ในขณะที่เดินๆ อยู่ แอนนาก็พูดขึ้น “อื้อนี่พวกแก วันก่อนฉันไปดื่มมา….”
“ไม่ชวน” ใบข้าวรีบขัดทันที “ฉันก็ไปอ่อยผู้ไหมละ แกไปด้วยก็อดสิยัยข้าว” “แล้วได้ผู้ไหมคะ” ใบข้าวถามต่อ “ได้สิ! ขอบอกว่าหล่อมากค่ะ วันนี้เขาชวนฉันไปดื่มด้วย คืนนี้แหละฉันต้องได้กินเขาแน่ๆ” “เล่ามายาวเหยียดสรุปยังไม่ได้กิน ?” ใบข้าวพูดขัดแอนนาอีกครั้ง “เออค่ะ! คืนนี้ไม่พลาดแน่ เพื่อเป็นการฉลองที่ฉันจะได้ผู้หล่อ ฉันก็เลยจะชวนพวกแกไปด้วย ^_^” “ไปค่ะ ฉันไปแน่นอน” ใบข้าวตอบตกลงเป็นคนแรก “ไนท์ว่าไงอย่าเงียบค่ะ สายตี้แบบนายไม่พลาดอยู่แล้วชะ ?” แอนนาถาม “เออๆ ไปอยู่แล้ว” “คนสุดท้าย แก!! ยัยน้ำมนต์ลูกคุณหนูของกลุ่มเรา ว่าไงคะจะไปหรือเปล่า” “ฉัน….” “เอาจริง คือแกปฏิเสธตลอดเลยนะ ครั้งนี้ก็ไปด้วยกันไม่ได้หรือไง” ฉันยังไม่ได้ตอบอะไรแอนนาก็พูดขัดขึ้นมา เพราะฉันไม่ค่อยจะไปดื่มกับเพื่อนตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล่ว “ฉันก็กำลังจะตอบตกลงอยู่นี่ไงเล่า” การตอบตกลงของฉันทำให้เพื่อนทั้งสามคนถึงกับหันมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหู “หูฝาดเปล่าวะเนี่ย” ไนท์พูด “น้ำมนต์อารมณ์ไหนของแกเนี่ย ปกติแกไม่เคยจะไปกับพวกฉัน” “ฉันก็อยากไปดื่มบ้างไม่ได้หรือไง” ฉันตอบและอดยิ้มให้กับท่าทางของเพื่อนไม่ได้หลักจากเลิกเรียนฉันกลับมาที่บ้าน ขออนุญาตพ่อกับแม่ว่าจะไปคลับ ซึ่งพ่อกับแม่ก็อนุญาต ฉันจึงเก็บเสื้อผ้าเพราะจะไปแต่งตัวที่ห้องของใบข้าว
ที่ฉันตัดสินใจไปคลับกับเพื่อนก็เพราะว่าอยากจะไปเปิดหูเปิดตา อยากเห็นอะไรที่มันแปลกใหม่ไม่จำเจ เผื่อจะทำให้ฉันลืมเรื่องนั้นได้บ้างฉันมาหาใบข้าวที่ห้องนั่งคุยเล่นกันพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะเดี๋ยวแอนนาจะมารับแล้ว
“น้ำมนต์นั่นแกแต่งตัวจะไปคลับหรือจะไปวัด?” พอใบข้าวเห็นชุดที่ฉันใส่ก็ท้วงขึ้นมาทันที ฉันใส่เสื้อแขนยาวลายหมีพูแล้วก็กางเกงยีน เพราะแต่งตัวไม่เป็น ต่างกับใบข้าวที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูป “สาบานเลยถ้าแกแต่งตัวแบบนี้ฉันไม่ให้นั่งโต๊ะด้วยแน่ๆ” “ฉันเอามาแค่ชุดเดียว จะกลับไปเอาชุดที่บ้านก็เสียเวลาพวกแกอีก” “มานี่ ใส่ชุดฉันก็ได้” ไม่พูดเปล่าใบข้าวพาฉันเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง จากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้าเลือกหาชุดให้ฉัน เมื่อได้ชุดที่ถูกใจแล้วก็ไล่ให้ฉันมาเปลี่ยนชุด “บะ ใบข้าว ฉันว่าชุดนี้มันโป๊ไปนะ” ฉันค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างเขินอาย เพราะชุดที่ใส่ทั้งสั้นและโชว์ผิวเนื้อมากจนเกินไป “สวยมากค่ะเพื่อน มาๆ เดี๋ยวฉันแต่งหน้าให้” ใบข้าวไม่ได้ฟังที่ฉันบอกเลย พอฉันเดินออกมาจากห้องน้ำก็รีบจับฉันมานั่งที่โต๊ะเพื่อแต่งหน้า “ข้าวฉันว่ามันโป๊ไปจริงๆ นะ” “เอาน่า นานๆ ทีแกจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตา โชว์บ้างนิดหน่อยจะเป็นไรไป” ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ เอาก็เอา นานๆ ทีจะได้ทำอะไรแบบนี้ ลองดูสักครั้งก็ไม่เห็นจะเป็นไรหนิิ หลังจากแต่งหน้าเสร็จตอนนี้ฉันกำลังยืนมองกระจกและตกตะลึงกับตัวเองอยู่ มันเหมือนไม่ใช่ฉันเลย ชุดที่ใส่และการแต่งหน้าทำให้ฉันรู้สึกแปลกตากับตัวเองเอามากๆ แอนนาโทรมาบอกว่าตอนนี้มาถึงแล้วจอดรถรอที่ด้านล่างคอนโด ฉันกับใบข้างจึงรีบลงมาจากห้อง พอมาถึงที่รถก็โดนทั้งไนท์และแอนนาแซวเรื่องชุดที่ใส่จนฉันเขินอายหน้าแดงเถือกไปหมด#คลับ
“แอนนา ผู้ชายของแกอยู่ที่ไหน” “เขาโทรมาบอกว่านั่งรออยู่ที่โต๊ะวีไอพี ถ้ามาถึงให้บอกการ์ดหน้าร้านว่ามาหานายใหญ่ เดี๋ยวการ์ดจะพาไปที่โต๊ะ” “หู้ย! เริสนะผู้แกน่ะ เขาชื่ออะไรหรอ” “ไม่รู้ ฉันลืมถามชื่อเขา” “ได้ไง! วันนี้แกจะจับเขากินยังไม่ถามชื่ออีกหรอ” “เออน่า เข้าไปในคลับกันก่อน” ฉันสี่คนพากันเดินมาที่หน้าคลับ แอนนาบอกการ์ดตามที่ว่าไว้ จากนั้นผู้ชายร่างใหญ่ที่เป็นการ์ดก็พาเราเดินเข้ามาในคลับ บรรยากาศข้างในคลับค่อนข้างทึบและมีกลิ่นอับ ไฟที่มีก็เป็นแสงจากไฟเท็กทั้งนั้น ฉันที่กลัวว่าจะหลงกับเพื่อนๆ จึงจับมือไนท์ไว้ ยิ่งใส่ส้นสูงอยู่ด้วยมันยิ่งเดินลำบากในที่มืดๆ แบบนี้ เดินมาไม่นานก็มาถึงที่โต๊ะ ซึ่งมีผู้ชายนั่งรออยู่ เมื่อได้เห็นหน้าชัดๆ ขาของฉันมันก็แข็งทื่อ ตัวเริ่มชา เพราะคนที่นั่งรอที่โต๊ะคือ ‘พี่ติณ’ ปะ เป็นเขาได้ยังไง พี่ติณคือผู้ชายที่แอนนาพูดถึงอย่างนั้นหรอ “เอ้า! ยัยน้ำมนต์รีบๆ เดินมาสิ” เสียงของแอนนาเรียกชื่อฉัน ทำให้พี่ติณที่ก้มหน้าอยู่เงนหน้าขึ้นมามอง เราสองคนจึงได้สบตากันโดยบังเอิญ “เป็นอะไรหรือเปล่า” ไนท์ถามฉันเพราะเห็นว่าฉันเงียบไป ฉันจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “เปล่าไม่เป็นอะไร” พี่ติณมองฉันครู่หนึ่ง เขาทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากนั้นก็เบือนหน้าหนี “รอนานหรือเปล่าคะ” แอนนาเดินไปนั่งข้างๆ กับพี่ติณแล้วถามอย่างออดอ้อน ส่วนฉันใบข้าวแล้วก็ไนท์ก็เดินมานั่งที่ฝั่งตรงข้าม มันบ้าที่สุด! ทั้งที่ฉันตั้งใจมาที่คลับเพราะอยากจะลืมเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้น แต่กลับได้มาเจอกับผู้ชายที่ฝากรอยแผลไว้กับตัวเองแบบนี้ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันก็แย่มากพอแล้ว ยิ่งได้มาเจอกันอีกครั้งมันยิ่งทำให้เรื่องราววันนั้นย้อนกลับมาในหัวของฉันอีกครั้ง “นี่ใบข้าว ไนท์ แล้วก็น้ำมนต์ เพื่อนของแอนนาเองค่ะ” แอนนาแนะนำพวกฉันให้พี่ติณรู้จัก แต่สายตาของพี่ติณกลับเอาแต่จ้องมองใบหน้าของฉัน จนฉันต้องก้มหน้าหลบสายตาเย็นยะเยือกคู่นั้น“ยัยน้ำมนต์เป็นไรนั่งตัวแข็งทื่อเชียว” ใบข้าวที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามฉัน “ฉะ ฉันหนาวน่ะ”“ใส่ชุดมาออกจะเซ็กซี่ถ้าฉันไม่เห็นแกเต้น จะงอนคอยดูเถอะ”“แกจะบ้าหรอ ฉันเต้นไม่เป็น” ระหว่างที่ฉันคุยกับใบข้าวอยู่พนักงานของคลับก็ชงเหล้ามาให้ พอแก้วมาวางตรงหน้ายัยข้าวก็หยิบแก้วขึ้นมาแล้วก็ยกแขนขึ้นสูง “วันนี้เป็นวันดี เพื่อนของเราจะมีผัวแล้ว มาดื่มฉลองให้กับแอนนาหน่อยเร็ว” “แกก็พูดอะไรออกมาน่ะ ฉันกับเขาก็แค่มาดื่มด้วยกัน” แอนนารีบพูดแก้ต่าง “ค่า! อยู่มหาวิทยาลัยพูดว่าอะไรน้า…”“ยัยข้าว!! แกหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ” “มาจ้ะชนแก้ว” ข้าวยื่นแก้วไปชนกับแอนนา จากนั้นก็หันมามองฉัน “น้ำมนต์จ้ะ มาชนแก้วจ้ะแกต้องหมดแก้วเลยนะ” ไม่ต้องรอให้ฉันยกแก้วขึ้นใบข้าวเธอเอาแก้วมาชนแล้วก็บอกไนท์ต่อ “ฉันไม่ชนแก้วกับนายหรอกนะ ไอ้ไนท์!”“ใครอยากจะชนแก้วกับเธอ ยัยจอแบน” “กรี๊ดดด! ไอ้ไนท์ไอ้ปากหมา นมฉันออกจะใหญ่โตขนาดนี้” “พอเลยเลิกเถียงกันได้แล้ว เกรงใจผู้ชายของเพื่อนบ้างสิ” ฉันบอกใบข้าวกับไนท์ ที่ต้องพูดว่าผู้ชายของเพื่อนก็เพราะถ้าพูดชื่อออกไป เพื่อนของฉันจะพากันสงสัยว่าฉันรู้จักพี่ติณได้ยังไง ตอนนี้พี่ติณเงียบไม
ขอบคุณโชคชตาที่ทำให้ฉันได้เจอเขาอีกครั้ง แต่ไม่คิดว่าการกลับมาเจอกันอีกครั้งของเรามันจะทำให้ฉันเจ็บปวด ผู้ชายตรงหน้าเขาไม่ใช่พี่ชายที่แสนดีของฉันอีกต่อไป Talk น้ำมนต์“ในที่สุดหนูก็ได้เจอพี่ติณสักที ^_^” ฉันยิ้มออกมาอย่างดีใจที่เจอกับผู้ชายที่ตัวเองตามหามาตลอด ตอนนี้เขาได้ยืนอยู่ตรงหน้าของฉันแล้ว ต้องขอบคุณรินที่ทำให้ฉันได้เจอกับพี่ติณอีกครั้ง เพราะฉันเคยถามกับเฮียเหนือ เฮียก็ไม่ยอมบอกว่าพี่ติณอยู่ที่ไหน แต่สีหน้าของพี่ติณนั้นไม่ได้ยินดีเลยที่เห็นฉัน เขากลับมองฉันสวยสายตาที่แสนจะเย็นชา “ไสหัวกลับไปซะ!!” พี่ติณประกาศเสียงกร้าวไม่ได้คิดจะรับฟังอะไรทั้งนั้น พูดจบเขาก็ทำท่าจะเดินหนี ฉันจึงต้องรีบวิ่งไปดักหน้าเอาไว้ “เชื่อหนูนะคะเรื่องนั้นมันคืออุบัติเหตุ” ฉันพยายามจะอธิบายถึงเรื่องราวในวันนั้นที่พ่อเล่าให้ฟัง เพราะรู้ว่าพี่ติณเป็นแบบนี้เพราะเรื่องอะไร เรื่องการสูญเสียไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เหตุการณ์นั้นพ่อของฉันเองก็เสียใจที่ไม่สามารถช่วยชีวิตพ่อของพี่ติณได้ และพ่อก็โทษตัวเองจนถึงทุกวันนี้ แต่พี่ติณกลับไม่ได้คิดแบบนั้นเขาคิดว่าพ่อของฉันและพ่อของเฮียเหนือวางแผนกันฆ่าพ่อของตัวเ
ในตอนแรกมันรู้สึกกลัวกับคำพูดของพี่ติณ แต่มันกลับมีอีกหนึ่งความคิดผุดเข้ามาในหัว ถ้าหากฉันทำให้พี่ติณละทิ้งความแค้นทั้งหมดได้ ฉันก็จะทำ ถึงแม้พี่ติณจะไม่ยอมละทิ้งความแค้น แต่ถ้าเขารับปากว่าจะปล่อยรินไปจะเลิกหาเรื่องเฮียเหนือ ฉันก็ยอม “พี่ติณถามหนูว่ามีอะไรมาแลก ต้องการแบบนั้นจริงๆ หรอคะ” “หึ! ถามทำไม เธอกล้าแลกหรือไง” “แล้วถ้าหนูบอกว่ายอมแลกละคะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามต่อ “พี่ติณจะยอมปล่อยรินไป จะเลิกหาเรื่องเฮียเหนือใช่ไหมคะ” “เธอยอม ?” “…ตอบหนูมาสิคะ” “เพราะอะไรถึงยอม ?” พี่ติณไม่ยอมตอบและตั้งคำถามกับฉัน“เพราะเรื่องความแค้นของพี่ติณกับเฮียมันควรจะจบได้แล้วไงคะ” ถึงฉันจะไม่ได้เจอพี่ติณเลยตลอดเวลาหลายปีมานี้ แต่ฉันก็พอรู้อยู่บ้างว่าพี่ติณพยายามหาเรื่องเฮียเหนือมาตลอด “หึ! พูดง่ายดี ลองให้คนที่ตายเป็นพ่อของเธอดูไหม” “…….” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนห้อเลือด แววตาคู่นั้นของพี่ติณ เขาไม่ใช่คนเดิม ไม่ใช่พี่ชายที่อบอุ่นของฉันแล้วจริงๆ พี่ติณก้าวขาเดินหน้า ทำให้ฉันต้องถอยหลังไปทีละก้าวๆ จนกระทั่งขามันชนเข้ากับขอบของโซฟา “คิดว่าร่างกายของเธอมันจะลบล้างความผิดที่พ่อเธอกับพ่
“ฉันตกลงทำตามที่เธอเสนอ” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้พี่ติณเปลี่ยนใจ ทั้งที่ฉันบอกว่าจะไม่ยอมแลกแล้ว พอเอาเข้าจริงๆ เขาก็มาพูดแบบนี้ มันทำให้ฉันต้องคิดอีกครั้ง “จะเลิกยุ่งกับเฮียเหนือแล้วปล่อยให้รินเป็นอิสระใช่ไหมคะ” “อืม” “ทำแบบนั้นกับหนูลงจริงๆ หรอคะ” ฉันรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขี้น ถึงจะบริสุทธิ์อยู่แต่ฉันไม่ได้ได้ใสซื่อขนาดที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง “เธอยอมอ้าขาให้ขนาดนี้ ฉันคงไม่ปฏิเสธ” “พี่ติณไม่หลอกหนูใช่ไหม” ยอมรับว่าฉันยังลังเล เพราะคำก่อนหน้านี้ที่พี่ติณบอกไว้ ยังไม่ได้คำตอบพี่ติณก็ก้มหน้าลงมากดจูบลงบนริมฝีปากของฉันอีกครั้ง เขาบดขยี้จูบอย่างหนักหน่วงทำให้ฉันแทบจะหายใจไม่ทัน จึงต้องรีบผลักเขาออก “ไหนบอกว่าจะแลก ?” ใบหน้าคมคายเริ่มหงุดหงิดเมื่อฉันผลักตัวเองออก “แต่พี่ติณยังไม่ได้ตอบคำถามของหนู” “ก็ตามนั้น…” ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ในขณะที่พี่ติณโน้มใบหน้าลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอ ฉันกำลังทบทวนว่าเลือกทำแบบนี้มันสมควรหรือเปล่า ฉันจะมาเสียใจทีหลังหรือเปล่า เพราะผู้ชายคนนี้คือพี่ชายที่ฉันรักมากๆ มาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าฉันจะเคยคิดมากกว่าคำว่าพี่ชาย
“นั่นแกกำลังทำอะไร” เสียงผู้ชายดังขึ้นมา ฉันจึงรีบผลักตัวพี่ติณออกแล้วรีบดึงเสื้อของตัวเองลงด้วยความตกใจสุดขีด พี่ติณพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นหันไปมองทางต้นเสียง คนที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกคืออากิตติ เป็นอาของพี่ติณฉันจำได้ เพราะเคยเจอกันบ่อยๆ ในตอนที่ครอบครัวของเรายังไม่มีปัญหากัน “แกก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของใคร” อากิตติท้วงขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ “ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้!!”