“36-24-36 โอ้ว... แม่คุณเอ๋ย... ทำบุญด้วยส้มโอหรือยังไงนะ ถึงได้ใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้”
ความคิดพวยพุ่งอย่างฉุดไม่อยู่ ฝ่ามือทำท่าคล้ายกะขนาดความเต็มไม้เต็มมือนั้นอย่างไม่รู้ตัว ทว่าความสัปดนที่เป็นหนึ่งในนิสัยผู้ชายเต็มตัว จำต้องถูกสั่งให้ระงับโดยเร็วที่สุด เพราะดวงตาสวยหวานปรายมองมาทางนี้
เธอไม่ได้ยิ้มแต่เลือกที่จะมองผ่านเขาไปด้านหลังที่ตกแต่งเป็นโซนน้ำตกน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟและขนมเค้กเพื่อเป็นของว่าง พร้อมแจ้งกับพนักงานว่าเธอจะนั่งในบริเวณที่หมายตาไว้
ใจไวเท่าความคิดและร่างกายก็สนองตอบในทันที เมื่อเธอนั่งลงยังไม่ทันจะได้หายใจ ชยพลก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปทำความรู้จัก
“หากไม่รังเกียจ...”
เสียงทุ้มเอ่ยออกตัวอย่างสุภาพและทิ้งจังหวะให้เธออนุญาตเมื่อเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการสนทนาด้วย
ดวงตาคมเข้มจ้องดอกไม้งามตรงหน้าไม่กะพริบ กลางดงกลางป่าอย่างนี้ แม้จะมีดอกไม้แวะเวียนมาให้เชยชมได้ไม่ขาด แต่ก็ไม่เคยมีดอกไหนที่เร้าหัวใจเขาจนสั่นระทึกได้เท่าดอกนี้ และในทันทีที่เธอปรายสายตาขึ้นมองเขา ชยพลก็นึกประหม่าในรูปลักษณ์ของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต
เพราะดวงตาสวยหวานที่เขารู้สึกว่ามันคมราวกับมีดโกนซื้อมาใหม่ๆ นั้นจ้องมา เขากลับรู้สึกว่ากำลังถูกเธอบาดหัวใจจนขาดวิ่น นี่เขากำลัง ‘ตกหลุมรัก’ อย่างนั้นเหรอ
‘ไม่น่า... เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดซ้ำ’
“รังเกียจค่ะ ต้องการความเป็นส่วนตัว”
แม้เสียงจะยังคงหวานใสแต่คำตอบกลับแห้งราวมะนาวไม่มีน้ำ ซึ่งเธอหมายความตามที่พูดจริงๆ ในเวลานี้เธอไม่มีอารมณ์จะมานั่งให้ใครจีบ แม้ว่าผู้ชายตรงหน้าจะหล่อราวกับเจ้าชายแขกขี่ม้าขาวมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็ตาม เพราะไม่พ้นที่จะเข้าอีหรอบเดิม
เมื่อผู้ชายเหล่านั้นรู้ว่าเธอไม่โสด แถมในเวลานี้เธอยังพ่วงสถานะ ‘ม่าย’ อีกตำแหน่ง ผู้ชายที่ขยันมาขายขนมจีบเหล่านั้นก็จะรีบจรลีจากไปอย่างเร็ว และนี่ก็คือเหตุผลที่เธอปิดกั้นตัวเองเพราะไม่อยากเห็นสายตามองแบบกำลังเจอเรื่องอัศจรรย์ใจจากผู้ชายคนไหนๆ อีก และคนนี้ก็คงจะไม่ต่างกัน
“ผมรับรองว่าจะนั่งเฉยๆ ไม่กวนคุณเด็ดขาด”
ชยพลยังรุกเร้า ยิ่งเธอยากเขายิ่งชอบ เพราะง่ายๆ น่ะของตาย เขาเจอมาเยอะแล้ว
“งั้นเชิญคุณนั่งไปนะคะ ฉันจะไปนั่งทางโน้น และหวังว่าคงจะไม่ตามมาอีก”
สะบันงากลอกตามองบนพร้อมลุกขึ้นหนีอย่างเบื่อหน่ายที่สุด คิดในใจว่าเมื่อไรเธอถึงจะพ้นวังวนนี้เสียที เธอเบื่อผู้ชายขี้ตื้อ นี่ขนาดว่าเธอไม่แต่งหน้าทาปากอะไรเลยก็ยังไม่พ้น หรือครั้งต่อไปเธอจะต้องใส่หมวกปิดหน้าปิดตาเวลาออกนอกบ้านแล้วกระมัง
“ทำไมล่ะครับ หรือว่าคุณกลัวที่จะตกหลุมรักผม”
ได้ผล แค่คำนี้เธอคนสวยก็ชะงักร่างที่กำลังจะหันเดินในทันที ดวงตาสวยหวานตวัดขึ้นมองเขาอย่างกราดเกรี้ยว ซึ่งเธอไม่คิดจะเก็บอารมณ์นั้นสักนิด
