คนอย่างไอ้ซาดีนส์ไม่เคยคิดที่จะมีห่วงมาผูกคอ ยิ่งเรื่องแฟนผมยิ่งไม่เคยคิดให้รกสมอง เพราะอะไรน่ะเหรอ?
หนึ่งเลย มนุษย์แฟนเป็นอะไรที่โคตรน่าเบื่อสำหรับผม ไหนจะคอยโทรจิกตลอดเวลา เซ้าซี้น่ารำคาญ
สอง... ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งเหมือนติดคุก เวลาจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ต้องคอยขออนุญาต โทรรายงานความเคลื่อนไหว ไร้อิสระโคตรๆ
สามยิ่งแล้วใหญ่... ทำตัวอย่างกับแม่บังเกิดเกล้า จิกหัวใช้เป็นว่าเล่น แถมยังต้องคอยตามใจพวกมนุษย์แฟนอย่างพวกเธอๆ ไม่ไหวอะบอกเลย!
“ตอแหล!” พันซ์พูดเบาๆ เหมือนกับกระซิบ เธอเอียงหน้าที่กำลังซบที่แผงอกขวาผม มองหวาที่กำลังยืนค้ำเอวอยู่ข้างๆ พวกเรา
“แกว่าอะไร แน่จริงพูดดังๆ สิ แล้วก็ลงมาจากตักของแฟนฉันได้แล้ว!”
หวายังคงพูดเองเออเองเรื่องสถานะของผมและเธอ
“นี่ซาดีนส์มีแฟนปากจัด ขี้โวยวาย แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ”
พันซ์ไม่สนใจคำพูดของหวา เธอยังคงนั่งบนตักผม พร้อมกับซบใบหน้าอยู่ที่อกผมตามเดิม มือน้อยๆ ของเธอลูบอกข้างซ้ายผมเบาๆ
“กรี้ด!! อีหน้าด้าน ฉันบอกให้ลุกจากตักแฟนฉันไง หูแตกหรือไงยะ”
ตอนนี้ผมชักจะเริ่มรำคาญเสียงแหลมๆ ของหวาแล้วว่ะ น้องหวาคนที่ดูหงิมๆ ติ๋มๆ ตอนที่ส่งจดหมายรักให้ผมเมื่อช่วงบ่ายหายไปไหนแล้ววะ
หรือว่านี่คือธาตุแท้ของเธอ?
“พอเลยๆ ทั้งสองคน พันซ์ลุกก่อน” ผมนี่แหละที่จะเป็นคนหูแตกก่อนคนแรก และตอนนี้เริ่มจะรำคาญเสียงหวามากๆ เลยรีบห้ามศึกน้ำลายของสาวๆ
“ซาดีนส์ หวาขอโทษที่มาช้านะคะ”
หลังจากที่พันซ์ยอมลุกจากตักผมไปนั่งโซฟาฝั่งตรงข้าม หวาก็รีบปรี่ตัวเข้ามานั่งข้างๆ ผมพร้อมกับถือวิสาสะกอดแขนเอาหัวน้อยๆ ซบไหล่พร้อมกับกล่าวขอโทษน้ำเสียงออดอ้อน
“สตอได้โล่ ไปล่ะ เหม็นขี้หน้าคนแถวนี้”
“แก! ยัยปากแดง ฝากไว้ก่อนเถอะ”
บอกแล้วว่าพันซ์เธอเป็นคนไม่เรื่องมาก เพราะนิสัยแบบนี้ไงผมเลยไม่เคยคิดที่จะเบื่อเธอเลย แต่กับผู้หญิงที่ผมเพิ่งเจอครั้งแรกที่กำลังแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมอยู่ตอนนี้มัน... โคตร-น่า-รำ-คาญ!
“หวานัดพี่มาที่นี่มีอะไรเหรอ” ผมรู้ดีว่าเธอนัดผมมาทำไม แต่ไม่อยากแสดงออกว่าฉลาดมากเกินไป เดี๋ยวมันจะไม่สนุก
“คือ... หวาแค่อยากอยู่กับพี่ซาดีนส์สองต่อสอง”
หวาคนที่ติ๋มๆ กำลังกลับมา แต่คงสายไปแล้วล่ะ เพราะผมรู้นิสัยเธอแล้ว
“สองต่อสองแบบนี้?” ผมลองหยั่งเชิงถามเธอดู
“แล้วพี่ซาดีนส์คิดว่าหวาหมายถึง... แบบไหนเหรอคะ”
หวาใช้นิ้วเรียวยาวกรีดกรายไปตามแผงอกผมผ่านเสื้อนักศึกษาที่ตอนนี้กระดุมบนสองเม็ดมันหลุดออกไป สงสัยจะเป็นฝีมือพันซ์ก่อนหน้า
“สองต่อสองของพี่กับหวาต้อง...” ผมหยุดคำพูดไว้ แต่พยักเพยิดหน้าไปที่ชั้นบนของผับไอ้เคซิส หวาคงจะเข้าใจความหมาย สีหน้าเธอแดงจัดเหมือนคนกำลังเขินอายขึ้นมาทันทีที่มองไปตามสายตาของผม
“อื้ม~” เสียงอื้ออึงในลำคอผมถูกเปล่งออกมา มันเกิดจากความเสียวซ่านที่หวากำลังปรนเปรอให้
“หวา อา ตรงนั้นมัน... ซี้ด” แม่ง! หวาดูจะช่ำชองเรื่องพวกนี้ดีจริงๆ
“ชอบล่ะสิ ขอหวาบ้างนะ” เสียงพูดปนเซ็กซี่ของคนที่นั่งอยู่ที่พื้นเบื้องล่างตรงหว่างขาผมพูดขึ้น พร้อมกับแววตาเชิงยั่วยวนส่งมาให้ผม
“เธอทำฉันแทบหมดแรง” ผมแกล้งทำเสียงหอบเหนื่อยใส่ผู้หญิงข้างล่าง
“คิกๆ งั้นหวาไม่เกรงใจนะคะ” จบคำพูด คนที่เจนจัดภาคสนามอย่างหวาก็ลุกมานั่งคร่อมตักที่เปลือยเปล่าของผมจากฝีมือเธอก่อนหน้า
เธอใช้มือนุ่มสองข้างค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของผมที่เหลืออีกไม่กี่เม็ดออก เผยให้เห็นซิกแพกที่เป็นลอนแกร่ง
“เพอร์เฟคจริงๆ”
