‘สะบันงา อิสระพงษ์’ นั่นแหละคือชื่อของฉัน
คุณคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาออกจะโบราณและค่อนข้างจะเรียบร้อยไว้ตัวใช่ไหมล่ะ...
นั่นคุณคิดผิด เพราะถ้าคุณรู้ความหมายของคำว่า ‘สะบันงา’ คุณจะมองฉันอีกแบบหนึ่ง
‘สะบันงา’ แปลว่า ‘ดอกกระดังงา’
นั่นไง... ฉันคิดถูก แค่คุณรู้ความหมาย คุณก็มองฉันด้วยสายตาอีกแบบ
คุณคิดว่าฉันต้องร้อนแรง เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นและอาจพ่วงคำว่า ‘แม่ม่าย’ ให้อีกตำแหน่ง ตรงนี้ขอบอกว่าคุณคิดถูกเพียงข้อเดียว
แต่มาเดากันว่าเรื่องอะไร หึหึหึ...
.
.
พื้นที่รกร้างกว้างไกลสุดสายตาที่เห็นอยู่นี้ยังคงมีเค้าของไร่หรือสวนบางอย่างให้พอมองออก เพราะแนวคันดินที่ถูกแต่งให้เป็นแปลงและไม้ดามกิ่งพันธุ์ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างประปราย
แต่ก็คงไม่มีใครเดาได้ว่าครั้งหนึ่ง ที่ดินแห่งนี้เคยสร้างพืชผลอะไรให้เจริญงอกงามและสร้างความภาคภูมิใจให้กับเจ้าของที่ดินไว้อย่างมากมายแค่ไหน เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ในมโนภาพนี้ คงมีเพียงเธอคนเดียวที่จดจำได้เพราะนอกนั้นแล้วผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ล้มหาย ก็ตายจาก หรือไม่ก็ไม่คิดว่าสถานที่แห่งนี้สำคัญอีกต่อไป
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีชมพูยาวกรุยกรายกำลังวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณแปลงกุหลาบ ขณะที่เหล่าคนงานกำลังช่วยกันตัดดอกกุหลาบที่สมบูรณ์เพื่อเตรียมจัดส่งไปยังร้านที่รับซื้อในตัวอำเภอ เด็กหญิงดูจะมีความสุข สังเกตได้จากใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะราวกับขบขันอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ใกล้กันนั้นชายวัยกลางคนหน้าตาละม้ายคล้ายกับเด็กหญิงกำลังก้มหลบไปมาหลังคนงาน เพื่อไม่ให้เด็กหญิงเห็น
แต่ดวงตากลมโตที่วาวขึ้นเมื่อเห็นคนเป็นพ่ออยู่ไม่ไกล และกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา ก็ทำให้ฝ่ามือน้อยๆ ต้องป้องปากกลั้นหัวเราะ เพราะเวลาจวนตัวแบบนี้ทำให้เด็กหญิงไม่รู้จะหันหนีไปทางไหน แต่เมื่อคนงานคนหนึ่งกวักมือเรียก เด็กหญิงก็ไม่รอช้า ก้มตัวลงคลานงุดๆ กับพื้นเพื่อไปหลบหลังคนงานคนนั้นให้เร็วที่สุด
เสียงหัวเราะแว่วใสกังวานไปทั้งสวน ไม่ว่าตรงจุดไหน มุมไหน เด็กหญิงตัวน้อยไม่เคยว่างเว้นที่จะไปวิ่งเล่นเพื่อเป็นกำลังใจให้กับพ่อ เป็นกำลังใจให้กับเหล่าคนงานได้ลงแรงลงใจกับกิ่งพันธุ์ดอกไม้ที่งดงาม เพื่อให้สถานที่แห่งนี้ยังคงอบอุ่นไปด้วยความรัก
“คุณหนูครับ”
ใบหน้างามของ ‘สะบันงา’ หญิงสาววัย 25 ปี ผินตามเสียงเรียก รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า ดวงตาพราวระยิบระยับมองตอบกลับมาราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสิ่งใดให้เจ้าของเรือนร่างสูงโปร่งนี้ต้องขุ่นข้องหมองใจ และน้ำเสียงตอบรับของเธอก็ยังคงกังวานใสเฉกเช่นเมื่อ 5 ปีก่อนไม่เปลี่ยนแปลง
“จ๊ะ ลุงพงษ์”
“คุณหนูแน่ใจเหรอครับ”
“และอะไรที่ทำให้ลุงคิดว่าหนูไม่แน่ใจล่ะ”
“ก็...”