“เพราะรู้ ผมถึงทำ” “…….” ฉันยืนนิ่งเมื่อได้ฟังคำตอบของพี่ติณมันก็รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจอย่างบอกไม่ถูก “พาเธอขึ้นไปที่ห้อง” พี่ติณสั่งลูกน้องของตัวเองที่เพิ่งเดินมา ฉันถูกพาตัวขึ้นมาบนชั้นสองของบ้านในทันที เลยไม่รู้ว่าพี่ติณกับคุณอาของเขาคุยเรื่องอะไรกัน #ภายในห้องภายในห้องถูกจัดเป็นโทรสีดำทั้งหมด ฉันจึงรู้ได้ทันทีว่านี่คือห้องนอนของพี่ติณ เพราะเขาชอบตกแต่งห้องนอนของตัวเองเป็นโทรสีดำแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรฉันนั่งลงบนเตียงพร้อมกับถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า มันยังคงรู้สึกกลัวกับสิ่งที่ต้องเจอต่อจากนี้ แต่ฉันก็ตัดสินใจไปแล้ว และคงไม่เปลี่ยนใจแกร็ก~ ในขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน ประตู
ฉันรีบขับรถออกมาจากบ้านของพี่ติณ เมื่อขับมาได้กลางทางก็ต้องจอดรถเพื่อร้องไห้ เพราะมันอดกลั้นไม่ไหวอีกแล้ว “อึก~” ฉันฟุบหน้าลงบนพวงมาลัยรถ จากนั้นก็ร้องไห้ออกมาจนตัวเกร็ง รู้อยู่แล้วว่าพี่ติณเปลี่ยนไป เขาไม่ใช่พี่ชายที่อบอุ่นคนเดิมที่เคยรู้จัก แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ทั้งสายตาที่ดุร้าย น้ำเสียงที่อำมหิต ท่าทางที่เย็นชา เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆและฉันก็เพิ่งทำอะไรบ้าๆ ลงไป ด้วยการยอมมีอะไรกับเขาเพื่อข้อแลกเปลี่ยน มันเสียใจในหลายๆ อย่างจนฉันไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ที่ฉันตามหาพี่ติณมาตลอด ที่มาหาเขาที่บ้านในวันนี้ก็เพราะคิดว่าหากเขาเจอหน้าฉัน เขาอาจจะใจเย็นและยอมเปิดใจรับฟังอะไรที่เข้าใจผิด แต่เปล่าเลย พี่ติณไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น #บ้าน ฉันใช้เวลานานนับชั่วโมงขับรถมาที่บ้าน ที่นานก็เพราะว่าจอดรถร้องไห้อยู่สองครั้ง และตอนนี้มันก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ “ทำไมเพิ่งกลับบ้านเอาป่านนี้ ไปไหนมาพ่อโทรหาก็ไม่รับสาย” เสียงของพ่อท้วงขึ้นเมื่อฉันเดินเข้ามาภายในบ้าน ฉันจึงรีบก้มหน้าลงทันทีเพราะกลัวว่าพ่อจะเห็นดวงตาที่มันบวมเปล่งเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มา “เป็นอะไรพ่อถามทำไม
“ยัยน้ำมนต์เป็นไรนั่งตัวแข็งทื่อเชียว” ใบข้าวที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามฉัน “ฉะ ฉันหนาวน่ะ”“ใส่ชุดมาออกจะเซ็กซี่ถ้าฉันไม่เห็นแกเต้น จะงอนคอยดูเถอะ”“แกจะบ้าหรอ ฉันเต้นไม่เป็น” ระหว่างที่ฉันคุยกับใบข้าวอยู่พนักงานของคลับก็ชงเหล้ามาให้ พอแก้วมาวางตรงหน้ายัยข้าวก็หยิบแก้วขึ้นมาแล้วก็ยกแขนขึ้นสูง “วันนี้เป็นวันดี เพื่อนของเราจะมีผัวแล้ว มาดื่มฉลองให้กับแอนนาหน่อยเร็ว” “แกก็พูดอะไรออกมาน่ะ ฉันกับเขาก็แค่มาดื่มด้วยกัน” แอนนารีบพูดแก้ต่าง “ค่า! อยู่มหาวิทยาลัยพูดว่าอะไรน้า…”“ยัยข้าว!! แกหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ” “มาจ้ะชนแก้ว” ข้าวยื่นแก้วไปชนกับแอนนา จากนั้นก็หันมามองฉัน “น้ำมนต์จ้ะ มาชนแก้วจ้ะแกต้องหมดแก้วเลยนะ” ไม่ต้องรอให้ฉันยกแก้วขึ้นใบข้าวเธอเอาแก้วมาชนแล้วก็บอกไนท์ต่อ “ฉันไม่ชนแก้วกับนายหรอกนะ ไอ้ไนท์!”