“อา~” ผมกลั้นเสียงครางไม่ไหว หวาใช้มือลูบไปตามลอนซิกแพกบนหน้าท้องแกร่ง ลากไล้นิ้วเรียวทั้งห้าลงไปจนถึงสิ่งที่แสดงความเป็นชายที่กำลังพร้อมรบ
“ถุง อยู่ในลิ้นชักข้างโซฟา” เมื่อผมสัมผัสได้ว่าหวากำลังคิดจะทำอะไร เลยรีบร้องท้วง
“จิ๊!” เสียงเหมือนคนโดนขัดใจของหวาทำให้ผมรู้ว่าเธอก็เป็นเหมือนผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาหาผมเพื่อหวังอะไร
แต่ก็ช่างมัน! ตอนนี้ผมต้องการปลดปล่อยความอัดอั้นที่มันทรมานไอ้ซีนส์น้อยมากกว่าจะมาคิดเรื่องพวกนั้นให้รกสมอง
“ซี้ด!!” ผู้หญิงเป็นงานแม่งดีตรงนี้จริงๆ ผมถึงได้ชอบกินของที่ไม่สด แต่ก็เลือกเอาที่แบบว่าไม่คาวจนเกินไปด้วย
“อ๊ะ อะ อ้า” หวาร้องครางออกมาหลังจากที่ผมสวนสะโพกหนาของตัวเองขึ้นรับกับแรงขับเคลื่อนที่ปล่อยให้หวาเป็นฝ่ายคุมเกมรักอยู่ด้านบน “บะ เบาๆ อ๊ะ อื้ม”
ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนขย่มผมแท้ๆ แต่กลับบอกให้ผมเบาๆ แทน
“อา~” ผมเป่าลมออกจากปากเมื่อเริ่มจะถึงฝั่งฝัน
“พี่ซาดีนส์ อ๊ะ อา วะ หวา มะ ไม่ อ๊ะ” หวาเริ่มจะพูดไม่เป็นคำ
เธอเพิ่มแรงขยับบนตักผมแรงขึ้นตามอารมณ์ความปรารถนาของตัวเอง
“อื้ม อย่าทำรอย!” ผมครางรับแต่ก็ตะคอกคนที่กำลังขับเคลื่อนออกไปเมื่อเธอพยายามจะฝากรอยแดงไว้ที่ซอกคอผม
ผมเป็นพวกประเภทไม่ชอบทำรอยกับใครและไม่ชอบให้ใครมาทำรอยบนร่างกาย ผมหวงร่างกายตัวเอง เดี๋ยวผิวสวยๆ ของผมมันหม่นหมอง
“ทะ ทำไม อ๊ะ พะ พี่ ซาดีนส์ อา~” หวาคงจะถามเหตุผลที่ผมห้ามการกระทำของเธอก่อนหน้า “ฉันไม่ชอบ!” ผมตอบไปตามตรง
แต่หวากลับเหมือนจะไม่สนใจคำตอบของผม ตอนนี้อารมณ์เสียวสะท้านมันคงจะมากกว่าอาการอยากรู้เหตุผลบ้าบอของผม
“อ๊ะ ไม่ หวะ ไหว อื้อ” สิ้นเสียงครางหวาน หวาก็ฟุบหน้าลงซบไหล่ผม เมื่อเธอเพิ่งจะแตะขอบฟ้าก่อนผมไปได้ไม่ถึงสิบวิฯ
“ซี้ด อื้ม” และผมก็แตะขอบฟ้าตามเธอมาติดๆ เช่นกัน
พลั่ก!หลังจากภารกิจครั้งนี้ลุล่วง ผมผลักหวาที่กำลังหอบหมดแรงลงจากตัก ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่หลังห้องทำงานไอ้เคซิส ผมใช้เวลาอาบน้ำอยู่ในนั้นประมาณเกือบยี่สิบนาที ในหัวก็คิดว่าหวาคงจะกลับไปแล้ว จึงได้เดินออกมาจากห้องน้ำเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันท่อนล่างมาด้วย“ทำไมนานจังคะ หวานึกว่าหมดแรงในนั้นแล้วซะอีก”เชี่ย! ผมสะดุ้งตกใจหลังจากเดินใจลอยออกมาจากในห้องน้ำ“ยังไม่กลับอีกเหรอ?” ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่พร้อมกับจ้องมองร่างบางที่นอนเอนอยู่บนโซฟาตัวเดิม“ทำไมไล่เมียแบบนี้ล่ะคะ เมื่อกี้ยังกอดหวาแทบจะไม่อยากปล่อย”ผมขมวดคิ้วมุ่นหลังจากที่ได้ยินสรรพนามแทนตัวเองของเธอ“เมีย?” ผมทวนคำนั้นเสียงขุ่น“อ้าว! ไม่ให้เรียกเมียแล้วเมื่อกี้ที่ทำไปคืออะไรล่ะคะ นี่อย่าบอกนะว่าได้หวาแล้วจะเขี่ยทิ้ง หวาไม่ใช่ยัยปากแดงนั่น แล้วก็ผู้หญิงคนอื่นๆ ของพี่หรอกนะ”หวาพูดรัวยาวออกมา ทำหน้าไม่พอใจใส่ผม ให้ตายสิวะ!ผู้หญิงอะไรโคตรน่ารำคาญ แถมยังขี้จุ๊อีกต่างหาก ถ้าการที่ผมมีอะไรกับเธอแค่ครั้งเดียวแล้วให้ยกย่องเป็นเมีย ป่านนี้ไอ้ฉายาเสือร้อยรักแบบผมคงมีเมียเป็นร้อยแล้วล่ะมั้ง!“ฉันว่าเธอคงเข้าใจอะไรผิด” ผมกอดอก
