัน"เจ้าสำรวมตนหน่อยเถิดที่นี่ไม่ใช่วังหลวง"ฟู่อวิ้นหลงได้ยินที่พี่ชายต่างมารดาตนกล่าวถึงกับชะงัก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่เอ่ยถึงตนเป็นน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ของฟู่เฟยเทียน"เสดะ...รุ่ยอ๋องตักเตือนถูกต้องแล้ว เป็นข้าเองที่ไม่สำรวมขอรุ่ยอ๋องโปรดอภัย"ฟู่เฟยเทียนไม่ได้สนใจคนที่เอ่ยขออภัยกับตนเลยแม้แต่น้อย เพราะสายตานั้นมองจับจ้องไปยังสตรีสองนางที่กำลังเลือกซื้อของอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้สนใจผู้ใดเลยสักนิด'ผ่านเหตุการณ์ที่ผู้คนมองว่าตนร้ายกาจ แต่นางกลับไม่ใส่ใจซ้ำยังเลือกซื้อของได้อย่างสบายอารมณ์ ช่างน่าสนใจจริง ๆ'ฟู่เฟยเทียนมองดูสตรีที่เลือกซื้อของพลันยกยิ้มมุมปากอย่างเผลอตัว แต่ทว่ารอยยิ้มก็หุบลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงสตรีอีกผู้"อี้หลิงฟางถวายพระพรรุ่ยอ๋องเพคะ" อี้หลิงฟางย่อคำนับพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า"..."ฟู่เฟยเทียนไม่ได้ตอบสิ่งใดเพียงปรายตามองสตรี
อี้หลิงฟางแสร้งทำท่าทีอ่อนโยน ส่งรอยยิ้มให้กับกู่ม่านชิงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหวาน"ไม่ใช่เจ้าค่ะคุณหนูกู่ เพียงแต่ข้าโดนคุณหนูเฟิ่งเดินชนเลยอยากเรียกร้องความเป็นธรรมกับคุณหนูเฟิ่งเท่านั้นเองเจ้าค่ะ""เจ้าไม่ต้องมาเสแสร้งต่อหน้าข้า ข้าไม่ใช่คนโง่"กู่ม่านชิงรึจะไว้หน้าคนที่มาทำร้ายสหายตน และในเมื่อคนผู้นั้นมาอยู่ตรงหน้านางแล้ว กู่ม่านชิงก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่าย ๆ เช่นกันสหายของอี้หลิงฟางที่ตอนแรกตั้งใจจะพากันมาเย้ยหยันเฟิ่งอวี่เหิงรีบพากันหลบไปข้างหลังของอี้หลิงฟางทันที ใครจะกล้าไปมีเรื่องกับกู่ม่านชิงกัน นอกจากนิสัยที่ไม่เหมือนสตรีในห้องหอแล้ว ยังเป็นบุตรสาวคนโปรดของอดีตแม่ทัพใหญ่ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังเกรงพระทัยถึงสี่ส่วนเฟิ่งอวี่เหิงเห็นสหายของตนเองกำลังมีโทสะ จึงรีบเดินเข้าไปดึงสติสหายของตนไว้ เนื่องจากตนไม่อยากให้กู่ม่านชิงต้องมีข่าวลือไม่ดีที่สาเหตุเกิดจากตัวนาง"อย่าชิงเอ๋อร์ ตัวเจ้าจะเป็นข่าวลือ ข้าไม่อยากให้สหายของข้าต้องแปดเปื้อนไปด้วย เรากลับกันเถิด"ได้ยินที่สหายตนเข้ามาห้ามกู่ม่านชิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย แต่ก่อนที่พวกตนจะเดินจากไป อี้หลิงฟางก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
ตั้งแต่ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิงออกราชโองการถอนหมั้นให้แก่เฟิ่งอวี่เหิงกับฟู่อวิ้นหลงเวลาก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่ผู้คนยังพูดคุยเรื่องการถอนหมั้นอยู่ต่อเนื่องว่าสาเหตุเกิดจากอะไรผู้คนต่างพากันพูดไปต่างๆ นานา แต่เสียงส่วนมากว่าเป็นเพราะเฟิ่งอวี่เหิงนั้นมีนิสัยร้ายกาจ ที่ผ่านมานางเองก็ชอบดุด่าว่าสตรีอื่นที่ยุ่งกับองค์ชายสาม และยังลงมือกับสตรีเหล่านั้นอย่างไม่ลังเลทั้งหมดเป็นเพราะความใจแคบของนาง เป็นเหตุให้ฟู่อวิ้นหลงทนนิสัยของนางไม่ได้จนถึงขั้นขอถอนหมั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าความจริงนั้นมีเพียงหนึ่งจวนสกุลเฟิ่งกู่ม่านชิงมาหาเฟิ่งอวี่เหิงที่จวนแต่เช้าเพราะวันนี้นางมีนัดไปเที่ยวตลาดด้วยกัน“แม่ยังไม่อยากให้เจ้าไปข้างนอกตอนนี้เลย ข่าวลือของเจ้ายังเป็นที่พูดถึงไม่หยุดปาก แม่กลัวว่าเจ้าจะคิดมากอีก”เฟิ่งฮูหยินออกความคิดเห็น ไม่ใช่ว่านางไม่อยากให้บุตรสาวไปข้างนอก แต่เพราะยังมีข่าวลือเกี่ยวกับบุตรสาวของนางอยู่“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่” เฟิ่งอวี่เหิงพูดปลอบมารดา“ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ หลานจะปกป้องเหิงเหิงเอง ถ้ามีคนมาว่าร้ายนาง ข้าจะเป็นคนจัดการเองเจ้าค่ะ!” กู่ม่านชิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังห
หลังจากฟู่อวิ้นหลงกลับไปแล้ว เฟิ่งฮูหยินก็รีบไปหาบุตรสาวของตนที่เรือนทันที"อาเหิงลูกแม่""ท่านแม่"เฟิ่งฮูหยินเห็นบุตรสาวของตน ก็เข้าไปสวมกอดเพื่อเป็นการปลอบโยนบุตรสาวตน"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ องค์ชายสามต่อว่าอะไรเจ้าหรือไม่?"เฟิ่งฮูหยินเฝ้ามองบุตรสาวของตนตั้งแต่แรก แต่ที่ตนไม่ยอมเข้าไปหาทั้งคู่ เพราะอยากให้บุตรสาวได้สะสางเรื่องทุกอย่างกับองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงให้เรียบร้อย ภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางใจต่อกัน"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ องค์ชายไม่ได้ต่อว่าอะไรข้าเลย ท่านแม่สบายใจได้"พูดจบหญิงสาวก็ลุกหมุนตัวให้มารดาดูอย่างอารมณ์ดี ตนเลือกจะพูดแต่สิ่งที่ให้มารดาไม่เป็นกังวลเท่านั้น แม้ในใจยังรู้สึกจุกในอกแต่ต้องยอมตัดเสียตอนนี้คนเป็นแม่เห็นบุตรสาวอารมณ์ดีก็รู้สึกเบาใจ เพราะว่าตนเป็นห่วงกลัวว่านางจะใจอ่อนและเสียใจอีกครั้ง…หลายอาทิตย์ต่อมา ฝั่งจวนสกุลอี้ตอนนี้ซือจินได้ขึ้นมาเป็นฮูหยินรองของจวนสกุลอี้แล้ว เพราะนางได้ไปเป่าหูอี้ชิงหลางว่าองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงจะมาหมั้นหมายบุตรสาวของตนเพื่อแต่งเป็นชายารองอี้ชิงหลางครั้นได้ยินเรื่องที่อนุคนโปรดเอ่ยถึงกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เขาเอง