“อ้อค่ะ ฉันกลัวจะตกหลุมรักคุณ พอใจไหม กรุณาอย่าตามมาอีก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”
สะบันงาเค้นคำพูดให้รู้ว่าเธอไม่พอใจที่สุด แต่คนหล่อที่เอาแต่ยิ้มกวนก็ทำให้เธออยากจะตะบันไอ้หน้าหล่อๆ นี้สักครั้ง เพราะเขาจะรู้ไหมว่า ยิ่งเขายิ้ม เธอยิ่งจะทนไม่ไหว ก็ไอ้หน้าหล่อกวนๆ นี้แหละมันคือสเปกผู้ชายในฝันของเธอซะงั้น
“คุณกลัวจริงๆ”
ชยพลแหย่ต่อ เพราะใบหน้าที่แดงระเรื่อนั้นเขาเหมาว่าเธออายมากกว่าที่จะโกรธ เขาจะไม่ยอมให้มีอะไรมาทำลายความมั่นใจในความหล่อของตัวเองแน่
“กลัวอะไร” เสียงหวานแต่ห้วนเอ่ยถามแสดงความไม่พอใจกลบเกลื่อนสายตารู้ทันของคนหล่อตรงหน้า
“ตาคุณมันฟ้อง”
“ฟ้องว่าอะไร”
“ฟ้องว่าคุณกำลัง... ตกหลุมรักผม” นั่นล่ะเขามั่นใจที่สุด ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะไม่สนใจเขา
“อ๋อเหรอคะ แสนรู้จริงๆ เลยนะคะ มีลูกขอตัวละกัน”
จริงอย่างที่เขาบอกเธอกำลังตกหลุมรักคนหล่อจริงๆ แต่หล่อกวนๆ หลงตัวเองแบบนี้ก็ต้องเจอลูกย้อนของเธอกลับไปเช่นกัน ประสบการณ์สอนให้เธอกล้าและแกร่งขึ้น ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถฟาดฟันกับบรรดาลูกๆ ของสามีมาได้จนถึงป่านนี้
“ได้เลยครับคุณผู้หญิง ลูกของเราคงต้องช่วยกันเลี้ยง”
“ไว้รอน้ำท่วมหลังเป็ดก็แล้วกัน”
“ผมจะรีบจับเป็ดกดน้ำ”
“อ้อ... หวังว่านั่นคงจะไม่ใช่เป็ดในบ้านฉัน เพราะหากเป็ดตัวอื่นแหยมจะเข้ามา รับรองว่าฉันยิงมันตายก่อนแน่ หยุด... ถ้าตามมา ฉันจะร้องว่าคุณลวนลาม” เธอชี้หน้าเขาในทันทีที่ขยับ
“อะไรกันคุณ! ผมก็แค่อยากทำความรู้จัก”
“ใครอยากรู้จักกับคุณไม่ทราบ กรุณานับถือความเป็นส่วนตัวด้วย”
สะบันงาสะบัดหน้าเดินไปนั่งอีกทาง ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่เข้ามาตอแยจะยืนทำสีหน้ายังไง เพราะเธอไม่สนอยู่แล้ว แม้ความหล่อนั้นจะสะดุดตาจนซึมไปถึงหัวใจก็ตาม เวลานี้เธอไม่มีอารมณ์จะหวานกับใครทั้งนั้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะคนสวย... พรหมลิขิตจะพาให้เรามาเจอกันอีก ผมมั่นใจ”
ดวงตาคมเข้มมองเบื้องหลังของคนสวยที่ทำให้หัวใจเขาสะท้าน บางสิ่งที่สะท้อนอยู่ข้างในไม่ใช่เพียงความพึงพอใจในความสวยของใครสักคน แต่มันเป็นอีกหนึ่งความรู้สึกที่เขาลืมเลือนไปนานแล้ว และแทบไม่น่าเชื่อว่าเพียงเห็นเธอ สิ่งที่หลับใหลนั้นจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
‘สะบันงา อิสระพงษ์’ นั่นแหละคือชื่อของฉันคุณคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาออกจะโบราณและค่อนข้างจะเรียบร้อยไว้ตัวใช่ไหมล่ะ...