“อะไร ไหนใครมา” ฉันลนลานตามอาการของตาหวาน เธอชี้นิ้วเรียวๆ ไปทางด้านหลังยีนส์ที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือฉันเมื่อสายตาปรากฏร่างของคนที่กำลังตามหา ฉันก็แสยะยิ้มแบบชั่วร้ายออกมาทันที“แกเตรียมตัวนอนแก้ผ้าได้เลยเพื่อนรัก” ฉันบอกยีนส์ยิ้มๆ พร้อมกับตบไหล่เธอเบาๆ สองที จากนั้นก็“เฮ้! นั่นแกจะไปไหน”ฉันไม่สนใจเสียงยีนส์ที่ดังถามไล่หลังมา รีบตรงดิ่งสะกดรอยตามไอ้หัวขาวและเพื่อนๆ อีกสามคนของหมอนั่น“ไอ้ซีนส์สรุปอาทิตย์ก่อนมึงกับน้องหวามันยังไงกันแน่วะ” เสียงผู้ชายที่ดูจะอายุเยอะสุดในกลุ่มถามใครบางคนที่ชื่อซีนส์ น่าจะใช่นะถ้าฟังไม่ผิด“ก็ไม่ยังไง กูพลาดว่ะเคซิส กูไม่น่าเล้ย!” ไอ้หัวขาวโจทย์เก่าฉันพูดขึ้นอ๋อ ที่แท้คนที่ชื่อซีนส์คือไอ้หัวขาวนี่เอง“มึงก็พลาดกับทุกคน” เสียงเยือกเย็นของผู้ชายที่มีรอยสักอยู่ที่แขนขวาพูดขึ้น พร้อมกับตบหัวไอ้หัวขาวไปหนึ่งที “ไอ้การ์เซีย มึงอย่าเล่นหัว เดี๋ยวของเสื่อม”“ถ้าอย่างนายมีของ ก็คงของดำแล้วแหละ” ฉันว่าให้ไอ้หัวขาวเบาๆ พร้อมกับเบะปากหมั่นไส้ “ไอ้ขันมึงช่วยผัวมึงคิดสิจะไล่น้องหวาอะไรนั่นไปยังไง”นั่น... เห็นมั้ย! พวกยัยยีนส์กับตาหวานน่าจะมาได้ยินประโยคเด็ดเมื่อกี้ค
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กฉันกำลังวิ่งสี่คูณร้อยบนรองเท้าคัทชูสูงสองนิ้วครึ่ง เพราะตกใจที่ตัวเองโดนไอ้หัวขาวซีนส์อะไรนั่นจับได้ว่าแอบอยู่ตรงนั้นต้องโทษคนที่เตะกระป๋องโค้กมาโดนหัวฉันมากกว่า ทำไมกรรมมันตามสนองเพลย์เยอร์น้อยคนนี้เร็วจุง จำได้ว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งจะทำแบบนี้กับใครบางคนไม่รู้ฉันวิ่งมาไกลแค่ไหน เพราะตอนนี้รู้สึกกำลังหายใจเอาอากาศเข้าไปไม่ทันเลยหยุดพิงผนังตึกๆ หนึ่ง“เจ็บเป็นบ้า เหนื่อยด้วย แฮ่กๆ” แผ่นหลังบางของฉันพิงกับผนังปูนขาวสะอาดตา ปากก็พร่ำบ่นไปทั้งๆ ที่หอบแฮ่กๆ“วิ่งหนีไรมาเหรอครับ” ฉันสะดุ้งตัวโหยง จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายที่ไหนไม่รู้ถามฉันขึ้นข้างๆ ฉันว่าตอนแรกยืนอยู่คนเดียวนะ แล้วเด็กนี่โผล่มาจากไหน แถมยืนซะใกล้ชิดขนาดที่อีกแค่ครึ่งมิลผิวหนังเราคงแตะกันไปแล้ว“นะ นาย” ฉันที่ยังคงมีอาการหอบเหนื่อยอยู่ ครั้นจะเอ่ยปากถาม เขาเป็นใครก็ได้แค่เอ่ยออกไปคำเดียว ก็ต้องหยุดพูดเพื่อหอบเอาอากาศเข้าปอดต่อ“ใจเย็นๆ ฮะ ค่อยๆ หายใจ เดี๋ยวก็สำลักอากาศกันพอดี”แค่ก แค่ก แค่ก ให้ตายสิ! วาจาเด็กคนนี้มันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ พูดยังไม่ทันขาดคำ ฉันก็สำลักอากาศเข้าจนได้“เห็นมั้ยผมบอกแล้ว เอ้า! นี่ฮะ” เ
ตาโต กับ ตาหวาน อย่าบอกนะว่า?“พี่สาวผมชื่อตาหวาน เรียนคณะนิเทศศาตร์ สาขาการโฆษณาเหมือนพี่เลย”อา... โลกกลมจริงๆ อยู่ๆ ก็ได้รู้จักน้องชายเพื่อน“พี่กับตาหวานเป็นเพื่อนในกลุ่ม ตาหวานน่ารัก เรียบร้อยแถมยังใจดีพาพวกพี่ทัวร์รอบมหาลัยแถมพาไปเที่ยวห้างบ่อยๆ ด้วย” ฉันอวดสรรพคุณพี่สาวตาโตให้เขาฟัง น้องชายเธอถึงกับฉีกยิ้มไม่หุบ สงสัยจะรักพี่สาวและปลื้มพี่สาวมากๆ สินะ“แล้วทำไมพี่เพลย์ถึงอยู่คนเดียวล่ะ พี่สาวผมไม่ได้มาด้วยกันเหรอ” ตาโตพูดไปก็ชะเง้อคอมองไปรอบๆ บริเวณที่พวกเรานั่งกันอยู่ สงสัยจะมองหาพี่สาวตัวเอง “พี่แยกกับตาหวานมาหาหลักฐานอะไรนิดหน่อย”“หลักฐานอะไรเหรอฮะ อย่าบอกนะ พี่เพลย์จะจับไอ้โรคจิตที่ว่านั่น?”“ก็ไม่เชิง” ฉันหยักไหล่ประกอบคำพูด นึกว่าตัวเองแค่คิด แต่ทำไมดันเพลอหลุดเป็นเสียงออกมาได้ล่ะเนี่ย“มันอันตรายนะฮะ พี่เพลย์เป็นผู้หญิงด้วย ผมว่าเราเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านอธิการดีกว่ามั้ย จะได้หามาตรการป้องกัน” ตาโตร่ายยาวเชิงตักเตือนฉันแววตาน้องเขาดูเป็นห่วงเป็นใย พี่น้องคู่นี้นิสัยเหมือนกันเลย ตาหวานก็เป็นคนดี รักเพื่อน น้องชายอย่างตาโตที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่นาทีก็ดูเป็นห่วงเป็นใยฉันอย