“เรื่องนั้นหนูจัดการเอง ลุงทำอย่างที่หนูต้องการก็พอแล้ว”
“ครับ แค่คุณหนูกลับมา ผมก็ดีใจจนน้ำตาจะไหลอยู่แล้วครับ”
“หนูก็เหมือนกัน”
ใบหน้างามผินมองไปสุดสายตา ไม่อยากให้ความอ่อนแอและก้อนสะอื้นที่คล้ายจะปะทุขึ้นกลางหัวอก ทั้งที่ยังไม่มีน้ำตาให้เห็นสักหยดนั้นแสดงอาการออกมาให้ใครได้เห็น แค่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แค่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของที่นี่แต่เพียงผู้เดียวอย่างชอบธรรม แค่รู้ว่าต่อจากนี้เธอจะสามารถทำตามความฝันที่ตั้งใจไว้ได้อย่างเต็มที่ และสิ่งที่หวังไว้ก็มีเพียงสิ่งเดียวคือจะต้องสำเร็จเท่านั้น
เพราะเงินที่มีทั้งหมดเธอจะนำมาลงแรงลงใจเพื่อฟื้น ‘สวนอุ่นรัก’ สวนกุหลาบบนเนื้อที่ 50 ไร่นี้ให้กลับมามีชีวิตเหมือนดังเช่นเมื่อ 5 ปีก่อนให้จงได้ และไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ เธอก็จะต้องผ่านไปให้ได้
ติ๊ด... ติ๊ด...
แค่เพียงคิด อุปสรรคแรกที่เธอบอกกับ ‘ลุงพงษ์’ คนงานเก่าแก่ของพ่อว่าเธอจะจัดการเองก็เปิดเผยตัวตนจนได้ แต่เธอจะไม่ยอมแพ้หรอก
“ลุงจ๊ะ ลุงไปเตรียมที่หนูบอกเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง หนูจัดการได้ทุกเรื่อง” สะบันงาพยักพเยิดใบหน้ากับพงษ์ ว่าคนในสายนี้ไม่ใช่อื่นไกลแต่เป็นอุปสรรคยักษ์ของเธอ ซึ่งก็คือ ‘สินีนาถ’ หรือ ‘แม่’ ของเธอนั่นเอง
“คะแม่”
เสียงหวานส่งออกไปก่อนจะรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากใบหูเมื่อเสียงจากคนต้นสายนั้นคือความกราดเกรี้ยวอย่างที่สุด ซึ่งเธอก็คิดไว้อยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ก็เท่านั้นเอง
“ยัยบี! นี่แกไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยหรือไง ฉันห้ามไม่ให้แกไปยุ่งกับไอ้สวน สับปะรังเคนั่น แกไม่เชื่อฟังฉันเลยใช่ไหม! แกกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าแกยังคิดว่าฉันเป็นแม่ ยัยบี! แกได้ยินที่ฉันพูดไหม!”
สินีนาถแผดเสียงลั่นใส่โทรศัพท์เมื่อคนจากบ้าน ‘รังสีนิมิต’ โทร.มารายงานว่า ‘สะบันงา’ ลูกสาวของเธอที่เกิดจากสามีเก่าผู้ล่วงลับกำลังเดินทางไปทำสวนที่ปากช่อง ทั้งที่เธออยากให้สะบันงาขายสวนร้างนั่นทิ้งไปเสีย แล้วเอาเงินมาใช้ให้สุขสบายสมกับสิ่งที่ต้องแลกมา
สะบันงาไม่เพียงไม่ทำตาม แต่กลับรั้นจะพลิกฟื้นที่ดินรกร้างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น ‘สวนกุหลาบ’ ให้กลับฟื้นคืนมาเหมือนเดิม ทั้งที่เธออยากจะฝังอดีตอันขมขื่น แต่สะบันงากลับเลือกที่จะขุดคุ้ยมันขึ้นมาอีกครั้ง