นั่นคุณคิดผิด เพราะถ้าคุณรู้ความหมายของคำว่า ‘สะบันงา’ คุณจะมองฉันอีกแบบหนึ่ง ‘สะบันงา’ แปลว่า ‘ดอกกระดังงา’ นั่นไง... ฉันคิดถูก แค่คุณรู้ความหมาย คุณก็มองฉันด้วยสายตาอีกแบบ คุณคิดว่าฉันต้องร้อนแรง เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นและอาจพ่วงคำว่า ‘แม่ม่าย’ ให้อีกตำแหน่ง ตรงนี้ขอบอกว่าคุณคิดถูกเพียงข้อเดียว แต่มาเดากันว่าเรื่องอะไร หึหึหึ... .. พื้นที่รกร้างกว้างไกลสุดสายตาที่เห็นอยู่นี้ยังคงมีเค้าของไร่หรือสวนบางอย่างให้พอมองออก เพราะแนวคันดินที่ถูกแต่งให้เป็นแปลงและไม้ดามกิ่งพันธุ์ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างประปราย แต่ก็คงไม่มีใครเดาได้ว่าครั้งหนึ่ง ที่ดินแห่งนี้เคยสร้างพืชผลอะไรให้เจริญงอกงามและสร้างความภาคภูมิใจให้กับเจ้าของที่ดินไว้อย่างมากมายแค่ไหน เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ในมโนภาพนี้ คงมีเพียงเธอคนเดียวที่จดจำได้เพราะนอกนั้นแล้วผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ล้มหาย ก็ตายจาก หรือไม่ก็ไม่คิดว่าสถานที่แห
“ได้ยินค่ะแม่ เสียงแม่ดังไปแปดกิโลแบบนี้ ถ้าบีไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้วล่ะค่ะ”สะบันงาตอบ ขณะดวงตาสวยหวานยังคงมองสำรวจดูสวนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเธออย่างชอบธรรม สองเท้าก้าวเดินไปตามทางที่ลุงพงษ์เอารถมาไถหญ้าออกไว้รอเธอมา ตั้งแต่เธอโทร.มาบอกข่าวดีให้ทราบเมื่อสัปดาห์ก่อนมือบอบบางแตะสำรวจต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง ราวกับสิ่งที่สัมผัสอยู่ตรงหน้านั้นรื่นรมย์นักทั้งที่เสียงของแม่นั้นน่าจะทำให้เธอขุ่นใจ แต่เธอกลับใจเย็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ อาจเพราะสิ่งนี้แหละที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดและสามารถประคองชีวิตตลอด 5 ปีที่ผ่านมาได้ “ยัยบี แกไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี แกรีบกลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เลยนะ หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้แกไปทำไอ้สวนบ้าๆ นั้นอีกแน่ รีบกลับมากรุงเทพฯ ส่วนที่ดินนั่นเดี๋ยวฉันจะหาคนไปซื้อเอง แกไม่ต้องห่วง ทุกบาททุกสตางค์ฉันจะให้แกทั้งหมด นี่แกได้ยินที่ฉันพูดไหม ยัยบี!” สินีนาถระงับอารมณ์ไม่อยู่เพราะเหมือนว่าเธอกำลังพูดอยู่คนเดียวเสียมากกว่า สะบันงาไม่อือไม่อาอะไรด้วยเลยสักนิด “ได้ยินค่ะแม่” เสียงเนือยๆ ไม่แสดงอารมณ์ว่าขุ่นมัว นอกจากเศร้าๆ นิดห
อิฐเป็นคนหนุ่มคิดไกล เป็นที่รักของคนงานทุกคน อิฐวางแผนสร้างรีสอร์ตในสวนกุหลาบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนและชื่นชมดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์แต่โชคชะตาอาจปรานีไม่ให้เขาต้องทนทุกข์ดิ้นรนอยู่บนโลกใบนี้อยู่นาน อิฐจึงด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุหลังจากทำเรื่องเอาที่ดินผืนนี้เข้าธนาคาร เพื่อนำเงินก้อนมาปรับปรุงสวนให้ดีขึ้นเมื่อขาดอิฐไปเสียคน โครงการก่อสร้างก็หยุดชะงัก ทำให้สินีนาถที่ขณะนั้นหย่าขาดจากอิฐได้กว่า 5 ปี ต้องเข้ามาช่วยดูแลกิจการเพราะสะบันงาเพิ่งอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 ที่กรุงเทพฯ ทั้งยังไม่รู้เรื่องงานของสวนเลยสินีนาถผู้รักความสบายไม่สามารถต่อสู้กับกลไกทางการตลาดหรือต่อสู้กับอะไรได้เลย เมื่อไม่มีผลผลิตก็ไม่มีเงินจะไปส่งดอกเบี้ยให้กับธนาคาร สินีนาถจึงเลือกที่จะหยุดทุกอย่าง ยุติกิจการที่อิฐสร้างมากับมือ เพราะที่ดินที่ปากช่องในเวลานั้นไม่ได้มีราคาเหมือนในเวลานี้ เธอจึงไม่เสียดายที่จะทิ้งไปแต่ในวันนี้ล่ะ เมื่อสะบันงายืนยันที่จะฟื้น ‘สวนอุ่นรัก’ ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่พวกเขาคิดว่าที่ดินผืนนี้เปลี่ยนมือไปแล้ว ทว่าความดีใจที่สะบันงาบอกว่าเธอยังคงเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ดังเดิมต้องมีอันชะ
สิทธิ์ตอบเพราะกุหลาบสีขาวที่สวนปริ๊นเซสมีอยู่นั้นแทบจะมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอยู่แล้ว แต่เจ้านายกลับอยากสร้างความแตกต่างที่จะทำให้ดอกกุหลาบราคา 1 บาทกว่ากลายเป็นราคา 3-5 บาท/ดอกโดยการให้คนงานคัดดอกเกรดเอ นำไปลิดใบก้านออกสักนิดหน่อยก่อนจะนำก้านแช่ในน้ำที่ผสมสีผสมอาหารสีเขียวและสีฟ้า ทิ้งไว้หนึ่งคืนให้ก้านดอกที่สมบูรณ์ดูดน้ำสีจากในกระบอกจนชุ่มดอกสีขาวบริสุทธิ์ก็จะกลายเป็นกุหลาบพันธุ์ใหม่ที่เป็นสีเขียวอ่อนและสีฟ้าอ่อน ซึ่งเป็นที่ต้องการในท้องตลาดเป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นว่ากุหลาบดอกขาวครึ่งต่อครึ่งจะถูกส่งไปเข้าโรงชุบสีทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น“งั้นไปเจรจาซื้อที่ข้างๆ ให้หน่อยสิ ถ้าคุยได้ให้ล้านหนึ่งเลยเอ้า! แต่ถ้าเขาไม่ขาย ขอเช่าก็เอา ถ้าให้เช่ามากกว่า 10 ปี จะให้ค่าเปลืองน้ำลายแสนหนึ่ง เอาไหม”ชยพลพูดพร้อมทำสีหน้าเอือมๆ ไม่ใช่เอือมเพราะสิทธิ์ที่มักมาบ่นว่าดอกกุหลาบสีขาวไม่พอส่ง แต่เอือมเมื่อนึกถึงที่ดินรกร้างที่อยู่ติดกับสวนของเขาทีไรก็ต้องเจ็บใจทุกที เพราะหลายปีมานี้ที่เขาพยายามติดต่อขอซื้อที่ดินด้านข้างเพราะต้องการขยายสวนกุหลาบให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเขาต้องการลงกุหลาบพันธุ์
“36-24-36 โอ้ว... แม่คุณเอ๋ย... ทำบุญด้วยส้มโอหรือยังไงนะ ถึงได้ใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้”ความคิดพวยพุ่งอย่างฉุดไม่อยู่ ฝ่ามือทำท่าคล้ายกะขนาดความเต็มไม้เต็มมือนั้นอย่างไม่รู้ตัว ทว่าความสัปดนที่เป็นหนึ่งในนิสัยผู้ชายเต็มตัว จำต้องถูกสั่งให้ระงับโดยเร็วที่สุด เพราะดวงตาสวยหวานปรายมองมาทางนี้เธอไม่ได้ยิ้มแต่เลือกที่จะมองผ่านเขาไปด้านหลังที่ตกแต่งเป็นโซนน้ำตกน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟและขนมเค้กเพื่อเป็นของว่าง พร้อมแจ้งกับพนักงานว่าเธอจะนั่งในบริเวณที่หมายตาไว้ใจไวเท่าความคิดและร่างกายก็สนองตอบในทันที เมื่อเธอนั่งลงยังไม่ทันจะได้หายใจ ชยพลก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปทำความรู้จัก“หากไม่รังเกียจ...”เสียงทุ้มเอ่ยออกตัวอย่างสุภาพและทิ้งจังหวะให้เธออนุญาตเมื่อเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการสนทนาด้วยดวงตาคมเข้มจ้องดอกไม้งามตรงหน้าไม่กะพริบ กลางดงกลางป่าอย่างนี้ แม้จะมีดอกไม้แวะเวียนมาให้เชยชมได้ไม่ขาด แต่ก็ไม่เคยมีดอกไหนที่เร้าหัวใจเขาจนสั่นระทึกได้เท่าดอกนี้ และในทันทีที่เธอปรายสายตาขึ้นมองเขา ชยพลก็นึกประหม่าในรูปลักษณ์ของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิตเพราะดวงตาสวยหวานที่เขารู้สึกว่ามันคมราวกับมี