"องค์ชายกำลังเข้าใจผิดไปนะเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่ผู้ผิดสัญญา แต่คนที่ผิดสัญญาระหว่างเราคือพระองค์ต่างหาก!""ข้า..." ฟู่อวิ้นหลงถึงกับเอ่ยคำพูดไม่ออกเมื่อโดนจี้ถูกจุดชายหนุ่มเห็นอีกฝ่ายเงียบไปจนไม่รู้ว่าตนเองจะพูดสิ่งใดต่อ ตัวเขาคิดแต่หาทางให้เฟิ่งอวี่เหิงยอมกลับมาหาตนเช่นเดิม หากนางใจอ่อนแล้วยอมกลับมาเป็นเช่นเดิมก็จะรีบแต่งนางเข้าวังทันทีนางจะได้ไม่ต้องไปเป็นสตรีของผู้ใดสตรีเพียบพร้อมเช่นนางนั้นต่างเป็นที่หมายปองของเหล่าบุรุษ การที่ได้แต่งนางเข้าจวนนั้นมีทั้งอำนาจและชื่อเสียงใครบ้างที่ไม่ต้องการ"ข้า...ข้าแต่งกับเจ้าคนเดียวไม่ได้เจ้าก็รู้ แต่ข้าก็ให้เกียรติเจ้าได้เป็นชายาเอกของข้า ที่มีทั้งฐานะและชื่อเสียงในแคว้นนี้ ข้าให้เจ้าได้ทุกอย่างขอแค่เจ้ามาเป็นชายาเอกของข้า ข้าให้เจ้าได้หมด เหิงเหิงมาเป็นชายาเอกให้ข้าเช่นเดิมเถิดนะ"ฟู่อวิ้นหลงพยายามเกลี้ยกล่อมเฟิ่งอวี่เหิงทุกหนทาง พยายามยกให้เห็นถึงฐานะและชื่อเสียงของชายาเอกว่ามีดีอย่างไรบ้าง เผื่อนางจะกลับมาหาเขาเช่นเดิมเฟิ่งอวี่เหิงได้ยินเช่นนั้นรู้สึกเจ็บใจ ดวงตางามถึงกับน้ำตาคลอ นางเคยหลงรักบุรุษที่มักมากผู้นี้ได้อย่างไรกัน ไม่ได้นะเหิงเหิ
จวนสกุลเฟิ่งหลังจากที่ส่งฉินกงกงกลับวังแล้ว กู่ม่านชิงได้ขอตัวกลับจวนตนเอง ส่วนเสนาบดีเฟิ่งจินหยวนกับเฟิ่งฮูหยินต่างพากันแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน เหลือเพียงเฟิ่งอวี่เหิงที่ไม่มีอะไรให้ทำ นางจึงมานั่งปักผ้าอยู่ที่ศาลาเพียงลำพัง"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู แฮ่ก ๆ ๆ""ใจเย็น ๆ ชินชิน มีอะไรทำไมถึงได้ร้อนรนถึงเพียงนี้""องค์ชายสามเสด็จมาเจ้าค่ะ ตอนนี้รอคุณหนูอยู่ที่เรือนรับรองแล้ว"สตรีที่กำลังปักถึงกับชะงักกับคำพูดของสาวใช้"เจ้าว่าอย่างไรนะ? ชินชิน""องค์ชายสามเสด็จมาที่จวนต้องการมาพบคุณหนูเจ้าค่ะ"ได้ยินคำย้ำจากสาวใช้ของตน นางก็นิ่งไป ภายในใจนางเต็มไปด้วยความสงสัย องค์ชายสามจะมาหาข้าทำไมกัน ทั้งที่ตอนนี้เราสองคนไม่ต่างจากคนแปลกหน้าต่อกันแล้วชินชินเห็นคุณหนูของตนเองนิ่งไปก็อดเป็นกังวลไม่ได้"คุณหนู...""ข้าไม่เป็นไร" ใบหน้างามมีเพียงรอยยิ้มเบาบางหลังจากได้รับรายงานจากสาวใช้ เฟิ่งอวี่เหิงได้เดินมายังเรือนรับรอง เห็นว่ามีบุรุษคุ้นหน้ายืนรอนางอยู่"เฟิ่งอวี่เหิงถวายพระพรองค์ชายฟู่อวิ้นหลงเพคะ"คำพูดห่างเหินจากปากของสตรีตรงหน้า พลันทำให้เขารู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที เพราะเหตุใดกัน?