“ได้ยินค่ะแม่ เสียงแม่ดังไปแปดกิโลแบบนี้ ถ้าบีไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้วล่ะค่ะ”สะบันงาตอบ ขณะดวงตาสวยหวานยังคงมองสำรวจดูสวนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเธออย่างชอบธรรม สองเท้าก้าวเดินไปตามทางที่ลุงพงษ์เอารถมาไถหญ้าออกไว้รอเธอมา ตั้งแต่เธอโทร.มาบอกข่าวดีให้ทราบเมื่อสัปดาห์ก่อนมือบอบบางแตะสำรวจต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง ราวกับสิ่งที่สัมผัสอยู่ตรงหน้านั้นรื่นรมย์นักทั้งที่เสียงของแม่นั้นน่าจะทำให้เธอขุ่นใจ แต่เธอกลับใจเย็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ อาจเพราะสิ่งนี้แหละที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดและสามารถประคองชีวิตตลอด 5 ปีที่ผ่านมาได้ “ยัยบี แกไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี แกรีบกลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เลยนะ หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้แกไปทำไอ้สวนบ้าๆ นั้นอีกแน่ รีบกลับมากรุงเทพฯ ส่วนที่ดินนั่นเดี๋ยวฉันจะหาคนไปซื้อเอง แกไม่ต้องห่วง ทุกบาททุกสตางค์ฉันจะให้แกทั้งหมด นี่แกได้ยินที่ฉันพูดไหม ยัยบี!” สินีนาถระงับอารมณ์ไม่อยู่เพราะเหมือนว่าเธอกำลังพูดอยู่คนเดียวเสียมากกว่า สะบันงาไม่อือไม่อาอะไรด้วยเลยสักนิด “ได้ยินค่ะแม่” เสียงเนือยๆ ไม่แสดงอารมณ์ว่าขุ่นมัว นอกจากเศร้าๆ นิดห
อิฐเป็นคนหนุ่มคิดไกล เป็นที่รักของคนงานทุกคน อิฐวางแผนสร้างรีสอร์ตในสวนกุหลาบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนและชื่นชมดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์แต่โชคชะตาอาจปรานีไม่ให้เขาต้องทนทุกข์ดิ้นรนอยู่บนโลกใบนี้อยู่นาน อิฐจึงด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุหลังจากทำเรื่องเอาที่ดินผืนนี้เข้าธนาคาร เพื่อนำเงินก้อนมาปรับปรุงสวนให้ดีขึ้นเมื่อขาดอิฐไปเสียคน โครงการก่อสร้างก็หยุดชะงัก ทำให้สินีนาถที่ขณะนั้นหย่าขาดจากอิฐได้กว่า 5 ปี ต้องเข้ามาช่วยดูแลกิจการเพราะสะบันงาเพิ่งอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 ที่กรุงเทพฯ ทั้งยังไม่รู้เรื่องงานของสวนเลยสินีนาถผู้รักความสบายไม่สามารถต่อสู้กับกลไกทางการตลาดหรือต่อสู้กับอะไรได้เลย เมื่อไม่มีผลผลิตก็ไม่มีเงินจะไปส่งดอกเบี้ยให้กับธนาคาร สินีนาถจึงเลือกที่จะหยุดทุกอย่าง ยุติกิจการที่อิฐสร้างมากับมือ เพราะที่ดินที่ปากช่องในเวลานั้นไม่ได้มีราคาเหมือนในเวลานี้ เธอจึงไม่เสียดายที่จะทิ้งไปแต่ในวันนี้ล่ะ เมื่อสะบันงายืนยันที่จะฟื้น ‘สวนอุ่นรัก’ ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่พวกเขาคิดว่าที่ดินผืนนี้เปลี่ยนมือไปแล้ว ทว่าความดีใจที่สะบันงาบอกว่าเธอยังคงเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ดังเดิมต้องมีอันชะ
สิทธิ์ตอบเพราะกุหลาบสีขาวที่สวนปริ๊นเซสมีอยู่นั้นแทบจะมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอยู่แล้ว แต่เจ้านายกลับอยากสร้างความแตกต่างที่จะทำให้ดอกกุหลาบราคา 1 บาทกว่ากลายเป็นราคา 3-5 บาท/ดอกโดยการให้คนงานคัดดอกเกรดเอ นำไปลิดใบก้านออกสักนิดหน่อยก่อนจะนำก้านแช่ในน้ำที่ผสมสีผสมอาหารสีเขียวและสีฟ้า ทิ้งไว้หนึ่งคืนให้ก้านดอกที่สมบูรณ์ดูดน้ำสีจากในกระบอกจนชุ่มดอกสีขาวบริสุทธิ์ก็จะกลายเป็นกุหลาบพันธุ์ใหม่ที่เป็นสีเขียวอ่อนและสีฟ้าอ่อน