สิทธิ์ตอบเพราะกุหลาบสีขาวที่สวนปริ๊นเซสมีอยู่นั้นแทบจะมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอยู่แล้ว แต่เจ้านายกลับอยากสร้างความแตกต่างที่จะทำให้ดอกกุหลาบราคา 1 บาทกว่ากลายเป็นราคา 3-5 บาท/ดอกโดยการให้คนงานคัดดอกเกรดเอ นำไปลิดใบก้านออกสักนิดหน่อยก่อนจะนำก้านแช่ในน้ำที่ผสมสีผสมอาหารสีเขียวและสีฟ้า ทิ้งไว้หนึ่งคืนให้ก้านดอกที่สมบูรณ์ดูดน้ำสีจากในกระบอกจนชุ่มดอกสีขาวบริสุทธิ์ก็จะกลายเป็นกุหลาบพันธุ์ใหม่ที่เป็นสีเขียวอ่อนและสีฟ้าอ่อน ซึ่งเป็นที่ต้องการในท้องตลาดเป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นว่ากุหลาบดอกขาวครึ่งต่อครึ่งจะถูกส่งไปเข้าโรงชุบสีทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น“งั้นไปเจรจาซื้อที่ข้างๆ ให้หน่อยสิ ถ้าคุยได้ให้ล้านหนึ่งเลยเอ้า! แต่ถ้าเขาไม่ขาย ขอเช่าก็เอา ถ้าให้เช่ามากกว่า 10 ปี จะให้ค่าเปลืองน้ำลายแสนหนึ่ง เอาไหม”ชยพลพูดพร้อมทำสีหน้าเอือมๆ ไม่ใช่เอือมเพราะสิทธิ์ที่มักมาบ่นว่าดอกกุหลาบสีขาวไม่พอส่ง แต่เอือมเมื่อนึกถึงที่ดินรกร้างที่อยู่ติดกับสวนของเขาทีไรก็ต้องเจ็บใจทุกที เพราะหลายปีมานี้ที่เขาพยายามติดต่อขอซื้อที่ดินด้านข้างเพราะต้องการขยายสวนกุหลาบให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเขาต้องการลงกุหลาบพันธุ์
อิฐเป็นคนหนุ่มคิดไกล เป็นที่รักของคนงานทุกคน อิฐวางแผนสร้างรีสอร์ตในสวนกุหลาบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนและชื่นชมดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์แต่โชคชะตาอาจปรานีไม่ให้เขาต้องทนทุกข์ดิ้นรนอยู่บนโลกใบนี้อยู่นาน อิฐจึงด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุหลังจากทำเรื่องเอาที่ดินผืนนี้เข้าธนาคาร เพื่อนำเงินก้อนมาปรับปรุงสวนให้ดีขึ้นเมื่อขาดอิฐไปเสียคน โครงการก่อสร้างก็หยุดชะงัก ทำให้สินีนาถที่ขณะนั้นหย่าขาดจากอิฐได้กว่า 5 ปี ต้องเข้ามาช่วยดูแลกิจการเพราะสะบันงาเพิ่งอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 ที่กรุงเทพฯ ทั้งยังไม่รู้เรื่องงานของสวนเลยสินีนาถผู้รักความสบายไม่สามารถต่อสู้กับกลไกทางการตลาดหรือต่อสู้กับอะไรได้เลย เมื่อไม่มีผลผลิตก็ไม่มีเงินจะไปส่งดอกเบี้ยให้กับธนาคาร สินีนาถจึงเลือกที่จะหยุดทุกอย่าง ยุติกิจการที่อิฐสร้างมากับมือ เพราะที่ดินที่ปากช่องในเวลานั้นไม่ได้มีราคาเหมือนในเวลานี้ เธอจึงไม่เสียดายที่จะทิ้งไปแต่ในวันนี้ล่ะ เมื่อสะบันงายืนยันที่จะฟื้น ‘สวนอุ่นรัก’ ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่พวกเขาคิดว่าที่ดินผืนนี้เปลี่ยนมือไปแล้ว ทว่าความดีใจที่สะบันงาบอกว่าเธอยังคงเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ดังเดิมต้องมีอันชะ