ณ วังขององค์ชายสามฟู่อวิ้นหลง"เจ้าว่าอย่างไรนะ!"หลังจากได้รับรายงานจากข้ารับใช้คนสนิท ฟู่อวิ้นหลงถึงขั้นตวาดเสียงดังทั้งจวน ใบหน้าเขาซีดเผือดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน"เรียนองค์ชาย ฝ่าบาททรงมีราชโองการถอนหมั้นพระองค์กับคุณหนูเฟิ่ง" ข้ารับใช้คนสนิทของฟู่อวิ้นหลงรายงานเรื่องที่ได้ยินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ไม่จริง จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร ทำไมข้าไม่เห็นรู้เรื่องการถอนหมั้นเลย"สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่เชื่อในเรื่องที่ข้ารับใช้นำมารายงานแม้แต่น้อย"ไปเตรียมเกี้ยวให้ข้า ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อตอนนี้"ข้ารับใช้ได้รับคำสั่งจึงเดินออกไป เพื่อไปเตรียมเกี้ยวให้ฟู่อวิ้นหลงตามคำสั่งที่ได้รับ"นางน่ะรึจะกล้าถอนหมั้นข้า ต้องมีผู้ใดไปเป่าพระกรรณของเสด็จพ่อเป็นแน่"ฟู่อวิ้นหลงไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเฟิ่งอวี่เหิงจะขอถอนหมั้นกับตน เพราะเขารู้ดีว่านางทุ่มเทให้เขาเพียงใด ตนชี้นกเป็นนก ชี้ไม้ก็เป็นไม้ แล้วอยู่ ๆ จะมีราชโองการถอนหมั้นได้อย่างไร ต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่ณ ห้องทรงงานของฮ่องเต้"ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ" ชายผู้สูงศักดิ์ในชุดสีทองที่กำลังอ่านฎีกาอยู่นั้นไม่ได้สนใจผู้มาเยือนตนแต่อย่างใด เขาสนใจแต
วังหลวง หน้าห้องอักษรขององค์ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิง"ฉินกงกง ข้ามาขอเข้าเฝ้าเสร็จพ่อ ไปแจ้งกับเสด็จพ่อให้ข้าทีว่ามีเรื่องจะกราบทูล""เรียนองค์ชาย ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าวันนี้มิให้ผู้ใดเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"ฟู่อวิ้นหลงได้ยินถึงกับขมวดคิ้วเสด็จพ่อเป็นอะไร เหตุใดวันนี้จึงไม่ให้เข้าเฝ้ากัน"แม้แต่ข้าผู้เป็นโอรสของเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ?""เป็นเช่นนั้นขอรับ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าหากไม่ใช่เรื่องตายห้ามผู้ใดเข้าเฝ้าเด็ดขาดขอรับ"ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาทูลขอให้เสด็จพ่อออกราชโองการสมรสให้แก่ตนกับอี้หลิงฟาง แต่เสด็จพ่อทรงมีรับสั่งถึงขั้นว่าหากไม่ใช่เรื่องตายห้ามให้ผู้ใดเข้าเฝ้าเด็ดขาด แปลว่าวันนี้เสด็จพ่อคงไม่ต้องการพบผู้ใดจริง ๆ เอาเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาเข้าเฝ้าใหม่ก็ยังไม่สาย"หากเป็นความประสงค์ของเสด็จพ่อ ข้าก็คงต้องกลับก่อนแล้วจะมาเข้าเฝ้าใหม่ในเช้าวันพรุ่งนี้ ฝากฉินกงกงแจ้งกับเสด็จพ่อให้ข้าด้วย""พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย กงกงผู้นี้จะแจ้งกับฝ่าบาทให้เอง""อืม เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน"หลังจากที่ฟู่อวิ้นหลงจากไปแล้ว ฉินกงกงได้เข้าไปรายงานกับฮ่องเต้ทันที"ที่ให้ไปสืบเรื่องเจ้าสามกับบุตรสาวสกุลอี้ที่ชื่ออี้หลิงฟางเล่า ได้