“พี่เพลย์กำลังคิดอะไรไม่ดีอีกแล้วใช่ไหมฮะ?”อา... สีหน้าท่าทางฉันมันปิดไม่มิดจริงๆ สินะ สงสัยต้องพยายามฝึกเรื่องการแสดงออกทางสีหน้าให้มากๆ แล้วล่ะยัยเพลย์“ก็ไม่ได้ชั่วร้ายอะไรหรอก ว่าแต่เรามีพี่รหัสหรือยังล่ะ” ฉันเริ่มเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้ตาโตหายครางแครงใจกับความคิดชั่วร้ายของตัวเอง“ฮะ เรียบร้อยแล้ว ได้พี่รหัสปีสองชื่อตุ่น พี่ถามทำไมฮะ” ตาโตบอกเรื่องนั้นเสร็จเขาก็ถามฉันกลับ“เปล่า เผื่อบังเอิญเป็นกลุ่มคนที่พี่จะให้ไปสืบไง” ฉันตอบพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องให้น้องเลิกสนใจเรื่องพี่รหัสอะไรนั่นอย่างน้อยเรื่องโลกกลมหรือพรมลิขิตก็ใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้ งั้นคงต้องใช้วิธีสัจจะธรรมของโลกสืบเองแล้วล่ะหลังจากที่แลกเบอร์โทร ไลน์ เฟซบุ๊กกันเสร็จเรียบร้อย ตาโตก็ขอตัวไปเรียน ส่วนฉันก็หยิบมือถือขึ้นมากดต่อสายหาเพื่อนเลิฟทันทีตู๊ด ตู๊ด สัญญาณรอสายดังไม่กี่ครั้งยีนส์ก็กดรับสาย[ไหนล่ะหลักฐานแก] ฉันยังไม่ได้อ้าปากจะพูดอะไร ยีนส์ก็เป็นคนถามฉันเหมือนตัวหล่อนเป็นคนโทรมาเองงั้นแหละ“อีกไม่นานหรอกย่ะ เตรียมรอนอนชีเปลือยเป็นเพื่อนฉันเลยยีนส์เพื่อนรัก”ฉันพูดน้ำเสียงสะใจเหมือนพวกโรคจิต เมื่อคิดภาพวันที่ได้เห็นร
“สวยน่ะฉันไม่เถียง แต่ที่แกบอกว่าฉันล่อลวงเด็กน่ะไม่จริง!” น้ำเสียงท้ายประโยคฉันหนักแน่นมาก แต่เพื่อนยีนส์กลับเบ้ปากแล้วเบือนหน้าหนีเพลย์เฟลอีกแล้ว เพื่อนไม่เข้าข้าง“จะทำอะไรก็ดูให้มันดีๆ ระวังจะโดนเล่นเข้าซะเอง” เสียงเป็นห่วงจากยีนส์ทำให้ฉันเริ่มจะหน้าชานิดๆ เมื่อลองคิดตามท้ายคำพูดของเธอแต่ฉันไม่มีอะไรจะให้ไอ้โรคจิตนั่นเล่นคืนสักอย่าง ฉันไม่ได้มีรสนิยมอะไรที่แปลกพิศดาร ฉันยังคงชอบผู้ชายและรอเจ้าชายขี่ม้าขาวคนนั้นอยู่เสมอ“ไม่กลัวอะ ฉันเชื่อเซ้นส์ตัวเอง สิ่งที่เห็นมันก็บ่งบอก” ฉันยังคงพูดยืนยันหนักแน่น ทำให้ทั้งยีนส์และตาหวานมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“เอาที่สบายใจเลย เตือนแล้วนะ พลาดมาฉันไม่โอ๋ด้วย”“เราจะช่วยเตือนตาโตให้ทำอะไรระวังๆ แล้วกัน”ทั้งยีนส์และตาหวานต่างก็พูดเหมือนคล้อยตามฉัน แต่สีหน้าเพื่อนทั้งสองบ่งบอกว่า เหนื่อยหน่ายใจกับความหัวดื้อของตัวฉันมากแค่ไหนอยู่เหมือนเดิม[Sadins’s part]ช่วงนี้ผมรู้สึกแปลกๆ มันเหมือนมีสายตาที่มองไม่เห็นคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา มักจะเป็นเฉพาะเวลาที่ผมอยู่ที่มหา’ลัยเท่านั้น“มึงเป็นอะไรท่าทางระแวงๆ” เสียงการ์เซียที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมถาม
อย่าบอกนะว่า...?“เออ! ตามนั้น” ผมก้มหน้าเอียงคอเหล่ตาน้อยๆ มองหน้าไอ้การ์เซียยังไม่ทันเอ่ยถามอะไร มันก็ชิงตอบกลับมาแบบฉับไว คล้ายกับมานั่งในใจผม“ไอ้เชี่ย! มึงหาว่ากูเป็นถ้ำมอง?” ผมรีบโยนมือถือของมันคืนสู่เจ้าของทันที“อ้าวไอ้ห่านี่! ก็มึงอะแหละถ้ำมองของแท้ สาวๆ คนไหนนุ่งสั้นนะ มึงบอกได้หมดว่าสีอะไร ขาวแค่ไหน ใส่ยี่ห้ออะไร”สาบานว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนป่านนี้มันตกเก้าอี้ไปแล้วครับป้าบ! แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่ทำอย่างอื่น อย่างเช่นตบหัวมันไปหนึ่งทีแต่มันก็ไม่มีปฏิกิริยาโกรธตอบผมสักนิด ทำเพียงยกยิ้มมุมปากเหมือนกับพอใจที่ได้หลอกด่าผมสำเร็จงั้นแหละ“กูแม่งไม่น่าขอให้มึงช่วยตั้งแต่แรกเลยจริงๆ” ท้ายประโยคผมเสียงสูงมาก ใบหน้าหล่อเหลาส่ายเบาๆ เอือมระอาเพื่อนข้างกายฉิบหาย“ก็มึงบอกถ้ำมอง กูว่ามันก็เหมาะกับมึงดี” ยัง! ยังไม่ยอมจบ“เออ กูพูดผิดเองแหละ ถ้ำมองมันใช้กับเหตุการณ์ที่กูกำลังเจอไม่ได้ มันต้องเรียกสโตกเกอร์แทนสินะ ไอ้พวกที่คอยตามคนดังหรือคนที่ตัวเองแอบชอบไรงี้”มาคิดๆ ดูแล้วก็โทษไอ้การ์เซียฝ่ายเดียวไม่ถูก ผมดันเรียกผิดเองนี่หว่า“สโตกเกอร์ห่าเหวอะไรของมึง คิดมาก ระแวง กูว่าตั้งแต่มึงเจอคู่ปรับม