ซึ่งเป็นที่ต้องการในท้องตลาดเป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นว่ากุหลาบดอกขาวครึ่งต่อครึ่งจะถูกส่งไปเข้าโรงชุบสีทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น“งั้นไปเจรจาซื้อที่ข้างๆ ให้หน่อยสิ ถ้าคุยได้ให้ล้านหนึ่งเลยเอ้า! แต่ถ้าเขาไม่ขาย ขอเช่าก็เอา ถ้าให้เช่ามากกว่า 10 ปี จะให้ค่าเปลืองน้ำลายแสนหนึ่ง เอาไหม”ชยพลพูดพร้อมทำสีหน้าเอือมๆ ไม่ใช่เอือมเพราะสิทธิ์ที่มักมาบ่นว่าดอกกุหลาบสีขาวไม่พอส่ง แต่เอือมเมื่อนึกถึงที่ดินรกร้างที่อยู่ติดกับสวนของเขาทีไรก็ต้องเจ็บใจทุกที เพราะหลายปีมานี้ที่เขาพยายามติดต่อขอซื้อที่ดินด้านข้างเพราะต้องการขยายสวนกุหลาบให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเขาต้องการลงกุหลาบพันธุ์
“36-24-36 โอ้ว... แม่คุณเอ๋ย... ทำบุญด้วยส้มโอหรือยังไงนะ ถึงได้ใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้”ความคิดพวยพุ่งอย่างฉุดไม่อยู่ ฝ่ามือทำท่าคล้ายกะขนาดความเต็มไม้เต็มมือนั้นอย่างไม่รู้ตัว ทว่าความสัปดนที่เป็นหนึ่งในนิสัยผู้ชายเต็มตัว จำต้องถูกสั่งให้ระงับโดยเร็วที่สุด เพราะดวงตาสวยหวานปรายมองมาทางนี้เธอไม่ได้ยิ้มแต่เลือกที่จะมองผ่านเขาไปด้านหลังที่ตกแต่งเป็นโซนน้ำตกน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟและขนมเค้กเพื่อเป็นของว่าง พร้อมแจ้งกับพนักงานว่าเธอจะนั่งในบริเวณที่หมายตาไว้ใจไวเท่าความคิดและร่างกายก็สนองตอบในทันที เมื่อเธอนั่งลงยังไม่ทันจะได้หายใจ ชยพลก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปทำความรู้จัก“หากไม่รังเกียจ...”เสียงทุ้มเอ่ยออกตัวอย่างสุภาพและทิ้งจังหวะให้เธออนุญาตเมื่อเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการสนทนาด้วยดวงตาคมเข้มจ้องดอกไม้งามตรงหน้าไม่กะพริบ กลางดงกลางป่าอย่างนี้ แม้จะมีดอกไม้แวะเวียนมาให้เชยชมได้ไม่ขาด แต่ก็ไม่เคยมีดอกไหนที่เร้าหัวใจเขาจนสั่นระทึกได้เท่าดอกนี้ และในทันทีที่เธอปรายสายตาขึ้นมองเขา ชยพลก็นึกประหม่าในรูปลักษณ์ของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิตเพราะดวงตาสวยหวานที่เขารู้สึกว่ามันคมราวกับมี
“36-24-36 โอ้ว... แม่คุณเอ๋ย... ทำบุญด้วยส้มโอหรือยังไงนะ ถึงได้ใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้”ความคิดพวยพุ่งอย่างฉุดไม่อยู่ ฝ่ามือทำท่าคล้ายกะขนาดความเต็มไม้เต็มมือนั้นอย่างไม่รู้ตัว ทว่าความสัปดนที่เป็นหนึ่งในนิสัยผู้ชายเต็มตัว จำต้องถูกสั่งให้ระงับโดยเร็วที่สุด เพราะดวงตาสวยหวานปรายมองมาทางนี้เธอไม่ได้ยิ้มแต่เลือกที่จะมองผ่านเขาไปด้านหลังที่ตกแต่งเป็นโซนน้ำตกน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟและขนมเค้กเพื่อเป็นของว่าง พร้อมแจ้งกับพนักงานว่าเธอจะนั่งในบริเวณที่หมายตาไว้ใจไวเท่าความคิดและร่างกายก็สนองตอบในทันที เมื่อเธอนั่งลงยังไม่ทันจะได้หายใจ ชยพลก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปทำความรู้จัก“หากไม่รังเกียจ...”