“ใครอยากจะชนแก้วกับเธอ ยัยจอแบน” “กรี๊ดดด! ไอ้ไนท์ไอ้ปากหมา นมฉันออกจะใหญ่โตขนาดนี้” “พอเลยเลิกเถียงกันได้แล้ว เกรงใจผู้ชายของเพื่อนบ้างสิ” ฉันบอกใบข้าวกับไนท์ ที่ต้องพูดว่าผู้ชายของเพื่อนก็เพราะถ้าพูดชื่อออกไป เพื่อนของฉันจะพากันสงสัยว่าฉันรู้จักพี่ติณได้ยังไง ตอนนี้พี่ติณเงียบไม
1 เดือนผ่านไป เป็นหนึ่งเดือนที่ฉันพยายามจะลืมเรื่องราวในวันนั้น แต่มันก็ยากเหลือเกิน เพราะทุกครั้งที่หลับตาก็มักจะคิดถึงเหตุการณ์นั้น ไม่รู้เมื่อไหร่จะลืมได้สักที แต่ก็ยังดีที่พี่ติณรักษาคำพูด เขาไม่ไประรานเฮียเหนือกับรินอีก ฉันเองก็ไม่ได้โผล่หน้าไปให้เขาเห็นอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็จะบอกกับตัวเองว่าอย่าตามหาเขาอีก “น้ำมนต์คิดอะไรอยู่ได้เวลาไปเรียนแล้วนะ” เสียงแอนนาเพื่อนของฉันท้วงขึ้นในขณะที่ฉันกำลังนั่งเหม่ออยู่ ตอนนี้ฉันอยู่ที่มหาวิทยาลัยเพิ่งจะเปิดเทอมเมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนนี้ฉันเรียนคณะบริหารอยู่ปีสี่แล้วแหละ “แล้วไนท์กับใบข้าวล่ะ” ฉันถามหาเพื่อนอีกสองคนเพราะยังไม่เห็นหน้าเลย ไนท์คือเพื่อนผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม เพราะเพื่อนของเขานั้นเรียนมหาวิทยาลัยอื่นกันหมด ไม่รู้ไปไงมาไงรู้ตัวอีกทีก็สนิทกันมาจนถึงปีสี่แล้ว ส่วนใบข้าวคือเพื่อนที่ฉันสนิทมากที่สุด ถึงชื่อจะออกไปทางใสซื่อแต่เธอก็ค่อนข้างปากจัดใช้ได้เลยแหละ แถมยังฮ๊อตมากๆ อีกด้วย “สองคนนั้นคงมาสายตามเคยนั่นแหละแกยังไม่ชินหรือไงอยู่กันมาจนถึงปีสี่แล้วนะ” สิ้นสุดเสียงของแอนนา ไนท์กับใบข้าวก็เดินมาพอดี “ทำไ
ฉันรีบขับรถออกมาจากบ้านของพี่ติณ เมื่อขับมาได้กลางทางก็ต้องจอดรถเพื่อร้องไห้ เพราะมันอดกลั้นไม่ไหวอีกแล้ว “อึก~” ฉันฟุบหน้าลงบนพวงมาลัยรถ จากนั้นก็ร้องไห้ออกมาจนตัวเกร็ง รู้อยู่แล้วว่าพี่ติณเปลี่ยนไป เขาไม่ใช่พี่ชายที่อบอุ่นคนเดิมที่เคยรู้จัก แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ทั้งสายตาที่ดุร้าย น้ำเสียงที่อำมหิต ท่าทางที่เย็นชา เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆและฉันก็เพิ่งทำอะไรบ้าๆ ลงไป ด้วยการยอมมีอะไรกับเขาเพื่อข้อแลกเปลี่ยน มันเสียใจในหลายๆ อย่างจนฉันไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ที่ฉันตามหาพี่ติณมาตลอด ที่มาหาเขาที่บ้านในวันนี้ก็เพราะคิดว่าหากเขาเจอหน้าฉัน เขาอาจจะใจเย็นและยอมเปิดใจรับฟังอะไรที่เข้าใจผิด แต่เปล่าเลย พี่ติณไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น #บ้าน ฉันใช้เวลานานนับชั่วโมงขับรถมาที่บ้าน ที่นานก็เพราะว่าจอดรถร้องไห้อยู่สองครั้ง และตอนนี้มันก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ “ทำไมเพิ่งกลับบ้านเอาป่านนี้ ไปไหนมาพ่อโทรหาก็ไม่รับสาย” เสียงของพ่อท้วงขึ้นเมื่อฉันเดินเข้ามาภายในบ้าน ฉันจึงรีบก้มหน้าลงทันทีเพราะกลัวว่าพ่อจะเห็นดวงตาที่มันบวมเปล่งเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มา “เป็นอะไรพ่อถามทำไม