ตู๊ด ตู๊ดผมรอสายอยู่ไม่นานปลายสายก็กดรับพร้อมกับเสียงเง้างอน[ไม่ทราบโทรมาหาใครคะ] นี่แหละคุณหญิงที่โทรมาเมื่อกี้‘คุณหญิง’ ที่มีศักดิ์เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดไอ้ซาดีนส์สุดหล่อคนนี้ไงครับ“โอ๋ๆ ไม่งอนน้า คุณหญิงโทรมาคิดถึงเขาล่ะสิ”ผมรีบออดอ้อนปลายสายออกไปแทบลนลานแม่ผมชอบให้ผมอ้อนท่านน่ะ และถ้าใช้ไม้นี้ไม่ว่าแม่จะอารมณ์ไม่ดีขนาดไหนก็จะกลายเป็นคนอารมณ์ดีทันที[ไม่ต้องมาอ้อนคุณหญิงเลย งอนแล้วนะ] [โทรไปตั้งหลายสายไม่ยอมรับ ทำไม! ควงสาวไหนอยู่ล่ะ]นี่ถ้าผมเปิดสปีกเกอร์คนอื่นๆ ที่ได้ยินคงคิดว่าผมกำลังคุยกับแฟนอยู่เป็นแน่“ที่ไหนล่ะคุณหญิง ซีนส์กำลังจะขึ้นเรียนต่างหากครับ” ใครจะกล้าบอกว่ากำลังจินตนาการเรื่องใต้สะดือให้แม่ตัวเองฟังล่ะครับท่านยิ่งเคี่ยวเรื่องผู้หญิงกับผมอยู่ด้วย มีหวังคอขาดอย่างเดียว[เสาร์นี้ทำตัวให้ว่าง แล้วกลับมาหาคุณหญิงที่บ้าน ห้ามมีข้อแม้!]ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่าเสาร์นี้มีนัดแล้ว แต่แม่ก็คือแม่ ทั้งเจ้าระเบียบ เผด็จการแถมยังใหญ่สุดในบ้านด้วย มีหรือว่าไอ้ซาดีนส์คนนี้จะกล้าหือ“แต่ซีนส์มีธุระนะครับคุณหญิง ขอเป็นวันหลังได้มั้ย”ออดอ้อนเข้าไว้ น้ำเสียงน่ะทำให้น่าสงสารที่สุด
“แต่งเลย / แต่งเลย”ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงตะโกนจากด้านล่างก็ดังขึ้น ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนให้ฉันตอบรับซาดีนส์ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของพวกเรา“ฉะ ฉัน” มันตื้นตันจนตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้“ว่าไงครับ เพลย์น้อยของซีนส์ วันนี้จะยอมเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายคนนี้หรือเปล่า” รอยยิ้มที่มาพร้อมกับประโยคร้องขอทำให้ฉันฝืนน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป“ฮึก อึก”“เด็กขี้แย ถ้าไม่ตอบ...” ซาดีนส์เงียบเสียงลง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ไม่มีเสียง ‘ฉันจะจับเธอกินทั้งคืน’ ฉันถึงกับกัดปากแน่น แบบนี้เรียกมัดมือชกไหมนะ“อื้อ” ฉันพยักหน้า อยากตอบเขาเป็นคำพูดแต่ตอนนี้มันดีใจสุดๆ มันตื้นตันจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมาแล้ว“ไม่เอาสิ อยากได้ยินคำพูดหวานๆ พูดให้ซีนส์ดีใจสักคำสิครับ” เสียงออดอ้อนพร้อมกับแววตาเว้าวอนและโหยหาของซาดีนส์ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออึกๆ“ก็บอกว่าอื้อไง” ฉันกัดปากอีกครั้ง เบือนหน้าไปทางอื่นตอนนี้มันทั้งอายและก็ดีใจไปในเวลาเดียวกัน อายเพื่อนๆ และพ่อแม่ดีใจ ที่คำสัญญาในวัยเด็กเป็นจริงสักที“ดื้ออีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์บอกความในใจหมดแล้วนะ”ทำเป็นน้อยใจ ชิ! ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ฉันพูดแบบไม่มีเสียงให้เขา
“สวัสดีค่ะ / ครับ” ทั้งตาหวาน ตาโตรวมถึงยีนส์ยกมือไหว้ป๊ากับแม่เล็กหลังจากได้ยินท่านถามประโยคนั้น “ตามสบายนะเด็กๆ วันนี้เป็นวันพิเศษของพิเศษ” ฉันมองหน้าป๊าแบบงงๆ นิดหน่อยวันพิเศษของพิเศษ คือมันแสนจะพิเศษใช่ไหมนะ?