“ได้ยินค่ะแม่ เสียงแม่ดังไปแปดกิโลแบบนี้ ถ้าบีไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้วล่ะค่ะ”สะบันงาตอบ ขณะดวงตาสวยหวานยังคงมองสำรวจดูสวนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเธออย่างชอบธรรม สองเท้าก้าวเดินไปตามทางที่ลุงพงษ์เอารถมาไถหญ้าออกไว้รอเธอมา ตั้งแต่เธอโทร.มาบอกข่าวดีให้ทราบเมื่อสัปดาห์ก่อนมือบอบบางแตะสำรวจต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง ราวกับสิ่งที่สัมผัสอยู่ตรงหน้านั้นรื่นรมย์นักทั้งที่เสียงของแม่นั้นน่าจะทำให้เธอขุ่นใจ แต่เธอกลับใจเย็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ อาจเพราะสิ่งนี้แหละที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดและสามารถประคองชีวิตตลอด 5 ปีที่ผ่านมาได้ “ยัยบี แกไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี แกรีบกลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เลยนะ หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้แกไปทำไอ้สวนบ้าๆ นั้นอีกแน่ รีบกลับมากรุงเทพฯ ส่วนที่ดินนั่นเดี๋ยวฉันจะหาคนไปซื้อเอง แกไม่ต้องห่วง ทุกบาททุกสตางค์ฉันจะให้แกทั้งหมด นี่แกได้ยินที่ฉันพูดไหม ยัยบี!” สินีนาถระงับอารมณ์ไม่อยู่เพราะเหมือนว่าเธอกำลังพูดอยู่คนเดียวเสียมากกว่า สะบันงาไม่อือไม่อาอะไรด้วยเลยสักนิด “ได้ยินค่ะแม่” เสียงเนือยๆ ไม่แสดงอารมณ์ว่าขุ่นมัว นอกจากเศร้าๆ นิดห
‘สะบันงา อิสระพงษ์’ นั่นแหละคือชื่อของฉันคุณคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาออกจะโบราณและค่อนข้างจะเรียบร้อยไว้ตัวใช่ไหมล่ะ...นั่นคุณคิดผิด เพราะถ้าคุณรู้ความหมายของคำว่า ‘สะบันงา’ คุณจะมองฉันอีกแบบหนึ่ง ‘สะบันงา’ แปลว่า ‘ดอกกระดังงา’ นั่นไง... ฉันคิดถูก แค่คุณรู้ความหมาย คุณก็มองฉันด้วยสายตาอีกแบบ คุณคิดว่าฉันต้องร้อนแรง เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นและอาจพ่วงคำว่า ‘แม่ม่าย’ ให้อีกตำแหน่ง ตรงนี้ขอบอกว่าคุณคิดถูกเพียงข้อเดียว แต่มาเดากันว่าเรื่องอะไร หึหึหึ... .. พื้นที่รกร้างกว้างไกลสุดสายตาที่เห็นอยู่นี้ยังคงมีเค้าของไร่หรือสวนบางอย่างให้พอมองออก เพราะแนวคันดินที่ถูกแต่งให้เป็นแปลงและไม้ดามกิ่งพันธุ์ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างประปราย แต่ก็คงไม่มีใครเดาได้ว่าครั้งหนึ่ง ที่ดินแห่งนี้เคยสร้างพืชผลอะไรให้เจริญงอกงามและสร้างความภาคภูมิใจให้กับเจ้าของที่ดินไว้อย่างมากมายแค่ไหน เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ในมโนภาพนี้ คงมีเพียงเธอคนเดียวที่จดจำได้เพราะนอกนั้นแล้วผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ล้มหาย ก็ตายจาก หรือไม่ก็ไม่คิดว่าสถานที่แห