“นั่นแกกำลังทำอะไร” เสียงผู้ชายดังขึ้นมา ฉันจึงรีบผลักตัวพี่ติณออกแล้วรีบดึงเสื้อของตัวเองลงด้วยความตกใจสุดขีด พี่ติณพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นหันไปมองทางต้นเสียง คนที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกคืออากิตติ เป็นอาของพี่ติณฉันจำได้ เพราะเคยเจอกันบ่อยๆ ในตอนที่ครอบครัวของเรายังไม่มีปัญหากัน “แกก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของใคร” อากิตติท้วงขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ “ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้!!”“เพราะรู้ ผมถึงทำ” “…….” ฉันยืนนิ่งเมื่อได้ฟังคำตอบของพี่ติณมันก็รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจอย่างบอกไม่ถูก “พาเธอขึ้นไปที่ห้อง” พี่ติณสั่งลูกน้องของตัวเองที่เพิ่งเดินมา ฉันถูกพาตัวขึ้นมาบนชั้นสองของบ้านในทันที เลยไม่รู้ว่าพี่ติณกับคุณอาของเขาคุยเรื่องอะไรกัน #ภายในห้องภายในห้องถูกจัดเป็นโทรสีดำทั้งหมด ฉันจึงรู้ได้ทันทีว่านี่คือห้องนอนของพี่ติณ เพราะเขาชอบตกแต่งห้องนอนของตัวเองเป็นโทรสีดำแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรฉันนั่งลงบนเตียงพร้อมกับถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า มันยังคงรู้สึกกลัวกับสิ่งที่ต้องเจอต่อจากนี้ แต่ฉันก็ตัดสินใจไปแล้ว และคงไม่เปลี่ยนใจแกร็ก~ ในขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน ประตู
“ฉันตกลงทำตามที่เธอเสนอ” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้พี่ติณเปลี่ยนใจ ทั้งที่ฉันบอกว่าจะไม่ยอมแลกแล้ว พอเอาเข้าจริงๆ เขาก็มาพูดแบบนี้ มันทำให้ฉันต้องคิดอีกครั้ง “จะเลิกยุ่งกับเฮียเหนือแล้วปล่อยให้รินเป็นอิสระใช่ไหมคะ” “อืม” “ทำแบบนั้นกับหนูลงจริงๆ หรอคะ” ฉันรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขี้น ถึงจะบริสุทธิ์อยู่แต่ฉันไม่ได้ได้ใสซื่อขนาดที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง “เธอยอมอ้าขาให้ขนาดนี้ ฉันคงไม่ปฏิเสธ” “พี่ติณไม่หลอกหนูใช่ไหม” ยอมรับว่าฉันยังลังเล เพราะคำก่อนหน้านี้ที่พี่ติณบอกไว้ ยังไม่ได้คำตอบพี่ติณก็ก้มหน้าลงมากดจูบลงบนริมฝีปากของฉันอีกครั้ง เขาบดขยี้จูบอย่างหนักหน่วงทำให้ฉันแทบจะหายใจไม่ทัน จึงต้องรีบผลักเขาออก “ไหนบอกว่าจะแลก ?” ใบหน้าคมคายเริ่มหงุดหงิดเมื่อฉันผลักตัวเองออก “แต่พี่ติณยังไม่ได้ตอบคำถามของหนู” “ก็ตามนั้น…” ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ในขณะที่พี่ติณโน้มใบหน้าลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอ ฉันกำลังทบทวนว่าเลือกทำแบบนี้มันสมควรหรือเปล่า ฉันจะมาเสียใจทีหลังหรือเปล่า เพราะผู้ชายคนนี้คือพี่ชายที่ฉันรักมากๆ มาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าฉันจะเคยคิดมากกว่าคำว่าพี่ชาย