“เด็กๆ เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเลยฤกษ์ดีกันพอดี”ฤกษ์ดี? ฉันกำลังจะเอ่ยถามแม่เล็กแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อท่านเดินนำเข้าไปยังตัวบ้านที่ประดับประดาหรูหราไม่แพ้ด้านนอกเลยสักนิดเดียว“สวัสดีค่ะคุณป้า” เมื่อเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยฉันมองเห็นแม่ซาดีนส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างเวทีทรงเตี้ยที่มีป้ายอะไรสักอย่างถูกปิดด้วยผ้าสีขาวผืนบางอีกที “นั่งก่อนสิจ๊ะหนูเพลย์”ป้าแพรวกวักมือเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ ท่าน“คุณพิณนี่ตาถึงนะคะ เลือกชุดให้หนูเพลย์เข้ากับงานวันนี้จริงๆ” เสียงป้าแพรวแซวแม่เล็กขำๆ ฉันว่าชุดที่แม่เล็กส่งมาให้มันดูหรูมากเกินไปด้วยซ้ำในตอนแรกเดรสลูกไม้แบบรัดรูปสีชมพูอ่อน เปิดโชว์ช่วงเนินอก กระโปรงยาวคลุมเข่าปลายระบายกว้างนิดๆ เหมือนจะไปงานการ่าดินเนอร์เสียด้วยซ้ำ“เอ่อ คุณป้าคะ” ฉันเสียมารยาทพูดแทรกผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน “ว่าไงจ๊ะลูก”
“หึ” ฉันมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเฮียการ์เซียผ่านกระจกมองหลังด้วยแหละ แต่คนถูกถามกลับไม่ตอบคำถามฉัน ทำไมแลดูมีลับลมคมนัยจังนะ“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เมื่อรถจอดหน้าคอนโดเรียบร้อย ยีนส์ลงไปจากรถเป็นคนแรกโดยที่ไม่ได้ล่ำลาหรือกล่าวขอบคุณเฮียการ์เซีย เลยทำให้ฉันที่ยังไม่ลงจากรถรีบเอ่ยขอบคุณเขาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ กับความเสียมารยาทของเพื่อนรัก“อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวมันกลับมาเธอจะยิ่ง... หลงมัน”“คะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะคะ” เพราะคำพูดท้ายๆ เฮียการ์เซียเบาเสียงลงฉันเลยไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร “รีบลงไปเถอะ เพื่อนเธอจะกินหัวฉันอยู่แล้ว”เขาไม่ตอบอีกแล้ว ฉันมองตามออกไปนอกรถตามคำบอกเล่าเฮียการ์เซีย เห็นยีนส์กำลังยืนทำท่าทางเบื่อหน่ายและเซ็งๆ จ้องมองมาทางพวกเราที่อยู่ในรถเลยต้องรีบปลีกตัวลงไป@สามวันต่อมาฉันอยากเอาหัวโขลกกำแพงให้มันตายรู้แล้วรู้รอดรู้อะไรไหม? ตั้งแต่ที่ซาดีนส์บอกไปธุระต่างประเทศนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนะ ไหนเขาบอกจะไปแค่สองวัน วันแรกที่เขาไปคือวันที่เฮียการ์เซียมาส่งฉันกับยีนส์ และหลังจากวันนั้นก็ผ่านมาอีกแล้วสองวัน ซึ่งซาดีนส์ควรจะกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแต่นี่ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของ
“นั่นสิเพลย์ เฮียซาดีนส์เขาอาจจะติดธุระจริงๆ จนรอเพลย์ตื่นไม่ไหวมั้ง”ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงตาหวาน แต่ยีนส์ก็ดันพูดแทรกมาก่อน“ว่าแต่…” ยีนส์เงียบ เหล่ตามองคล้ายกับจับผิดอะไรฉัน“อะไรของแก” ฉันหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรัก“ปกติแกไม่น่าจะนอนขี้เซาขนาดนั้นนะ แกบอกว่าตื่นมาเกือบแปดโมง นั่นมันเลยเวลาปกติที่แกจะต้องตื่นมาเตรียมตัวเรียนเช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”ไม่ได้มาแค่คำถามนะ แต่สายตาอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับจ้องจับผิดของยีนส์ที่ส่งมาทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ“กะ... ก็เมื่อวานไปทำธุระมา เมื่อยไปหน่อยเลยเผลอหลับยาว” นิ้วกลางไขว่นิ้วชี้ไว้เพลย์เยอร์ แค่โกหกเพื่อนเองไม่บาปหรอกเนอะ“เหรอ~” เสียงลากยาวแบบไม่เชื่อสุดๆ ของเพื่อนรักทำเอาฉันหน้าแดงฉ่าแค่มองตายีนส์ฉันก็รู้แล้วว่าเธอไม่เชื่อที่ฉันพูด แถมฉันยังคิดว่าเธอต้องคิดไปถึงเรื่อง... เอ่อ ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยเนอะ!“เฮ้อ! หิวข้าวจัง” แกล้งยกมือลูบท้องเปลี่ยนเรื่อง“เปลี่ยนเรื่องแบบนี้...” ยังไม่เลิกล้อฉันอีกนะ ยัยยีนส์บ้า!“ยีนส์เลิกแกล้งเพลย์เถอะ ดูสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว” น่ารักมากตาหวานที่ช่วยพูด“รักหวานที่สุดเลย งั้นเราไปกินข้าวกัน ปล่อยใ