เสียงทุ้มเอ่ยออกตัวอย่างสุภาพและทิ้งจังหวะให้เธออนุญาตเมื่อเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการสนทนาด้วยดวงตาคมเข้มจ้องดอกไม้งามตรงหน้าไม่กะพริบ กลางดงกลางป่าอย่างนี้ แม้จะมีดอกไม้แวะเวียนมาให้เชยชมได้ไม่ขาด แต่ก็ไม่เคยมีดอกไหนที่เร้าหัวใจเขาจนสั่นระทึกได้เท่าดอกนี้ และในทันทีที่เธอปรายสายตาขึ้นมองเขา ชยพลก็นึกประหม่าในรูปลักษณ์ของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิตเพราะดวงตาสวยหวานที่เขารู้สึกว่ามันคมราวกับมี
สิทธิ์ตอบเพราะกุหลาบสีขาวที่สวนปริ๊นเซสมีอยู่นั้นแทบจะมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอยู่แล้ว แต่เจ้านายกลับอยากสร้างความแตกต่างที่จะทำให้ดอกกุหลาบราคา 1 บาทกว่ากลายเป็นราคา 3-5 บาท/ดอกโดยการให้คนงานคัดดอกเกรดเอ นำไปลิดใบก้านออกสักนิดหน่อยก่อนจะนำก้านแช่ในน้ำที่ผสมสีผสมอาหารสีเขียวและสีฟ้า ทิ้งไว้หนึ่งคืนให้ก้านดอกที่สมบูรณ์ดูดน้ำสีจากในกระบอกจนชุ่มดอกสีขาวบริสุทธิ์ก็จะกลายเป็นกุหลาบพันธุ์ใหม่ที่เป็นสีเขียวอ่อนและสีฟ้าอ่อน ซึ่งเป็นที่ต้องการในท้องตลาดเป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นว่ากุหลาบดอกขาวครึ่งต่อครึ่งจะถูกส่งไปเข้าโรงชุบสีทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น“งั้นไปเจรจาซื้อที่ข้างๆ ให้หน่อยสิ ถ้าคุยได้ให้ล้านหนึ่งเลยเอ้า! แต่ถ้าเขาไม่ขาย ขอเช่าก็เอา ถ้าให้เช่ามากกว่า 10 ปี จะให้ค่าเปลืองน้ำลายแสนหนึ่ง เอาไหม”ชยพลพูดพร้อมทำสีหน้าเอือมๆ ไม่ใช่เอือมเพราะสิทธิ์ที่มักมาบ่นว่าดอกกุหลาบสีขาวไม่พอส่ง แต่เอือมเมื่อนึกถึงที่ดินรกร้างที่อยู่ติดกับสวนของเขาทีไรก็ต้องเจ็บใจทุกที เพราะหลายปีมานี้ที่เขาพยายามติดต่อขอซื้อที่ดินด้านข้างเพราะต้องการขยายสวนกุหลาบให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเขาต้องการลงกุหลาบพันธุ์
อิฐเป็นคนหนุ่มคิดไกล เป็นที่รักของคนงานทุกคน อิฐวางแผนสร้างรีสอร์ตในสวนกุหลาบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนและชื่นชมดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์แต่โชคชะตาอาจปรานีไม่ให้เขาต้องทนทุกข์ดิ้นรนอยู่บนโลกใบนี้อยู่นาน อิฐจึงด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุหลังจากทำเรื่องเอาที่ดินผืนนี้เข้าธนาคาร เพื่อนำเงินก้อนมาปรับปรุงสวนให้ดีขึ้นเมื่อขาดอิฐไปเสียคน โครงการก่อสร้างก็หยุดชะงัก ทำให้สินีนาถที่ขณะนั้นหย่าขาดจากอิฐได้กว่า 5 ปี ต้องเข้ามาช่วยดูแลกิจการเพราะสะบันงาเพิ่งอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 ที่กรุงเทพฯ ทั้งยังไม่รู้เรื่องงานของสวนเลยสินีนาถผู้รักความสบายไม่สามารถต่อสู้กับกลไกทางการตลาดหรือต่อสู้กับอะไรได้เลย เมื่อไม่มีผลผลิตก็ไม่มีเงินจะไปส่งดอกเบี้ยให้กับธนาคาร สินีนาถจึงเลือกที่จะหยุดทุกอย่าง ยุติกิจการที่อิฐสร้างมากับมือ เพราะที่ดินที่ปากช่องในเวลานั้นไม่ได้มีราคาเหมือนในเวลานี้ เธอจึงไม่เสียดายที่จะทิ้งไปแต่ในวันนี้ล่ะ เมื่อสะบันงายืนยันที่จะฟื้น ‘สวนอุ่นรัก’ ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่พวกเขาคิดว่าที่ดินผืนนี้เปลี่ยนมือไปแล้ว ทว่าความดีใจที่สะบันงาบอกว่าเธอยังคงเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ดังเดิมต้องมีอันชะ