ในตอนแรกมันรู้สึกกลัวกับคำพูดของพี่ติณ แต่มันกลับมีอีกหนึ่งความคิดผุดเข้ามาในหัว ถ้าหากฉันทำให้พี่ติณละทิ้งความแค้นทั้งหมดได้ ฉันก็จะทำ ถึงแม้พี่ติณจะไม่ยอมละทิ้งความแค้น แต่ถ้าเขารับปากว่าจะปล่อยรินไปจะเลิกหาเรื่องเฮียเหนือ ฉันก็ยอม “พี่ติณถามหนูว่ามีอะไรมาแลก ต้องการแบบนั้นจริงๆ หรอคะ” “หึ! ถามทำไม เธอกล้าแลกหรือไง” “แล้วถ้าหนูบอกว่ายอมแลกละคะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามต่อ “พี่ติณจะยอมปล่อยรินไป จะเลิกหาเรื่องเฮียเหนือใช่ไหมคะ” “เธอยอม ?” “…ตอบหนูมาสิคะ” “เพราะอะไรถึงยอม ?” พี่ติณไม่ยอมตอบและตั้งคำถามกับฉัน“เพราะเรื่องความแค้นของพี่ติณกับเฮียมันควรจะจบได้แล้วไงคะ” ถึงฉันจะไม่ได้เจอพี่ติณเลยตลอดเวลาหลายปีมานี้ แต่ฉันก็พอรู้อยู่บ้างว่าพี่ติณพยายามหาเรื่องเฮียเหนือมาตลอด “หึ! พูดง่ายดี ลองให้คนที่ตายเป็นพ่อของเธอดูไหม” “…….” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนห้อเลือด แววตาคู่นั้นของพี่ติณ เขาไม่ใช่คนเดิม ไม่ใช่พี่ชายที่อบอุ่นของฉันแล้วจริงๆ พี่ติณก้าวขาเดินหน้า ทำให้ฉันต้องถอยหลังไปทีละก้าวๆ จนกระทั่งขามันชนเข้ากับขอบของโซฟา “คิดว่าร่างกายของเธอมันจะลบล้างความผิดที่พ่อเธอกับพ่
ขอบคุณโชคชตาที่ทำให้ฉันได้เจอเขาอีกครั้ง แต่ไม่คิดว่าการกลับมาเจอกันอีกครั้งของเรามันจะทำให้ฉันเจ็บปวด ผู้ชายตรงหน้าเขาไม่ใช่พี่ชายที่แสนดีของฉันอีกต่อไป Talk น้ำมนต์“ในที่สุดหนูก็ได้เจอพี่ติณสักที ^_^” ฉันยิ้มออกมาอย่างดีใจที่เจอกับผู้ชายที่ตัวเองตามหามาตลอด ตอนนี้เขาได้ยืนอยู่ตรงหน้าของฉันแล้ว ต้องขอบคุณรินที่ทำให้ฉันได้เจอกับพี่ติณอีกครั้ง เพราะฉันเคยถามกับเฮียเหนือ เฮียก็ไม่ยอมบอกว่าพี่ติณอยู่ที่ไหน แต่สีหน้าของพี่ติณนั้นไม่ได้ยินดีเลยที่เห็นฉัน เขากลับมองฉันสวยสายตาที่แสนจะเย็นชา “ไสหัวกลับไปซะ!!” พี่ติณประกาศเสียงกร้าวไม่ได้คิดจะรับฟังอะไรทั้งนั้น พูดจบเขาก็ทำท่าจะเดินหนี ฉันจึงต้องรีบวิ่งไปดักหน้าเอาไว้ “เชื่อหนูนะคะเรื่องนั้นมันคืออุบัติเหตุ” ฉันพยายามจะอธิบายถึงเรื่องราวในวันนั้นที่พ่อเล่าให้ฟัง เพราะรู้ว่าพี่ติณเป็นแบบนี้เพราะเรื่องอะไร เรื่องการสูญเสียไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เหตุการณ์นั้นพ่อของฉันเองก็เสียใจที่ไม่สามารถช่วยชีวิตพ่อของพี่ติณได้ และพ่อก็โทษตัวเองจนถึงทุกวันนี้ แต่พี่ติณกลับไม่ได้คิดแบบนั้นเขาคิดว่าพ่อของฉันและพ่อของเฮียเหนือวางแผนกันฆ่าพ่อของตัวเ