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้แค่ว่าพอรู้สึกตัวมาเหมือนร่างกายผ่านสงครามรบที่ไหนมาไม่รู้ เรี่ยวแรงที่ควรจะมีหลังจากได้หลับพักผ่อนมันน่าจะกลับมาแล้ว แต่เปล่าเลย ตอนนี้ฉันยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะตรงนั้น!“ไอ้บ้าซาดีนส์” ฉันพึมพำกับตัวเองหลังจากตื่นเต็มตาแล้วคิดแล้วก็น่าโมโห! เมื่อวาน ไม่สิ ไม่น่าพลาดท่ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของหมอนั่นตั้งแต่ก่อนไปถ่ายแบบให้เฮียทีมเลย น่าจะรู้นะว่านิสัยแฟนตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์แค่ไหน ยอมรับเลยว่าครั้งนี้ฉันพลาดมาก พลาดเองเต็มๆ“อ๊ะ ชิ!” แค่ลุกขึ้นนั่งยังรู้สึกปวดแปรบตรงส่วนอ่อนไหว ไม่ต้องคิดถึงตอนเดินเลยว่ามันจะทรมานขนาดไหน“ไอ้บ้าซา...” เสียงฉันหยุดลงเมื่อคิดว่าหันกลับมาจะเจอกับคนที่ทำให้ร่างกายฉันเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย... ซาดีนส์ไม่ได้อยู่บนเตียงกับฉันไปไหนของหมอนี่? เมื่อคืนเขาก็น่าจะหมดแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แล้วนี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง เขาไม่น่าจะตื่นเช้าแล้วหายตัวไปแบบนี้ แถมตอนนี้ฉันยังกลับมานอนห้องตัวเองแล้ว คงจะเป็นฝีมือซาดีนส์นั่นแหละที่อุ้มฉันมาส่ง“อูย!” ฉันสูดปากระบายความระบมอีกรอบเมื่อกวาดขาจะลงจากเตียงนั่งทำใจอยู่นาน
“อื้อ” จบคำพูดเอาแต่ใจ คนตัวโตด้านหลังก็คว้าปลายคางฉันให้หันไปรับรสจูบที่แสนดูดดื่มและเร่าร้อน เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาได้อย่างง่ายดายเมื่อฉันไม่ทันตั้งตัวเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาตักตวงความหวานหอมด้านในจากแค่จูบ ตอนนี้มือไม้ซาดีนส์ที่ว่างอยู่ค่อยๆ ไต่แตะไปตามเรือนร่างของฉัน จวบจนมือหนาใหญ่ข้างหนึ่งตะปบเข้ากับหน้าอกคู่งามที่มีเตียงรองรับน้ำหนักของมัน“อืม” เสียงครางแหบพร่าหลุดออกมาจากคนที่กำลังพันธนาการฉันด้วยสัมผัส เขาคงกำลังควบคุมอารมณ์บางอย่างที่ตอนนี้มันตื่นตัวจนฉันแทบเป็นบ้า“ขอสด... นะ!” ฉันเบิกตาโพลง ไม่ได้โง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันทำไมแค่ประโยคนี้ฉันจะแปลความหมายมันไม่ออก“มะ ไม่ได้นะซาดีนส์ มัน อ๊ะ!”ฉันห้ามไม่ทันเมื่อคนเขาแต่ใจค่อยๆ ดุนดันส่วนแข็งขืนนั้นกับสะโพกฉันจากทางด้านหลัง “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยน”ชิ! ฉันได้แต่จิ๊ปากให้กับความพลาดครั้งใหญ่หลวงของตัวเองตอนแรกก็คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน ว่าซาดีนส์ต้องขออะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นไม่สวมเครื่องป้องกัน!หมับ! ตุ้บ!“อ๊ะ” ตัวฉันลอยกลางอากาศ เมื่อคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยกสะโพกฉันลอยขึ้นเหนือพื