“ได้ยินค่ะแม่ เสียงแม่ดังไปแปดกิโลแบบนี้ ถ้าบีไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้วล่ะค่ะ”สะบันงาตอบ ขณะดวงตาสวยหวานยังคงมองสำรวจดูสวนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเธออย่างชอบธรรม สองเท้าก้าวเดินไปตามทางที่ลุงพงษ์เอารถมาไถหญ้าออกไว้รอเธอมา ตั้งแต่เธอโทร.มาบอกข่าวดีให้ทราบเมื่อสัปดาห์ก่อนมือบอบบางแตะสำรวจต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง ราวกับสิ่งที่สัมผัสอยู่ตรงหน้านั้นรื่นรมย์นักทั้งที่เสียงของแม่นั้นน่าจะทำให้เธอขุ่นใจ แต่เธอกลับใจเย็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ อาจเพราะสิ่งนี้แหละที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดและสามารถประคองชีวิตตลอด 5 ปีที่ผ่านมาได้ “ยัยบี แกไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี แกรีบกลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เลยนะ หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้แกไปทำไอ้สวนบ้าๆ นั้นอีกแน่ รีบกลับมากรุงเทพฯ ส่วนที่ดินนั่นเดี๋ยวฉันจะหาคนไปซื้อเอง แกไม่ต้องห่วง ทุกบาททุกสตางค์ฉันจะให้แกทั้งหมด นี่แกได้ยินที่ฉันพูดไหม ยัยบี!” สินีนาถระงับอารมณ์ไม่อยู่เพราะเหมือนว่าเธอกำลังพูดอยู่คนเดียวเสียมากกว่า สะบันงาไม่อือไม่อาอะไรด้วยเลยสักนิด “ได้ยินค่ะแม่” เสียงเนือยๆ ไม่แสดงอารมณ์ว่าขุ่นมัว นอกจากเศร้าๆ นิดห
‘สะบันงา อิสระพงษ์’ นั่นแหละคือชื่อของฉันคุณคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาออกจะโบราณและค่อนข้างจะเรียบร้อยไว้ตัวใช่ไหมล่ะ...นั่นคุณคิดผิด เพราะถ้าคุณรู้ความหมายของคำว่า ‘สะบันงา’ คุณจะมองฉันอีกแบบหนึ่ง ‘สะบันงา’ แปลว่า ‘ดอกกระดังงา’ นั่นไง... ฉันคิดถูก แค่คุณรู้ความหมาย คุณก็มองฉันด้วยสายตาอีกแบบ คุณคิดว่าฉันต้องร้อนแรง เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นและอาจพ่วงคำว่า ‘แม่ม่าย’ ให้อีกตำแหน่ง ตรงนี้ขอบอกว่าคุณคิดถูกเพียงข้อเดียว แต่มาเดากันว่าเรื่องอะไร หึหึหึ... .. พื้นที่รกร้างกว้างไกลสุดสายตาที่เห็นอยู่นี้ยังคงมีเค้าของไร่หรือสวนบางอย่างให้พอมองออก เพราะแนวคันดินที่ถูกแต่งให้เป็นแปลงและไม้ดามกิ่งพันธุ์ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างประปราย แต่ก็คงไม่มีใครเดาได้ว่าครั้งหนึ่ง ที่ดินแห่งนี้เคยสร้างพืชผลอะไรให้เจริญงอกงามและสร้างความภาคภูมิใจให้กับเจ้าของที่ดินไว้อย่างมากมายแค่ไหน เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ในมโนภาพนี้ คงมีเพียงเธอคนเดียวที่จดจำได้เพราะนอกนั้นแล้วผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ล้มหาย ก็ตายจาก หรือไม่ก็ไม่คิดว่าสถานที่แห