“อ๊ะ เจ็บ” ซาดีนส์ใช้ปากปลดกระดุมนักศึกษาเม็ดบนฉันออกได้สำเร็จพร้อมกับฝังคมเขี้ยวลงบนเนื้ออ่อนตรงนั้น เขาทั้งดูดดุนขบกัดจนคิดว่าตรงนั้นต้องเป็นรอยแดงช้ำแน่ๆ“ซะ ซีนส์ อื้อ” ตอนนี้ร่างกายฉันกำลังถูกรุกรานทั้งบนและล่างจากฝีมือผู้ชายคนเดียวกัน ปากหนาปลดกระดุมเสื้อฉันออกครบตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ความเย็นวาบของแอร์ตกกระทบกับร่างกายชวนให้เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม แต่ใช่ว่าความเย็นจากแอร์จะดับความกรุ่นร้อนของร่างกายซาดีนส์และฉันได้“เพลย์ อื้อ” เรียกทำไม ฉันอยากถาม แต่ตอนนี้สมองมันไม่ยอมสั่งการให้พูดความกรุ่นร้อนของลมหายใจคนบนร่างกำลังต่ำลงเรื่อยๆ และหยุดอยู่ที่ท้องน้อยพร้อมกับลิ้นสากร้อนลากผ่านเป็นแนวตามลำตัวฉันลงไปยังขอบกระโปรง“ซะ ซีนส์ ไม่” ปากห้ามแต่มือไม้กลับทำได้แค่กำผ้าปูเตียงเท่านั้น“ไม่ทันแล้วเพลย์” ซาดีนส์เงยหน้ามาสบตากันแวบหนึ่งฉันมองเห็นความโหยหาและต้องการจากนัตย์ตาคู่สวยนั้น“วันนี้ฉันจะเอารางวัลจากเธอจนขาสั่นเลยล่ะ” ไม่ว่าเปล่าแต่ซาดีนส์ค่อยๆ ละเลียดเรียวลิ้นชื้นลงยังใจกลางร่างกายส่วนล่างของฉัน “อ๊ะ ซีนส์ อย่า!”ปากสั่งห้าม แต่ร่างกายกับเคลื่อนไหวไปตามสัมผัสร้อนชื้น สะโพกงอนงามแ
“ปะ ปล่อยก่อน ซาดีนส์ มัน...”มันเสียว แต่ฉันไม่กล้าพูดออกไป “มันอะไร?” ยังจะแกล้งแหย่ฉันอีก“ไม่หยุด เพลย์จะโกรธแล้วนะ” ฉันรวบรวมลมหายใจเข้าเต็มปอดทำเสียงโหดใส่ซาดีนส์เพื่อกลั้นความสยิวที่ร่างกายกำลังจะระเบิดออกมา“โกรธไปสิ เดี๋ยวง้อบนเตียง โอ๊ย!”สมน้ำหน้า! ไม่รอช้าฉันกระชากผมหมอนั้นเต็มกำมือเพื่อหยุดริมฝีปากหนาที่กำลังซุกซนมายังคอเสื้อนักศึกษาที่แหวกออก“ง้อบนเตียงเหรอ?” ฉันยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากการขยุ้มผมเขา“จะ เจ็บนะเว้ย!” เออ! ก็ทำให้เจ็บไงจะได้หยุดลวนลามฉันสักที“เจ็บแบบนี้ยังจะอยากง้อบนเตียงอีกมั้ย!” ฉันกระชากเสียงต่ำใส่“ง้อ... อะ โอ๊ย! ไม่ง้อแล้วๆ” ชิ! ฉันจิ๊ปากทำหน้าจิกกัดใส่ซาดีนส์“ไปนั่งตรงนู้นเลย ให้ห่างๆ ด้วย” ปล่อยมือที่ขยุ้มผมออก สั่งให้ซาดีนส์กลับไปนั่งที่เดิม แต่รู้อะไรไหม เขาทำท่าเหมือนจะเดินไปตามคำสั่งฉันในทีแรก แต่หลังจากนั้นไม่ทันชั่วพริบตาเขาก็...“ว๊าย! ทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!” ฉันแหวใส่ด้วยความตกใจเมื่อซาดีนส์หันกลับมาแล้วช้อนร่างฉันขึ้นอุ้ม ปฏิกิริยาของร่างกายเป็นไปตามสัญชาตยานเมื่อกลัวว่าจะตกจากที่สูงเลยสวมกอดเข้ารอบคอของซาดีนส์ทันที“เมื่อกี้ทำแสบนักนะ ไม่ยอ
“เพราะคนเรามีหัวใจแค่หนึ่งดวง และฉันก็ฝากมันไว้ที่ผู้หญิงที่ชื่อเพลย์เยอร์ไปชั่วนิรันดร์” คำพูดสารภาพรักของซาดีนส์ที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในรูปประโยคแต่กลับทำให้ฉันใจชื้นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก “ได้คำตอบแล้ว งั้นกลับกัน”“อ๊ะ! เฮียทีม” โมนาร์สะดุ้งร้องเมื่อเฮียทีมกระชากต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นตาม“พี่ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้แทนโมนาร์ด้วย และขอบคุณที่ช่วยปกป้องเพลย์”ประโยคแรกเฮียทีมเอ่ยกับฉัน ส่วนตอนท้ายเขาพูดกับซาดีนส์พร้อมกับโน้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ“นี่ปล่อยโมนะ เฮียทีม!” ฉันไม่ได้มองตามหลังสองคนนั้น แต่ได้ยินเสียงโมนาร์แหวใส่เฮียทีมจนกระทั่งประตูร้านปิดไป“เอ่อ ซาดีนส์” เมื่อภายในโต๊ะตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันกับซาดีนส์สองคนฉันไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนเลยได้แต่เอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ“กลับคอนโดกัน” แต่ซาดีนส์กลับฉวยกระเป๋าฉันไปถือแล้วเดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉย เมื่อกี้ถ้าตาไม่ฟาด ฉันเห็นหน้าเขาแดงๆ ด้วยล่ะอย่าบอกนะที่รีบชิ่งนี่คือเขินกับคำพูดตัวเอง?คนอะไรไม่รู้ จะทำให้ฉันหลงเสน่ห์เขาไปถึงไหนกันนะ แค่นี้ฉันก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเหอะ!หลังจากออกจากร้านกาแฟซาดีนส์ก็พาฉันตรงกลับมายังคอนโดทั